ประเทศลาว
หวัดดีครับ
ได้ไปไปเที่ยว เมือง เวียงจันทน์ , ลาว มาเป็นครั้งแรก ก็เลยอยากจะลองเขียนเล่าสักหน่อย ผมไปกับคณะธรรมทัศน์ , วัดนาคปรก โดยแวะเที่ยว โคราช , ขอนแก่น , หนองคาย , เวียงจันทน์ ขากลับ ก็เที่ยว หนองคาย , อุดรธานี ระหว่างวันที่ 30 ต.ค. - 1 พ.ย. 2552 กลับถึงบ้านประมาณ ตี 3.20 น. ของวันที่ 2/11/52
เริ่มออกสตารท์จากวัดนาคปรกโดยรถบัส 2 ชั้น ในเวลาประมาณ ตี 5 น่าจะได้ ทางวัดนาคปรก แจกหนังสือ ธรรมะให้ 2 เล่ม พร้อมกับ พระอีก 1 องค์ , หนังสือสวดมนต์อีก 1 เล่ม มีแปลก ๆ ไม่เหมือนใคร มีทำเป็นหนังสือโปรแกรมการท่องเที่ยว พร้อมกับรายชื่อ คนที่ไปเที่ยวด้วยกันทั้ง 50 คน พร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ ( แต่บางคนก็ไม่มีเบอร์ลงไว้ บางคนก็มีรูปลง บางคนก็ไม่มีรูป ) ได้นั่งข้างกับคุณลุงอายุ 68 ปี จากตลาดพูล , มาพร้อมกับภรรยาและก็ลูกสาว แกเล่าว่าลูกสาวชอบทำบุญ ก่อนมาลูกสาวถามว่า พ่อจะไปด้วยกันหรือเปล่า ? ก็เลยได้มาด้วยกัน รถบัสพาคณะเดินทางไปขึ้นทางด่วนแถวถนนสาธร ตอนรถอยู่ที่ทางด่วนพระได้นำญาติโยมสวดมนต์ทำวัตรเช้า รถบัสจะต้องไปแวะรับญาติโยมที่รังสิตอีกนิดหน่อยแล้วถึงจะมุ่งหน้าสู่ ร้านอาหารครัวอีสาน อยู่ริมเขื่อนลำตะคอง รถไม่ค่อยติดรู้สึกว่าประมาณ 6.45 น. น่าจะได้รถบัสก็ถึงจุดสระบุรีเลี้ยวขวาแล้ว ( ค่ายอดิศร ) รถบัสแวะกินข้าวเช้าที่ร้านครัวอีสาน มีอาหารแบบบุฟเฟต์ให้ตักกิน ก็มีพวกข้าวผัด , ข้าวต้ม , กับข้าว , กาแฟ , ขนมปัง มื้อนี้ไม่ต้องจ่ายมันรวมอยู่ในค่าทัวร์ 3,700 บาท นั่งกินข้าวกับคุณลุงจากตลาดพูล ( ลุงนั้ม ) แผล็บนึง ตอนแรกก็นึกว่าแกมาคนเดียว คุณลุงมาเที่ยวคนเดียวเหรอ ? คุณลุงก็บอกว่า มากับเมียแล้วก็ลูกสาว ( แต่แกบอกขำ ๆ ที่บอกว่ามากับใคร ) พอกินข้าวเสร็จก็แวะถ่ายรูปวิวเขื่อนลำตะคองนิดหน่อย ตอนกินข้าวมีรถไฟแวะจอดตรงฝั่งตรงข้ามกับร้านเลย

พอกินเช้าเสร็จก็ออกเดินทางไปยัง มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรมรังสี ) ตั้งอยู่ที่ บ้านโนนกุ่ม ต.มิตรภาพ อ.สีคิ้ว จ.โคราช สรพงศ์ ชาตรี เป็นประธานมูลนิธิ จุดเด่น ๆ ของที่นี่ก็คือ รูปหล่อของสมเด็จพระพุฒาจารย์ขนาดใหญ่มาก สีเข้ม ๆ ตั้งอยู่ในมหาวิหารขนาดใหญ่ด้านในยังตกแต่งไม่เสร็จ พระจากวัดนาคปรกนำญาติโยมสวดมนต์กันที่มหาวิหารนี้ รูปหล่อดูขรึมสวยงามดี ก่อนจะถึงมหาวิหารก็มีศาลาให้ญาติโยมแวะทำบุญเช่าพระ , ทำบุญกระเบื้องมุงหลังคา ผมทำบุญกระเบื้องไป 2 แผ่น เขาบอกว่าที่นี่มีโรงทานให้กินฟรีด้วย แต่ไม่ได้เข้าไปดูว่าเป็นยังไง เพราะว่าเวลาจำกัดเดินเที่ยวนานไม่ค่อยได้ ด้านหน้าศาลาที่ว่ามันจะมีน้ำพุให้คนโยนเหรียญให้เข้าไปอยู่ในพานเล็ก ๆ กลางน้ำพุ เป็นการโยนเกี่ยวกับการขอพรอะไรทำนองนี้มั๊ง มีคนไปโยนเยอะเหมือนกัน ลองโยนดูแล้วไม่เข้า ยากเหมือนกันน๊า , มีสาว ๆ นักศึกษามาเที่ยวที่นี่เยอะเลยตอนเช้าวันนั้น ที่เด่นๆ ก็อีกอันก็คือ มีวิหารใหญ่ ๆ อยู่ใกล้ ๆ กับมหาวิหารมันอยู่ทางด้านขวา ข้างในรู้สึกว่าจะมีพระพุทธรูป องค์สีขาว ๆ หลวงพ่อทันใจหรือเปล่าไม่แน่ใจ แล้วก็มีรูปเหมือนของสมเด็จพระพุฒาจารย์โตองค์เล็กอยู่ทางด้านซ้ายมือ ข้างในวิหารยังก่อสร้างไม่เสร็จ แวะทำบุญกระเบื้องที่วิหารนี้อีกหน่อย อ้อข้างในวิหารนี้มันจะมีลูกกลมๆ น่าจะเป็นลูกนิมิตร วางเรียงกันประมาณ 10 ลูก ปิดทองเรียบร้อยอยู่ทางด้านซ้ายมือ พอเที่ยววิหารนี้เสร็จแล้วสักพักก็ได้ยินเสียงประกาศจากลำโพง ผู้ที่มากับคณะธรรมทัศน์ วัดนาคปรก จาก ก.ท.ม. ให้ไปขึ้นรถได้แล้วจ๊ะ ก็ต้องบ๊าย บ๊ายจากที่นี่ออกเดินทางไปกินข้าวเที่ยงที่ ร้านกันตาไก่ย่าง อ.เมืองพล จ.ขอนแก่น มื้อนี้ต้องออกเงินเอง ตัวใครตัวเผือก อ้อลืมเล่าอีกอย่าง ที่ด้านหน้าของรูปเหมือนของสมเด็จพระพุฒาจารย์องค์ใหญ่ที่อยู่ในมหาวิหาร ถ้าใครบริจาคเงินประมาณ 100 กว่าบาทเขาจะให้ล็อตเตอร์รี่ 1 คู่ด้วย

ออกเดินทางจากมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ไปกินข้าวเที่ยวที่ร้านกันตาไก่ยาง ที่ร้านกันตาไก่ย่าง ก็จะมีลักษณะเป็นร้านโล่ง ๆ ชั้นเดียว เมนูเด่นก็ต้องเป็นไก่แน่นอนอยู่แล้ว ไก่ตัวละ 110 บาท แล้วมันก็จะมีพวกข้าวราดแกง แต่ผมไม่ได้กินไก่หรอก กินคอหมูย่างกับข้าวเหนียว , แล้วก็ข้าวราดแกง กินข้าวกันไม่นานก็ออกเดินทางต่อ จุดหมายปลายทางต่อไปก็คือ วัดหนองแวง ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น วัดนี้มีทีเด็ด นั้นก็คือ พระมหาธาตุแก่นนคร มีลักษณะเป็นอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้า 9 ชั้น ทรงปิรามิด ชั้น 9 มีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่แล้วก็มีประดิษฐานอยู่ที่ชั้น 1 ด้วย มาถึงวัดนี้แดดร้อนอย่างแรงเลยครับ พระจากวัดนาคปรกนำญาติโยมสวดมนต์และก็ถวายของให้พระที่วัดนี้ และพระจากวัดนี้ก็พรมน้ำมนต์ให้ตอนท้าย พระจากวัดนี้ท่านแจกพระผงหลวงพ่อคูณให้ทุกคนฟรี , ที่พระมหาธาตุแก่นนครจะมีไกด์เด็กผู้หญิงชั้นประถมคอยให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวจะคอยตามขึ้นไปทุก ๆ ชั้น , ชั้นที่ 1 มีเซียมซี่ให้เสี่ยงทาย ผมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเก็บไว้ทุกชั้น ชั้นบน ๆ จะเห็นวิวบึงแก่นนครและก็ตัวเมืองข่อนแก่นอย่างสวยงาม และก็จะมีหลังคากุฏิแดง ๆ อยู่บนกลุ่ม ๆ ไม่รู้ของวัดเดียวกันหรือเปล่า ? มีวิวภูเขาให้ดูนิดหน่อย ตามชั้นต่าง ๆ จะมีของโบราณต่าง ๆ , รูปภาพเก่า ๆ , ภาพสีฝาผนังอยู่ชั้นล่าง ๆ , มีระฆังอยู่ชั้นด้านบน , มีโลงศพสีดำอยู่โลงนึง ชั้น 9 จะแคบ ๆ ประมาณ 3 เมตรน่าจะได้ ชั้น 1 - ชั้น 9 มีระเบียงให้ดูวิวรอบด้านเลย รู้สึกว่าที่วัดนี้ไม่มีทำบุญกระเบื้อง ที่วัดนี้ใช้เวลาเที่ยวนานหน่อย กว่าจะลงมาก็เป็นคนหลัง ๆ , มีห้องน้ำให้บริการอยู่ข้าง ๆ พระมหาธาตุแก่นนคร เข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว คุณโจ้ หนุ่มใส่แว่นหน้าตาดูคล้าย บ. บู๊ ( พิธีกรรายการกีฬา คู่หูแจ๊คกี๊ ) มาถามผมว่า มีคนจากคณะเราอยู่ด้านนั้นหรือเปล่า ? ไม่มีแล้วนี่ครับ นั่งอยู่บนรถสักพักก็เดินทางออกจากวัดหนองแวง คราวนี้ยิงยาวเลยครับ จุดหมายปลายอยู่ที่หนองคาย

อ้อ ที่พระธุาตแก่นนครยังมีไดโนเสาร์ตัวใหญ่อยู่ที่ชั้นล่าง 1 ตัว ให้ลองไปถ่ายรูปกัน ออกเดินทางจากวัดหนองแวงจุดหมายปลายทางแห่งต่อไปก็คือ วัดโพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย เส้นทางที่ผ่านไปยัง จ.หนองคาย นั้นจะต้องผ่าน จ.อุดรธานี รถวิ่งผ่านเข้าไป จ. อุดร ลักษณะวิวดูน่าสนใจ ดูเหมือนมันจะเป็นที่สูงขึ้นไป วิวข้างทางวันนั้นช่วงมูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์ ไป ยัง จ. หนองคาย รู้สึกว่า ที่เด่น ๆ ก็คือ ทุ่งนา บางช่วงเป็นทุ่งนาสวยมาก วิว จ.อุดรข้างทางมีลักษณะเป็นกั๊ก ๆ ดูมันเหมือนเป็นที่ราบสูง แต่ไม่ถึงกับเป็นภูเขา ตามกำหนดการเราจะต้องมาเที่ยวทึ่วัดโพธิ์ชัยในวันนี้ แต่ว่า เกิดเหตุขัดข้องจากการเดินทาง เราเดินทางมาถึง อ.เมือง จ.หนองคาย เย็นเกินไป ประมาณ 6 โมงเย็นน่าจะได้ พระจากวัดนาคปรกก็ได้ประกาศผ่านไมค์บนรถบัสว่า เราจะไปที่วัดโพธิ์ชัยกันในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ , และจะไปกินข้าวเย็นกันที่ ร้านอาหารริมแม่น้ำโขง แถว ๆ พระธุาต ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าพระธุาตชื่ออะไร มาที่หลังถึงรู้ว่าเป็นพระธุาตหล้าหนอง พระธุาตเก่าแก่ริมแม่น้ำโขงที่เคยพังไปครั้งหนึ่งแล้วต่อมาได้มีการสร้างขึ้นมาใหม่ รถบัสแล่นผ่านเข้าไปยังพระธุาตหล้าหนองไปตามถนนแคบ ๆ ไปถึงพระธุาตวิวมันก็มืดแล้ว เดินลงจากรถไม่กี่ก้าวก็เห็นวิวแม่น้ำโขงดูสงบเงียบ ลงจากรถไปแผล็บนึงลองถ่ายรูปพระธุาตหล้าหนองก่อนเลยสัก 1 รูป ภาพแรกในชีวิตที่ได้ถ่ายรูปจังหวัดหนองคาย ( ยังไม่เคยมาเที่ยวหนองคาย แถวนั้นเคยไปแต่ จ.เลย ภูกระดึง ) มื้อเย็นของวันนั้นคณะญาติโยมจากวัดนาคปรกกินข้าวกันที่ ร้านครัวคุณดี้ ผมกินโต๊ะอยู่ด้านหน้าร้าน กินข้าวไปดูวิวพระธุาตไป มื้อเย็นวันนั้นก็สั่งเมนูไข่เยี่ยวม้าผัดกระเพรา มื้อนี้ต้องจ่ายเงินเอง ทางร้านเปิดเพลง แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา “ เธอทำให้ฉันรักเธอก่อน ไม่อาจถอน หัวใจมันคอย แอบ ๆ มองอย่างซึ้ง ๆ “ พอกินข้าวเสร็จก็ไปไหว้พระธุาต ครอบครัวของคุณลุงนั้มก็มาไห้วพร้อม ๆ กัน ทดลองใช้โปรแกรมถ่ายภาพตอนกลางคืนของกล้อง nikon p 5100 ถ่ายรูปพระธุาต ก็โอเคนะ โปรแกรมอัตโนมัตไม่ใช้แฟลช วันนั้นมีพระจันทร์อยู่ใกล้ ๆ พระธุาตด้วย ด้านล่างของพระธุาตมีลักษณะเป็นโถงมีพระพุทธรูปตั้งอยู่หลายองค์ด้วยกัน มีเชี่ยมซี่ให้เสี่ยงทายด้วย คณะญาติโยมไหว้พระธุาตกันเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางต่อ ไปพักค้างคืนกันที่ โรงแรมทิพย์หนองคาย เป็นโรงแรมขนาดใหญ่หลายชั้น ตอนแรกพระจากวัดนาคปรกจองโรงแรมอีกแห่งหนึ่งเป็นโรงแรมอยู่ริมแม่น้ำโขง ไม่รู้โรงแรมอะไร แต่ว่าเกิดเหตุขัดข้องห้องพักมันเต็ม จึงได้มาพักที่นี่แทน ผมได้พักอยู่ที่ห้อง 411 นอนกับลุงนั้ม บ้านที่กรุงเทพอยู่ชอยเทอดไท 41/1 เลขเเหมือนกันเลย ที่เคาน์เตอร์โรงแรมตอนที่รับกุญแจห้องเขาจะแจกคูปองให้เราเอาไปใช้กินข้าวเช้ากันที่ห้องอาหารของโรงแรม มื้อเช้าของวันพรุ่งนี้ไม่ต้องจ่ายเงิน ดูจากห้องพักแล้วน่าจะอยู่ที่ราคา 350 – 500 บาท ก็โอเคนะ มีช่องภาษาเวียดนามให้ดูด้วย วันถัดไปพระจากวัดนาคปรก เล่าว่า คุณโจ้ เดินมาเคาะประตูห้องที่พระนอนพักอยู่ จะขอเข้าไปนอนด้วย คล้าย ๆ กับว่าไม่อยากนอนคนเดียว อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันฟังพระเล่าไม่ทัน 55555 แต่คืนที่สองรู้สึกว่าคุณโจ้จะนอนอยู่คนเดียว คืนแรกที่พักนั้นพระได้นัดให้มากินข้าวตอน 6 โมงเช้า ทางโรงแรมเขาจะโทรมาปลุกให้ตื่นตอนตี 5 พอเรารับสายเขาจะไม่พูดเป็นการปลุกให้ตื่น


ตื่นเช้ามาต้องรอสักพัก ห้องอาหารเปิดให้กิน late นิดหน่อย เห็นครอบครัวลุงนั้มกำลังเลือกช็อปพวกผ้าอะไรสักอย่างอยู่ด้านหน้าโรงแรม เดินไปถ่ายรูปด้านหน้าโรงแรม 2 รูป อาหารเช้าในวันนั้นก็คือ ข้าวผัด , ข้าวต้ม , ข้าวราดแกง , น้ำส้ม , โอวัลติน , กาแฟ , ขนมปังปิ้ง กินกันอิ่มหมีผลีมันก็ออกเดินทางจากโรงแรมทิพย์หนองคายไปยังวัดโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย นั่งรถไปแผล็บเดียวก็ถึงแล้ว วัดนี้เดินเข้าไปจะเห็นเด่นเลยเป็นคล้ายๆกับพระธาตุสีขาวมีรั้วเตี้ยๆ ล้อมรอบอยู่ตั้งอยู่ด้านหน้าโบสถ์ ตามความเห็นส่วนตัวพระธาตุที่ว่าดูเด่นกว่าโบสถ์อีก ด้านขวามือจะมีศาลาโล่งซึ่งมีพระพุทธรูปตั้งอยู่และก็มีเซี่ยมซี่ให้เขย่าด้วย ข้างในโบสถ์จะมีหลวงพ่อพระใสประดิษฐานอยู่ เป็นพระพุทธรูปขนาดพอประมาณไม่ใหญ่มาก พระจากวัดนาคปรกและญาติโยมสวดมนต์กันที่โบสถ์นี้และก็ถวายของให้ทางวัดโพธิ์ชัย แล้วก็มีการเขียนชื่อลงไปบนผ้าที่ใช้ห่มพระธาตุ ตอนญาติโยมกำลังเขียนผมถ่ายรูปเก็บเอาไว้ เขียนเสร็จแล้วก็จะเอาผ้าไปพันรอบพระธาตุที่อยู่หน้าโบสถ์ ลุงนั้มแกโชว์ออฟช่วยเขาห่มเต็มที่ อ้อก่อนจะเอาผ้าไปพันคณะญาติโยมก็จะต้องจับผ้าให้อยู่เหนือหัวแล้วก็เดินวนรอบพระธาตุ พิธีเกี่ยวกับการเอาผ้าห่มพระธาตุผมถ่ายรูปเก็บเอาไว้ ข้างในโบสถ์ของวัดนี้ตรงด้านบนเกือบ ๆ ถึงเพดานจะมีช่องระบายอากาศเอาตะแกรงครอบเอาไว้ มีอยู่หลายช่องเหมือนกัน มีนกบินอยู่ในโบสถ์ด้วย ผมเช่าพระผงของวัดนี้ 1 องค์ 20 บาทเอง ตอนขากลับเดินออกจากวัดมีคนขายล็อตเตอร์รี่อยู่ที่ประตูทางเข้าวัดหลายคนเลยประมาณ 10 คนน่าจะได้นั้งเรียงกัน เช้าวันนั้นมีรถบัสมาจอดที่วัดเยอะเลย บางคันก็มาจากกรุงเทพ แสดงว่าวัดนี้ฮิตมาก พระจากวัดนาคปรกเดาว่าน่าจะมีบางคันข้ามไปเที่ยวพระธาตุหลวงด้วยกัน ตอนกลับขึ้นไปบนรถบัสบางครั้งก็จะมีน้ำและก็ผ้าเย็นแจกให้ , ลูกอมมีมาเสริฟ์ให้เป็นบางครั้ง ออกเดินทางจากวัดโพธิ์ชัยตรงไปยังสะพานข้ามแม่น้ำโขง ก่อนไปถึงสะพานข้ามแม่น้ำโขงรู้สึกว่าจะต้องไปรับไกด์สาวคนไทยให้เดินทางไปกับเราด้วย ไกด์สาวก็จะคอยเล่าให้ฟังว่าลักษณะของประเทศลาวเป็นยังไง , ขับรถกันยังไง , รถชน เค้าเรียกว่า รถตำ เล่าคำศัพท์ลาวให้ฟังหลายคำ มีขำ ๆ อยู่หลายคำ พอข้ามไปฝั่งลาวแล้วไกด์สาวชาวไทยก็จะต้องลงที่ด่านของประเทศลาว แล้วทางพระจากวัดนาคปรกก็ให้ไกด์สาวที่เป็นคนลาวให้ตามคณะเราไปหนึ่งคน พอรถบัสข้ามแม่น้ำโขง ตื่นเต้นดี ไม่เคยนั้งรถข้าม วิวก็สวยดีนะ แม่น้ำโขงตรงนั้นน่าจะกว้างกว่าแม่น้ำเจ้าพระยาในเขต ก.ท.ม. ของเรานิดหน่อย พอข้ามไปฝั่งโน้นรถบัสของคณะเราก็จะต้องจอดอยู่บริเวณด่าน คณะญาติโยมทยอยเดินผ่านโต๊ะเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องยื่นหลักฐานให้วุ่นวายมีคนทำให้หมด อ้อลืมบอกไปตลอด 3 วันที่ไปเที่ยวทางวัดเขาให้ติดโบว์สีเหลืองที่เสื้อจะได้รู้ว่าเป็นคณะจากวัดนาคปรก เมื่อเดินผ่านด่านไปแล้วก็จะมีรถบัสอีกคันนึงมารับคณะญาติโยมและก็พระ ( ชั้นเดียว พวงมาลัยซ้าย ) แล้วก็จะมีรถตู้อีกคันมารับญาติโยมและก็พระ รู้สึกว่าคุณโจ้จะไปกับรถตู้ จุดหมายแรกในประเทศลาวก็คือ พระธาตุหลวง รถวิ่งตรงไปยังเมืองเวียงจันทน์ สภาพบ้านเรือนก็ดูคล้าย ๆ ทางฝั่งไทย อ้อก่อนถึงพระธาตุหลวงเห็นหน่วยงานทางด้านอุตุนิยมของประเทศลาวด้วย ที่มันเป็นลูกบอลลูกใหญ่ ๆ ( ไกด์สาวลาวเล่าให้ฟัง ชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว เขาบอกว่าเกิดที่เมืองเวียงจันทน์ ) รถบัสมาจอดอยู่ใกล้ ๆ ลานด้านหน้าพระธาตุหลวง เป็นลานกว้าง ๆ มีของขายเยอะพอสมควร คำศัพท์ลาว ซื้อของ ให้เรียก ซื้อเครื่อง ก่อนเข้าชมพระธาตุหลวง ผู้หญิงจะต้องใส่ผ้าซิ่นเข้าชม รู้สึกว่าจะมีให้เช่าอยู่ทางด้านขวาด้านนอกของพระธาตุหลวง ไม่น่าจะเกิน 50 บาทนะ ใกล้ ๆ กันจะมีเต็นท์ขายเขาเรียกอะไรไม่รู้เหมือนกัน เป็นพุ่ม ๆ มีดอกไม้นิ่ม ๆ สีเหลือง ๆ อยู่หลายดอก น่าจะทำมาจากเทียนนะ อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน พระธาตุหลวงจะมีลักษณะเป็นกำแพงล้อมรอบ 4 ด้าน ด้านในกำแพงก็จะเป็นทางเดินให้เดินไปรอบ ๆ มีสนามหญ้าล้อมรอบพระธาตุหลวงอีกที่นึง ตรงประตูทางเข้าพระธาตุหลวงใกล้ ๆ กันก็จะมีพระพุทธรูปให้ไหว้กัน พระธาตุหลวงจะมีกำแพงล้อมรอบ 4 ด้านอีกชั้นนึง ไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวเลยเข้าไปในกำแพงนี้ ด้านในกำแพงที่ว่าก็จะมีลักษณะเป็นเจดีย์สีทองขนาดเล็กเป็นจำนวนมากล้อมรอบพระธาตุขนาดใหญ่สีทองที่อยู่ตรงกลาง เจอคนจากคณะอื่นขอให้ผมช่วยถ่ายรูปให้ มาจาก ก.ท.ม. เหมือนกัน


หลังจากถ่ายรูปให้เค้าแล้วสักพักก็ไปเขียนชื่อลงไปในผ้าที่จะนำไปถวายให้พระที่มาที่พระธาตุหลวง นั่งเขียนอยู่ใกล้ ๆ ไกด์สาวชาวลาว ลองถามเขาดูว่า ภูเขาที่สูงที่สุดของประเทศลาว ชื่ออะไร ? เขาตอบว่า ภูเบี้ย พอคณะญาติโยมเขียนชื่อเสร็จแล้ว ก็ทำการเดินวนรอบพระธาตุหลวง โดยจับผ้าให้อยู่เหนือศรีษะ ไม่รู้เดินวนกี่รอบไม่ทันได้นับ รู้สึกว่าจะมีคนจากคณะอื่นมาแจมรวมกับคณะจากวัดนาคปรก ตอนเดินวนรอบพระธาตุหลวง ผมถ่ายรูปเก็บเอาไว้ด้วย ช่วงที่ไปเยือนพระธาตุหลวงเขากำลังจะมีงานประจำปีครั้งใหญ่พอดี เห็นมีตั้งเต็นท์รับบริจาค มีการจัดเรียงที่นั่งให้พระ , มีเซี่ยมซี่ภาษาลาวให้เสี่ยงด้วย พอเดินวนรอบพระธาตุหลวงเสร็จแล้ว พระจากวัดนาคปรกก็นำคณะญาติโยมสวดมนต์แล้วก็ถวายผ้าที่เขียนชื่อ , ถวายของให้กับพระที่มาที่พระธาตุหลวง หลังจากนั้นก็เตรียมตัวเดินทางต่อไปยังประตูชัย ก่อนอำลาพระธาตุหลวงได้ถ่ายรูปพระบรมรูปสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช ที่อยู่ทางด้านหน้าพระธาตุหลวง มีห้องน้ำให้บริการอยู่ด้านนอกพระธาตุหลวงทางด้านขวา ค่าบริการ 10 บาท ( 10 บาท พิมพ์ไม่ผิด ฮี่ ฮี่ ) มีร้านขายของอยู่ใกล้ ๆ กับห้องน้ำ ผมซื้อมูลี่รูปพระธาตุหลวงเก็บไว้เป็นที่ระลึก อันละ 100 บาท เอาติดไว้ที่ห้องนอน กลิ่นสีหึ่งเลยครับ
คณะญาติโยมจะต้องเดินออกจากพระธาตุหลวงไปขึ้นรถคันเดิมแต่ว่าเขาจอดอยู่อีกที่หนึ่งเดินไกลนิดหน่อย ไม่รู้เดินไปตรงไหนเดินตาม ๆ เขาไป ผ่านร้านขายรองเท้าข้างถนน เปิดเพลง ไผ่พงศธร สังเกตได้เลยว่า ที่เวียงจันทน์ชอบฟังเพลงจากประเทศไทย รถบัสจอดอยู่ที่สี่แยก ออกเดินทางกันต่อไปที่ประตูชัย อ้อลืมเล่าไปก่อนที่คณะญาติโยมจะเดินทางไปทำบุญที่วัดต่าง ๆ จะต้องมีการรวบรวมเงินทำบุญจากญาติโยมบนรถบัสเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยก่อนนำไปถวายพระที่วัดต่าง ๆ
มีเสียงประกาศบนรถบัสว่าจะมีการถ่ายรูปหมู่กันหน้าประตู ให้เวลาเดินชมที่ประตูชัยน่าจะประมาณ 15 นาทีน่าจะได้ คงขึ้นไปชมวิวข้างบนประตูชัยไม่ทัน สาเหตุที่เร่งทำเวลาที่ประตูชัย ก็เพราะว่า มันใกล้เวลาฉันเพลของพระจากวัดนาคปรก ( ไม่ต้องห่วงฉัน แซวเล่น ) ต้องรีบเดินทางไปกินข้าวเที่ยงกันที่โรงแรมอีกแห่งหนึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับสนามบิน ที่ประตูชัยก็จะมีลักษณะเป็นลานกว้าง ๆ ขนาบทางด้านหน้าและก็ทางด้านหลัง ทางด้านขวารู้สึกว่าจะมีหน่วยงานราชการกำลังก่อสร้างอยู่ยังไม่เสร็จ ไกด์เล่าให้ฟังเป็นหน่วยงานสำคัญจำชื่อไม่ได้แล้ว เดินเข้าไปถ่ายรูปน้ำพุที่อยู่ด้านหน้าประตูชัยเขาเปิดน้ำพุให้ถ่ายรูปแผล็บนึงแล้วก็ปิด คณะญาติโยมไม่มีใครเดินมาถึงประตูชัยเลยมีผมเดินมาคนเดียว เดินลอดประตูชัยเข้าไป เห็นมีเคาน์เตอร์ขายตั๋วอยู่ทางด้านขวาแล้วก็มีบันไดขึ้นไปยังด้านบนของประตูชัย ผมไม่ได้ขึ้นไปชมข้างบนต้องรีบทำเวลา เดินทะลุลอดไปทางด้านหลังประตูชัย ถ่ายรูปด้านหลังประตูชัยเสร็จแล้วก็อำลาประตูชัย อยากกลับอีกทียังไม่ได้ขึ้นไปชมวิวข้างบนเลย อยากไปแขวงพงสาลี ดินแดนเป้าหมายตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ
ออกเดินทางกันต่อไปกินข้าวเที่ยงที่โรงแรมฝั่งตรงข้ามสนามบิน ด้านหน้าโรงแรมมองเห็นเครื่องบินจอดอยู่ จำไม่ได้ว่าชื่อโรงแรมอะไร รู้สึกว่าจะขึ้นต้นด้วยตัว s ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้เสียด้วย ต้องขึ้นไปกินข้าวเที่ยงที่ชั้น 2 เป็นห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ตอนที่ขึ้นไปคล้าย ๆ กับว่ากำลังมีงานกินเลี้ยงงานแต่งงานหรือเปล่าไม่แน่ใจ เห็นมีเปิดเพลง มีคนกำลังกินอยู่ใกล้ ๆ กับโต๊ะของคณะเราอยู่หลายโต๊ะ แต่เขากินกันไม่นานออกไปก่อนที่พวกเราจะกินเสร็จ อาหารที่นำมาเลี้ยงมือนั้นมีอยู่หลายอย่างน่าจะประมาณ 6-7 อย่าง ที่เด่น ๆ ก็ต้องเป็น ไข่ตุ๋น อร่อยเนื้อไข่เนียน เค็มหน่อย ๆ , ปลาทอด , ลาบ ( มาลาวต้องกินลาบ ) มื้อนั้นนั่งกินอยู่กับ ลุงนั้ม , แฟนลุงนั้ม , ลูกสาว ชื่อ ส้ม , คุณตาวัย 73 ปี จาก ชอย สุขสวัสดิ์ 14 มากับหลานเรียน ม. 2 วัดราชบพิตร , คุณลุง กับ คุณป้าอีก 2 ท่าน จำชื่อไม่ได้
จุดหมายปลายทางต่อไปในภาคบ่ายก็คือ วัดองค์ตื้อมหาวิหาร เข้าไปในวัดที่เด่น ๆ ก็คือ โบสถ์ของวัดนี้ หลังคามีลักษณะเป็นศิลปะของลาวชัดเจนมียอดแหลม ๆ อยู่ตรงกลางหลังคาโบสถ์ ข้างในโบสถ์มีหลวงพ่อองค์ตื้อ เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่สีเข้ม สวยดี ด้านหลังหลวงพ่อองค์ตื้อ มีอะไรกลม ๆ หลากสีสันขนาดใหญ่อยู่หลายอัน ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร หรือว่าจะเป็นไฟประดับ ? ไม่มีเซียมซี่ให้เขย่าในโบสถ์ พระจากวัดนาคปรกนำคณะญาติโยมสวดมนต์และก็ถวายของให้ทางวัดเหมือนเดิม พอเสร็จจากพิธีในโบสถ์แล้วแฟนคุณลุงนั้มก็มาช่วยถ่ายรูปผมหน้าโบสถ์ให้นิดหน่อย คณะญาติโยมอยู่ที่วัดนี้ไม่นานเท่าไร แล้วก็เตรียมออกเดินทางกันต่อไปที่ วัดทีเด็ดประจำวันนี้ นั้นก็คือ วัดสีสะเกด วัดเด็ดมาเวียงจันทน์ควรจะมาเที่ยวที่นี่
รถบัสพาเรามาจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามของวัดสีสะเกด ตอนแรกผมไม่รู้นึกว่าเขาจะให้เที่ยวที่วัดนี้แล้วก็จะไปที่อื่นต่อ แต่ที่ไหนได้ฝั่งเดียวกันใกล้ ๆ กับที่รถจอดเป็นหอพระแก้ว มัวแต่ไปถ่ายรูปอยู่ในวัดสีสะเกด คณะญาติโยมเขาข้ามไปเที่ยวหอพระแก้วกันแล้ว เดินเข้าประตูทางเข้าวัดเข้าไปจะเจอกับแนวกำแพงล้อมรอบโบสถ์ของวัดนี้ เป็นแนวกำแพงล้อมรอบโบสถ์ 4 ด้าน เดินผ่านแนวกำแพงนี้จะเห็นเป็นระเบียงล้อมรอบโบสถ์ 4 ด้าน มีพระพุทธรูปตั้งอยู่ตามระเบียง ตรงกำแพงที่อยู่ตามแนวระเบียงจะทำเป็นช่อง ๆ ใส่พระพุทธรูปขนาดเล็ก ๆ ช่องละ 2 องค์ เจาะเป็นช่อง ๆ ตลอดแนวระเบียง ไฮไลท์ของวัดนี้ก็ต้องเป็นโบสถ์ เก่าแก่สวยสุดยอด ให้ 5 ดาวเลย โบสถ์นี้ข้างในเขาไม่ให้ถ่ายรูป เอาไว้แค่นี้ก่อนวัดนี้ต้องไปดูรูปในกล้อง เล่าไม่ถูก


เดินเข้าไปในโบสถ์ จุดเด่นก็คือ ตรงกำแพงด้านในด้านบน ๆ หน่อย จะเจาะเป็นช่องเล็ก ๆ คล้าย ๆ กับที่ระเบียงใส่พระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ เอาไว้ มีพระประธานขนาดใหญ่ตรงกลาง ข้างในโบสถ์ก็ไม่ค่อยกว้างเท่าไรนัก มีพระพุทธรูปองค์เล็กอยู่ด้านหน้าพระประธานอีก 5 องค์ มีโคมไฟอยู่ในโบสถ์ 3 พวง พระจากวัดนาคปรกพาญาติโยมสวดมนต์กันที่โบสถ์และก็ถวายของให้ทางวัด โบสถ์ของวัดนี้ดูเก่าแก่ ข้างในโบสถ์ดูขลัง ๆ ตรงระเบียงวัดทางด้านซ้ายเขาจะเอาพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ หัก ๆ เอามาเรียงไว้อยู่ในห้องเล็ก ๆ ด้านหน้าเป็นลูกกรงไม้ เห็นมีฝรั้งเอากล้องถ่ายลอดเข้าไปในลูกกรงไม้ ลองถ่ายตามมั๊ง 1 รูป ระเบียงรอบโบสถ์เป็นไม้ดูเก่าแก่ โบสถ์ด้านนอกสีลอกโทรมพอสมควร มีเวลาอยู่ที่โบสถ์ได้ไม่นานนักก็ออกมาที่ประตูด้านหน้าระเบียงเขาจะมีหนังสือเกี่ยวกับประเทศลาววางขายอยู่เป็นภาษาอังกฤษ หนังสือเกี่ยวกับวัดสีสะเกดแล้วก็ซีดีเพลงลาวเดิมก็มีขาย ( สไตล์คล้าย ๆ เพลงไทยเดิม ผมซื้อเก็บไว้แผ่นนึง เพลงสุดท้ายเสียงกระตุกไม่ค่อยดี ) พอซื้อชีดีเสร็จออกมาที่รถ คณะญาติโยมไม่รู้ไปไหนกัน เลยลองถ่ายรูปต้นไม้ที่อยู่แถว ๆ รถบัส เค้าจะเอาสีขาว ทาไว้ที่โค่นต้นไม้เรียงกันหลายต้นเลย ไกด์ลาวเล่าให้ฟังเรื่องสีที่ทาแต่ไม่ได้สนใจฟัง ใครไปเที่ยวที่เวียงจันทน์ก็ลองถามเขาดูเด้อ

เดินหาญาติโยมไม่เจอ ( ไม่ได้ถาม ถ้าถามก็คงรู้แล้ว ว่าเขาไปหอพระแก้ว ) ก็เลยกลับไปที่วัดสีสะเกดอีก แค่เดินข้ามถนนไป ลองไปถ่ายรูป ทางด้านซ้ายด้านนอกของระเบียงมันจะเป็นคล้าย ๆ กับ มณฑปไม้ขนาดไม่ใหญ่นัก มีต้นมะพร้าวบังอยู่ด้านหน้า เจอนักท่องเที่ยวเอเชียคนนึง น่าจะมากับไกด์อีก 1 คน คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ ด้านหน้ามณฑปมันจะมีคล้าย ๆ กับเป็นสถูปรูปทรงป้อม ๆ เล็กไม่ค่อยใหญ่เท่าไร ทรงสวยดี ทางด้านขวาของระเบียงที่อยู่ด้านนอกจะมีพระพุทธรูปสีทองตั้งอยู่หลายองค์ เดินออกไปที่รถถึงได้รู้ว่าเขาเดินออกมาจากหอพระแก้ว อยู่ฝั่งเดียวกันกับที่รถบัสจอด เดินเข้าไปชมอยู่ที่หอพระแก้วน่าจะประมาณ 5 - 10 นาทีเอง หอพระแก้วเคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่อยู่ในประเทศไทย ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์เอาไว้เก็บพระพุทธรูป

หอพระแก้วมีลักษณะเป็นคล้าย ๆ กับโบสถ์ มีขนาดใหญ่ ต้องเดินขึ้นบันไดไปนิดหน่อย ออกแนวหรู ๆ ประดับลวดลายอย่างดี เห็นในหนังสือเขาบอกมีไหจากแขวงเชียงขวางอยู่ด้านหน้าหอพระแก้ว 1 ใบ เสียดายไม่ได้ไปถ่ายรูปเก็บเอาไว้ ถ่ายรูปไกด์ลาวคุยกับพระจากวัดนาคปรกด้านหน้าหอพระแก้วเอาไว้รูปนึง เร่งทำเวลาดูที่นี่เร็วมากเเลยไม่รู้จะเล่าอะไร มีคนมาเที่ยวเยอะพอสมควรคงจะเป็นจุดหมายซูปเปอร์ฮิตอีกแห่งหนึ่งของเวียงจันทน์ หอพระแก้วอยู่ใกล้กับวัดสีสะเกดเหมาะสำหรับเที่ยวจับคู่เป็นปาท่องโก้ หลังจากชมหอพระแก้วเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางโดยรถบัสไปต่อที่วัดศรีขุนเมือง วัดนี้ไม่มีอยู่ในโปรแกรมเที่ยวเวียงจันทน์ในครั้งนี้แต่พระจากวัดนาคปรกแถมให้ตามคำเรียกร้องของญาติโยม

เดินทางมาถึงหน้าวัดศรีขุนเมืองก็จะเห็นเขาขายดอกไม้พุ่ม ๆ เป็นสีเหลืองนิ่ม ๆ แบบที่เห็นขายอยู่ที่หน้าพระธาตุหลวง แต่ที่นี่ขายกันเยอะเลย ฝั่งตรงข้ามวัดขายอยู่หลายร้าน หน้าประตูทางเข้าวัดก็ขาย วัดที่แถมมาให้นี่แหละ วัดที่เด็ดเลย บรรยากาศคึกคัก เข้าไปวัดก็เจอทีเด็ดเลย มีการเล่นดนตรีเป็นวง ไม่รู้เค้าเรียกสไตล์เพลงอะไรแบบนี้ แต่คุ้น ๆ อยู่เหมือนกันเคยได้ยินสไตล์เพลงแบบนี้มาก่อน เล่นเพลงแบบไม่มีการร้อง วงดนตรีมันจะนั้งเล่นบนพื้นที่ยกสูงขึ้นไปประมาณ 2 เมตรน่าจะได้ เล่นกันอยู่ด้านหน้าโบสถ์ เข้าไปในโบสถ์เจอคนเพียบเลย วัดซูปเปอร์ฮิตแน่นอนเลยวัดนี้ ก่อนมาถึงวัดนี้พระจากวัดนาคปรกบอกไว้บนรถบัส วัดนี้เขาไม่ให้ขอพรเรื่องความรัก ก็เลยต้องอธิษฐานเรื่องอื่นแทน โบสถ์ของวัดจะมีลักษณะเด่นคือ มันจะเป็นโถงชั้นแรกก่อน แล้วก็จะเป็นห้องต้องเดินเข้าไปอีก 1 ชั้น แค่โถงชั้นแรกคนก็เพียบเลย เข้าไปห้องอีกชั้นนึงคนแน่นเป็นหนอนเลย โถงชั้นแรกเขาจะเอาเงินแบงค์มาทำเป็นพุ่ม ๆ คล้ายต้นไม้ แล้วก็จะมีพระมานั้งทำพิธีให้ชาวบ้าน แล้วก็จะมีพุ่มแบงค์ต้นใหญ่อีก 1 ต้น

ที่โถงชั้นนอกจะมีพุ่มเหลือง ๆ ประดับอยู่ด้านหลังพระที่มาให้ศีลให้พรญาติโยมอยู่หลายพุ่ม แล้วก็มีรูปหล่อสีเข้ม ๆ ไม่ใช่พระพุทธรูปอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าไปห้องด้านใน ห้องที่อยู่ด้านในมันจะไม่ค่อยกว้างเท่าไร ตรงกลางจะมีหลักสีทอง ๆ ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร มีพระพุทธรูปยืนอยู่ด้านหน้าหลัก ประดับแผงไฟกลมอยู่ด้านหลังหลักตามสไตล์โบสถ์ของลาว มีไม้แกะสลักสีดำ ๆ อีกหนึ่งอันอยู่ด้านหน้าหลัก บรรยายตามรูปที่ถ่ายเลย คนแน่นมากน่าจะเป็นคนจากประเทศลาวประมาณ 80 – 90 % มีผู้หญิงแต่งชุดสไบสีฉูดฉาดนั้งเรียงกันเป็นแถว เดินออกมาที่โถงด้านนอกกำลังมีชาวบ้านนำเอาพุ่มแบงค์สายยาวมาถวายให้พระ อย่าลืมชมยอดแหลม ๆ ที่อยู่ตรงกลางหลังคาโบสถ์ด้วยหล่ะ มาที่วัดก็เดินชมแต่โบสถ์แค่นั้นเองไม่ได้เดินไปไกลนัก หลังจากเที่ยววัดนี้เสร็จแล้วต่อไปก็เป็นโปรแกรมเนิบ ๆ เซ็งไม่ค่อยมันส์ เป็นโปรแกรมซ็อปสินค้าพวกเครื่องเงินและก็พวกผ้าไหม , สินค้าที่ระลึก แล้วก็ต่อด้วยญาติโยมอยากซื้อโทรศัพท์มือถือ หลวงพี่จากวัดนาคปรกก็จัดให้พาไปซ็อปกันถึงที่เลย

หลังจากเที่ยวชมวัดศรีขุนเมืองเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไปยังร้านขายผลิตภัณฑ์เครื่องเงิน , ผ้าไหม , ของที่ระลึกต่าง ๆ เป็นร้านขนาดประมาณ 3 คูหา สินค้าเครื่องเงินก็มีพวกเครื่องประดับ , พวกภาชนะเครื่องเงินก็เด่นสวยดีเหมือนกัน ของที่ระลึกพวงกุญแจซีเกมส์ที่เป็นรูปพระธาตุหลวง 50 บาท อันนี้ก็สวย ด้านขวาของร้านเป็นพวกผ้าทอ , มู่ลี่ไม้ไผ่แบบที่ขายแถวพระธาตุหลวง ด้านหลังร้านจะเป็นห้องที่ให้คนงานผลิตเครื่องเงิน โดยเป็นโต๊ะเล็ก ๆ แบบใช้ในห้องเรียน เรียงกัน 4 ตัวน่าจะได้หันหน้าเข้าหากัน 2 แถว ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก คนงานผลิตเครื่องเงินมีแต่ผู้ชายล้วน ๆ ก่อนออกเดินทางออกจากร้านขายเครื่องเงิน ลองถ่ายรูปคลองเลี้ยวโค้งแถว ๆ ร้านแล้วก็ขึ้นไปนั่งรอบนรถเตรียมออกเดินทางต่อ มีคนจากคณะญาติโยมช็อปกันพอสมควร น่าจะเป็นพวกกระเป๋านะที่ซ็อปกัน


หลังจากชมร้านผลิตภัณฑ์เครื่องเงินกันแล้ว หลวงพี่จากวัดนาคปรกก็พาไปซ็อปโทรศัพท์มือถือนั่งรถไปไม่ไกลเท่าไร น้องผู้หญิงใส่แว่นเลือกซื้ออยู่นานพอสมควร พอซื้อเสร็จแล้วรู้สึกว่าจะลืมอุปกรณ์ซิมอะไรสักอย่างคนขายรีบเอามาให้ที่รถบัส ที่เขาพาไปซื้อมือถือมันเป็นร้านไม่ค่อยใหญ่ น่าจะไม่เกิน 3 คูหาน่าจะได้ แต่ที่น่าสังเกตการจราจรดูเงียบ ๆ ไม่ค่อยมีรถวิ่งพลุกพล่าน ทั้งที่ร้านเครื่องเงินและก็ที่ร้านนี่
หลังจากซื้อมือถือกันเสร็จแล้วก็ต้องเดินทางกลับข้ามแม่น้ำโขง โดยรถบัสจะต้องไปจอดอยู่บริวณด่านแล้วก็ต้องเดินผ่านด่าน ตรงบริเวณด่านจะมีร้านค้าปลอดภาษีขนาดใหญ่ แล้วก็ร้านเล็ก ๆ เรียงเป็นห้องแถว มีพวกเหล้าเยอะอยู่เหมือนกัน , ของแห้ง ร้านซีดีก็มี แดดร้อนดูพลุกพล่าน ไม่ได้แวะดูอะไรเลยตรงดิ่งขึ้นรถบัสเลย ที่รีบขึ้นรถบัสเพราะกลัวจะหลงหารถไม่เจอ ตรงด่านนี้ไกด์ลาวจะต้องลาพวกเรา แล้วรู้สึกว่าจะต้องพาไกด์ไทยข้ามกลับไปส่งทางฝั่งไทย ส่งถึงหน้าบริษัท มีการรวบรวมเงินให้ไกด์ไทย -ลาวเป็นสินน้ำใจ เอาเงินใส่ลงไปในขัน หลังจากข้ามแม่น้ำโขงกลับมาฝั่งไทย โปรแกรมต่อไปก็คือ เที่ยวชมตลาดท่าเสด็จ โดยรถบัสมันจะมาจอดอยู่ที่วัดฝั่งตรงข้ามกับตลาด เดินไปนิดหน่อย จะมีคนคอยถ่ายรูปคณะญาติโยมตอนที่ลงมาจากรถ เอารูปไปใส่กรอบแล้วมาขายต่ออีกทีนึง ตลาดท่าเส็ดจ ผมว่าเดินเพลินดีเหมือนกันนะ ไม่มีฝุ่น สะอาดดี ของขายเยอะเลย มันจะมีลักษณะเป็นตลาดวางตัวขนานไปกับแม่น้ำโขง เดินออกไปชมแม่น้ำโขงได้สะดวก มื้อเย็นก็กินร้านที่ตลาดนี่แหล่ะ



Create Date : 07 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 14 ธันวาคม 2552 12:10:20 น.
Counter : 974 Pageviews.

2 comments
  
โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 8 สิงหาคม 2554 เวลา:12:30:58 น.
  
โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:13:27:49 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kangchenjunga
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]