KenGSoHigH : Perfumer's BloG.
 
น้ำหอมก๊อป VS น้ำหอมแบรนด์ ..... ความจริงในขวดแก้วแห่งเงินตรา

www.kengsohigh.com


สวัสดีครับมิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน .... ภูธรมาเชียว แหะๆ ^^
ครั้งนี้เป็นบทความที่สองของผมแล้ว หลังจากที่ผมได้ประกาศให้ชาวโลก(แถบๆกรุงเทพฯและปริมณฑล)ได้รับรู้ถึงอินเนอร์อันสุดอาร์ตของผม ว่าผมอยากเป็น "Perfumer"


เนื่องจากตั้งแต่ผมเปิดร้านน้ำหอมมา มีหลายสายหลังไมค์โทรมาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องน้ำหอมเป็นจำนวนมาก ซึ่งผมเองอยากจะอัดเทปเอาไว้เปิดซ้ำๆเหลือเกิน .... วันนี้ ผมจึงขอพื้นที่เล็กๆ ในการอธิบายเรื่องน้ำหอมเชิงการผลิตให้ได้อ่านกันครับ


ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ธุรกิจน้ำหอมแบ่งขาย หรือน้ำหอมซีซีในบ้านเราบูมมากครับ
จากข้อมูลการขายสินค้าไลน์หัวน้ำหอมในประเทศไทย กินมูลค่าเงินเป็นหลักพันล้านบาทครับ
(เป็นน้ำหนักหลักหลายล้านปอนด์ต่อปี) เพียงเท่านี้ก็ทำให้เห็นได้แล้วว่า ประเทศไทยเรานิยมน้ำหอมแบ่งขายกันขนาดไหน


อาจเป็นเพราะอากาศร้อนๆ ชื้นๆ ที่เอื้อต่อการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ง่ายกระมัง
ซึ่งหลายท่านก็ยังเข้าใจผิดว่า น้ำหอมช่วยลดกลิ่นเหม็น ..... จริงๆแล้วไม่ใช่เลย
น้ำหอมเป็นวัตถุปรุงแต่งกลิ่นต่างหากครับ (ไม่อย่างนั้นคงใช้น้ำหอมฉีดดับกลิ่นตดกันจนก้นอักเสบไปบ้างแล้ว)

ดังนั้นผมขอกล่าวถึงน้ำหอมก๊อปก่อนนะครับ ..... ลากมาถึงพอดี


วัตถุดิบ
แหล่งขายวัตถุดิบสำหรับทำน้ำหอมแหล่งใหญ่คงไม่แพ้ย่านสำเพ็ง แหล่งขายของครอบจักรวาล
(ครอบทุกจักรวาลด้วยซ้ำครับ .... เกิดมาจนจะวัยรุ่นตอนปลายแล้ว ผมเห็นที่ไทยนี่แหละ ที่มีย่านไชน่าทาวน์ที่สมบูรณ์ที่สุด หาอะไรเจอหมด)


สูตรน้ำหอมก๊อปกว่า 90% ของประเทศไทย มาจากที่นี่ทั้งนั้นครับผม
และเป็นที่น่าแปลกตรงที่ พี่ไทยเราไม่เคยคิดจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เขาให้ใส่อะไรก็ใส่มันอย่างนั้น ..... เท่าที่ผมมีสูตรในมือตอนนี้คือ


1. หัวน้ำหอม .....................................  7-25 %
กลิ่นไหนฮิต ฉันขอด้วย! 
2. มัสก์ ............................................  unknown
ผสมอยู่ในแอลกอฮอล์แล้ว ฉันได้มา ฉันก็ใช้เลย
3. มันก์เข้มข้น ...................................  2-5%
เขาบอกใส่แล้วกลิ่นติดทน ฉันก็ใส่แบบไม่ยั้งเลย
4. แอลกอฮอล์ ..................................  60-75%
เกรดอะไร ช่างแม่เพื่อนเหอะ
5. น้ำกลั่น ......................................... 2-5%
ใส่ไปเหอะ เขาให้ใส่

แล้วที่ผมแปลกใจอีกอย่างคือ ใครนะเป็นคนช่างตั้งชื่อสารเคมีจริงๆ เรียกกันจนเพี้ยน
อย่าง มัสก์(Musk) สารหอมที่ได้จากกวางภูเขาเพศผู้ กลิ่นหอมอุ่น คล้ายกลิ่นเนื้อชายหรือหญิงแรกรุ่น มักใช้เป็น Fixative หรือสารให้กลิ่นติดทน .... ตอนนี้ชื่อของเขาเพราะขึ้นมากมายครับ ท่านผู้อ่าน ทั้งน้ำมันมาศ น้ำมันมัด น้ำมันมัดขาว ต่อไปผมว่าคงเป็นน้ำมันมัสศรี บุรีอาภา รยาย้วย แทบม้วยมรณ์แน่ๆ ^^

มัสก์เอง ใช้ผสมน้ำหอมเพื่อให้กลิ่นติดทนก็จริง แต่มันเป็นในกระบวนการปรุงกลิ่นครับ (Blendng) ไม่ใช่กระบวนการเจือจาง มัสก์เองก็เป็นสารหอม มีกลิ่นเฉพาะตัว Perfumer ได้คิดตำรับไว้แล้ว ว่าในน้ำหอมกลิ่นนั้น ควรใช้มัสก์เท่าไร .......... มัสก์ที่มากเกินไป ทำให้ Top note ไม่ค่อยกระจาย ความฟุ้งของกลิ่นลดลง และน้ำหอมจะมีกลิ่นหวานอุ่น และเจือจางคล้ายแป้ง เมื่อถึงช่วงเวลาของ Base note


นอกจากสารประกอบพวกนี้ ผมยังเห็น Propylene Glycol ถูกนิยมนำมาใช้อีกด้วยครับ
โดยให้ Definition ว่าเป็นสารลดกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์ .... สารตัวนี้เป็นตัวเจือจางกลิ่นในอุตสาหกรรมกลิ่นผสมอาหาร (Flavour) สารป้องกันการแข็งตัวของน้ำสำหรับเติมรถยนต์ในประเทศที่หนาวเย็น และเป็นสารกลุ่ม Moistueriser ในเครื่องสำอาง

การนำมาใช้ในน้ำหอมผสม เป็นผลดีตรงช่วยลดอัตราการระเหยของกลิ่นครับ
ทำให้น้ำหอมระเหยช้าลง (แต่การเติมปริมาณเท่าไรแล้วเป็นผลดี ต้องทำการทดลองครับ) ถ้าใช้น้อยเกินไป ก็ไม่ให้ผลอะไร แต่ถ้าใช้เยอะเกินไป สารตัวนี้จะดูดน้ำที่ใต้ผิวหนังมนุษย์ออกมาไว้ที่รอบๆโมเลกุลของมันเอง ทำให้ผิวแห้งทันตาเห็นครับ .... และจากสูตรที่ผมเห็น ตามที่ร้านเขาแนะนำ มันมากเกินไปครับ **


เอ ....... ชักยาวแล้วสิ จากสถิติ ข้อความยาวๆ คนมักขี้เกียจอ่าน ผมขอพอเท่านี้ดีกว่า เก็บไว้เป็นภาคสองระกันครับ (ยิ่งเขียน ยิ่งมันส์มือ)

สำหรับตอนนี้ ใครต้องการสอบถามเรื่องน้ำหอมสามารถเข้าไปพูดคุยได้ที่
//www.kengsohigh.com
นะครับ มีเว็บบอร์ดให้พูดคุยกันแล้ว



Free TextEditor


Create Date : 26 พฤษภาคม 2552
Last Update : 26 พฤษภาคม 2552 14:52:54 น. 5 comments
Counter : 1924 Pageviews.  
 
 
 
 
ได้ความรู้ดีค่ะ ปกติก็ฉีดทุกวันก่อนออกจากบ้าน เพราะบ้านเราเหงื่อออกง่าย เดินได้สิบเก้า เหงื่อก็ไหลแล้ว ใช้น้ำหอมแล้วรู้สึกมั่นใจขึ้นนิดนึง และก็เพิ่งทราบว่าธุรกิจน้ำหอมแบบแบ่งขายนี้มีตลาดที่กว้างมากจริงๆ นะคะเนี่ย
 
 

โดย: Tang_Siri วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:43:17 น.  

 
 
 
ชอบอ่านค่ะ กำลังเพลิน
จบซะแล้ว
 
 

โดย: dororosoul วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:50:17 น.  

 
 
 
แวะมาทักทายคะ
 
 

โดย: CrackyDong วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:2:16:38 น.  

 
 
 
ยังไม่จบนะครับ ^^
ตลาดน้ำหอม(ในไทย) ค่อนข้างกว้างครับ
..... แต่ไม่ลึก

เด๋วตอนต่อไป จะได้ความรู้แบบลึกๆแล้วล่ะครับ ^^
ขอบคุณที่มาอ่านและ comment นะครับ


 
 

โดย: KenGSoHigH (Thai-SkY ) วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:18:01 น.  

 
 
 
ปกติก็ผสมน้ำหอมใช้เองค่ะ ซื้อจากแหล่งสำเพ็งนั่นแหละค่ะ ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อไม่ให้กลิ่นเพี้ยน ส่วนน้ำมันนวดอโรมาก็ผสมเองค่ะ แต่มี guide book ที่ซื้อมาจากต่างประเทศเป็นคู่มือในการผสมน่ะค่ะ ผสมแล้วต้องใช้ให้หมดภายใน 2 - 3 เดือนไม่งั้นกลิ่นจะเพี้ยน เนื่องจากเราใส่วิตะมันอีลงไปด้วยเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นน่ะค่ะ
 
 

โดย: Jujastar วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:56:45 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

Thai-SkY
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




[Add Thai-SkY's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com