ไปนั่งคุยกับ ตม. กันไหม?
ประสบการณ์การคุยกับ ตม. นั้น มีนิดหน่อย (ไม่ได้อยากมีเยอะ 5555) แต่ก็เป็นอะไรที่สนุกดีทุกครั้ง

จดบันทึกขำๆ ไว้หน่อยดีกว่าสำหรับ....


คุยกับ ตม. ญี่ปุ่น

ครั้งแรกที่ไปญี่ปุ่นนั้น ยังไม่คุ้นชินกับสนามบินนาริตะและ ตม . ดินแดนอาทิตย์อุทัย

ตม . ที่นาริตะ หน้าตาเหมือนเวลาไปต่อคิวซื้อตั๋วหนังอ่ะ 

เดินวนๆ ในสายกั้น แล้วไปกระจายตรงหน้า

อ่อ คล้ายๆ กับตอนต่อแถวเช็คอินสายการบินเหมือนกัน นั่นแหละ แบบนั้น

ตม. ช่องไหนว่าง เข้าช่องนั้น แต่จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยอำนวยความสะดวกเหมือนกันนะ

cr.https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Immigration_of_Narita_Turminal_2_200507.jpg

คนก่อนหน้าเราโดนถามทุกคนเลย 

แต่คนก่อนหน้าสุดๆ ตอบคำถามค่อนข้างเสียงดังก็เลยได้ยินบ้าง แล้วก็ผ่านไป

ถึงคิวอิฉันแบบตระหนกเล็กๆ มาญี่ปุ่นด้วยพาสปอร์ตเล่มใหม่ ขาวจั๊วะ 

แต่พกเล่มเก่ามาด้วยนะ กันเหนียว (ซึ่งเล่มเก่านี่ก็มีแต่เกาหลี จะช่วยอะไรได้ 5555)

พอถึงคิวเรา คุณ ตม. ผู้ชาย ก็เงียบๆ ยังไม่ได้ถามอะไร 

เห็นแล้วแหละว่าประทับตราขาเข้าให้แล้ว ให้สแกนนิ้วแล้ว

แต่เขาก็ยังหยิบโพยคำถามมาถามอยู่ดี (เดาว่าคงทำเป็นพิธี)

คำถาม ถามว่า ....

ในโพยมีโจทย์หลักเป็นภาษาญี่ปุ่น (ให้ ตม. จิ้มถามเราถูกข้อ)
และมีช้อยส์เป็นเป็นภาษาไทย จีน เกาหลี อังกฤษ อาหรับด้วย เลือกอ่านเอา ว่าจะอ่านภาษาไหน

คำถามเดียวไล่มาหลายภาษา เค้าก็จิ้ม

ข้อแรกถามว่า มาครั้งแรกไหม
ข้อสอง มากับใคร พักที่ไหน
ข้อสาม มีแผนท่องเที่ยวไหม

แม้จะอ่านคำถามไทยๆ แต่กรุณาตอบเป็นภาษาอังกฤษกลับไปนะฮะพี่น้อง 

แม้ท่าน ตม. จะเอาแต่จิ้ม ไม่ยอมเอ่ยวจีใดกับเราก็ตามแต่ 5555

แต่เราตอบเป็นภาษาญี่ปุ่นไปนะ

ก็บอกว่ามาครั้งแรกกับครอบครัว และมาทัวร์ 

พอเขาขอดูแผนท่องเที่ยว บริษัททัวร์เราไม่ได้ปริ๊นท์ให้

แต่เราเซฟไว้ในมือถือ ก็ถามเขาว่าเปิดในนี้ได้ไหม เขาก็พยักหน้า แล้วเอาไปไถๆ ดู 

เราก็ถามเค้าว่า อ่านได้เหรอ ภาษาไทยนะ เค้าก็พยักหน้าอีก (เหมือนดูเป็นพิธีไปงั้นอีกแหละ) 

สุดท้ายก็คืนมือถือมา....แล้วชวนคุยแบบแจ่มใสผิดจากตะกี้ 

เรียนภาษามาจากไหน เรียนนานยัง ชอบอะไรในญี่ปุ่น คุยเล่นซะงั้น 

สุดท้ายก็ยิ้มอย่างสุภาพพพพพพพ ให้ แล้วส่งพาสปอร์ตคืน

ผ่านออกมาแบบปกติ ไม่มีอะไรให้กังวล 

แต่พอไปถามพี่ๆ ทุกคนไม่โดนถามไรเลย เอ้าาาาา ทำไมฉันโดนคนเดียวเล่า!!

จากคนก่อนหน้าเทียบกับเรา ต่างกันแค่ว่าคนนึงพูดอังกฤษ คนนึงพูดญี่ปุ่น

คนพูดอังกฤษ มาครั้งแรกก็ผ่าน ตม. เพราะเขามาเที่ยว มีแผนชัดเจน

คนพูดญี่ปุ่น มาครั้งแรกก็ผ่าน ตม. เพราะมาเที่ยวเหมือนกัน มีแผนด้วย

แอบเสียวว่าพูดญี่ปุ่นใส่จะโดนเขม่นว่ามาทำไม่ดีอะไรไหม

 แต่เค้าก็ให้เกียรติเพิ่มขึ้นนะพอพูดภาษาเขา

โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าเราตอบคำถามได้และมีแผนเที่ยวชัดเจนยังไงก็ผ่าน 

อีกอย่าง ตม. บางคนไม่ถามอะไรด้วยซ้ำไป 

สรุปได้ว่า ตม. ญี่ปุ่นนั้นก็ไม่ได้โหดซะทีเดียวเนอะ



คุยกับ ตม. เกาหลี

ตม. ที่ขึ้นชื่อที่สุดด้านการส่งนักท่องเที่ยวกลับ 
ผ่านยาก / ห้องเย็น / โหดร้ายใจทราม /สารพัดจะกล่าวกัน 

และเป็น ตม. ที่เรามีเรื่องราวมากบ้างน้อยบ้าง แต่บ่อยที่สุดด้วย

คนไปเที่ยวเกาหลีครั้งแรก จะหวาดผวามาก (บางคนไปบ่อยๆ ยังผวาเลยค่ะคุณ)

ครั้งแรกที่ไปเกาหลีนั้น ปี 2009 ยังได้ชื่อว่า ตม. โหดมากๆ อยู่ 

.... เดี๋ยวนี้ใจดีขึ้นแล้วนะเธอ ....

ตอนนั้นพกของไปทุกอย่าง นามบัตร ใบรับรองการทำงาน 
บัตรพนักงานก็เอาไป แผนเที่ยว ใบจองโรงแรม ฯลฯ

คือมีอะไรขนไปหมดอ่ะบอกเลย แล้วแต่งตัวนี่ก็สุภาพนะกางเกงยีนส์ไม่กล้าใส่ 
ใส่กางเกงผ้า แต่งตัวเรียบร้อย

(หนักๆ เข้า ทุกวันนี้ใส่เอี๊ยมไป ตม. เริ่มไม่สนใจเราแล้ว 555555)

ถึงเวลาจริง.....โดนไปคำถามเดียว 
"เป็นพี่น้องกับสองคนตะกี้เหรอ เห็นนามสกุลเหมือนกัน"
ตอบไปคำเดียว "เยส"

สรุป.....สกิลภาษาอังกฤษ ไม่ต้องใช้ ใบอะไรไม่ต้องการ ผ่านได้ เพราะเดินตามพี่ๆ เข้ามา

 555555555555

ก็เลยคิด เออ ตม. เกาหลีก็ไม่ใจร้ายนี่นาเนอะ

หลังจากนั้น เทียวไปเทียวมาเกาหลีหลายครั้ง ไม่เคยมีปัญหาที่ ตม. อีก ไม่มีอีกแม้แต่คำถามเดียว

มีบ้างที่ลุ้นๆ คือก็ยังกลัวทุกครั้งที่ผ่าน ตม. แม้จะมั่นใจว่าเรามาเที่ยวจริงๆ ไม่มาโดด 

แต่พอหลายๆ ครั้งเข้า ไอ้เอกสารพวกนั้นเราก็ไม่เตรียมแล้วไง

ก็เลย ถ้าแจ็คพ็อตโดนถีบเข้าห้องเย็น จะซวยได้ 

แต่ถึงไม่ปริ๊นท์ออกมาเป็นใบๆ แต่เอกสารการเดินทางท่องเที่ยวทุกอย่างอิฉันพร้อมสรรพในมือถือและเมล์นะคู๊นนนน

ฉุกเฉินก็เปิดดูได้ แค่เสียเวลากับ ตม. นิดนึงเท่านั้น

แต่นั้นแหละก็ไม่เคยโดนถามไรอีก



มีแค่เสียวๆ เช่น ครั้งนึง ไปเที่ยวกับเพื่อนและน้อง ตอนรอคิวนั้น น้องยืนหน้า เราต่อนางอีกที

คนข้างหน้าโดนเข้าห้องเย็น 4 คนรวด ไอ้น้องเราผงะทันที แล้วถอยกลับมา ผลักเราไปยืนหน้านางแทนซะงั้น

พอถึงคิวเราเดินเข้าไป ตม. สาว ดูหงุดหงิดเต็มกำลัง อิฉันก็คิดในใจ ตรูจะซวยไหมแว๊

เท่าที่ได้ยินล้งเล้งกันก่อนหน้านี้คือ 4 คนหน้านั้น สองคนแรก แต่งตัวแย่มาก 

มาเที่ยวหน้าหนาวจ๊ะ นางใส่ขาสั้นจุ๊ดเลยและสายเดี่ยวมาผ่าน ตม. 

โดนเชิญเข้าห้องไปแบบ ไม่ถามอะไรสักคำ ไปเล้ยยยยยยยยย

ส่วนอีกสองคน แต่งตัวดีมากไป คือ เป็นผู้หญิงใส่สูทอ่ะนะ 

สุภาพเกิ๊นนน แต่บอกว่ามาเที่ยว แหม ขัดแย้ง ใครมันใส่สูทเที่ยวฟะ

และพูดอังกฤษไม่ได้ คุยเท่าไรก็ไม่รู้เรื่อง และท่าทางหลุกหลิก เลยโดน

พอมาถึงเรา ตม. เลยดูเหวี่ยงๆ แต่พลิกๆ พาสปอร์ตแล้วไม่ได้พูดไร แค่ประทับตราแล้วผ่านไป

สร้างความอุ่นใจให้กับคนที่ต่อแถวจะตามๆ เราต่อมาได้ดียิ่งขึ้น 55555555555555

ก็เลยคิดว่า การจะผ่าน ตม. เกาหลีเนี่ยนะ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้

1. ดวง ..... ซวยหรือไม่ แล้วแต่ดวง

2. การแต่งกาย เอาให้มันพอดี ถ้ามาหน้าร้อน ใส่ขาสั้นได้ ตม. ไม่ว่าคุณหรอก (เราเคยใส่ ก็ผ่าน)

 ถ้ามาช่วงอากาศเย็น ก็แต่งตัวรัดกุมหน่อย 

แต่แม้จะใส่ขาสั้น แขนสั้นอะไร ก็เอาแบบดีๆ มีเสื้อคลุมหน่อย อย่าแบบเปิดเยอะแยะ ไอ้แบบนั้น โดนแน่นอนนะ

3. ภาษา ไม่จำเป็นต้องสำเนียงอิงลิชวิลเลจ ขอแค่ถามได้ ตอบได้ก็พอแล้ว สื่อสารได้ ถือว่าโอเค

4. เอกสารประกอบ ถือถ้ารอดไอ้สามข้อข้างบนมาได้ ข้อนี้ก็ไม่จำเป็น 

แต่ถ้าไม่รอด....

บัตรเครดิตเป็นตัวช่วยที่ดี ตั๋วเครื่องบินขากลับ จดหมายรับรองการทำงาน, แพลนการท่องเที่ยว อะไรแบบเนี้ย

ก็จะช่วยยืนยันได้ว่าคุณมาเที่ยวจริงๆ ก็จะรอดไปนะจ๊ะ



อีกครั้งที่ระทึกๆ หน่อยคือ Family Trip ที่มีคุณตาและน้องเล็ก เด็กชาย 7 ขวบ ไปด้วย

เนื่องจากน้องเล็กกับคุณตานามสกุลเดียวกัน เลยให้ตาเป็นคนจูงมือน้องเข้า ตม.

อิฉันผ่านมาก่อน ออกมายืนรอตา พอตาเข้า ตม. มา ตาเงิบไปเลยจ๊ะ 55555555

ตาเนี่ยก็เปรี้ยวนะ เพิ่งไปทัวร์อเมริกามาคนเดียว ไม่มีปัญหาใด

แต่พอมาเจอ ตม. เกาหลี พูดอังกฤษใส่ ตางงไปเลยจ๊ะ 555555 ตาฟังไม่ออก (หนูเข้าใจๆ)

การมีวีซ่าอเมริกา ไม่ได้แปลว่าคุณจะผ่านฉลุยนะ คุณยังต้องตอบคำถาม ตม. ที่นี่ก๊อนนนน

ระหว่างตายืนเงิบ มือที่จับน้องก็พลันคลายตัว ไอ้ตัวแสบเริ่มดิ้น เริ่มปีนเคาท์เตอร์ ตม. 

หาเรื่องให้พี่มันซวยอีกแว้วววว

พี่ๆ ที่ยังไม่ผ่านออกมา จะมาช่วยก็ไม่ได้ อิฉันก็ตาเหลือก แถเข้าไปประชิดตัวตา

(คิดในใจ ตม. จะด่าไหม ผ่านไปแล้ว แถกลับเข้ามาทำไม)

พอประชิดตัวตาได้ มือก็ล็อคคอน้องกลับมาหาตัว แล้วบอก ตม. ว่า

"My Grandpa and little bro"

ตม . ก็หันมามองหน้านิดนึง แล้วบอกว่า เมื่อกี้ถามตาไปว่าจะพักที่ไหนกัน ตาตอบไม่ได้แน่ะ

ก็เลยยืนตอบคำถามแทนตาซะอย่างนั้นแหละ ถามเรื่องสกีรีสอร์ทไป 3-4 ประโยค

สุดท้ายก็ผ่านมาได้

ตม. ไม่ได้ดุอะไร แค่เป็นห่วง เพราะเห็นคนแก่กับเด็กเล็กจูงกันมา แล้วสื่อไม่ได้ กลัวลำบาก 

(คนเกาหลีให้เกียรติคนสูงอายุเสมอนะจ๊ะ)

แต่ตาบอก สื่อไม่ได้เพราะสำเนียงแกนั่นแหละ 555555555555



อย่างไรก็ตาม

วันที่ดิฉันโดน ตม. เกาหลีสอบถาม ก็เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง

เป็นวันที่พาสปอร์ตขึ้นเล่มที่ 4 ขาวจั๊วะ อ้อ...เลอะไปหน้านึง มีตราประทับนาริตะอยู่

cr. //www.theseoulguide.com/arrival/incheon-international-airport/international-arrivals/

หน้าจอชมพูๆ เห็นทีไร รู้สึกดีทุกครั้ง กลับถึงบ้านแล้ววววว อิอิ

เป็นวันที่สุ่มเสียงที่จะโดนสอบถามเป็นที่สุด เพราะพาสใหม่ มาคนเดียว และไม่มีแพลนและเอกสารใด

แล้วมาทำไม? 555555555555555555555

ตีห้า ณ อินชอน คนเยอะมาก แถวผ่านไปอย่างเชื่องช้า ช้าผิดปกติ 

อิ่มเอมง่วงมาก บ้านเราคือตีสาม อิ่มเอมยังไม่ตื่นดี

คนก่อนหน้าเป็นฝรั่งแฟมิลี่ ลูกเล็กสอง สามี 1 ภรรยา 1 (ถ้าภรรยาสอง ชีวิตจะม่องเท่ง)

คุยกับตม. ไม่เข้าใจกัน อิท่าไหนไม่รู้ โดนเชิญเข้าห้องเย็นทั้งบ้าน อุต๊ะ! ขนาดมาแบบนี้ยังไม่รอดเนอะ

และสองสาวก่อนหน้าก็โดนเชิญไปเช่นเดียวกัน แต่งตัวดี ท่าทีปกติ แต่ทำไมโดนไม่รู้

มาถึงคิวอิฉัน หวั่นใจ เพราะพาสใหม่

เดินไปถึง ทักทายแล้ว ตม. อาจอชี ก็มองด้วยหางตาแล้วถามว่า "First Time?"

ส่ายหน้าแล้วตอบ "ป่าว ครั้งที่ 14" เลยโดนหางตาจิกใส่หนักกว่าเดิมอีกแน่ะ

"จะเอาพาสเก่าไปดูไหม พกมานะ มีประทับตราเต็มเลย อินชอนเนี่ย"

"ไม่เอา"

.....เงียบ....

เบะปาก มองบน คิดในใจ - - หยิ่งว่ะ

"มาคนเดียว"

"อืม"

"ทำไมมาคนเดียว"

"ชอบเที่ยวคนเดียว"

.....เงียบ....

"ไปทำอะไรที่ญี่ปุ่นมา" มีถามเพิ่ม

"ท่องเที่ยว (sightseeing ตอบแบบศัพท์ในเอกสารขาเข้าฝุดๆ)"

"อะไรนะ"

"ไซท์-ซี-อิ้ง"

"ห่ะ อะไรนะ"

"ทัวร์"

"อ่อ"....

สำเนียงฉันไม่ดี หรือลุงไม่รู้ศัพท์ เอาดีๆ ง่วงนะ หงุดหงิดเหมือนกัน

"จะไปเที่ยวไหน แพลนล่ะ เอามาไหม ขอดูหน่อย"

"ไม่ได้ปริ๊นท์มา แต่จะไปจินเฮ"

"ไปทำไร"

"ดูซากุระ"

"อ้อ...."

ประทับตรา ปึ้ก! แล้วผ่านมาแบบหงุดหงิดกันทั้งสองฝ่าย

เป็นการกวนตีน ตม. แบบห้ามใจไม่อยู่ และไม่แนะนำให้ทำตาม 555555555

คือจริงๆ แล้วเราก็ไม่ได้ก้าวร้าวขนาดนั้นนะ

แค่ตอบคำถามแบบหน้าอึนๆ นิดนึงเท่านั้นแหละ

แต่ลุงอ่ะ พูดจากระโชกโฮกฮากจริง หน้าก็ยังกะตรูด

แม้พาสเราจะเล่มใหม่ (แต่เราพกเล่มเก่าไปด้วย เผื่อๆ) เอกสารเราก็ไม่มี (คือถ้าจะเอา จะขอยืมปริ๊นเตอร์อ่ะนะ)

แต่ถ้าถามได้ ตอบได้ เข้าใจกัน เขาก็ให้ผ่านแหละ

การแต่งกาย อืม....วันนั้นกางเกงยีนส์ กะเสื้อยืดแขนยาว รองเท้าผ้าใบ เท่านั้นแหละ

สรุป ตม. เกาหลี ..... ดุไปงั้น แต่ถ้าดวงไม่ซวยจริง ก็ผ่านหมดแหละ

เพราะบางคนทุกอย่างพร้อม เอกสารเป๊ะ แต่ดวงซวย ก็ไม่ได้เข้าประเทศเฉยเลยก็มีนะจ๊ะ



คุยกับ ตม. สิงคโปร์

ตม. ประเทศนี้ใจดี เข้าออกบ่อยๆ ตั้งแต่เด็กๆ ไม่เคยถามอะไรเลย ใครจะมาจะไปก็ปล่อยผ่าน

แต่.....ในกรณีที่เครื่องลงแล้วสองชั่วโมง แล้วคุณเพิ่งมาผ่าน ตม. คำถามมันจะเกิดแน่นอนอยู่แล้ว

มีแค่ครั้งนี้แหละที่โดนถาม ในเรื่องไม่ใช่เรื่อง

เหตุการณ์วันนั้น วิ่งพุ่งเข้าไปเจอ ตม. สาวชาวอินเดีย โดนถามว่า

"ทำไมเพิ่งออกมา เครื่องลงตั้งนานแล้ว"

"รอคนอยู่ข้างในค่ะ เครื่องเขาเพิ่งลง hurry, plzzzzzzzzzzzzz" 

ตม. สาวแขกยิ้มหวานให้ มองปกพาสปอร์ตหน้าคิมฮยอนจุงแล้วถาม "is he ur bf?" 

"Nope!....hurry plz, he's going!" 

สายตาชะเง้อหา แน่ะ จุงเดินจะโค้งไปแล้ววววว 

"Singer, then?" 

ยืนกำมือแน่นมอง ตม. เว้าวอน อยากตอบว่า "ว่าที่สามี" แต่กลัวไม่ได้เข้าเมืองเลยเปลี่ยนกลางอากาศ 

"Yup, and he's gone right away , could you please make it hurry I need to rush seeing him now....plz, 

see? the brown coat, taller with bronze hair, he's just gone, plzzz" 

ตม. มองตาม ร้องโอ้ววว that man แล้วประทับตรา ตึง! 

"running madam, find him" 

ยิ้มขอบคุณ แหม ช่วยดีจังแหะ คว้ากระเป๋าวิ่ง!! 

และทำให้รู้ว่า ตม. สาวๆ เท่านั้นที่จะเข้าใจเรา 555555555555555555555

เสานี้ ที่เคยวิ่งซ่อนแอบกับจุง กร๊ากกกกก

cr. mithunonthe.net


คุยกับ ตม. ไทย

"ไปเที่ยวเกาหลีหรอน้อง มีอะไรดี บ้านักร้องอ่ะดิ พ่อแม่ไม่ว่าเหรอ"

"หัดเที่ยวเมืองไทยบ้างนะ"

"ไปคนเดียวนี่ทำอาชีพเสริมป่ะ"

คือ .... มันก็ไม่ใช่ ตม. ทุกคน ที่พูดแย่ๆ แบบนี้

คนที่ไม่พูด ก็ไม่พูด
คนที่พูด ก็พูดเสียแบบเนี้ย

เลยได้แต่ยิ้มๆ ไม่นิยมคุยกับ ตม. ไทยค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ


** เดี๋ยวว่างๆ มาเขียนเพิ่ม **



Create Date : 05 ตุลาคม 2558
Last Update : 5 ตุลาคม 2558 16:54:16 น.
Counter : 11109 Pageviews.

3 comments
  
เราเป็นพวกชอบแอ๊บร่าเริงเวลาผ่านด่าน ตม. ทักทาย เฮ้ๆ ไปเรื่อย แต่ในใจนี่สั่นกึกๆๆ กลัวโดนไล่กลับประเทศ

กำลังจะไปญี่ปุ่นเดือนหน้าคนเดียวและไปครั้งแรก หวังว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนไล่กลับ
โดย: I wanna be a freelancer วันที่: 5 ตุลาคม 2558 เวลา:20:37:27 น.
  
คุณ I wanna be a freelancer ขอให้ไปเที่ยวอย่างสนุก ผ่าน ตม. สบายๆ นะคะ
โดย: ณ เงา วันที่: 6 ตุลาคม 2558 เวลา:14:54:49 น.
  
เคยโดนซักที่ฮ่องกงค่ะ. ถามยาวให้เราร่ายแผนเที่ยวซะยาววววละเอียดถี่ยิบ ถามนอนที่ไหน มาทำไม ทำงานอะไรบลาๆๆๆ. ยังไม่พอให้เราแปลให้คนไทยอีกสองคนในกรุ๊ปอีกค่ะคืออัลไร
โดย: mariabamboo วันที่: 7 ตุลาคม 2558 เวลา:15:11:11 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ณ เงา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



New Comments