Group Blog All Blog |
สัมผัสพิศวง 2
ตอน แค้นนาง 9/5/2014 ความอิจฉาริษยานั้นจะเกิดขึ้นกับคนที่มีความดีอยู่ในตัวน้อยกว่าคนอื่นแล้วอยากได้ดีอย่างเขา ทั้งที่จริง ๆ แล้วตัวเราอาจมีความดีอยู่ในตัวแล้วก็ได้ และต้นเหตุของความริษยาที่สำคัญนั้นก็คือ การเปรียบเทียบ ดังมีผู้กล่าวไว้ว่า การเปรียบเทียบเป็นเมล็ดพันธ์ุ และความริษยาคือดอกผลของมัน เพราะการเปรียบเทียบจนนำไปสู่การอิจฉาริษยานั้น ท้้งสองสิ่งล้วนปรุงแต่งขึ้นจากจิตในบางคราว จิตของมนุษย์จมปรักอยู่กับการเปรียบเทียบจนมองไม่เห็นความเป็นจริง เราจึงจำต้องลดละการเปรียบเทียบลง เพื่อจะเห็นทุกสิ่งตามเนื้อแท้ของมัน ก่อนที่ความอิจฉาริษยาจะมาปิดหูปิดตาทำให้เราทำสิ่งที่ผิดต่อตนเองและผู้อื่น ตอน คนมีบุญ 5/12/2012 ผู้ที่ทำบูุญสะสมไว้ในภพชาติก่อนนั้น พอเกิดมาในชาตินี้ก็เป็นผู้มีใจใส มีสติปัญญาดี รูปร่างสง่างาม ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีโอกาสสร้างความดีมากกว่าคนทั้งหลาย แต่ถึงแม้ชาติที่แล้วจะมีบุญสั่งสมมามากแต่ก็ไม่ควรประมาททำบุญสั่งสมเพิ่มในชาตินี้ เพราะบุญที่มีอยู่อาจหมดลงได้ เปรียบเหมือนชาวนาที่เก็บเกี่ยวผลิตผลแล้ว แจกจ่ายขายกินหมดไม่เหลือเก็บทำพันธุ์ต่อไปภายหน้าเค้าย่อมเดือดร้อนเมื่อถึงฤดูการทำนาครั้งต่อไป ช่างดอกไม้ร้อยพวงมาลัยได้มากมายจากกองดอกไม้กองหนึ่งฉันใด คนเราเกิดมาแล้วก็ควรใช้ชีวิตชาติหนึ่งนี้สร้างความดีงามให้มากฉันนั้น ตอน งมงาย 13/5/2014 มนุษย์นั้นตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนในยามมีทุกข์บางครั้งก็ต้องการสิ่งปลอบประโลมใจมากกว่าเหตุผล การรู้จักไสยศาสตร์ให้เป็น โดยมีธรรมะเป็นตัวนำย่อมช่วนให้เกิดความอบอุ่นใจ ดังนั้นการเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเรื่องใด ๆ ก็ตาม สิ่งที่สำคัญไม่ได้อยู่ตรงที่ว่าเชื่ออะไร แต่สำคัญตรงที่เชื่ออย่างไร ถ้าเชื่อจนเลิกพึ่งพิงปัญญา และการกระทำของตนเองแล้ว ย่อมถือว่าเป็นความงมงาย แต่ถ้าเชื่อแล้วเกิดกำลังใจที่จะทำความดีเพียรพยายามที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จด้วยตนเอง อันนี้ไม่เรียกว่า งมงาย ตอน รุนแรง 15/4/2014 หลักที่คู่สามีภรรยาควรมีเพื่อให้ชีวิตคู่ราบรื่นนั้น คือ หลักสมชีวิตธรรม 4 อันได้แก่ 1. สมศรัทธ คือ มีศรัทธาสมกัน มีความเชื่อในสิ่งเดียวกัน มีทัศนคติในการมองโลกมองชีวิตไปในทางเดียวกันก็จะทำให้เข้าใจกันง่ายไม่มีความขัดแย้งกัน 2. สมศีลา คือ มีศีลสมกัน ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงต้องมีหลักประพฤติปฏิบัติเหมือนกัน เรื่องผิดชอบชั่วดีเหมือน ๆ กัน 3. สมจาคะ คือ มีจาคะสมกัน มีใจเมตตากรุณาโอบอ้อมอารีเหมือนกัน 4. สมปัญญา คือ มีปัญญาสมกัน ทั้งชายและหญิงต้องมีระดับสติปัญญาใกล้เคียงกัน มีความเฉลียวฉลาดพอ ๆ กัน ถ้าคู่สามีภรรยามีสิ่งเหล่านี้เหมือนกันก็จะทำให้ชีวิตคู่ราบรื่น แต่สิ่งที่จะเติมเต็มให้ชีวิตคู่มีความสุขนั้นก็คือ ความรัก ถ้าวันใดมีเหตุให้เริ่มไม่ชอบใจกันแล้วก็จงนึกถึงวันที่เริ่มต้นรักกัน วันที่มีความสุขจากการให้เกียรติกัน การดูแลกัน ไม่นอกใจกัน ถ้าปฏิบัติได้เช่นนี้คู่สามีภรรยาก็จะเป็นคู่สร้างคู่สม ไม่ใช่คู่เวรคู่กรรมที่ใช้ความรุนแรงในการทำร้ายกันทั้งทางร่างกายและจิตใจ ข้อคิดจากสัมผัสพิศวง 1
ก่อนอื่นต้องขออนุญาตินำข้อคิดบางส่วนจากละครสัมผัสพิศวงบางตอนมาลงไว้ใน blog นะคะ เนื่องจากละครเรื่องนี้ให้ข้อคิดธรรมะที่ดีมาก จึงชอบเป็นการส่วนตัว จึงขอลอกและนำมาเก็บไว้ใน blog นะคะ ขอบคุณค่ะ 1. ตอนศัตรูหมายเลข 1 การเอาชนะศัตรูด้วยอาวุธนั้นไม่ใช่การเอาชนะที่ถาวร เป็นการเอาชนะชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ถ้าอีกฝ่ายยังไม่ตายก็จะกลับมาแก้แค้นกันอีก หรือถ้าตายก็จะผูกเวรตามไปแก้แค้นกันหลายภพหลายชาติไม่รู้จักจบสิ้น แต่การเอาชนะศัตรูด้วยเมตตาต่างหากที่เป็นการชนะที่จีรัง เพราะจิตที่ประกอบด้วยเมตตา เป็นจิตที่ทรงพลังมหาศาล สามารถฆ่าศัตรูได้ ดังเช่นที่พระพุทธเจ้าทรงไปโปรดองคุลีมารผู้เป็นโจรโหดเหี้ยมด้วยการใช้กระแสความเมตตาจาพระองค์เอง เมตตาจึงนับว่าเป็นยอดอาวุธของมนุษย์ ที่ทำให้เราเอาชนะศัตรูได้อย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่เฉพาะศัตรูภายนอกของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงศัตรูภายในใจของเราเองด้วย 2. ตอนด้วยแรงแห่งรัก ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้น เป็นเรื่องของสัญชาตญาณ ไม่มีใครต้องสั่งหรือบังคับให้พวกเค้าต้องรักลูก หากเกิดขี้นทันทีที่รู้ว่ามีชีวิตหนึ่งกำลังเกิดขึ้น ทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้าลูกเลยก็ตาม และน่าแปลกที่ความรักนั้นยิ่งใหญ่ยากจะหาสิ่งใดมาเทียบเท่า แม้เขาพระสุเมรุ แผ่นดิน แผ่นฟ้า มหาสมุทร ความรักของพ่อแม่ก็ยังหนักอึ้งกว่าสิ่งทั้งปวง แต่ลูกที่กตัญญูกตเวทีต่อบุญคุณพ่อแม่นั้น เรียกว่า คุณธรรมของลูก ไม่ใช่่สัญชาตญาณ อันเป็นคุณธรรมอันสูงประเสริฐที่ไม่ใช่ว่าลูกทุกคนจะมี แต่ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวต่อบุพการีของลูกคนนั้น ดังนั้น พ่อแม่ที่รักลูกจริงหาง่ายเหมือนพลอย แต่ลูกที่กตัญญูต่อพ่อแม่หายากเหมือนเพชร 3. ตอนลูกชายที่หายไป เรื่องทุกเรื่องที่เกิดย่อมมีเหตุปัจจัยของมัน ผลก็เป็นไปตามเหตุ คนที่เค้าตีลูกชายในวันที่ลูกเดินออกจากชีวิตของพ่อ แม้ในวันที่ความจำเสื่อมแต่กลับจำเรื่องนี้ได้ แสดงว่าฝังใจอยู่ในจิตใต้สำนึก เป็นความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจตลอด และเป็นบาดแผลที่อยู่ในใจลูกเช่นกัน สิ่งที่อยู่ในใจลึก ๆ เป็นสิ่งที่กำหนดชะตาชีวิต กำหนดพฤติกรรม ลักษณะนิสัย มองดูคล้าย ๆ ว่าลูกเกลียดพ่อ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ หวังดีตามสติปัญญาของพ่อแม่แต่ละคน เช่น ลูกหิว แต่พ่อจนก็เลยขโมยของให้ลูกกิน หรือพ่อรวยแต่ลูกขี้เกียจ พ่อก็เลยไม่ให้เงินให้ไปหากินเอาเอง ทั้งสองเรื่องมีถูกมีผิดต่างกัน แต่มาจากความรักความหวังดีเหมือนกัน 4. ตอนสูญเสีย สติปัฎฐานเป็นข้อปฏิบัติเพื่อรู้แจ้งให้เข้าใจตามความเป็นจริงของสิ่งทั้งปวงโดยไม่ถูกกิเลสครอบงำ ไม่ยึดติดในอำนาจของกิเลสอันได้แก่ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน การมีสติระลึกรู้ว่ากายเป็นฐาน ไม่มองกายด้วยความเป็นคน แต่มองแยกเป็นรูปธรรม 1 ที่กายล้วนไม่เที่ยง เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน การมีสติระลึกรู้เวทนาเป็นฐาน เป็นเพียงนามธรรมหนึ่งที่ล้วนไม่เที่ยง จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน การมีสติระลึกรู้ว่าจิตเป็นฐาน ไม่มองจิตด้วยความเป็นคน ไม่มองว่าเรากำลังคิด กำลังรู้สึกใด ๆ แต่มองเป็นเพียงนามธรรมหนึ่งที่ล้วนไม่เที่ยง ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน การมีสติระลึกรู้ว่าการมีสภาวะธรรมเป็นฐานที่ล้วนไม่เที่ยง เมื่อเราดำรงชีวิตโดยระลึกสติปัฏฐานตลอด เราก็จะไม่ถูกกิเลสครอบงำ ไม่ปล่อยใจให้หลงระเริงไปกับความสุขความทุกข์ และไม่หลงลืมว่า ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน 5. ตอนละลาย เพราะจิดใจมนุษย์เรานี้ขาด หิริโอตัปปะ "หิริ" หมายถึงความละลายใจตัวเองต่อการทำความชั่ว ความผิดต่อการประพฤติทุจริตทั้งหลาย ความละอายนี่แหละเป็นต้นเหตุให้ทำความดี "โอตัปปะ" หมายถึง ความเกรงกลัวต่อผลของบาป เป็นอาการของจิตที่หวั่นไหวเมื่อจะทำความชั่ว ทำให้งดเว้นจากการประพฤติผิดต่าง ๆ ได้ หิริโอตัปปะ แตกต่างจากกฎหมาย กฎหมายกำหนดขึ้น เพื่อควบคุมความประพฤติผิดทางกายและวาจาเท่านั้น หาได้ไปควบคุมถึงใจไม่ ส่วนคนที่มีหิริโอตัปปะจะสำนึกได้ด้วยตัวเอง ว่าอะไรควรเว้นอะไรควรทำ ดังนั้น ถ้ามีหิริโอตัปปะกฎหมายบ้านเมืองทุกมาตราก็แทบจะไม่มีความหมายก็จะไม่มีใครกล้าทำความผิด ไม่มีการอิจฉาริษยา เบียดเบียนซึ่งกันและกันสังคมก็จะสงบสุขร่มเย็น 6. ศรัทธา 5/5/58 ศรัทธาในทางพระพุทธศาสนาเน้นให้เชื่ออย่างมีปัญญา คือ เชื่อได้แต่ให้เชื่ออย่างมีเหตุผล และตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงของชีวิต ธรรมหมวดใดก็ตามในพุทธธรรม ถ้ามีศรัทธาเป็นส่วนประกอบข้อหนึ่งแล้วจะต้องมีปัญญาอีกข้อหนึ่งด้วยเสมอไป เพราะถ้ามีความเชื่ออย่างเดียวโดยไม่มีปัญญา ความเชื่อนั้นจะเป็นความเชื่อที่งมงายปราศจากเหตุผลและการพิสูจน์ ความเชื่อก็จะเป็นลักษณะความรู้แบบหยาบ โดยไม่ผ่านการ....ในทางความคิด หรือไม่ผ่านการไตร่ตรองด้วย โยนิโสมนัสิการ เราก็จะกลายเป็นเหยื่อของผู้ที่คิดแสวงหาผลประโยชน์ ปิดบังซ่อนเร้นความผิดด้วยศรัทธาไร้ปัญญาของเรา 7. พระคุ้มครอง การไหว้พระที่ถูกต้องไม่ใช่ไหว้เพื่อขอสิ่งที่ต้องการและขอให้พระคุ้มครอง แต่ไหว้เพื่อระลึกคำสอนของศาสดาที่สอนให้คนเป็นคนดี ไม่สร้างความเดื่อดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น มีกุศลกรรมเป็นที่พึ่ง และผลกรรมที่ทำให้พ้นจากภัยทั้งปวงก็คือ สติปัฎฐาน คือ ฐานอันเป็นที่ตั้งของสติ สตินั้นเรียกได้ว่าเป็นยอดของธรรมท้ังหลาย หากปราศจากสติจะทำให้เราหลงทำในสิ่งที่ไม่ดี สร้างปัญหา สร้างศัตรูให้มาทำร้ายตัวเรา สรุปแล้วก็คือ คำว่าพระคุ้มครองไม่ใช่อำนาจของพระที่คุ้มครอง แต่เป็นความดีที่คนนั้น ๆ สร้างขึ้นต่างหากที่จะคุ้มครองตัวเขา ดั่งคำกล่าวที่ว่า "คิดดี พูดดี ทำดี เป็นศรีเป็นพรสูงสุด ไม่มีพรเทพ พรมนุษย์ เปรียบประดุจความดีที่ทำเอง" 8. คำสอนของความรัก การที่คนเราต้องพบความทุกข์อันเนื่องมาจากความรัก มีสาเหตุสำคัญมากที่สุด ก็คือเรื่องการนอกใจ การนอกใจถือเป็นหายนะธรรม คือ หลักปฏิบัติที่นำไปสู่ความเสื่อม กิเลสในกมลสันดารของมนุษย์ เมื่อได้เสพติดในเพศรสแล้ว ก็จะมีความต้องการเสพเพิ่มมากขึ้นอีกเรื่อย ๆ หากไม่สามารถควบคุมกิเลส กามราคะของตนได้แล้ว สุดท้ายก็จะนำไปสู่หายนะของการครองคู่ ความรักที่ควรจะเป็นสุขก็กลายเป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า "ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีโศก ที่ใดมีความรักที่นั่นมีภัย เมื่อไม่มีความรักเสียแล้ว โศกภัยก็ไม่มี แม้ในพุทธทัศนะจะมองว่า ความรักมีธรรมชาติเป็นความทุกข์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้คนรักกัน แต่ทรงหมายถึง การรักอย่างมีวุฒิภาวะ และรู้ให้เท่าทันทั้งความสุขและความทุกข์อันเกิดจากความรัก เพื่อที่จะพูดได้อย่างเต็มปากว่า " ที่ใดมีรัก ที่นั่นก็มีสุขได้เช่นกัน " |
hahapooka
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Friends Blog Link |