I need more times and spaces
เรื่องจริงของชีวิตที่ได้เรียนรู้
I don't know what happen to me.
But these day i don't want to do anything.
Maybe i'm lazy.
Maybe i have no responsibility.
I really don't have any idea.
Sometimes i feel like why this and that things happen to me.
I had enough, but this is life, i know.
It is not so smooth as silk.
I have something in my workplace
I have something in my university.
I am sorry to Nida for what i did to you.
We maybe friend or not i don't know.
But i really don' t want to do anything.
i'm sucks i know.
i used to enjoy my work, but not now i don't know.
now i need more time to adjust myself.
yes i'm a looser.
i really need more time.
ใครกันที่บอกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราผ่านพ้นปัญหาหรือว่าอุปสรรค์มาได้เราก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ใช้ไม่ได้เลยสำหรับเรา เมื่อไหร่ก็ตามที่ปัญหาเข้ามา หากเลือกได้ระหว่างการที่เราจะแข็งแกร่งขึ้น
เราขอเลือกเป็นเอาไอ้ปัญหานั่นออกไปไกลๆ เราดีกว่า แล้วดูเหมือนว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้องการให้มันออกไป
มันจะยิ่งเข้ามา เข้ามาเรื่อยๆ ซ้อนทับกันวุ่นวายไปหมด
บางครั้งเราก็สร้างมันขึ้นมาเอง บางครั้งคนอื่นก็ยัดเยียดเอามันมาให้เหมือนกับว่ามันเป็นเงินหรือของมีค่าที่เราต้องการ
ไม่ว่าใครจะเอามาให้ก็ตามตัวเองหรือคนอื่น แต่ว่าตอนนี้มันมากมายเหลือเกิน
แค่ปัญหาของตัวเองก็จะแย่อยู่แล้ว ทำไมเราต้องมารับภาระของคนอื่นอีกด้วยก็ไม่รู้
เรื่องเรียนก็แย่ลงๆ พูดตรงๆ ว่าโง่ลงทุกวันจริงๆ
เมื่อก่อนคิดนั่นคิดนี่ได้ แต่ว่าเดี๋ยวนี้เรื่องง่ายๆ กลับกลายเป็นเรื่องที่เราต้องคิดนานเกินกว่าเหตุ
เรื่องงานก็อีกเรื่อง ที่เราไม่คิดว่ามันจะจบลงอย่างนี้จริงๆ
ครั้งนี่ดีนะที่เป็นแต่งานระหว่างเรียน ไม่ใช่งานจริงๆที่เราต้องทำหลังจากเรียนจบ
แต่จริงๆ แล้วงาน พาร์ทไทม์ กับฟูลไทม์ นี่มันก็ไม่ต่างกันหรอก
ความรับผิดชอบมันเหมือนกัน ต่างกันตรงที่เวลาทำงานกับเงินที่ได้รับเท่านั้นเอง
สำหรับคนที่เข้ามาอ่าน ไม่ว่าเพื่อนหรือใครก็ตามโดยเฉพาะคนที่กำลังจะเรียนจบ พวกคุณก็จะได้เผชิญมันเร็วๆนี้
อยากจะบอกว่ามันโหดร้ายมากๆ ชีวิตการทำงานเนี่ย
คนไทยนิสัยเสียอยู่อย่างนึงก็คือเรื่องเวลา
มันสำคัญมากๆ กับชีวิตการทำงานของเรา โปรดตรงเวลา ความจริงต้องพูดว่าโปรดมาก่อนเวลา
สายหนึ่งนาที ก็คือสาย
ประสบการณ์ที่เราได้มาจากที่ทำงานแห่งนี้ก็เยอะมากๆ
แต่สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวตอนนี้อย่างเดียวคือ
หัวหน้าก็คือหัวหน้า ลูกน้องยังไงก็ต้องอยู่เบื้องล่างอยู่ดี เค้าจะทำอะไรเค้าก็เป็นหัวหน้า
ส่วนพวกลูกน้องก็ก้มหน้าก้มตารับไป น้อยนักที่หัวหน้างานจะคิดถึงลูกน้อง
อย่าไปคิดให้มากเรื่องมนุษยศาสตร์ มนุษยธรรม น้อยคนนักที่จะมีเรื่องนี้อยู่ในใจ
รู้อย่างเดียวว่าลูกน้องก็คือคนที่ทำงานเพื่อเงิน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบอเมริกาหรือว่าไทยก็ตาม
ก็เราโมโหนี่นา เราก็ต้องระเบิดมันออกมา จะให้เราเก็บไว้กับตัวทำไม (พวกแกเป็นลูกน้องก็ต้องรับไป นี่คือสัจธรรม)
เงินไม่สามารถเปลี่ยนสันดารคนได้จริงๆ
พวกลูกน้องก็จะตั้งใจทำงานเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองซะเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งก็ว่าไม่ได้ ประโยชน์ของคนอื่น จะทำไปทำไม
ปัญหาอย่างใหญ่หลวงของการทำงานก็คือเรื่องเวลา
ลูกน้องมาก่อนเวลาเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้หัวหน้าพอใจได้อย่างมากที่สุด เรื่องผลงานอีกเรื่อง
เพราะว่ามันแสดงให้เห็นว่าเราพร้อมทำงานให้เขาอย่างเต็มที่ จริงๆ เต็มใจหรือเปล่านั่นอีกเรื่อง
หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่อีกอย่างของลูกน้องก็คือการรองรับการระเบิดอารมณ์ของหัวหน้า
ใครทนได้ก็ดี ใครทนไม่ได้ก็ออก
เรื่องนี้นั่นแหละที่ทำให้เรามีปัญหากับการทำงาน เพราะว่าเราทนไม่ได้ แล้วก็ไม่ชอบมากๆ
สมมุติว่ามีงานใหม่ หัวหน้าอยากทำไรก็ทำ เราไม่สนใจ ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
อารมณ์เสียมาเราออกห่าง ไม่ต้องบังอาจไปเตือนหรือว่าแสดงอาการไม่พอใจไดๆทั้งสิ้น เท่านั้นเอง เป็นหนทางการอยู่รอดได้ในที่ทำงาน
และที่สำคัญที่สุดอีกอย่าง จงอย่าไว้ใจใคร ไม่ต้องสะเหร่อไปแก้ปัญหาให้ใคร
ปัญหาใครก็ปัญหามัน
คนเราส่วนใหญ่เวลาที่จะยื่นมือเข้าช่วยใครสักคน มันต้องมีอยู่ในใจไม่มากก็น้อยว่า
"คนเราช่วยเหลือกัน เราช่วยเค้าแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก เผื่อวันหน้าเรามีปัญหา เค้าอาจช่วยเราได้"
ลืมมันไปได้เลยครับ อย่าหวังให้ใครช่วยอะไรหรอก
มันยาก แค่บางครั้งจะเอ่ยปากยังไม่กล้าเลย
ปัญหาใครปัญหามัน เรื่องของใครเรื่องของมัน
หัวหน้าประจบได้ ประจบไปเลยครับ
ผลประโยชน์เห็นๆ
ใครเข้ากับหัวหน้าไม่ได้ก็แพ้ไปแล้วครึ่งทาง
ที่สำคัญ อย่าไว้ใจใครเป็นอันขาด
พอไม่มีเงินใช้เท่าเก่า คอยดูเหอะความเครียดก็จะตามมาเรื่อยๆ
Create Date : 25 กันยายน 2549 |
| |
|
Last Update : 25 กันยายน 2549 23:40:30 น. |
| |
Counter : 374 Pageviews. |
| |
|
|