แอดเวนเจอร์ ออฟ เมอฤดี ฉบับ Tokyo Drift - ความเพ้อเจ้อของคนเราไม่เท่ากัน



คำโปรย


หนังสือบันทึกทริปครั้งใหม่ของ คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง (merveillesxx) ที่คราวนี้เบนเข็มไปประเทศญี่ปุ่น ถิ่นฐานแห่งวัฒนธรรมเจป๊อป ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อเสพดนตรีเจร็อก ศึกษามังงะ ระลึกถึงเจซีรีส์ และตามรอยหนังญี่ปุ่นในดวงใจถึงถิ่น แต่กลับพบเจอเรื่องราวสุดวายป่วง ทั้งพายุเข้า สถานที่หลายแห่งปิดปรับปรุง หาโลเคชั่นหนังไม่เจอ และสารพัดเรื่องดวงกุดของนักท่องเที่ยวผู้อับโชค

ความรู้สึกหลังอ่าน

เราชอบหนังสือเล่มนี้ !! (โอเค จบ เลิกอ่านได้ เอ๊ยยยย มะช่าย)

นี่ไม่ใช่หนังสือเล่มแรกจากงาน Book Expo 2013 ที่อ่านจบ แต่เป็นเล่มแรกที่อ่านจบแล้วอยากมาเขียนรีวิวค่ะ

ต้องบอกก่อนว่าเราเองเป็นพวกฝักใฝ่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่นานนม ชีวิตถูกสั่งสมหมักหมมมากับญี่ปุ่นตั้งแต่เด็กๆ ไม่ต่างกับผู้เขียนเท่าไหร่ อาจมีรายละเอียดที่ต่างกันเล็กน้อยคือ ผู้เขียนอยู่หมวด J Rock อย่าง Luna Sea, L'arc En Ciel แต่เราฝักใฝ่อยู่กับ J Pop อย่าง นามิเอะ, SPEED, Utada Hikaru, ตระกูล Johnny ทั้งหลายทั้งแหล่ ส่วนที่เหลือแทบไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ญี่ปุ่น การ์ตูน อนิเมะ ฯลฯ

ความฝันใฝ่ของเด็กน้อยคลั่งไคล้ญี่ปุ่น 100 ทั้ง 100 ย่อมคือการได้ไปเหยียบแผ่นดินซากุระสักครั้งในชีวิต เราเองก็ฝันมาตั้งแต่เด็ก แม้ในตอนเด็กจะรู้สึกว่าฝันนั้นช่างห่างไกล แต่เมื่อเติบโตขึ้นมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ถึงวันหนึ่งเราก็ทำความฝันให้เป็นจริงได้ในที่สุด ถึงวันนี้ เราไปเยือนญี่ปุ่นมาแล้ว 4 รอบ อ่านหนังสือเที่ยวญี่ปุ่นทั้งไกด์บุ๊ค บันทึกการเดินทาง รวมกันไม่ต่ำกว่า 20 เล่ม ดังนั้น พักหลังมานี้ เจอหนังสือเที่ยวญี่ปุ่นออกใหม่ก็แทบจะไม่มีอะไรใหม่สำหรับเราแล้ว แต่ แอดเวนเจอร์ ออฟ เมอฤดี ไม่ใช่! มันทำให้เราควักเงิน 100 บาทปลายๆ ส่งให้ร้านหนังสือได้ (แต่ราคาเต็มหนังสือเค้า 220 บาทนะจ๊ะ)

เพราะอะไรหนังสือเล่มนี้จึงทำให้เราควักเงินจ่ายได้หนอ พอลองคิดอย่างจริงจังก็ได้เหตุผลมาดังนี้

1. ถึงแม้การเดินทางของเจ๊เมอฯ ครั้งนี้ จะวนเวียนอยู่แถวโตเกียว ซึ่งเป็นที่ๆ เราใช้ชีวิตอยู่รวมกัน 4 ทริป ไม่ต่ำกว่า 20 วัน แต่กลับมีที่ๆ เราไม่เคยไปอยู่มากมายหลายที่ เพราะเจ๊เมอฯ เค้าอินดี้ เค้าไปดูพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ เค้าไปดูคอนเสิร์ตในผับ เค้าไปตามหาทุ่งนาแห้งๆ (???)

2. ส่วนที่ๆ เราเคยไปเหมือนกัน ก็ดันเป็นที่ๆ นักท่องเที่ยวทั่วไปเค้าไม่ไป ต้องเป็นมนุษย์ติ่งอย่างเราๆ ถึงจะไป อย่าง หอนาฬิกาโทไดในตำนาน หรือการไปถ่ายรูปกับโตเกียวโดม (ทั้ง 2 ที่นี้เป็นที่ๆ เราจัดลงทริปตะลุยญี่ปุ่นครั้งแรกเช่นกัน) หรือการตะลุยร้าน Book Off ทุกสาขาที่เจอ (นี่มันตัวเราภาคผู้ชายชัดๆ)

3. เจ๊เมอฯ เค้าตะลุยเดี่ยว ซึ่งการตะลุยเดี่ยวครั้งแรกในประเทศที่ไม่เคยไป และการสื่อสารลำบาก มันมักจะมีอะไรสนุกๆ รออยู่ (เมื่อเป็นเรื่องของชาวบ้าน แต่ถ้าเป็นเรื่องตัวเอง ... เครียด) ซึ่งมันสะท้อนภาพตัวเราเมื่อ 5 ปีที่แล้ว วันที่เราเดินลากกระเป๋าขึ้นเครื่องบินไปตะลุยโตเกียวคนเดียวอย่างไม่รู้อนาคตเป็นครั้งแรก ทั้งการหลงทาง การพูดกับคนญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง (ของเราดีนิดนึง ที่ตอนนั้่นยังเลิกเรียนญี่ปุ่นได้ไม่นาน ยังพอจะสื่อสารแบบง่ายๆ ได้) การปรับรีโมตแอร์เป็นฮีทเตอร์ไม่เป็น (แต่ของเราโง่กว่า เพราะเรานึกว่าเปิดแอร์อุณหภูมิเท่าไหร่ก็จะได้เท่านั้น แม้ว่าอากาศข้างนอกจะเย็นกว่าก็ตาม คนที่คลายความโง่นี้ให้เราคือเพื่อนที่ไปด้วยกันในรอบที่ 3 จ้ะ คือโง่นอนหนาวมา 2 รอบ = =" ) และความหวาดกลัวเมื่อเจอเหตุการณ์ให้ต้องแก้ปัญหา ทุกสิ่งอย่างนั้นล้วนเป็นสิ่งที่เราเคยเผชิญมาเหมือนกัน (เราเกือบเคยทำตั๋วรถไฟหายระหว่างแวะกินราเม็งในสถานีเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็หาเจอ มันหล่นอยู่ตรงที่ยืนรอราเม็ง แต่ถ้าเราหาไม่เจอจริงๆ เราคงไม่แหกที่กั้นเหมือนเจ๊เมอฯ เค้าหรอกนะ เรากลัวโดนจับไปนอนฮ่องกงแทนโตเกียว 555 )

4. สำนวนภาษาของเจ๊เมอฯ เค้าเป็นที่รู้กันว่าจิกกัด ประชดประชันได้โล่ห์ เปรียบเทียบได้มึนยิ่ง เราตามอ่านมาจาก 'Sorry Sorry ขอโทษครับผมเป็นติ่ง' มาก่อน (แต่ขอบอกว่า Sorry ฉบับหนังสือนั้นไม่ฮาเท่า version Facebook อ่ะค่ะ ไม่รู้ว่าคุณเมอฯ เค้าลบใน Facebook ออกไปรึยัง ถ้ายังไปตามอ่านกันได้ ขำจนท้องแข็งอ่ะ)

5. หนังสือเล่มนี้มันไม่ได้มีแค่เรื่องการท่องเที่ยวแบบงงๆ มึนๆ อย่างเดียวหรอกนะ แต่มันมี Mission ที่ยิ่งใหญ่อยู่ด้วย นั่นก็คือการตามหา Location ถ่ายหนังที่ปลื้มปริ่ม ซึ่งมันไม่ใช่ Landmark ที่ตระการตาอะไร เป็นแค่สะพานข้ามแม่น้ำธรรมดา อุโมงใต้สะพานรถไฟ หรือทุ่งข้าวโล่งๆ ที่ไม่ได้โด่งดัง หรือสวยงามอะไรเลย แต่สำหรับคนที่ดูหนังและประทับใจในหนัง นั่นคือสิ่งที่มีความหมาย คนที่ไม่เคยย่อมไม่เข้าใจ เหมือนที่เจ๊เมอฯ เค้าเขียนไว้ในหนังสือว่า คุณลุงคงคิดว่าแกมาเพ้อเจ้ออะไรแถวนี้รีบกลับบ้านเหอะ เราอยากจะบอกว่า มันไม่เพ้อเจ้อซักนิดดดดดดดดดด เราเข้าใจคุณณณณณ เราเข้าใจคุณจริงๆๆๆๆๆๆ นะ ฮือ.... ตอนที่มิชชั่นคอมพลีท เราเกือบหลั่งน้ำตาให้เลยนะ มันซึ้งกินใจจริงๆ

เคยอ่านในโตเกียวไม่มีขาหรือไงนี่แหล่ะ นิ้วกลมบอกว่า เพื่อนของเค้าคนนึงไปโตเกียว สิ่งที่เค้าไปทำที่นั่นคือการตามหา Location ของการ์ตูนเรื่อง จอมเกบลูส์ แล้วโพสต์ท่าให้เหมือน ถ่ายรูปมาให้ได้มุม ได้แอ็คติ้งเหมือนภาพในการ์ตูน ใครจะว่าบ้าไม่บ้าไม่รู้ แต่เราว่ามันคูลลลลล มันเท่มาก โอ้ว และนั่นก็คือสิ่งที่เราอยากทำเช่นกัน แต่การจะทำเช่นนั้นได้จะต้องหาคนรู้ใจที่มีความอดทนไปด้วยกันให้ได้ก่อน (และถ้ามีฝีมือการถ่ายรูปก็จะดี) คิดดูว่าถ้าเราเอารูปของเรามาวางคู่กับรูปการ์ตูนในอิริยาบทที่เหมือนกันเปี๊ยบมันจะเท่ขนาดไหน (อะไรนะ ไม่เท่เหรอ ช่างเหอะ 555)

เมื่อนับข้อดีได้ 5 ข้อแล้ว ทุกคนก็ควรจะหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านกันได้แล้วนะคะ ไม่ว่าคุณจะติ่งหรือไม่ติ่ง คุณต้องได้อะไรสักอย่างจากหนังสือเล่มนี้แหล่ะ ถ้าคุณไม่อินกับมัน ก็คิดซะว่าคุณได้อ่านบันทึกการเดินทางแบบขลุกขลักของผู้ชายคนหนึ่ง ที่แม้จะเจออะไรที่ไม่คาดฝัน แต่ก็เอาชีวิตรอดกลับมาได้ จะหัวเราะสมน้ำหน้าเขาก็ได้นะ เราว่าเจ๊เมอฯ เขาก็คงยินดีแหล่ะ


ปล. เรามีลางสังหรณ์ว่าเจ๊เมอฯ จะได้เข้ามาอ่านบล็อกนี้ เราอยากบอกว่าเราชอบหนังสือเล่มนี้มาก เราจะอุดหนุนผลงานของคุณต่อไป ได้ข่าวว่าคราวหน้าจะไปไต้หวัน อย่าให้การเดินทางราบรื่นนักนะคะ มันไม่มันค่ะ อิอิ




Create Date : 29 ตุลาคม 2556
Last Update : 29 ตุลาคม 2556 15:16:39 น. 9 comments
Counter : 1480 Pageviews.  

 
มีในครอบครองแล้วค่ะ
แต่ต้องอยู่ในกองดองต่อไปก่อน

พออ่านบล็อกนี้แล้ว คิดว่า อ่าน sorry sorry ก่อนแล้วค่อยอ่าน tokyo drift ดีกว่า


โดย: จิตหลอน วันที่: 29 ตุลาคม 2556 เวลา:21:30:06 น.  

 
อ่านรีวิวแล้ว น่าสนใจมากค่ะ ช่วงนี้ดองหนังสือท่องเที่ยวไว้หลายเล่มเหมือนกัน เก็บเล่มนี้ไว้ในลิสต์ก่อนค่ะ


โดย: polyj วันที่: 30 ตุลาคม 2556 เวลา:8:18:13 น.  

 
อ่านจบแล้วเหมือนกันค่ะ ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ นุ้ยยังไม่เคยไปญี่ปุ่น แต่พออ่านแล้วอยากลุกขึ้นเก็บกระเป๋าไปยืนฉีกยิ้มถ่ายรูปหน้าหอนาฬิกาที่โทไดเลยค่ะ
แอบลุ้นตอนพี่ต่อตามหาทุ่งข้าวสาลีแล้วบูม กลายเป็นโก้โก้ครันช์ไปด้วย อ่อ ไม่ใช่โกโก้ครันช์ :P
แต่ในที่สุดก็ตามหาเจอ อยากจะอีเมล์ไปแสดงความยินดีกับพี่เขาตอนอ่านจริงๆค่ะ นุ้ยเองยังไม่เคยมีโมเม้นต์แบบนั้นเลย
เวลาไปเที่ยวแต่ละทีมีแต่เรื่องกิน กิน กิน และกิน TT^TT


โดย: หมีน้อยพุงพลุ้ย วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:2:11:15 น.  

 
๋J-Rock ..... มันคือชีวิตช้านนนนน


โดย: Pdจิงกุเบล วันที่: 4 พฤศจิกายน 2556 เวลา:12:44:32 น.  

 
เป็นหนังสือที่น่าสนใจมาก ถ้าบอกขายเมื่อไหร่บอกด้วยนะคะ จะซื้อค่ะ


โดย: cyberlifenlearn วันที่: 6 พฤศจิกายน 2556 เวลา:21:21:44 น.  

 
สวัสดี ตอนเช้า


โดย: cyberlifenlearn วันที่: 24 พฤศจิกายน 2556 เวลา:6:02:01 น.  

 
ลางสังหรณ์ถูกต้องนะครับ ผมเข้ามาอ่านเจอแล้ว 555 แต่ว่าช้าไปหลายเดือน ^^;;

ขอบคุณมากๆ เลยครับ อ่านแล้วซึ้งใจจริงๆ :)

เจ๊เมอเอง 555


โดย: merveillesxx วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:21:59:45 น.  

 
สบายใจจังเห้นคนอ่านหนังสือ


โดย: cyberlifenlearn วันที่: 4 มีนาคม 2557 เวลา:8:02:31 น.  

 
โห อ่านแล้วจากที่เบื่อๆอ่านหนังสือเที่ยวญึ่ปุ่น (ไม่ใช่ไกด์บุ๊คด้วยนะ เป็นหนังสือ ชั้นเที่ยวอะไรมาบ้างนี่แหละ) กลับเกิดไฟขึ้นใหม่อีกครั้งเลยค่ะ อินเนอร์มาเต็มจริงๆ5555


โดย: อยากมีเวลาอ่านหนังสือทั้งวัน วันที่: 7 พฤษภาคม 2557 เวลา:3:16:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hiroko
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




[Add hiroko's blog to your web]