ชนะตัวเองให้ได้ เย้!

ตอนที่ 1

เมฆฝนตั้งเค้ามาตั้งแต่เที่ยงพร้อมกับเสียงคำรามครืน เหมือนกับท้องฟ้ากำลังขู่ผมว่าวันนี้ให้รีบตรงกลับบ้านอย่าเถลไถล เพราะตามปกติแล้วผมมักแวะร้านเกมเซนเตอร์ก่อนเข้าบ้านเสมอ น่าแปลกที่วันนี้ผมเกิดไม่อยากฝ่าฝืนคำขู่ของฟ้า จึงรีบวิ่งหน้าตั้งเพื่อให้ถึงบ้านก่อนที่ฝนจะตก

บ้านของผมอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน เดินแค่สามสิบนาทีก็ถึง น่าแปลกอีกเหมือนกันที่วันนี้ผมเกิดอยากนั่งมอร์เตอร์ไซค์รับจ้างเข้าบ้าน แต่เหมือนกรรมได้ลิขิตไว้แล้ว รอตั้งนานมอร์เตอร์ไซค์ไม่มีผ่านมาสักคัน อีกทั้งฟ้าก็คำรามอยู่ได้ ผมจึงตัดสินใจวิ่ง วิ่งได้สามนาทีก็ต้องหยุดพักและวิ่งต่อ.... แหม อย่าหาว่าผมอ่อนแอเลยครับ ก็ผมคนเล่นเกมนะไม่ใช่คนเล่นกีฬา....

ทางระหว่างโรงเรียนกับบ้านผมมีที่ดินว่างเปล่าและรกมากถึงยี่สิบช่วงตึก (นึกภาพไม่ออกก็ไปนับตึกแถวเอาก็แล้วกันนะครับ) อย่างที่บอกไว้ ผมไม่ใช่นักวิ่ง ผมจึงต้องมาหยุดหอบแฮ่กตรงบริเวณนั้นพอดี

ผมเป็นคนตาไวครับ (ไม่งั้นจะหาไอเท็มในเกมทั้งหลายแหล่ที่ซ่อนอยู่เจอได้ไง) ก็เลยเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่สองตาของผมจะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเป็นเงาตะคุ่มๆ แถวกอกกสูงเกือบสองเมตร ทีแรกผมนึกว่าหมาสีดำกำลังคุ้ยขยะ แต่มองไปมองมา เจ้านั่นตัวใหญ่กว่าหมาซะอีก

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมจึงเพ่งต่อไปเรื่อยๆ ระยะห่างระหว่างผมกับเจ้าสิ่งนั้นค่อนข้างมากอยู่ ผมเลยย่ามใจคิดว่ายังไงก็คงเผ่นทัน อีกอย่าง ฟ้ายังไม่มืดและผมก็เป็นผู้ชาย ถึงจะเป็นพวกบ้ากามโรคจิตก็คงไม่หน้ามืดตามัวลากหนุ่มหน้าจืดใส่แว่นอย่างผมไปข่มขืนหรอกน่า

แม้จะตาไวแต่ก็ไม่ใช่คนตาดี ผมจึงขยับเข้าไปดูใกล้มากอีกหน่อย สิ่งที่เห็นต่อมาก็คือเขา... เขาสัตว์ครับ เหมือนกับเขาวัว เขาแพะ อะไรแบบนั้น และแถวบ้านผมก็มีคนเลี้ยงวัวเลี้ยงแพะอยู่มาก ผมจึงสรุปว่าคงเป็นแพะที่ชาวบ้านเอามาผูกไว้ ผมถอนหายใจและหันหลังเดินกลับ แต่ฟ้าเจ้ากรรมดันผ่าเปรี้ยงเสียงดังลั่น

"เฮ้ย!!" ผมร้อง กระโดดเหยงเข้าไปในกอกก สองตามองท้องฟ้าอย่างหวาดๆ เมื่อเห็นประกายแปลบปลาบหายไป ผมก็ค่อยๆ เดินออกมา
แต่...
พลั่ก!!
ผมรู้สึกเหมือนถูกผลักอย่างแรงจนล้มคว่ำ ทีแรกนึกว่าโดนแพะเตะ จนกระทั่งรู้สึกถึงน้ำหนักของใครบางคนที่กดทับอยู่บนตัวผม พร้อมกับเห็นท่อนแขนผิวสีแทนขนาบอยู่ทั้งข้างซ้ายและขวา
"ใครวะ เล่นอะไรบ้าๆ"
ผมตะโกนเป็นเชิงบอกให้รู้ว่า ถึงตัวเล็กแต่ข้าก็เป็นผู้ชายทั้งแท่งนะเฟ้ย เผื่อว่าเจ้านั่นจะเกิดเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นผู้หญิง แต่แรงที่กดทับอยู่ยังไม่ยอมผ่อน ผมจึงเอี้ยวตัวไปกะโวยใส่เต็มที่
ทว่า...ผมได้แต่อ้าปากค้างเมื่อเห็นคนที่ทับผมอยู่เต็มสองตา
...หล่อว่ะ...
ผมเกือบหลุดคำนี้ออกมาแล้ว ดีว่ารีบหุบปากได้ทันพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แต่สิ่งที่เห็นเป็นอันดับต่อไปมันทำให้ปากผมต้องอ้าใหม่อีกหน
ไอ้รูปหล่อ... มันมีเขา!!
"ว้ากกกกกก!!!!" ผมร้องลั่น เริ่มดิ้นรนสุดกำลัง
"ว้าก ไอ้ปิศาจ ไปให้พ้น ป๊ายยยย!!!"
เมื่อเห็นผมดิ้น มือที่ค้ำเอาไว้ก็เปลี่ยนมาจับแขนออกแรงกดกับพื้น ผมไม่รู้สึกตัวเลยว่าทั้งแขนทั้งลำตัวได้ถูกเจ้าปิศาจร้ายพันธนาการไว้หมดแล้ว ช่วยไม่ได้... เพราะปากผมยังใช้การได้นี่นา
"ไปให้พ้นนะ ไอ้ปิศาจ กาเมสุมิจฉา....อุบ!!"
กะท่องสัพเพสัตตาไล่ แต่ดันผิดบท... แล้วหลังจากนั้น เจ้าปิศาจบ้านั่นมันเอาปากของมันมาประกบปากผมเฉยเลย ยังครับ ยังไม่หมดเท่านั้น ผมยังรู้สึกได้ว่ามีอะไรอุ่นๆ เคลื่อนไปมาอยู่ในปากด้วย!
"อุ๊กกก อื๊ออออ!!!" ผมครางในลำคอ ดิ้นขลุกขลักใต้ร่างใหญ่อย่างสิ้นหวัง ไม่นานนัก ภาพทั้งหลายก็พลันมืดลง.....

"เต้... เต้ เป็นไงบ้างลูก!!"
อะไรอุ่นๆ กำลังเคลื่อนไปมาบนใบหน้า ผมจึงค่อยๆ เผยอเปลือกตาขึ้นมอง ภาพคุ้นเคยของหญิงวัยกลางคนปรากฏใกล้ หล่อนนั่งประชิดติดร่างไร้เรี่ยวแรงของผม ดวงตาสีน้ำตาลของหล่อนมีหยาดน้ำคลอคลอง
"แม่...."
พลันกลิ่นฉุนแสบจมูกของยาดมวิ่งจี๊ดขึ้นกลางกระหม่อม ผมรีบผลักมือของใครไม่รู้ที่ถือขวดยาดมออกไปให้ห่าง
"ไม่เป็นไรนะ ไอ้หนู"
ยายแก่ไม่คุ้นหน้ามองผมด้วยสายตาเป็นห่วง ผมกลืนน้ำลายพลางมองไปรอบๆ นอกจากแม่แล้ว ผมเห็นคนไม่รู้จักอีก 2-3 คนยืนล้อมอยู่ แน่นอนว่าทุกคนไม่มีเขาบนหัว
"ฉันเห็นนายนอนฟุบอยู่แถวกอกก ตกใจหมดเลยนึกว่าตายซะแล้ว ดีนะว่าเจ้านี่บอกว่านายแค่เป็นลม"
ชายวัยรุ่นอายุคงมากกว่าผมประมาณสองสามปีดึงผู้ชายอีกคนเข้ามาให้ผมเห็นหน้า แม้จัดได้ว่าหน้าตาค่อนข้างดีแต่ก็ยังห่างขุมจากเจ้าปิศาจรูปหล่อตัวนั้นเยอะ
"เต้ ไม่เป็นไรนะลูก ไปหาหมอไหม?"
"ผมไม่เป็นไรแล้วฮะแม่" ผมพยายามลุกและดันมือแม่ที่ยังลูบหน้าตาผมไม่เลิกออกอย่างสุภาพ
"ไม่เป็นไรจริงๆ ฮะ" ยืนยันอีกครั้ง เพราะน้ำตาของแม่ยังคลอเบ้าอยู่
"แม่เพิ่งกลับจากตลาด เห็นลูกฟุบอยู่ตรงนี้ ตกใจหมดเลย ดีนะคุณยายแกมียาดม... ขอบคุณคุณยายซะสิลูก"
ผมหันไปทางยายแก่และยกมือไหว้ "ขอบคุณครับ"
เมื่อเห็นผมไม่เป็นอะไรแล้ว กลุ่มผู้ช่วยเหลือจึงเริ่มแยกย้ายกันไป ผมลุกขึ้นตบก้นไล่ผงฝุ่นออกและยื่นมือจะดึงกระเป๋าหนังสือในมือแม่มาถือ แต่แม่กลับผลักมือผมออก
"ไม่เป็นไร แม่ถือให้"
"แม่... ผมผู้ชายนะ" ว่าจบผมก็คว้ากระเป๋ามาถือ หลังจากนั้นจึงเดินกลับบ้านกับแม่ แม้หูจะฟังว่าแม่พูดอะไรแต่สมองกลับคิดถึงเรื่องที่ผมเพิ่งได้เจอกับตัวเอง เอ... หรือจะเล่นเกมมากเกินไป เลยเห็นภาพหลอน อีกอย่าง โลกนี้มีปิศาจที่ไหนกัน แล้วปิศาจนั่นยังมา.... อึ๋ย!! เลิกคิดดีกว่า...
ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ ออกไป ถึงเจ้านั่นเป็นปิศาจแต่มันก็เป็นผู้ชาย หนำซ้ำมันยังมาจูบผมอีก.... ใช่... มันต้องเป็นความฝันตอนที่ผมวูบไปแน่ๆ
"เออ... แม่ลืมบอก ลูกพี่ลูกน้องทางพ่อเรามาถึงแล้วนะ แม่จะให้เขานอนกับลูก ไม่ขัดข้องใช่ไหม?"
"ไม่ครับ"
พ่อผมเสียไปนานแล้ว แต่ญาติทางฝ่ายพ่อทุกคนก็ยังคอยเป็นห่วงเป็นใยแม่ผมเสมอ ทั้งยังคอยช่วยเหลือเรื่องต่างๆ ให้ครอบครัวเรา ถ้าเขาจะมาพักอาศัยด้วย เราจะไม่ให้พักได้อย่างไร...
... ว่าแต่... แม่บอกผมตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะมีญาติทางพ่อมาอยู่ด้วยนะ...
ผมสะบัดหัวอีกครั้ง เพราะการวูบครั้งนี้อาจทำให้สมองผมเบลอไปก็ได้ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก จนกระทั่งเข้าใกล้ประตูรั้ว ผมเห็นใครคนหนึ่งยืนหันหลังอยู่หน้าบ้านเหมือนกำลังชมบ้านของเราสองแม่ลูกอยู่
ผมขมวดคิ้ว พยายามเขม่นมองผู้ชายที่น่าจะอายุมากกว่าผมหลายปีอยู่ แต่เมื่อเจ้าหมอนั่นหันมาและส่งยิ้มให้ ดวงตาของผมก็พลันเบิ่งกว้าง อ้าปากค้างด้วยความตกใจสุดขีด
"กลับมาแล้วหรือครับคุณน้า"
ไอ้ปิศาจหน้าหล่อนั่นยืนยิ้มเผล่แถมยกมือไหว้ทักแม่ผมด้วยน้ำเสียงที่เหมือนสนิทสนมกันมาทั้งชาติ!!
"เต้ จำพี่เมฆลูกป้าอมรได้ไหมจ๊ะ คนที่เคยพาลูกไปเล่นแถวคลองชลประทานไง"
เห็นรอยยิ้มของแม่ตอนที่แนะนำผู้กล้าล่วงละเมิดริมฝีปากผมเมื่อพักใหญ่แล้ว ไม่อยากตอบออกไปเลยว่า 'จำไม่ได้' ขณะที่ลังเลอยู่ว่าจะตอบยังไง นายปิศาจก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
"นั่นนานมากแล้วนะครับ เต้คงจำไม่ได้แล้วมั้ง"
"ใช่ จำไม่ได้" พูดจบก็ถลึงตาใส่... นายเปิดโอกาสให้ฉันเองนะเฟ้ย ไอ้ปิศาจ!
ผมเชิดหน้าอย่างย่ามใจโดยไม่รู้ว่าพลาดไปถนัด แม่หันมาทำตาดุและเสียงเขียวใส่ผม
"ลูกจะจำไม่ได้ได้ยังไง ก็วันนั้นลูกกับเมฆถูกคุณย่าตีก้นลายเลยไม่ใช่เหรอ"
พูดไม่ออกสิครับ ได้แต่ส่งค้อนให้ไอ้ตัวสร้างความร้าวฉานให้แม่ลูก แต่เจ้านั่นกลับยิ้มกว้างและแอบยักคิ้วล้อเลียนผมอีกแน่ะ
"เข้าบ้านดีกว่าครับ มา...ผมช่วยถือ"
หนอยแน่! ยังหันไปทำเสียงประจบแม่ผมอีก เนียนซะไม่มี ไอ้ปิศาจบ้า… ผมถลึงตาใส่หมอนั่นพลางเดินตามหลังแม่เข้าบ้าน
บ้านของผมเป็นบ้านไม้สองชั้นหลังเล็ก จากประตูรั้วถึงประตูบ้านเดินแค่สามก้าวก็ถึง มีโต๊ะพับแบบญี่ปุ่นเก่าๆ ใช้รับแขกในห้องโถงเอนกประสงค์ที่เป็นทั้งห้องกินข้าว ห้องนั่งเล่นและห้องทำการบ้าน ห้องครัวแยกออกไปทางด้านหลังตรงข้ามกับห้องน้ำ ส่วนชั้นสองมีแค่ห้องนอนของผมกับแม่เท่านั้น
ปิศาจที่ชื่อ 'เมฆ' ทำยังกับอยู่บ้านผมมาเป็นปี เจ้านั่นวางถุงอาหารไว้บนโต๊ะ แล้วเดินหายเข้าไปในครัวหน้าตาเฉย สักพัก มันถือแก้วน้ำออกมาส่งให้แม่ของผม
"แม่ฝากน้ำตาลสดมาให้ครับ คุณน้าลองชิมดูสิ"
ผมอยากจะตะโกนว่า อย่า! แต่ช้าไปแล้ว แม่หยิบแก้วน้ำตาลสดขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดก่อนส่งแก้วเปล่าให้เมฆ
"ฝีมือพี่อมรนี่ไม่เปลี่ยนเลย อร่อยเหมือนเดิม"
ป้าอมร เป็นพี่สาวคนที่สองของพ่อผม เขาชอบทำขนมและน้ำผลไม้คั้นมาฝากประจำอยู่แล้ว ถ้านอกเหนือจากเรื่องลูกชายคนโตของป้าอมรที่ชื่อ 'เมฆ' นั้นตายไปหลายปีแล้ว เจ้าปิศาจตัวนี้ก็ถือได้ว่าทำการบ้านมาดีทีเดียว ผมเริ่มนับหนึ่งถึงสิบเมื่อเห็นเจ้านั่นส่งยิ้มหวานให้แม่โดยที่ลืมไปสนิทกับเรื่องเลวร้ายที่แม่ได้เตือนผมไว้ก่อนหน้า
"พาพี่เขาไปบนห้องสิลูก ช่วยพี่เขาจัดกระเป๋าด้วยนะ เดี๋ยวแม่จะเอาผ้าไปปูเพิ่มให้"
จ๊าก! ลืมไปเลยว่าเจ้านี่ต้องนอนห้องเดียวกับผม!!
"แม่! ผมยกห้องให้ไอ้... เอ๊ย พี่เมฆไปเลยก็ได้ ผมขอไปนอนกับแม่นะ"
แม่เลิกคิ้วกับท่าทางลุกลี้ลุกลนเกินกว่าเหตุของผม แต่อยู่ๆ นายปิศาจเมฆก็โอบไหล่ผมหมับ ทันใดนั้น ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอหอย เสียงหายไปเฉยๆ
"ห้องคุณน้าเขาเล็กกว่าห้องนายตั้งเยอะ นายนอนกับฉันแหละดีแล้ว"
ผมพยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากแม่แต่ไร้ผล จะว่าไปแล้วเจ้านี่มันเป็นปิศาจนี่หว่า ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าทำอะไรแม่ผมอาจซวยไปด้วยก็ได้
คิดแบบนั้นเลยได้แต่คอตก ปล่อยให้ไอ้คุณปิศาจเมฆลากขึ้นไปถึงห้องนอนตัวเอง พอปิดประตูห้อง เจ้านั่นก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระก่อนเดินไปนั่งบนที่นอนของผมอย่างถือวิสาสะ
"นายพูดได้แล้ว แต่ห้ามส่งเสียงดัง ไม่งั้นฉันจะเล่นงานแม่นาย"
"ไอ้ปิศาจชั่ว แกต้องการอะไร!!" ผมไม่ได้ฟังคำทัดทานเลย แหกปากตะโกนออกไปสุดเสียง เจ้าปิศาจที่ใช้ชื่อญาติผู้พี่ของผมเลิกคิ้วมอง
"หรือนายอยากถูกจูบอีก"
ผมรีบตะครุบปิดปากตัวเองทันที ครั้งเดียวก็เลวร้ายเกินพอแล้วสำหรับลูกผู้ชายตัวจริงอย่างผม อาการนั้นทำให้ปิศาจหนุ่มเหยียดริมฝีปากออกเหมือนยิ้มเยาะเย้ย ก่อนเอนตัวพิงกำแพง ครู่เดียวแม่ผมก็เปิดประตูห้องเข้ามา
"แม่เอาผ้ามาให้แล้วจ๊ะ เมฆจะให้ปูตรงไหน?"
"เดี๋ยวผมจัดให้เองฮะ แม่รีบลงไปทำกับข้าวเถอะ ผมหิวแล้ว" ผมรีบพูดพลางรุนหลังของแม่เพื่อกันท่านออกไปให้ไกลจากเจ้าปิศาจ กลัวมันจะทำร้ายแม่ผม
หลังจากที่แน่ใจว่าแม่เดินลงไปชั้นล่างแล้ว ผมจึงเดินไปปิดประตูห้อง ไม่ลืมลงกลอนเผื่อแม่จะเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาอีก พอหันกลับไปก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อปิศาจคืนสู่รูปลักษณ์เดิมของมัน… ปิศาจที่มีเขาสัตว์บนหัว
"แกต้องการอะไร หา!" ผมเริ่มขู่ฟ่อก่อนยกมือพยายามตั้งท่าเลียนแบบนักมวย ทั้งนี้เพื่อขู่หมอนั่นว่าถึงตัวเล็กกว่าแต่ก็สู้คนนะเฟ้ย!
"ไม่มี แค่อยากขอที่พักชั่วคราว" มันถอนหายใจพลางเปิดแขนเสื้อเชิ้ตสีดำที่สวมอยู่ ผมเห็นบาดแผลน่ากลัวมากที่ท่อนแขนล่ำ เลือดสีแดงพุ่งพรวดๆ เหมือนน้ำพุ ทำไมก่อนหน้านี้ผมถึงไม่สังเกตเห็นว่าเจ้านี่บาดเจ็บอยู่นะ
"ไอ้ที่ว่าชั่วคราวน่ะ จะพักถึงเมื่อไหร่" ผมมองไปที่แผลอย่างรู้สึกขยะแขยง ถึงผมจะชอบเล่นเกมบู๊ล้างผลาญโดยเฉพาะพวกยิงซอมบี้ แต่มาเจอเลือดจริงเข้าแบบนี้ก็พาลเข่าอ่อนเอาเหมือนกัน
"ไม่รู้" เจ้านั่นตอบพลางยกมือกดที่ปากแผล หน้าตาเหมือนไม่รู้สึกรู้สาว่าเจ็บแต่ก็ดูซีดไม่น้อย ทำให้ผมชักเริ่มสงสาร
"ฉันจะไปเอายาแดงมาใส่ให้" ผมบอกพร้อมกับทำท่าเหมือนจะเปิดประตู แต่เจ้าปิศาจกลับตะโกน
"ไม่ต้อง! ถ้านายออกไปจากห้องตอนนี้ล่ะก็ นายตาย!!"
หน้าซีดเหมือนวัวต้มขนาดนั้นยังปากดี แต่ยังไงมันก็เป็นปิศาจ... ผมมองเขาแหลมๆ บนหัวอย่างหวาดหวั่นก่อนปล่อยมือจากประตูและนั่งลงตรงนั้น
"มานั่งใกล้ๆ หน่อยสิ ฉันไม่กัดนายหรอกน่า"
... ไม่ได้กลัวถูกกัด แต่กลัวอย่างอื่นต่างหากเฟ้ย!
ใจก็คิดไปแต่ไม่กล้าบอก ผมขยับตัวเข้าใกล้อีกนิดแต่คงใกล้ไม่พอ ปิศาจร้ายจึงกระชากผมจนไปชนหน้าอกหนาของมัน สัมผัสอุ่นๆ จากแผงอกใต้เสื้อเชิ้ตทำให้ผมร้องลั่น รีบผลักร่างใหญ่กว่าให้ออกห่างพัลวัน
"อย่านะ ฉันผู้ชายนะเฟ้ย!"
"รู้แล้วว่าผู้ชาย เลิกแหกปากโวยวายเหมือนผู้หญิงสักที!!"
เสียงตะคอกทำให้ชะงัก แต่ใบหน้าหล่อคมอย่างกับเทพนั่นห่างจากหน้าผมไม่ถึงนิ้ว ผมรีบเม้มปากแน่นกลัวถูกการจู่โจมไม่พึงประสงค์รอบสอง ปิศาจร้ายตกตะลึงไปครู่ก่อนเริ่มต้นหัวเราะหึ หึ ในลำคอ
"ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ฉันไม่ได้พิสมัยผู้ชายสักหน่อย ตอนนั้นฉันแค่อยากให้นายเงียบเท่านั้น"
ตาสีม่วงเข้มดูจริงจัง ผมเลยผ่อนริมฝีปากออกอีกหน่อย (เพราะเม้มนาน ชักเมื่อย) แต่ก็ยังไม่ไว้วางใจเสียทีเดียวเพราะมือใหญ่ยังไม่ปล่อยจากแขนผม แถมลำตัวก็ยังห่างจากกันไม่มากนัก

เลือดที่แขนยังคงพุ่งพรวดแต่เมื่อมองให้ดีแล้วเลือดนั้นไหลย้อนกลับเข้าสู่ปากแผล แถมไม่มีเลอะเทอะมาถูกตัวผมอีกต่างหาก ด้วยความสงสัยผมจึงอ้าปากเพื่อจะถาม แต่มันกลับพูดสวนมาในวินาทีนั้นว่า

"ที่พูดเมื่อกี้ฉันโกหก"

จะป้องกันตัวก็ไม่ทันซะแล้วครับ ใบหน้าคมนั่นโน้มลงมาประกบริมฝีปากผมอีกครั้งและโถมแรงใส่เพื่อกดผมลงไปนอนกับพื้น คนตัวเล็กกว่า แรงน้อยกว่า แถมเป็นแค่คนเดินดินกินข้าวแกงธรรมดาจะไปสู้รบอะไรปิศาจได้ แต่ผมก็ยังพยายามขัดขืนดิ้นรน ทว่ายิ่งดิ้นสติก็เริ่มรางเลือน

แล้วภาพทุกอย่างก็ดับมืดลงไปอีกครั้ง....

===============

เป็นฉบับพิมพ์ขายจ่ะ ขออภัยที่มิได้กั้นหน้าให้อ่านง่ายเด้อ




 

Create Date : 24 กันยายน 2549    
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2553 17:59:42 น.
Counter : 254 Pageviews.  

1  2  

รักเฉพาะชายสูงวัย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รักเฉพาะชายสูงวัย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.