ห้องนั่งเล่นของคนธนฯ ที่นี่คือด้านเบาๆของชีวิต มุมอิสระของความคิด และจิตใจที่ไร้กฎเกณฑ์ แต่สิ่งหนึ่งที่เข้มงวดในที่นี้คือ มารยาทและจิตใจที่งดงาม
4.1 จาคะ (ตอนที่1)

มาถึงหัวข้อสุดท้ายคือ จาคะ ความเสียสละ 

ความเสียสละก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ผู้ครองเรือนได้อาศัยจาคะ

ทำให้ทุกคนมีความสุข มีความสะดวกสบายขึ้น

ถ้าแต่ละคนนั้นมีแต่ความตระหนี่ ก็จะทำให้ทุกคนลำบากขึ้น 

พ่อที่หวงของกินแม้กระทั่งลูกเมียนี่คงไม่ไหวแล้วใช่ไหมครับ 

พ่อที่หวงเงินในสิ่งที่ทำให้ชีวิตลูกดีขึ้นนี่ก็ไม่ถูกต้อง 

พ่อสูบบุหรีซองละสี่สิบกว่าบาทแต่บ่นเรื่องลูกจะไปซื้อโค๊กกินสักขวดนี่ก็ไม่ไหว 

ผัวที่ให้ของที่เหลือเดนตัวเองแก่ลูกเมียนี่ก็ไม่ไหวครับ 

สิ่งที่ตรงกันข้ามต่อความเสียสละคือความตระหนี่ ความตะหนี่มีสี่อย่าง 

1 ลาภมัจฉริยะ

   ความตระหนี่ลาภ ธรรมชาติของมนุษย์มักจะตะหนี่ลาภที่ได้มา

   มีน้อยคนที่มีความเสียสละลาภ ถ้าไม่มีคนเสียสละลาภ คนได้ลาภมันก็ไม่มี

   นอกจากจะไปโกงเขา ลาภมันอยู่ที่ความรู้สึกครับ

   ว่าเรารู้สึกว่าได้ลาภก็เป็นลาภ ถ้าเราไม่ต้องการ ได้มามันก็ไม่ใช่ลาภ 

   อย่างคนเช่นมีคนเอาอะไหล่เชโรกีมูลค่าเกือบแสนบาทมาให้ผม

   ผมถือว่าไม่เป็นลาภอาจจะกรรมน้อยๆที่ผมต้องขับรถเอาไปให้คนอื่นเสียด้วยซ้า

   แต่ถ้าใครเอาอะไหล่เก่าของโตโยต้ารุ่นพระเจ้าเหาไม่มีราคา

   เป็นขยะรกบ้านมาให้ผมแบบนี้ผมถือว่าเป็นลาภ 

   มีคนเอาเหล้าบูลเลเบิลขวาดละห้าพันมาให้ผมถือว่าไม่เป็นลาภ

   แต่ใครไปเมืองเพชรเอาข้าวหมากรสสุดยอดมาให้ผมห่อเดียวก็ถือว่าลาภปาก 

   ถ้าเรามีความรู้สึกอยากได้ เราต้องการได้มามันก็รู้สึกว่าเป็นลาภ

   แล้วก็มีทุกขลาภ ได้มามันก็เป็นทุกข์

   ถ้าเป็นพระไม่ใช่คฤหัตถ์อะไรที่ไม่ใช่อัฐบริขาร

   เขาเรียกว่าสหคตทุกข์ ทุกข์ที่ไปด้วยกัน

   ได้ลาภก็ทุกข์เพราะลาภ ได้ยศก็ทุกข์เพราะยศ

   สหคตทุกข์ ได้อะไรมันก็เป็น สังขตธรรม มันเป็นโลกธรรม

   เพราะท่านสอนให้พิจารณาว่าไม่เที่ยงเป็นทุกข์ 

   อย่างเช่นถ้าผมไปได้รถเพิ่มมาอีกคนมันเป็นทุกข์ลาภ

   เพราะต้องสละชีวิตอีกส่วนไปดูแลมัน 

   ผมได้บ้านอีกหลังมันเป็นทุกข์ลาภ

   เพราะวันหยุดผมต้องไปปัดกวาดเช็ดถูทุกวันหยุด

   แทนที่จะได้นอนพักสบายๆเพื่อเอาแรงทำงานวันจันทร์ 

   แม้ว่าจะเป็นลาภทางฝ่ายดี ทางฝ่ายที่น่าปรารถนาเหมือนบ้านหลังใหม่และรถคันใหม่

   นั้นมันเป็น อนิจฺโจ ทุกฺโข วิปริณามธมฺโม

   ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา

   เพราะว่าสุขเวทนา ท่านให้พิจารณาโดยความเป็นทุกข์ 

   เรื่องนี้ยาวโคตรๆเอาไว้ผมมีเวลาจะเขียนให้อ่านอีกเรื่องจะดีกว่า 

   คนที่ตระหนี่ลาภ พอมีลาภมันก็ไม่อยากที่จะเสียสละ

   อย่างเช่นได้อะไหล่รถมาสิบชิ้นต้องแบ่งให้เพื่อนบ้าง

   แม้จะมีอยู่ชิ้นเดียวของเหลือกองอยู่บ้านเฉยๆไม่ได้ใช้

   จะหวงเพื่อนที่เดือดร้อนต้องการอยู่ทำไมกัน 

   ได้ปลามามากคนสมัยก่อนเขาจะไม่ทำปลาแห้งไว้กินวันหลังเป็นอย่างแรกหรอกครับ

   เขาเอาปลาสดไปแจกเพื่อนบ้านก่อน แล้วจึงเอาที่เหลือแจกมาทำปลาแห้งกิน 

   ได้เงินพิเศษมาก้อนหนึ่งหลายๆคนคิดถึงอะไรครับ

   บางคนซื้อของที่อยากได้มานานแล้ว ทั้งของเล่นของใช้ส่วนตัว

   ซ่อมรถแต่งรถ คิดแต่เรื่องตัวเองก่อนใช่ไหมครับ

   แต่มีน้อยคนที่คิดถึงค่าเรียนพิเศษลูกและเครื่องครัวใหม่ของเมีย

   ยางรถชุดใหม่ของรถที่เมียใช้ ก่อนคิดถึงรายจ่ายของตัวเอง 

   บางคนรถตัวเองของเล่นเพียบเต็มรถแต่รถของเมียน่าสงสาร

   แท็กซี่ยังมีวิทยุติดรถดีกว่ารถของเมียก็มีหลายบ้านให้เห็น 

   บางคนล้างรถตัวเองแต่ไม่สนใจรถเมียที่เขรอะไปทั้งคัน

   ทั้งที่เมียทำอาหารให้กินทุกวันไม่ได้ทำกินคนเดียวสักหน่อย

  แบบนี้เรียกว่าเห็นแก่ตัวคือตระหนี่ขั้นหนักหนา 

2 ตระหนี่ตระกูล

   ข้อนี้อาจจะโบราณไปหน่อยอยากให้ใครเข้าไปเกี่ยวข้องกับตระกูลที่ตนเกี่ยวข้อง

   เหมือนนิยายบ้านทรายทอง

   แต่ความหมายกว้างไปถึงเกิดในตระกูลใหญ่แล้วภาคภูมิใจในตระกูลที่ตัวเกิด

   ก็รังเกียจผู้อื่นที่เกิดในตระกูลอื่นที่ต่ำกว่านี้ก็ตระหนี่ตระกูลเหมือนกัน 

   การดูถูกตระกูลเมียตัวเองก็เข้าข่ายนี้

   ผมอยากให้คิดว่าตอนยังไม่แต่งงานคิดเรื่องนี้หรือเปล่า

   หรือมาคิดได้ตอนหายอยากแล้วถึงตาสว่าง

   ว่าเมียกรูผุดขึ้นมาจากรูไหนของประเทศไทยก็ไม่รู้ 

   ความหมายตัวนี้กว้างไกลไปอีกหลายสภาวะ

   ไม่ใช่แต่คำว่าตระกูลแบบโบราณเช่น 

   เว็ปของกรูใครห้ามแตะ กรูใหญ่สุด ใครแหลมมากรูด่าเช็ด

   นอกกลุ่มมาเล่นเว็บกรูไม่ตอบไม่คุยด้วยกรูคุยแต่พวกกรู 

   เตี่ยกรูชื่อ ตั๊กสิน เตี่ยกรูทำอะไรก็ดีหมด

   รวยเองจากสวรรค์ ใครเตะเตี่ยกรู กรูด่าเช็ด 

   ไม่ใช่เพื่อนกรู กรูไม่คุยด้วย เพื่อนเก่าก็ลี้หายไปที่ละคนสองคน

   เพื่อนใหม่ก็ไม่มี เลยต้องนั่งลูบหัวหมาหัวแมวรดน้ำต้นไม้แก้เหงาไปวันๆ

   กับโทรคุยกับเพื่อนหน้าเก่าซ้ำซาก เพราะการรังเกียจผู้อื่นที่ไม่เหมือนตัวเอง 

    ผมถามอะไรแล้วตอบจริงๆนะครับว่า ปีที่ผ่านมามีเพื่อนใหม่กี่คน 

    ห้ามเอาจำนวนคนรู้จักแบบโทรคุยได้แต่ไม่ได้คบเขาเป็นเพื่อน

    มาโมเมรวมเข้าไปเป็นจำนวนเพื่อนนะครับ 

   หรือว่าไม่รู้จักความหมายว่า เพื่อน คืออะไรเลยตอบข้อนี้ไม่ได้ 

3 ตระหนี่ที่อยู่ อาวาสมัจฉริยะ ไม่อยากให้ใครมาอยู่ 

   พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า ใครที่ยังไม่มาสู่อาวาสขอให้มา

   ที่มาแล้วขอให้อยู่เป็นสุข ตั้งจิตปรารถนาว่า

   ใครที่ยังไม่มาสู่อาวาสขอให้มา ที่มาแล้วขอให้อยู่เป็นสุขๆ 

   พูดถึงบ้านนี้ทุกคนหวงบ้านเพราะเป็นห่วงลูกเมียเป็นเรื่องธรรมดาและถูกต้องแล้ว

   แต่ความหมายของ อาวาสมัจฉริยะ ตระหนี่ที่อยู่

   ที่จริงแล้วมันหมายถึงสังคมและทรัพยากรส่วนกลางต่างหาก 

   ถ้าเรารู้ถึงธรรมอันนี้ก็แบ่งๆ กันกิน แบ่งกันอยู่

   สังคมมันก็พออยู่ได้ ถ้าเผื่อว่ามีจาคะ มีความเสียสละตามสมควร

   ไม่หวงแหนไว้แต่ผู้เดียว ไม่กอบโกยไว้แต่ผู้เดียว เผื่อแผ่ถึงผู้อื่นบ้าง

   นึกถึงคนอื่นบ้าง นึกถึงว่าคนอื่นเขาจะอยู่อย่างไร

   พอเรานึกถึงอย่างนี้ ก็ทำให้เราเผื่อแผ่ได้ คือว่าถ้าเขาอยู่มากเกินไป

   คนอื่นเขาจะอยู่อย่างไร ทำนองนี้นะครับ 

   ไม่ใช่คิดค้านข้อนี้แบบโง่ๆว่า ถ้าปฎิบัติธรรมข้อนี้

   ต้องเอาห้องนอนลูกไปให้แขกนอน หรือให้เพื่อนมานอนบ้านไม่รู้จักหยุดว่างเว้น

   แบบไม่เกรงใจลูกเมีย คิดแบบนี้เรียกว่าคิดแบบหาเรื่องครับ 

   อันนี้ก็เป็น อปริหานิยธรรม ลองพิจราณาดูนิยายสมมุติของผม  

   สมมุติว่าไปยกมือไหว้พระที่วัดสักแห่งว่า

   หลวงพี่ครับผมกระเป๋าเงินหายหิวข้าวมาก ไม่มีที่นอน

   ขอนอนค้างวัดสักคืนหนึ่งและขออาหารเหลือประทังชีวิตสักมื้อ

   พรุ่งนี้ลูกเมียถึงจะส่งเงินมาให้ ลองเติมคำในช่องว่างดูว่าพระจะตอบอย่างไร 

   เอาอีกขั้นก็ได้ มีพระถือย่ามถือกระเป๋ามาจากวัดต่างจังหวัด

   ไปกราบท่านเจ้าอาวาสวัดอารามหลวงว่าผมมาจากวัดกุฎยายนุ้ยหนองหมาว้อ

   มาเรียนนักธรรมในกรุงเทพฯ ผมอยากขอที่นอนวัดนี้สักสามเดือน

   ลองเติมคำในช่องว่างดูว่าพระพเนจรจะได้นอนไหม 

   เอาอีกข้อก็ได้ สมมุติว่าเป็นวัดเดียวกันกับที่พระพเนจรมาเรียนนักธรรม

   มีเสี่ยใหญ่ข้างวัดมาบอกกับเจ้าอาวาสว่า

   ขอจอดรถเบ็นซ์คันงามที่วัดสักเดือนนะครับเพราะตอนนี้กำลังซ่อมบ้านอยู่

   เรื่องได้จอดหรือไม่ได้จอดคงตัดปัญหาไปไม่ต้องพูดถึง

   ลองเติมคำในช่องว่างว่าจะได้จอดที่ลานวัดหรือใต้ถุนกุฎิเจ้าอาวาส 

4 ธรรมมัจฉริยะ ตระหนี่ความรู้ 

   มีความรู้แล้วก็ไม่อยากจะให้ใครมีความรู้เสมอตัวเท่าตัว หวงความรู้

   ไม่ได้ตระหนักไม่เข้าใจว่า ความรู้ยิ่งให้ยิ่งได้ เรายิ่งให้ความรู้กับผู้อื่น ก็จะยิ่งได้

   ยิ่งบอกเพื่อนบอกฝูงได้อะไรมาก็บอก ขยันให้ความรู้ มันก็จะยิ่งเพิ่มพูนขึ้น 

   ข้อนี้ความกรุณาเป็นที่ตั้ง อยากจะให้เขารู้อย่างที่เรารู้ คือ

   ถ้าให้กันได้มีเท่าไหร่เอาไปหมดเลย บางคนเขาก็มีความรู้สึกอย่างนั้น

   เขาก็รับเท่าที่จะรับได้ คนเรานี่รับความรู้เท่าที่ตัวจะรับได้

   ดังนั้น เขาจะรับสิ่งที่เราให้ได้มากเท่าไรขึ้นอยู่กับบารมีของเขา

   อย่างเช่นเรียนมาทางบริหารธุรกิจเราให้เขาเรื่องการทำไบโอดีเซล

   เขาอาจจะรับได้เท่าที่ความรู้พื้นฐานจะอำนวยได้ 

   ยิ่งตั้งใจจะให้ความรู้กับผู้อื่นด้วยความจริงใจ

   อยากจะให้คนอื่นเขาได้มีความรู้อย่างที่เรารู้ เราก็ต้องหาความรู้มากขึ้น

   หามากขึ้นเราก็ต้องได้มากขึ้นแม่นยำขึ้น ได้มากขึ้น

   สิ่งเหล่านี้ยิ่งให้ยิ่งได้ อย่างน้อยมันก็ได้ความรู้สึกที่ดี ว่าเราได้ทำในสิ่งที่ควรทำ 

   บางคนก็กลัวคนอื่นเขาจะรู้เท่าตัว

   อันนี้ก็เลยไม่อยากจะให้ใครบอกใครก็เลยอุบเงียบ

   อันนี้ถือเป็นการตะหนี่ กุศลไม่มีบารมีไม่เกิดมีแต่ใช้หมดไปทุกวัน

   สักวันก็ไม่มีความรู้อะไรใหม่เลย 





Create Date : 09 กรกฎาคม 2556
Last Update : 9 กรกฎาคม 2556 21:22:09 น. 0 comments
Counter : 349 Pageviews.

คนธนฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




คุยได้ทุกเรื่องที่ถูกใจ ถ้าไม่ถูกใจก็ไม่คุย
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add คนธนฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.