|
รู้จักเมืองเลย
เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม สภาพทั่วไป จังหวัดเลยตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือติดต่อกับภาคเหนือ มีพื้นที่ 11,425 ตารางกิโลเมตรหรือ 7,140,000 ไร่ จัดเป็นจังหวัดขนาดกลาง ลักษณะรูปร่างของจังหวัดคล้ายกับกระทะใบบัว ปัจจุบันที่ตั้งของจังหวัดนั้นเป็นศูนย์กลางคมนาคมระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคเหนือติดต่อไปยังจังหวัดพิษณุโลก อุตรดิตถ์ เชียงราย ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่จึงเรียกได้ว่าจังหวัดเลย ถือเป็นประตูสู่ล้านนาและในอนาคตยังจะเป็นประตูสู่ล้านช้างด้วย เพราะขณะนี้มีโครงการสร้างสะพานไทย ลาว ข้ามแม่น้ำเหืองอำเภอท่าลี่กับเมืองแก่นท้าว แขวงไชยบุรี เพราะระยะทางจากเลยสู่ล้านช้างระยะทางประมาณ 350 กิโลเมตร จังหวัดเลยติดกับชายแดนต่างประเทศ 1 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และจังหวัดใกล้เคียง 6 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ขอนแก่น หนองบัวลำภู อุดรธานี และหนองคาย ลักษณะพื้นที่ของจังหวัดเลยโดยทั่วไปเป็นภูเขาสูงและล้อมรอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อนลดหลั่นเรียงรายมีลักษณะคล้ายคลื่นทะเล ตัวเมืองมีภูเขา ล้อมรอบคล้ายกระทะใบบัวสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 400 เมตร เขตที่ราบลุ่มบริเวณลำน้ำเลย และลำน้ำโขง ได้แก่บริเวณอำเภอภูหลวง อำเภอวังสะพุง อำเภอเมือง และอำเภอเชียงคาน เป็นเขตที่ราบมีพื้นที่สำหรับทำการเกษตรมาก ดินอุดมสมบูรณ์ ทำการเกษตร เพาะปลูกได้ดีมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นมากกว่าเขตอื่น ๆ
ชาวไทเลย 1. ไทเลย เป็นชื่อเรียกคนเมืองเลย ในประวัติศาตร์บันทึกไว้ว่าคนเมืองเลยคือกลุ่มชนที่อพยพจากชายแดนตอนเหนืออาณาจักรสุโขทัย ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากไทหลวงพระบาง เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองเซไล (บ้านทรายขาว อำเภอวังสะพุงปัจจุบัน) ในปีพุทธศักราช 2396 ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านแห่ (บ้าแฮ่ปัจจุบัน) ได้ตั้งบ้านเรือนเรียกว่าเมืองเลย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเมืองเลยก็รวมตัวกันเป็นเมืองใหญ่ โดยการรวมตัวของอำเภอกุดป่อง (อำเภอเมือง) อำเภอท่าลี่ขึ้นกับมณฑลอุดร อำเภอด่านซ้ายขึ้นกับมณฑลพิษณุโลก เมืองเชียงคานขึ้นกับเมืองพิชัย อำเภอต่างๆ เหล่านี้จึงโอนขึ้นกับเมืองเลยทั้งหมดตั้งแต่พุทธศักราช 2450 เป็นต้นมา
ชาวไทเลย จะมีนิสัยใจคอเหมือนกับชนเชื้อชาติโบราณ ซึ่งไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปจากดั้งเดิม มีสำเนียงพูดที่แปลกและนิ่มนวล พูดสุภาพและไม่ค่อยพูดเสียงดัง กิริยามารยาทดีงามอารมณ์เยือกเย็นไม่วู่วาม มีนิสัยรักความสงบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักถิ่นที่อยู่ไม่ค่อยอพยพไปอยู่ที่อื่น ส่วนทางด้านวัฒนธรรมประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมา ได้แก่ ฮีตสิบสอง คลองสิบสี่ คือการทำบุญตามประเพณีทั้งสิบสองเดือนของแต่ ละปี บ้านชาวไทเลย เป็นเรือนหลังใหญ่ ยกพื้นสูงมีระเบียงหรือชานยื่นออกมาหน้าเรือนและมีเรือนครัวซึ่งส่วนใหญ่จะสร้างแยกต่างหากโดยมีชานต่อเชื่อมติดกัน สำหรับ หลังคาของเรือนนอนมุงด้วยหญ้าคาหรือไม้แป้นเก็ด ฝาเรือน พื้นเรือนนิยมทำด้วยไม้แผ่นเรียกว่าไม้แป้น ส่วนเสาจะใช้ไม้เนื้อแข็งเป็นต้น ๆ หรืออิฐก่อเป็นเสาใหญ่ มีบันไดไม้พาดไว้สำหรับขึ้นลง ส่วนเรือนครัวมุงด้วยหญ้าคา ฝาและพื้นจะนิยมทำด้วยฟากไม้ไผ่สับแผ่ออกเป็นแผ่นและเสาจะทำด้วยไม้เนื้อแข็งเช่นกัน
Create Date : 09 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 9 ตุลาคม 2550 12:14:10 น. |
Counter : 460 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เอกลักษณ์ +คนไทเลย+
>ภาษาไทเลย ภาษาของคนจังหวัดเลย มีสำเนียงภาษาแตกต่างจากภาษาพูดของคนในจังหวัดภาคอีสานอื่น ๆ เพราะกลุ่มคนที่อาศัยปัจจุบันนี้มีประวัติการอพยพเคลื่อนย้ายจากเมืองหลวงพระบางแห่งอาณาจักรล้านช้าง ต่อมาต้นพุทธศตวรรษที่ 23 ชาวหลวงพระบางและชาวเมืองบริเวณใกล้เคียงที่อพยพมาเมืองเลยได้นำวัฒนธรรมด้านภาษาอีสานถิ่นอื่น โดยภาษาเลยนั้นจัดอยู่ในกลุ่มหลวงพระบางอันประกอบด้วยภาษาอำเภอแก่นท้าว เมืองชัยบุรี ภาษาอำเภอด่านซ้าย และภาษาอำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย ดังนั้นสำเนียงพูดของชาวไทเลยจึงมีลักษณะการพูดเหมือนชาวหลวงพระบางแต่บางพยางค์ออกเป็นเสียงสูงคล้ายสำเนียงพูดของชาวปักษ์ใต้ ฟังดูไพเราะนุ่มนวลจึงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะคนเมือง อย่างเช่น เครื่องใช้
.(เฮาเอิ้นว่า) แอบเข้า.......กระติบข้าว โอ........ ขัน จอง......ทัพพี บ่วง...... ช้อน มีดยับ.......กรรไกร ก้องแขน........กำไล ตะเอว....... เข็มขัด เงี่ยง.........กระโถน อ่นหล่นซา,อ่นซา...........ชิงช้า สี สีซิ่ว..........สีเขียว สีซิ่วอุ่มหุ่ม.......... สีเขียวเข้ม สีเขี้ยงๆ.......... สีเหลืองๆ สีเหลืองเอิ่มเซิ่ม.......... สีเหลืองเข้ม สีดำคื้อลื้อ.......... สีดำมาก
Create Date : 09 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 12 ตุลาคม 2550 14:34:37 น. |
Counter : 470 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เว้าเลย 1
ภาษาไทเลย
คำพูดที่ใช้ทั่วๆไป เอ๊าะเจ๊าะ,แอ๊ะแจ๊ะ.......... มีไม่มาก มีนิดเดียว เอ่งเต่ง.......... มีมากมีเยอะ จ่องป่อง ..........รูเล็กๆแต่ไม่ลึกมาก จ่งโป่ง.......... รูที่มีขนาดใหญ่กลวงมาก จ่างป่าง .......... รูขนาดใหญ่และสามารถมองเห็นได้ทะลุอีกด้านหนึ่ง แจ่งแป่ง.......... รูที่อาจมีหลายขนาด หลายรูปทรง จิ่งปิ่ง.......... รูเล็กแต่มีความลึกมาก แห้งแก่นแต่น.......... แห้งจนดินแตกระแหงไปทั่ว เขินเลิกเจิ๊ก .......... ส่วนมากใช้กับ ขากางเกงเขินมาก ใส่กระโปรงสั้นมากก็เรียก หรือน้ำตื้นเขิน อ่องต่อง .......... ถ้าใช้กับคนก็ หมายถึง คนที่มีเลือดฝาดสมบูรณ์แข็งแรง หน้าตาสดใส ถ้าเป็นสิ่งของก็เป็นของที่ดี และใหม่เอี่ยมอ่องนั่นเอง ลี้ .......... แอบหรือซ่อน ไปต่าว.......... ไป-กลับ มื้ออื่น.......... พรุ่งนี้ มื้อฮือ ..........มะรือ มื้อตึ่ง ..........มะเรื่อง กินเข้าหงายแล้วบ่.............ทานข้าวเช้าหรือหยัง กินเข้าสวยแล้วบ่
ทานข้าวเที่ยงหรือหยัง กินเข้าแล้งแล้วบ่..............ทานข้าวเย็นหรือหยัง ขี้ตะโหลก..........เป็นหลุมเป็นบ่อไม่เรียบ ขี้โบ้..........โรคเรื้อน งวก..........หันไปดู แปแลดแป๊ด..........แบน หรือ บางมาก แปนเอิดเติล..........โล่งเตียนไม่รกร้าง ฮกเองเตง..........รกมาก จักแม่นหยัง..........ไม่รู้เรื่องอะไร เอ็นสะแม้ง..........เส้นพลิก มันเลี่ยมยุบๆ..........มันจนขึ้นเงา มิดออนซอน..........เงียบหายไปเลย มิดจี่หลี่..........เงียบมาก เสียงดังเอาแท้เอาหว่า..........เสียงดังมาก เสียงข่อยแท้..........เสียงค่อยมาก ส่วนประกอบ บริเวณ ที่อยู่อาศัย เฮียน........บ้าน ป่องเอี้ยม.......... หน้าต่าง ขั้นได๋.......... บันได เฮียนน้อย..........ห้องครัวอาจอยู่ติดตัวบ้านหรืออยู่คนละหลังแต่ทำชานบ้านเชื่อมหากัน
Create Date : 09 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 12 ตุลาคม 2550 14:43:34 น. |
Counter : 187 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|