การเป็น “ล่าม” ครั้งแรก

เนื่องจากมีน้องที่รู้จักกันติดต่อมาให้ไปเป็นล่ามภาษาสเปนให้หน่อย
ตอนแรกก็คิดว่า อยากลองดู จะได้รู้ว่าการเป็นล่ามมันเป็นยังไงเลยรับปากน้องไป
แม้จะแอบกังวัลเล็กน้อยเพราะไม่เคยเป็นล่ามมาก่อน  
(ตกลงรับปากไปโดยไม่คิดรึไงนะ ฮ่าๆ
 
 
ตอนแรกเหมือนจะดูชิลล์ๆ
แต่ต่อมาก็เริ่มเครียด....
ก็นะ  ก็งานนี้ ต้องไปเป็น ล่ามในศาล คดีอาญา นะสิ แม่เจ้า !! 
 
 
 
เมื่อลองมาคิดดูอีกทีการเป็นล่าม ของเราครั้งนี้ มันอาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของคนๆนึงได้เลยนะ
ถึงแม้จะคุยกับพี่ทางศาลยุติธรรมแล้วเค้าบอก (ปลอบใจ) ว่า ไม่ต้องเครียด
เป็นบทสนทนาในชีวิตประจำวันทั้งนั้น (ใช่เหรอ)

แม้ความกังวลจะบรรเทาเบาบางไปบ้าง ไปขุดหาคำศัพท์ทางกฏหมายมาท่องๆไว้บ้าง
ปรากฏว่าคืนวันก่อนวันทำงาน นอนไม่หลับสะดุ้งตื่นมา ๓ รอบ (ตื่นเต้นชะมัด)
 
 
 
แล้ววันนั้นก็เดินทางไปที่ศาลแต่เช้า มันเป็นวันที่น่าตื่นเต้นจริงๆ
เพราะนอกจากจะได้ทำงานเป็นล่ามครั้งแรก 
ยังเป็นการเหยียบเข้าไปในศาลครั้งแรกในชีวิตเหมือนกัน
(หลังจากที่เฝ้าจินตนาการตามหนังสือ ตามหนัง มาเยอะ
^^)
 
 
 
ทนาย(แก่ๆ)พร้อม  Smiley
 
 
อัยการ(หนุ่มๆ)พร้อม  Smiley
 
 
ผู้ต้องขัง(ที่ฟังภาษาแถวนี้ไม่รู้เรื่อง)ก็พร้อม Smiley
 
 
แต่ล่าม(จำเป็น)ยังเงอะงะ อยู่ตรงเก้าอี้แถวหลัง  Smiley

จนคุณลุงทนายต้องให้คำแนะนำว่าเราควรมานั่งคู่กับผู้ต้องหา สนทนากะเค้าได้
เลยได้แต่ยิ้มแหยก่อนจะตรงเข้าไปตีซี้กับผู้ต้องขัง (เสมือนเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน)ทันที

ผู้ต้องขังคนนี้เป็นชาวอเมริกาใต้ (ไม่ขอระบุประเทศละกัน) แต่มาก่อคดีในประเทศไทย
ท่าทางเค้าก็คุยดี เราก็โอเค 
 
 
 
หลังจากรอไปซักพัก ผู้พิพากษาขึ้นบันลังค์ แต่ก่อนจะถึงคดีเรามีผู้ต้องหามารับฟังคำพิพากษาจากคดีอื่นก่อน
แต่.. เอ่อ เรานั่งตรงกลาง ทางซ้ายผู้ต้องขัง ทางขวาก็ผู้ต้องขัง จึงแอบเครียดเล็กน้อย ฮ่าๆๆ Smiley
ถึงแม้จะมีพี่ตำรวจคุมผู้ต้องขังเข้ามานั่งอยู่แถวหลังก็เถอะแหม เป็นบรรยากาศน่าจดจำมาก

Smiley
 
 
 
พอถึงคดีเรา ศาลก็ให้ล่ามสาบานตน (เราก็ทำอย่างเงอะงะให้ผู้พิพากษาท่านหลุดขำได้บ้าง)
พอเริ่มสืบพยาน เราก็นั่งแปล(คร่าวๆ) ให้ผู้ต้องขังฟัง
แต่สุดท้ายวันนั้นก็จบไปอย่างรวดเร็ว (เกินคาด) เพราะผู้ต้องขังรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
ทำให้ไม่มีการสืบพยานต่อ (เราเลยไม่ต้องปล่อยไก่ตอนสอบจำเลย)  
 
 
 
เป็นอันจบงาน “ล่ามในศาล” ของเราในวันนั้นแม้จะแอบเห็นใจผู้ต้องขังบ้าง
แต่ก็นะ ยังไงทุกอย่าง ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ
ในด้านของการใช้ภาษางานนี้ ทำให้เรารู้ (สำเหนียก) ตัวได้ว่า
ยังต้องขวนขวายความรู้เพิ่มเติมอีกมากโข (จริงๆ)

Smiley

 
เสือ(ขี้เซา) หาวตลอดเว 




Create Date : 28 มีนาคม 2557
Last Update : 23 มกราคม 2564 22:51:31 น.
Counter : 323 Pageviews.

0 comment
๑๒ ปี...ที่ไม่มี..พี่โจ้ วงพอส
 

สิบสองปีผ่านไป...ไวเหมือนโกหก

๒๐๐๒๒๐๐๒

                วันนั้นฉันอายุเพียงสิบหกปี.. ทั้งๆที่ฉันเคยเขียนเพลง “ข้อความ” ลงบนสมุดเฟรนด์ชิพของเพื่อนๆบ่อยครั้ง แต่กลับไม่เคยรู้จักเลยว่า เจ้าของเสียงร้องดังต้องมนต์นั้นเป็นใคร

                  ...ผู้ชายหัวฟู ที่มักมาพร้อมรอยยิ้ม อายๆ คนนั้น...

                 ฉันไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่า วันนั้น ในปีนั้น ..เขาคนนั้นได้จากเราไปแล้ว

                จากไปยังที่ใดไม่มีใครบอกได้ หลงเหลือไว้เพียง “เสียง”ที่ใครๆก็บอกว่า เป็น Miracle of voice

                 เป็นเวลากว่าสี่ปี...

                 กว่าปุ่ม “พอส” จะถูกกดลงอีกครั้ง

                เมื่อฉันเริ่มฟัง “เสียง” นี้ ด้วยความตั้งใจและใช้ “ใจ”รับฟังอย่างแท้จริงฉันจึงเพิ่งได้รู้ว่า ความรู้สึก “หลง” “รัก” มันเป็นอย่างไร และฉันได้พลาดสิ่งสำคัญไปเสียแล้ว...

                 จากวันนั้น....              
                  .....จนวันนี้

                  เมื่อเสียงเพลงของพี่โจ้ ยังดัง

                 เมื่อ พี่นอ พี่เอ และพี่บอส ยังเป็น “พอส”ที่รอให้เรากดเล่นอยู่

                 พี่โจ้เอง...คงยืนยิ้มอย่างดีใจอยู่ที่ไหนซักที่

 

                       รัก...รักเธอทั้งหมดของหัวใจ

                      อยากบอกให้เธอได้รับรู้...ว่าฉันนั้นรักเธอเท่าไหร่

                      มันยากเหลือเกิน...จะเก็บซ่อนความรักเอาไว้

                      ห่างเพียงนิดเดียว..ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา




Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 23 มกราคม 2564 23:17:57 น.
Counter : 149 Pageviews.

0 comment
จดหมายถึงผู้ชายหัวฟู
ถึง ผู้ชายหัวฟู คนนั้น..
 
...
 
เสียงของเธอ..ยังดัง

เพลงของเธอ ฉันยังเปิด

ภาพเธอยิ้ม ยังติดอยู่

แต่ไม่รู้...เธออยู่ไหน


ฟ้าคืนนี้ ไม่มีดาว

เมฆโฉบเงา คล้อยไป

พระจันทร์ยังหันหาย

เหงาบ้างไหม..เธอจ๋า


รับฉันไปได้ไหมหนอ

อย่าให้ฉันรอเหมือนบ้า

โลกไม่น่าอยู่เช่นผ่านมา

ผ่านพบเพียงมายาไม่จีรัง


ใจของฉันคงบาง…

 จึงอยากทิ้งร้างแล้วความหลัง

ปล่อยโลกให้ดำรงและคงยัง

     ไปตามคลื่นโถมถั่งของเวลา......


..ฉันเพียง......

      อยากจะลอง Pause บ้างสักครั้ง

    แล้วล่องลอยหาที่ว่างกลางเวหา

ทิ้งโลกลวงลอยล่วงห้วงเวลา

    เธอจ๋า แล้วเธอจะว่าอย่างไร ??.




.......อีกครั้ง...
เขียนด้วยความคิดถึง...เพ้อพก
เหมือนการกดปุ่ม pause ซ้ำๆอยู่ในใจ
แม้ในความเป็นจริง
ปุ่ม stop ได้ถูกกดค้างไว้

...เมื่อนานมาแล้ว...



Create Date : 08 พฤษภาคม 2556
Last Update : 24 มกราคม 2564 0:11:04 น.
Counter : 52 Pageviews.

0 comment
คนที่หายไปจากชีวิต
 
 
๑๑  ปี ของ คนที่หายไปจากชีวิต
เดิมทีตั้งใจจะเขียนบล็อกถึงพี่โจ้
ตั้งแต่วันนั้นแล้วล่ะ วันที่ ๒๐ ๐๒ ๒๕๕๖
แต่จะด้วยอะไรก็ตาม
ทำให้ไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้



เมื่อไม่กี่วันมานี้ ฝันแปลกๆ
ฝันว่า มีการนัดรวมตัวกันของแฟนพอส
เราเองก็ไปกะเขาด้วย
ไปแจมกับเขา ดีใจ ได้เจอคนที่รักพี่โจ้

แต่แล้วเพลงๆหนึ่งก็ดังขึ้นทุกคนเงียบกริบ
จะด้วยอารมณ์ไหนอย่างไรไม่ทราบ
เราปล่อยโฮออกมา
จนคนทั้งงานหันมามองกันเป็นแถว
เราร้องไห้.. ร้องไห้
เพียงเพราะได้ฟังเพลงๆหนึ่ง


แต่จนบัดนี้ ตื่นมาแล้วยังสงสัยอยู่ว่า
เพลงนั้นมันเพลงอะไร

มาวันนี้เดินๆอยู่ข้างถนน...
 แล้วเพลงๆหนึ่งผ่านเข้ามาในความคิด
ก็เลยเดินฮัมๆเพลง แบบถูกบ้างผิดบ้าง
ไปคนเดียว


ร้องเพลงไป ร้องไห้ไป
เอ๊ะ นี่เราอ่อนไหวง่ายขนาดนี้เลยหรือ

เพลงที่เราร้องฮึมฮัม แบบผิดๆถูกๆ มีชื่อว่า

จดหมายถึงเธอ^^
 
 
 

                     เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๑ ปี การจากไปของพี่โจ้นั่นเอง



Create Date : 20 มีนาคม 2556
Last Update : 23 มกราคม 2564 23:21:43 น.
Counter : 69 Pageviews.

0 comment
"ฅนค่าย"
คุณกำลังคิดอะไร...

เมื่อเห็นกลุ่มเด็กนักศึกษากำลังร้องรำทำเพลง อยู่บนสะพานลอย
ร้องขอรับเงินบริจาค เพื่อ..ออกค่ายอาสา


ค่ายอาสา...
รู้กันไหมว่า แท้จริงแล้วมันมีอะไร....


อาจไร้สาระสำหรับคนบางคน แต่ก็อาจมีคุณค่าสำหรับคนบางกลุ่ม

ทุกวันที่เรานอนดูทีวี เล่นไอแพด นั่งรถติดแอร์ อาบน้ำอุ่น...

เคยคิดไหมว่า..
คนอีกกลุ่มหนึ่ง เขาไม่เคยมีไฟฟ้าใช้ น้ำดื่มน้ำใช้ก็เป็นน้ำประปาภูเขา..

เคยคิดไหมว่า..
คนอีกกลุ่มหนึ่งต้องตากแดดหน้าดำอยู่กลางทุ่ง..เดินบนสันเขา

เคยคิดไหมว่า..
รอยยิ้มของเด็กๆที่ได้รับของขวัญ มันสดใสแค่ไหน





มันก็คงเป็นอย่างนี้แหละ ....
การออกค่าย ก็คือปลูกป่า สร้างฝาย สร้างอาคารเรียน
สอนหนังสือ บริจาคสิ่งของ... แล้วไงล่ะ...

ใช่ คุณอาจจะรับรู้ ว่า มันเป็นแบบนี้
แต่คุณจะไม่มีทางรู้ "แบบนี้" มันคือ แบบไหน
จนกว่าจะได้สัมผัส...


เพราะ...

การปลูกป่า....

ไม่ใช่เพียงการปลูกต้นไม้ 
แต่เป็น การปลูกจิตสำนึกลงในใจคน
หากต้นไม้ที่เรียกว่าจิตสำนึกได้รับการดูแลทะนุถนอม
ไม่ว่าป่าไม้ หรือ ป่าเมืองก็ย่อมเจริญงอกงาม
รึไม่ใช่ ??

การสร้างอาคารเรียน...

ไม่ใช่เพียงการสร้างอาคาร
แต่เป็น การสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
หากอาคารเรียนเปรียบเสมือนสังคม สังคมที่ก่อตัวจากความสามัคคี
ย่อมมีความมั่นคงแข็งแรง และยืนหยัดต่อไปได้

การบริจาคสิ่งของ...

ไม่ใช่เพียงการให้สิ่งของ
แต่เป็น การให้ "น้ำใจ"
เพราะสิ่งของที่มีค่าที่สุดสำหรับทุกชีวิต คือ น้ำใจ..
ใช่หรือไม่

คุณอาจมีเคยมีความสุข...กับการให้สิ่งของแก่คนรัก

แต่รู้ไหม..

คุณจะมีความสุขยิ่งกว่า
ถ้าได้ให้อะไรแก่..คนที่คุณไม่รู้จัก

 
 
โอกาสก็ย่อมมี สำหรับผู้ที่แสวงหามัน

ค่ายอาสา ก็คืออีกหนึ่งโอกาสที่เราควรไขว่คว้าไว้
 

 
 
สิ่งที่เราจะได้ ...ไม่ใช่สิ่งของ
สิ่งที่เราจะให้ ... ไม่ใช่สิ่งของ

มันมีค่ากว่านั้น..


และ..
 
ชีวิตเด็กค่าย...ไม่ไปไม่รู้

 
 
 
 














๒๒.๑๒.๕๕



Create Date : 17 กันยายน 2555
Last Update : 23 มกราคม 2564 22:10:21 น.
Counter : 65 Pageviews.

0 comment
1  2  3  

เสือหาว
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



.......








New Comments