ยินดีต้อนรับเข้าถ้ำหมี เรื่องราวของหมีหมีตัวหนึ่งในโลกกว้าง
|
||||
กระท้อน ลดระดับคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดน้ำหนัก
สรรพคุณของกระท้อน อร่อยและดีกับสุขภาพ
คุณค่าทางโภชนาการของกระท้อนต่อ 100 กรัม (สีเหลือง)
เมนูกระท้อน อาหารคาวก็ดี เป็นของหวานก็อร่อย
- 2 เมนูอร่อยจากกระท้อนปุยฝ้าย เปรี้ยวแซ่บอมหวาน ควรรับประทานผลกระท้อนในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะถ้าหากกินเยอะมากไป อาจจะทำให้เกิดท้องเสียได้ค่ะ ขอบอกว่าเจ้ากระท้อนเนี่ยก็ยังสามารถนำไปบำรุงผลผลิตทางการเกษตรต่อได้ด้วยนะ ด้วยการนำกระท้อนไปทำน้ำหมักกระท้อนเพื่อใส่ต้นไม้ได้อีก ของดีมีประโยชน์แบบนี้ต้องยกให้เป็นสุดยอดผลไม้ที่ควรหารับประทานเลยจริง ๆ ค่ะ
โรคตาแห้ง l ตาขี้เกียจ l ตาบอดกลางคืน l ตาแดง พฤติกรรมทำร้ายดวงตา l ปรสิตจากคอนแทคเลนส์ l ดวงตา...บอกโรค l ขนตาปลอม สายตายาว l สายตาสั้นมากๆ l ทดสอบสายตาง๊ายง่าย l โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม เบาหวานขึ้นตา l ต้อกระจก l ต้อหินเฉียบพลัน l ตาเสื่อมก่อนวัย ประโยชน์ของผักอื่นๆ เกรปฟรุต l หน่อไม้ฝรั่ง l ฟักทอง l ลูกพรุน l แครอทสุก l ผลโกจิเบอร์รี่ มะเขือเทศสีเหลือง l ผักกาดเขียว l มะละกอ l มัลเบอร์รี่ l ถั่วลันเตา l มะรุม
12 สมุนไพรเพื่อผู้สูงอายุ ยืดอายุยืนยาวด้วยของดีจากธรรมชาติ
ขึ้นชื่อว่าสมุนไพรแล้ว ทุกคนก็ย่อมต้องนึกถึงข้อดีของสมุนไพรที่ช่วยบำรุงสุขภาพ และนี่คือสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพผู้สูงอายุ บรรเทาโรคภัย ช่วยให้ผู้สูงอายุมีชีวิตที่ยืนยาว เมื่อคนเราอายุมากขึ้น สุขภาพร่างกายที่เคยฟิต ก็ค่อย ๆ ร่วงโรยลงตามวัย ปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ก็เริ่มเข้ามา อย่างที่นิตยสารชีวจิตคัดสรรมาแล้วว่าเป็นสมุนไพรไทยใกล้ตัว ที่เหมาะกับผู้สูงอายุ อีกทั้งยังมีสรรพคุณดี ๆ ที่ นอกจากจะช่วยรักษาโรคในผู้สูงอายุแล้ว ยังใช้บำรุงร่างกายก็ได้เหมือนกัน แถมด้วยวิธีใช้แบบง่าย ๆ ลดความดันโลหิตสูง บัวบก ใช้ต้นบัวบกสด มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตได้ นอกจากนี้ยังใช้บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้าได้ ดีใช้ต้นสด 30-40 กรัม ผสมกับน้ำ 1 แก้ว (ประมาณ 250 ซี.ซี.) คั้นและกรองเอาแต่น้ำดื่มติดต่อกัน 5-7 วัน ลดระดับน้ำตาลในเลือด
เป็นเวลา 1-3 เดือน หรือจนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลง
ลดไขมันในเส้นเลือด ดื่มวันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการจะดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณแก้อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ บำรุงโลหิต ลดอุณหภูมิในร่างกายได้ และน้ำตาลเล็กน้อย ดื่มเป็นน้ำผลไม้ และมีสรรพคุณอื่น ๆ เช่น บำรุงผิวพรรณได้เปล่งปลั่งสดใส มีสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
ควรดื่มอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไปจึงจะเห็นผล นอกจากช่วยบรรเทาโรคเบาหวานแล้ว ยังเป็นยาบำรุงหัวใจ ขับปัสสาวะ และแก้กระษัยได้อีกด้วย กะเพรา นำใบสดสัก ½ กำมือ หรือแบบตากแห้งมาบดเป็นผงราว 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว (ราว 250 ซีซี) ชงเป็นชาดื่มหลังมื้ออาหาร ผลวิจัยพบว่าใบกะเพราทำให้เซลล์ตับอ่อนผลิตอินซูลินได้ดีขึ้น เหมาะกับผู้ที่เป็นเบาหวานชั้นต้น
ต้านสมองเสื่อม
ขมิ้นชัน นำเหง้าแก่สดยาวประมาณ 2 นิ้วมาขูดเปลือก ล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด เติมน้ำ คั้นเอาแต่น้ำ กินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้ง หรือกินแบบแคปซูล วันละ 1,000 มิลลิกรัม มีการศึกษาพบว่า ในกลุ่มคนเอเชียที่กินขมิ้นชันเป็นประจำทุกวัน จะมีอัตราการเป็นอัลไซเมอร์น้อยกว่าคนในแถบยุโรป ที่ไม่ได้กินขมิ้นชันเกือบ 5 เท่า นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณต้านมะเร็ง ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
พริกไทย ใช้ผงป่นมาปรุงอาหารที่กินเป็นประจำ หรือกินเป็นแคปซูลวันละ 1,000 มิลลิกรัม พร้อมกับอาหารทุกมื้อ ไม่ควรกินขณะท้องว่าง เพราะอาจเกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร นักวิจัยพบว่า สารพิเพอรีนในพริกไทยมีสรรพคุณต้านสมองเสื่อม ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และต้านมะเร็งได้บำรุงธาตุ ยังแก้กระหาย แก้พิษ อาเจียนเป็นเลือด ท้องเสีย บวมน้ำ ขับปัสสาวะ และขับนิ่วก้อนเล็ก ๆ ได้อีกด้วย ที่สำคัญ ใช้ดื่มเพื่อบรรเทาอาการท้องเสียในกรณีที่ขาดแคลนน้ำเกลือแร่ได้เลย ชงในน้ำเดือด จิบตลอดวัน นอกจากมีสรรพคุณช่วยบำรุงธาตุแล้ว ยังช่วยขับลม แก้ท้องเดินหรือท้องเสียได้อีกด้วย
ผู้สูงอายุเป็นวัยที่ต้องได้รับการดูแลและใส่ใจสุขภาพมากกว่าช่วงวัยอื่น ๆ ไม่ว่าทั้งทางด้านสุขภาพและทางอารมณ์ ดังนั้นบรรดาลูกหลานหรือคนใกล้ชิดไม่ควรละเลย หรือเบื่อหน่ายที่ต้องดูแลผู้สูงอายุ เพื่อที่ท่านจะได้มีความสุขและมีสุขภาพที่ดี อายุยืนยาวค่ะ
โรคตาแห้ง l ตาขี้เกียจ l ตาบอดกลางคืน l ตาแดง พฤติกรรมทำร้ายดวงตา l ปรสิตจากคอนแทคเลนส์ l ดวงตา...บอกโรค l ขนตาปลอม สายตายาว l สายตาสั้นมากๆ l ทดสอบสายตาง๊ายง่าย l โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม เบาหวานขึ้นตา l ต้อกระจก l ต้อหินเฉียบพลัน l ตาเสื่อมก่อนวัย ประโยชน์ของผักอื่นๆ เกรปฟรุต l หน่อไม้ฝรั่ง l ฟักทอง l ลูกพรุน l แครอทสุก l ผลโกจิเบอร์รี่ มะเขือเทศสีเหลือง l ผักกาดเขียว l มะละกอ l มัลเบอร์รี่ l ถั่วลันเตา l มะรุม
ทำความรู้จัก กลุ่มของโรคตา ต้อ มีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร
มีลักษณะเป็นเยื่อสีขาวหรือขาวเหลืองบริเวณตาขาวข้าง ๆ ตาดำ เกิดจากการถูกสิ่งระคายเคืองต่อเยื่อบุตา (เช่น ลม ฝุ่น แสงแดด) มาเป็นเวลานาน มักทำให้มีอาการเคืองตาง่าย ไม่ทำให้ตามัวหรือบอด
โรคต้อเนื้อเป็นโรคที่ต่อเนื่องมาจากโรคต้อลม แต่เยื่อบุตาลามเข้ามาถึงบริเวณกระจกตาดำ (cornea) เป็นลักษณะคล้ายเนื้อเยื่อสีขาวออกแดงบริเวณกระจกตาด้านหัวตาหรือหางตา เกิดจากการถูกสิ่งระคายเคืองมาเป็นเวลานานหลายปี ทำให้มีอาการเคืองตาและตาแดงบริเวณต้อเนื้อ เมื่อถูกสิ่งระคายเคือง ไม่ทำให้ตามัวหรือบอด
โรคต้อกระจกเป็นโรคที่เกิดจากการขุ่นของเลนส์แก้วตา (lens) ในลูกตา ทำให้การมองเห็นภาพมีลักษณะคล้ายเป็นหมอกหรือควันขาว ๆ บัง มักเป็นจากการเสื่อมสภาพของเลนส์ตาตามอายุ แต่อาจเป็นตั้งแต่กำเนิด หรือเกิดหลังอุบัติเหตุต่อดวงตาก็ได้ มักทำให้ตามัวมากขึ้นเรื่อยจนอาจมองไม่เห็นในที่สุดถ้าไม่ได้รับการรักษา 4) โรคต้อหิน (Glaucoma) ต้อหินเป็นโรคที่มีความดันในลูกตาสูงจากการระบายออกของน้ำเลี้ยงในลูกตา (aqueous) น้อยผิดปกติ ทำให้ลูกตาแข็งขึ้น จนกระทั่งกดขั้วประสาทตา (optic disc) ทำให้มีการเสียของลานสายตาการมองเห็น จนกระทั่งตาบอดสนิทได้ในที่สุดอันตรายที่สุด
ส่วนโรคต้ออื่น ๆ ที่เป็นภาษาเฉพาะถิ่น เช่น ต้อลิ้นหมา คือต้อเนื้อ หรือโรคต้อลำไย คือต้อหินแต่กำเนิด เป็นต้น
โรคต้อลม สาเหตุเกิดจากลม การใส่แว่นจะป้องกันโรคได้หรือไม่ ตอบ สิ่งระคายเคืองที่เป็นสาเหตุของโรคต้อลม เป็นไปได้ทั้งจากลม ฝุ่น หรือแสงแดดจ้า ๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นสาเหตุของโรคต้อลมแล้ว ยังทำให้ผู้ที่เป็นต้อลมอยู่แล้ว มีอาการเคืองตามากขึ้น ซึ่งต้อลมจะลุกลามมากขึ้นเมื่อสัมผัสกับสิ่งระคายเคืองดังกล่าว แว่นตามักช่วยกันลมเฉพาะจากทางด้านหน้า จึงไม่เพียงพอต่อการป้องกันทั้งลม ฝุ่น และแสงแดด ดังนั้น คำแนะนำที่ดีที่สุดจึงควรให้ผู้ป่วยพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีลม ฝุ่น หรือแสงแดดจ้า ๆ จะเป็นประโยชน์มากกว่า
โรคต้อกระจก จำเป็นต้องเป็นทุกคนหรือไม่ ตอบ โรคต้อกระจกเกิดจากการเสื่อมสภาพของเลนส์แก้วตา ทำให้เลนส์แก้วตาซึ่งควรมีลักษณะใส กลับมีสีขาวหรือขาวอมน้ำตาลมากขึ้น เมื่อมนุษย์ทุกคนมีอายุมากขึ้นจะต้องเกิดการเสื่อมของเลนส์ตาทุกคน เมื่อการขุ่นของเลนส์ตามากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดปัญหาตามัวจะเรียกว่าเป็นโรคต้อกระจก ดังนั้น มนุษย์ทุกคนจะต้องเป็นต้อกระจกแน่นอน แต่อาจเป็นตั้งแต่อายุมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละบุคคล โรคต้อกระจก สามารถใช้ยาหยอดรักษาให้หายได้หรือไม่ ตอบ ปัจจุบันยังไม่มียาหยอดตา หรือยากินที่สามารถให้การรักษาโรคต้อกระจกให้หายขาดได้ การรักษาที่ได้ผลคือการผ่าตัด (หรืออาจเรียกว่าลอกต้อ) เอาเลนส์ตาธรรมชาติที่ขุ่นเป็นต้อกระจกออก และใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ โดยวิธีการเอาเลนส์ตาที่เป็นต้อกระจกออกอาจใช้วิธีดันออก หรือใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound) สลายออกก็ได้ แต่ยังไม่มีการใช้แสงเลเซอร์ในการผ่าตัดโรคต้อกระจก โรคต้อหิน ต้องรักษาโดยการผ่าตัดเสมอไปหรือไม่ และการผ่าตัดทำเพื่อวัตถุประสงค์ใด ตอบ โรคต้อหินมีหลายชนิด ดังนั้นการรักษาจึงมีหลากหลายวิธี เช่น การใช้ยาหยลอดตาลดความดันตา ยากินลดความดันตา การใช้แสงเลเซอร์ และการผ่าตัดโดยในกรณีที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ไม่ใช่การผ่าเอาหินหรือของแข็งใด ๆ ออกจากตา แต่เป็นการผ่าตัดเพื่อเปิดทางระบายน้ำเลี้ยงในลูกตา (aqueous) ออกจากลูกตา ทำให้ความดันตาลดลงและไม่เป็นอันตรายต่อขั้วประสาทตา โรคต้อต่าง ๆ เป็นโรคกรรมพันธุ์หรือไม่ ตอบ
โรคต้อกระจก ในผู้สูงอายุเกิดจากการเสื่อมของเลนส์แก้วตาตามสภาพ ไม่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่โรคต้อกระจกที่เกิดในเด็ก หรือเป็นแต่กำเนิดในบางรายอาจเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม โรคต้อหิน อาจเป็นได้ทั้งเป็นและไม่เป็นโรคพันธุกรรม แต่ในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อหิน เมื่ออายุเกิน 40 ปี ควรได้รับการตรวจวัดความดันตากับจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเฝ้าระวังโรคต้อหินที่อาจเกิดขึ้นได้ Cradit
โรคตาแห้ง l ตาขี้เกียจ l ตาบอดกลางคืน l ตาแดง พฤติกรรมทำร้ายดวงตา l ปรสิตจากคอนแทคเลนส์ l ดวงตา...บอกโรค l ขนตาปลอม สายตายาว l สายตาสั้นมากๆ l ทดสอบสายตาง๊ายง่าย l โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม เบาหวานขึ้นตา l ต้อกระจก l ต้อหินเฉียบพลัน l ตาเสื่อมก่อนวัย มัลเบอร์รี่ ลดน้ำหนัก ต้านมะเร็ง ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันความดันโลหิตสูง
มัลเบอร์รี่
คุณค่าทางโภชนาการของมัลเบอร์รีต่อ 100 กรัม พลังงาน 43 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 9.80 กรัม โปรตีน 1.44 กรัม ไขมัน 0.39 กรัม ไฟเบอร์ 1.7 กรัม โฟเลต 6 ไมโครกรัม วิตามินบี 3 0.620 มิลลิกรัม วิตามินบี 6 0.050 มิลลิกรัม วิตามินบี 2 0.101 มิลลิกรัม วิตามินเอ 25 ยูนิต วิตามินซี 36.4 มิลลิกรัม วิตามินอี 0.87 มิลลิกรัม วิตามินเค 7.8 ไมโครกรัม โซเดียม 10 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 194 มิลลิกรัมแคลเซียม 39 มิลลิกรัม ทองแดง 60 ไมโครกรัม ธาตุเหล็ก 1.85 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 18 มิลลิกรัม สังกะสี 0.12 มิลลิกรัม เบต้แคโรทีน 9 ไมโครกรัม ลูทีน-ซีแซนทีน 136 ไมโครกรัม
มัลเบอร์รี มีซีแซนทีนที่เป็นสารสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพดวงตา ซึ่งจะเข้าไปลดภาวะออกซิเดชั่นที่เกิดขึ้นในดวงตา ป้องกันการเกิดจอประสาทตาเสื่อม อีกทั้งสารต้านอนุมูลอิสระในมัลเบอร์รีก็ยังช่วยให้ดวงตาสดใส รวมถึงวิตามินบี 1 วิตามินเอช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดต้อกระจก ป้องกันแสงสีน้ำเงินเข้าทำลายเลนส์ตา บำรุงเหงือและฟัน สร้างภูมิให้ระบบหายใจ บำรุงผิว ลดการอักเสบของสิว
มัลเบอร์รี่อาจลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่อไปนี้ 1. มัลเบอร์รี่ มีสาร Anthocyanins ในปริมาณมาก โดยสารชนิดนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ต่อต้านอาการขาดเลือดในสมอง ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง เป็นต้น ข้อมูลอ้างอิง : โรคตาแห้ง ดูแลไม่ถูกวิธี อาจอันตรายต่อกระจกตาโดยตรง
|
salinta
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] หมีชอบกินปลาแซลม่อนที่ว่ายทวนน้ำ... All Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |