วันที่ 8 Paris ชม Montmartre Sacre Coeur,Eiffel ,Musee du Lauvre
เมื่อคืนนอนบนรถไฟไม่ค่อยหลับเลย เพราะคุณสามีเกิดอาการเมารถไฟ ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ อาเจียนตลอดเลย สงสารสามีมากๆ แต่ก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ปลอบเขาว่า เดี๋ยวอาการเมาก็คงจะดีขึ้นเอง
ตื่นมาตอนเช้ารถไฟใกล้ถึง ปารีส แล้ว มาถึงสถานี Bercy เวลา 09.30 น. มาถึงสถานีช้ากว่ากำหนดประมาณ ชั่วโมงนิดๆ พอลงจากรถไฟ ก็เดินออกมานอกสถานีรถไฟ แล้วข้ามถนน ไปขึ้น Metro ใต้ดิน สถานี Bercy
(ตัวสถานีรถไฟ Bercy กับ สถานี Metro Bercy ไม่ได้อยู่ในที่เดียวกันนะคะ ต้องเดินข้ามถนน เพื่อมา สถานี Metro Bercy )
เราซื้อตั๋ว Metro ได้ที่ตู้ซื้อแบบอัตโนมัติ คะ จะใช้บัตรเครดิต หรือ เงินสดซื้อก็ได้สะดวกดี

เนื่องจากโปรแกรมวันนี้ เราจะตะล่อนเที่ยวในปารีสหลายแห่ง เราเลยเลือกชื้อตัว molibis (ตั๋ววัน)โซน 1 -2 ราคา 5.9 ยูโร เพราะใช้เดินทางได้ทั้ง รถไฟใต้ดิน รถเมล์ จะขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ภายใน 1 วัน (ตั๋วหมดอายุ เวลา เที่ยงคืนของวันนั้น)

คำแนะนำ ถ้าอาศัยรถ Metro เป็นหลักในการท่องเที่ยว
ค่ารถ Metro ในปารีส ตั๋ว tickets 1.60 (แบบใช้ครั้งเดียว)
ตั๋ว /Carnet (pack) of 10 tickets 11.60 ยูโร (แบบใช้ครั้งเดียวเหมือนกันแต่จะมีตั๋วให้มา 10 ใบ ใช้ได้ 10 ครั้ง ) ราคาจะ ถูกกว่าการซื้อเป็นครั้งๆ
ตั๋ว Mobilis – 1 day Pass โซน 1 -2 ราคา 5.9 ยูโร ถ้าเดินทางหลายครั้งและเที่ยวในเฉพาะปารีนแนะนำให้ซื่อตัวนี้ จะขึ้นกี่ครั้งก็ได้ ใน 1 วัน คุ้มค่ามาก ใช้ขึ้นรถ Metro , รถเมล์ เที่ยวใน เมืองปารีสก็ทั่วแล้ว (ตั๋วจะหมดอายุตอนเที่ยงคืน)
เวลาซื้อตั๋วจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ สังเกตให้ดี ตั๋ว Mobilis จะซ่อนอยู่ในตั๋วประเภทอื่นๆ ไม่รวมอยู่ในหน้าตั๋ว tickets ,Carnet (pack) เหมือนจงใจไม่ให้ซื้อยังไงไม่รู้อ่ะ ต้องใช้เวลาค้นอยู่สักพักก็เจอ


มาต่อกันเลยคะ ซื้อตั๋วเสร็จ ก็นั้งรถไฟ ไปที่โรงแรมกันเลย ที่พักเราชื่อ Republique les halles Pavillon Paris ราคาคืนละ 3,950 บาท ห้องพักสะอาด ห้องน้ำในตัว อาหารเช้าดี ทำเลดีมาก ใกล้สถานีรถไฟ Jacques Bonscergent สาย Metro เบอร์ 5 เดินประมาณ 30 เมตรก็ถึงโรงแรมแล้ว

หลังจากเช็คอิน เสร็จแล้ว แต่ยังเข้าห้องไม่ได้ ต้องรอประมาณ เที่ยง ถึงจะเข้าได้ ก็เลย ออกไปเที่ยวกันก่อน ที่แรกของวันนี้คือ Montmartre Sacre Coeur นั่งรถไฟไปลงที่ สถานี Anvers Metro สาย M2 เดินขึ้นมาจากสถานีก็จะเจอซอยที่เป็นถนน Rue de Steinkerque เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอ Montmartre Sacre Coeur
แต่เดี๋ยวก่อนเนื่องจากมาถึงปารีสตั้งแต่เข้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ก็เลยต้องหาอะไรกินกันก่อน เดินมานิดหน่อยก็เจอร้านนี้








ของน่ากินทั้งนั้น เลือกไม่ถูกเลย..


เข้าไปดูในร้านยิ่งน่ากินใหญ่เลย หรือ เพราะเราหิวก็ไม่รู้... เลยเลือกสั่งตามคนแรกเสียเลย ดูน่ากินดี


อาหารที่สั่งมา น่าจะชื่อ เคบับ นะคะ ราคา 5 ยูโร พร้อมเฟรนฟาย

ขนาดของเคบับใหญ่มากๆ ให้เนื้อมาเยอะเลย สั่งมาอันเดียวกินกันสองคนคะ


หลังจากเติมพลังแล้ว ก็พร้อมลุยแล้วคะ ไปกันที่ทางขึ้น Montmartre Sacre Coeu จะเป็นถนนเล็กๆ มาร้านขายของเต็มไปหมด รวมถึง แกงค์มิจฉาชีพด้วย...ระวังให้ดีนะคะ ด่านแรกจะมีพวกนักต้มตุ๋นยืนเล่นอะไรกันสักอย่างคล้ายๆ กับการท้ายให้ถูกว่าภาพบนกระดาษบนมือเขาวางอยู่ตรงไหนบนกล่องกระดาษ เขาจะตั้งกล่องกระดาษตรงกลางถนนเลยคะ มีหลายวงด้วย จะมีพวกหน้า ม้า แสดงออกว่าสิ่งที่เขาเล่นนั้นได้เงินกันจริงๆ ด่านที่สอง ตรงใกล้ๆ กับบันไดขึ้น Montmartre Sacre Coeu จะมีพวกนิโกร พยายามให้เรายื่นข้อมือให้เขา หลังจากนั้น พวกเขาก็จะนำเชือกมาพันแล้วถักเป็นสร้อยข้อมือ ถักเสร็จก็ตัดเชือกแล้วคิดเงินเลยคะ เห็นนักท่องเที่ยวโดนกันเยอะเลยคะ เราได้แต่ยืนดูไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย พวกนี้ใช้เวลาในการถักเร็วมากๆ จนนักท่องเที่ยวไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียว



ถึงเสียที โบสถ์ Montmartre Sacre Coeu การเข้าชมภายในโบสถ์ ฟรี คะ


มีนักดนตรีมาเล่นให้ฟังด้วยคะ


ด้านบนของ โบสถ์ Montmartre Sacre Coeu


ลานศิลปิน Place du Tertre อยู่ใก้ลๆ กับโบสถ์เลยคะ ถ้ายืนให้หน้าเข้าหาโบสถ์ ให้เดินไปทางซ้ายมือ เรื่อยๆตามทางก็จะเจอคะ


หนังสือคู่ใจในการท่องเที่ยว ปารีส...


เสร็จจากโบสถ์แล้ว ตอนแรกตั้งใจจะไปเที่ยวต่อ แต่คุณสามีอาการไม่ไหวแล้ว ยืนไม่ค่อยจะอยู่แล้ว อาการเมารถไฟยังไม่หายบวกกับนอนไม่พอด้วย เลยต้องรีบกลับโรงแรม ให้คุณสามีได้นอนพักผ่อนก่อน แล้ว เย็นๆ ค่อยออกเที่ยวใหม่ก็ได้

หลังจากที่ได้นอนพักกันเติมอิ่มแล้ว สามีดีขึ้นมากเลย ไม่เป็นอะไรแล้ว ก็เลยออกลุยต่อกันเลย จุดหมายต่อไปคือ Eiffel นั่งรถไฟ Metro สาย M 9ไปลงที่สถานี Trocadero จะเป็นจุดที่มอง Eiffel สวยที่สุด


พอออกมาจากสถานี สามีก็ถ่ายภาพ Eiffel ส่วน เราก็วิ่ง...ไปร้านขาย เครป เสียงั้น...อิอิ มาถึงฝรั่งเศส ก็ต้องกินเครปแบบฝรั่งเศสด้วยสิ...จริงไหมคะ...


Eiffel โดยมีเราเป็นนางแบบ (แบบไหนหว่า..)


รูปคู่สักหน่อย...ให้นักท่องเที่ยวด้วยกันถ่ายให้


อีกมุมหนึ่งของ Eiffel


เสร็จจาก Eiffel แล้ว เราจะไปต่อกันที่ Musee du Lauvre จะเดินย้อนกลับไปขึ้นรถไฟที่สถานี Trocadero แล้วขึ้นรถไฟไปก็ได้
แต่เราเดินลงมาไกลแล้ว เดินมาถึงริมแม่น้ำ แถวๆริมแม่น้ำมีป้ายรถเมล์ทีสามารถนั่งไปลงที่ Musee du Lauvre ได้เลย ขึ้นสาย 72ขึ้นที่ถนน Avenue New york

ป้ายรถเมล์ตามภาพนี้เลยคะ


ถ้าใครซื้อตั๋วแบบ Mobilis ก็สามารถขึ้นรถได้เลย ไม่ต้องซื้อตัวเพิ่ม รถจะพาวิ่งเลาะริมแม่น้ำไปเรื่อยๆ จุดลงรถให้สังเกตุว่า ด้านซ้ายมือจะเป็นแนวรั่ววังยาวพอสมควร ก็ให้ลงได้เลย ถ้าไม่แน่ใจก็ถามคนบนรถก็ได้ พอลงจากรถก็ข้ามถนนเข้าทางซุ้มประตูโค้งเลย ตามภาพ



เข้าไปก็จะเจอแบบนี้ แสดงว่ามาถูกแล้ว


บริเวณวังเก่า สวยทีเดียว..


ยิ่งเปิดไฟ ยิ่งสวย


เดินเข้ามานิดเดียวก็จะเจอ สัญญาลักษณ์ Musee du Lauvre ถึงเสียที ตรงนี้จะเป็นทางเข้าหลักของ Musee du Lauvre



ถ้าต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Musee du Lauvre แนะนำให้เข้าชมวันพุธ,ศุกร์ เพราะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 09.00 - 22.00 น มีเวลาชมได้นานกว่าวันอื่น ถ้าเข้าชมหลังเวลา 18.00 น จะเสียค่าเข้าชมที่ถูกกว่าปกติ

วันที่เราไปเป็นวันศุกร์พอดีคะ จริงๆแล้วตั้งใจให้เป็นวันนี้คะ วางแผนมาแล้วจะได้ประหยัด...เราเข้าชมหลังเวลา 18.00 น. เสียค่าเข้าชม คนละ 6 ยูโร จากราคาเต็ม 10 ยูโร (ราคานี้ยกเว้นโซน Napoleon Hall ) แค่นี้ก็เดินกันเมื่อยแล้วคะ

วันเปิดบริการ ของ Musee du Lauvre

เปิด วันจันทร์,พฤหัสบดี,เสาร์,อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ 09.00 - 18.00
ส่วนวัน พุธ,ศุกร์ เริ่มตั้งแต่ 09.00 - 22.00 น.
ปิดทุกวันอังคาร


อัตราค่าเข้าชม Musee du Lauvre

ค่าเข้า Musee du Lauvre ราคา 10 ยูโร ต่อคน (ราคานี้ยกเว้นโซน Exhibitions in the Napoleon Hall )

ค่าเข้า โซน Exhibitions in the Napoleon Hall ราคา 11 ยูโร ต่อคน (ใช้ได้เฉพาะโซน Exhibitions in the Napoleon Hall ไม่สามารถชมในส่วนของ Musee du Lauvre ได้)

เข้าชมฟรี ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน

ชุดหูฟัง ภาษาอังกฤษ์
ผู้ใหญ่ ราคา 6 ยูโร
เด็ก under-18s:ราคา 2 ยูโร
คนพิการ ราคา 4 ยูโร

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ //www.louvre.fr

สำหรับใครที่ชอบเขาเข้าชมพิพิธภัณฑ์ในปารีส แนะนำ Muesum Pass ที่คุณสามารถใช้เข้าพิพิธภัณฑ์ทั่วปารีส ได้มากถึง 60 แห่งเลยคะ แบบและราคามีดังนี้
แบบ 2 วัน 35 ยูโร
แบบ 4 วัน 50 ยูโร
แบบ 6 วัน 65 ยูโร

ยกตัวอย่างสถานที่ที่สามารถเข้าชมได้โดยใช้บัตร Muesum Pass เช่น

ภายในโบสถ์ Notre Dame ปกติราคา 7.5 ยูโร
พระราชวัง Versailles ปกติราคา 15 ยูโร
Musee du Lauvre ปกติราคา 11 ยูโร
โบสถ์ St.Chapelle ปกติราคา 7.5 ยูโร
ขึ้นไปชมวิวบนประตูชัย Arc du Triomphe อยู่สุดถนนชองอิเลเซ่ ปกติราคา 8 ยูโร

จากตัวอย่างที่แนะนำให้เข้าชมค่าเข้า ก็ปาเข้าไป 49 ยูโร แล้ว (สำหรับ 2 วัน) ถ้าซื้อ Muesum Pass แบบ 2 วัน ก็จะถูกกว่ามาก

รายละเอียดเกี่ยวกับบัตร Muesum Pass และพิพิธภัณฑ์ทั้ง 60 แห่ง ดูเพิ่มเติมได้ที่ //en.parismuseumpass.com


อีกสักภาพก่อนเข้า Musee du Lauvre


สำหรับใครที่ซื้อตั๋วเข้า วัน พุธ,ศุกร์ หลังเวลา 18.00 น. ทางเข้าหลัก จะปิดให้เดินไปเข้าอีกทางหนึ่ง เดินมุ่งหน้าไปที่ถนน Rue de Rivoli ถ้าหันหน้าเข้าหาปิรมิดแก้ว ให้เดินไปทางซ้ายมือ ตามภาพนี้เลยคะ


เดินตรงไปเรื่อยๆ แล้วลอดซุ้มประตูโค้ง ก็ให้เลี้ยวซ้ายอีกที่ จะมีทางเดินลงไปยังห้างใต้ดิน มีป้ายสีแดง เขียนว่า La Carrousel du Lauvre ก็ให้เดินลงไปเลย ลงบันไดเลื่อนประมาณ 2 ชั้น (ไม่แน่ใจว่ากี่ชั้น แต่ไม่เกิน 2 ชั้นแน่นอน) ลงไป 2 ชั้น แล้วเดินตรงไปจนกว่าจะเจอร้านขายน้ำหอมขนาดใหญ่อยู่ด้านซ้ายมือ ก็จะเห็นพีรมิดแก้ว กลับหัวแบบนี้ แสดงว่าถึงทางเข้าแล้วคะ


ภาพที่ใครๆ ก็ต้องมาชม ภาพ Mona Lisa ไม่ใหญอย่างที่คิดเลย...


ห้องแสดงภาพขนาดใหญ่


รูปสลักหินอ่อนเทพเจ้าแห่งชัยชนะของกรีซ The Winged Victory of Samothrace


รูปสลัก Venus de Milo


บอกลา Lauvre ด้วยภาพบนผนังทางออกคะ...อิอิ



Create Date : 24 เมษายน 2554
Last Update : 25 เมษายน 2554 0:15:59 น.
Counter : 2447 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

friend&ko
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]