แบกเป้เที่ยวสวิส 2006
นั่งจัดระเบียบไฟล์ในคอมฯ แล้วไปเจอกระทู้นี้ที่เคยตั้งไว้ในเวบชมพูเมื่อสามปีก่อน เลยเอามาลงไว้ตรงนี้อีกครั้ง---------------------------------------------------------------------สวิส เป็นประเทศที่ปลอดภัยนะจ๊ะ ยกเว้นในซูริค ดูท่าไม่ค่อยน่าไว้ใจเพราะคนเยอะ มีคนที่ไม่ใช่คนสวิสเยอะมาก เถื่อนก็เยอะ ยกเว้นซูริคยามค่ำคืนแล้ว สองสาวเดินทางกันเองก็ปลอดภัยจ้าค่าเดินทางครั้งนี้ พี่หย่งเตรียมไว้สองแสนหนึ่ง แต่ว่าใช้น้อยกว่าที่คาดเพราะวันสุดท้ายที่ควรเป็นการเดินทางวันที่ 9 แต่สวิสพาสเหมาจ่าย 8 วันยังใช้ได้ เพราะตอนเค้าแสตมป์ swiss pass ให้ เค้าเริ่มวันที่ 28/04/06 วันสุดท้าย 06/05/06 นับยังไงก็ 9วัน แต่ไม่กล้าท้วงเค้า กลัวเค้าเอาคืน เอิ๊กๆๆสรุปว่า ทริปนี้ 9 วัน ตะลุยสวิสประเทศเดียวแต่สารพัดเมือง เงินที่เตรียมไปมีเหลือกลับมาแลกคืนอีกหมื่นห้าอะจ้า เก็บตังค์ตั้งนาน แพลนล่วงหน้าตั้งหลายเดือนแล้วก็ได้แบกเป้อีกครั้งสมใจ คราวนี้ไปสามคน พ่อแม่ลูกชายวัย 14 ปีวางแผนเดินทาง 9วัน ไม่รวมวันเดินทาง ก่อนอื่น เปิดเป้ให้ดูก่อนสัมภาระต้องจำกัด เพราะแก่แล้ว เดี๋ยวแบกไม่ไหวกางเกง เสื้อผ้า เครื่องกันหนาว หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ ครบถ้วนขอบคุณ"ส้มจุก" ใจดีที่เอา ear muff มาฝาก ไม่ลืมกระเป๋า OTOP ใบเล็กๆไว้เป็น souvenir ให้ผู้คนใจดีที่จะเจอระหว่างการเดินทาง อีกใบเป็นกระเป๋าสะพาย ใบนี้สำคัญมาก ร่วมเดินทางกับป้าแก่มาเป็นเวลา 10ปีถ้วน ทุกครั้งที่แบกเป้ต้องพาเค้าไปด้วย เป็นเพื่อนที่ดีมาก เก็บของสำคัญทุกอย่างไม่มีขาดหายอุปกรณ์ในกระเป๋าเป็นเรื่องกระจุกกระจิกจริงๆ แต่สำคัญทุกอย่างเลย แม้แต่ซองแดงๆข้างหน้า มันคือ "ฮกไคโหระ" เอาไว้ทำให้อุ่นมือ เวลาขี้เกียจใส่ถุงมือ อิอิ เอกสารสำคัญในกระเป๋า เนื่องจากเป็นการเที่ยวเอง ไม่ได้มีทัวร์จัดการให้ เลยดูเยอะแยะมากมาย พาสปอร์ตก็อ้วนตุ๊บ เพราะเป็นสองเล่มติดกันใบ print การจอง การจ่ายเงินค่าที่พักทั้งบ้านพักเยาวชนและโรงแรม ตั๋วเครื่องบินรายละเอียดการประกันเดินทาง บัตรสมาชิกบ้านพักเยาวชน อื้ม เอกสาร ยังมีตั๋วรถไฟ สวิสพาสแบบเหมา 8วัน บัตร Family card สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีเดินทางพร้อมพ่อแม่ฟรีที่ขาดไม่ได้ ... ใบรับของที่ซื้อจากคิงพาวเวอร์ ดิวตี้ฟรีในเมือง เอิ๊กๆ อันนี้ สำคัญ สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด คือ เงินกับบัตรเครดิตอิอิ เหิรฟ้าไปกับสวิสแอร์เครื่องแอร์บัส มีทีวีทุกที่นั่ง มีหนังเลือกดูได้ และขาดไม่ได้คือ วิดีโอเกม ที่ทำให้การเดินทาง 11 ชั่วโมงบนเครื่องบินไม่น่าเบื่อเลยเหยียบถึงแผ่นดินสวิส ที่เมืองซูริค ฝนตกจั่กๆๆตลอด เริ่มการเดินท่อมๆหาโรงแรมที่จองไว้เดินเกือบสุดถนนนับบ้านเลขที่ไปเรื่อย ต้นไม้ต้นนี้สวยดี เวลาดอกร่วงหล่น จะปลิดทีละกลีบ สวยงามเหมือนซากุระทั้งๆที่เวลาอยู่บนต้นจะหนาทึบเหมือนตาเบบูย่าที่บ้านเราแต่ไม่ทิ้งซากดอกเหี่ยวๆเน่าๆไว้ตามพื้นเหมือนตาเบบูย่า ได้เวลาฝึกหัดเจ้าลูกชายแบกเป้และใช้ชีวิตแบบลำบากลำบนแต่มันส์อะจ้า เลยไปกันทั้งบ้าน สถานีรถไฟที่ซูริค ใหญ่โตอลังการมาก มีชานชาลานับสิบ ตารางการออกรถ เต็มแน่นจนต้องแหงนมอง ภายในรถไฟก็เก๋ไก๋น่านั่งมาก ขบวนนี้เป็นรถไฟสองชั้น ชั้นบนจะมีที่นั่งโค้งๆ นั่งได้สามคน เหมือนนั่งในคอฟฟี่เลานจ์ คนก็ไม่แน่น สามารถขึ้นได้โดยไม่ต้องจองก่อน ยกเว้นบางสายที่ผ่านเส้นทางสวยๆ เช่น Golden Pass Expressหรือ Glacier Express บ้านเมืองสวยงาม สะอาดสะอ้านน่ามอง มุมนี้ มีหมีตกแต่งสารพัดแบบ ถ่ายรูปมาแล้วสวยดี เจ้าหมีตัวนี้ แต่งตัวได้พั๊งกี้มาก เลยขอถ่ายรูปด้วยซะหน่อยวันนี้ฝนตกตลอด ป้าแก่เลยปิดหัวปิดหู ดูเป็นแม่มดยังไงไม่รู้เนอะ มาเมืองนี้ ( St.Gallen อ่านว่า ซังกัลเลน ) เพื่อจะมาดูโบสถ์นี้ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกโลกด้วย แล้วเดินทางต่อไป ลูเซิร์นฉากเด็ด ต้องภาพนี้ สะพานไม้ ซึ่งตอนนี้เป็นของใหม่ไปแล้วหลังจากไฟไหม้ไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนปี 2532 ที่ป้าแก่ไป ยังได้มีโอกาสดูของเก่าแก่เลย เสียดาย ภาพวาดสวยๆบนสะพานไม้หมดเลย เหลือแต่ซากถ่านดำๆเก่าๆ รถไฟสองชั้น วิ่งนิ่มมากกกกกก เดินมาเหนื่อยๆ ขึ้นรถไฟแล้วหลับสบายย ห้องน้ำก็ดี สะอาดสะอ้านลักษณะแบบห้องน้ำบนเครื่องบิน ป้าแก่ก็อาศัยห้องน้ำบนรถไฟเนี่ยแหละเป็นส่วนใหญ่ เพราะถ้าขึ้นที่ชานชาลา ต้องหยอดเหรียญเพื่อเปิดประตูในราคา 1/2 ฟรังก์ = 15 บาท ยกเว้นห้องน้ำที่สถานีที่ซูริค 2 ฟรังก็ จ๊ากๆ จะฉี่ที ต้องจ่าย 60 บาทอดทนไว้ ๆ ๆ ๆ รอรถไฟมาก่อน คนสวิสมีอารมณ์ศิลปิน อารมณ์ขันมากนะดูอย่างปากทางถนนในซอยนี้สิ ดูเค้าทำ จาก Lucerne เดินทางต่อไป Interlaken บ้านพักเยาวชนที่นี่ สงบเงียบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติมาก เคยแบกเป้มาเมื่อ 1996เจอคนดีๆเยอะแยะน่ารักทั้งนั้นเลย ปีนี้เลยกลับไปใหม่นี่เป็นตึกบ้านพักเยาวชนที่เราจะเข้าไปอยู่ สังเกต โลโก้ บ้านพักเยาวชน มีทั่วโลกจะเข้าพักได้ต้องมีบัตรสมาชิก ซึ่งทำได้ที่บ้านพักเยาวชนของไทย //www.tyha.org/ ไม่งั้นต้องเสีย 12 Fr.ชื่อว่าบ้านพักเยาวชน เมื่อก่อนจะจำกัดอายุ โดยเฉพาะที่เยอรมัน จำกัดไม่เกิน 26 ปีจึงจะเข้าพักได้ แต่ตอนนี้ปรับใหม่ไม่จำกัดอายุทั่วโลกแล้วลักษณะเตียงจะเป็นสองชั้น มีอ่างล้างหน้าที่มีทั้งน้ำร้อนน้ำเย็นให้ในห้อง แต่ไม่มีห้องน้ำมีล๊อคเกอร์ให้วางของ แต่ถ้าต้องการล๊อคกุญแจ ต้องจ่ายค่ากุญแจ 2 Fr.=60 บาทห้องน้ำ ห้องอาบน้ำจะแยกอยู่ตามชั้นเดี๋ยวนี้ บ้านพักเยาวชน พัฒนาระบบมากกว่าแต่ก่อนมาก มี Key card ให้ใช้เข้าห้อง และ Main door กรณีกลับมาหลังสี่ทุ่มที่ประตูใหญ่เข้าบ้านปิดแล้วตามทางเดินมีระบบ Infrared เวลาเราเดินผ่าน ไฟทางเดินจะติดแล้วดับเองอัตโนมัติ ที่สวิส เวลากลางวันนานมาก ตีห้าครึ่งก็เริ่มสว่าง กว่าจะมืดก็สามทุ่มโน่นตอนเย็นมีเวลาตีปิงปองกับเจ้าลูกชายที่สนามหลังบ้านพักเยาวชนที่ Interlaken ด้วยที่บ้านพักเยาวชนใน Interlaken จะพิเศษกว่าที่อื่นตรงที่มีครัวให้ทำอาหารเองได้ด้วย ไมโครเวฟ เตาแก๊สถ้วยช้อนจานชามกระทะ พร้อม ขอให้ทำแล้วทำความสะอาดให้ดี มีน้ำยาล้างจานไว้บริการเรียบร้อยป้าแก่ซื้อข้าวกล่องเป็นข้าวแกงเขียวหวานเนื้อ จากร้าน COOP ลักษณะเหมือนโลตัสบ้านเรา มาอุ่นไมโครแวฟกินอร่อยมากๆ ตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นจะซื้อไข่สดมาเจียวกับตุ๋น แต่ไม่มีโอกาส รูปนี้ ถ่ายจากหลังบ้านพักเยาวชน ซื้อขนมมานั่งกินได้บรรยากาศสบายๆดีวันต่อมา ขึ้นรถไฟไปพิชิต Top of Europe " JungFrauJoch" หลังจากฝนตกทั้งวันสองวันเต็มๆ วันที่ขึ้นยอดจุงเฟรา เป็นวันที่เราโชคดีมาก เพราะฝนหยุด ฟ้าใสคืนก่อนหน้ายังมีหิมะตกอยู่เลย เช้าวันนี้เลยมีแต่หิมะใหม่ๆ ปุยๆนุ่มๆฟูๆ น่ากินพิลึกเลย เดินเล่นเหยียบที วืดหายไปครึ่งแข้งเลย มีถ้ำน้ำแข็งให้เข้าไปเดินเล่น ดูน้ำแข็งที่เค้าแกะสลักเอาไว้ สวยดีรูปนี้ ตัวประหลาดสองตัวอยากถ่ายรูปคู่ ใช้เวลาบนจุงเฟราครึ่งวันกว่าๆ เดินทางกลับลงมาถึงในเมือง ก็ยังบ่ายแก่ๆ เลยล่องเรือเที่ยวทะเลสาบThunersee ใช้สวิสพาสได้ฟรีด้วยไม่ต้องเสียตังค์เพิ่มTa Daaaaaaaaaaaaaa!!เรือมาเทียบท่าที่เมือง Spiez ( อ่านว่า ชะ-เปี๊ยช )แล้วเดินจากท่าเรือไปสถานีรถไฟเมืองชะเปี๊ยช ทางเป็นทางขึ้นเขา เดิน 25 นาที หอบแฮ่กๆๆๆ วันต่อไป ไป Meiringen เพราะอยากไปเดินเที่ยว AareSchluch ซึ่งเป็นซอกช่องเขาที่มีแม่น้ำอาเร่ไหลผ่าน เค้าทำทางเดินไว้น่าชมมากวิวเมือง Meiringen แอบเห็น ร้าน CooP ร้านที่เราฝากท้องกับเค้าเวลาหิวก็วิ่งเข้าไปซื้อของกินเล่นได้ตลอด อิอิ มีหลายขนาดมาก เล็กสุดเป็น coop pronto รองมาก็ coop เฉยๆ ใหญ่ยักษ์ก็ coop city แถวๆนั้น มีบ้านเชอร์ล๊อคโฮล์มด้วยนะ แต่เป็นของเลียนแบบ เลยไม่ได้เข้าไปดูข้างใน ถึงแล้ว อาเร่ชะลุ๊คเดินเลาะตามขอบช่องเขาไปเรื่อย เป็นกิโลเลย แต่วิวสวยจับใจ ตอนบ่าย เดินทางไปเมือง Brienz เบรียซ ที่นี่ ไม่ได้วางแผนไว้มาก่อน พอดีเป็นจุดต่อรถไฟ เลยเดินไปถาม Tourist information หาที่เที่ยว ได้ความว่า มี Open air museum ชื่อว่า Ballenberg น่าเดินเที่ยว เลยนั่งรถบัสต่อไป (ฟรีด้วยบัตรสวิสพาสอีกแหละ ) โชคดีมาก ที่นี่ใช้บัตรสวิสพาสได้ฟรีเลย จากราคาตั้งสามสิบกว่าฟรังก์ ( เกือบพันแน่ะ ) เลยซื้อแผนที่ราคา 2 Fr.มาตรงนี้วิวสวยดี ได้เวลาอาหารเที่ยง ฮอทดอกกันคนละอัน กับ มันฝรั่งทอดแท่งอ้วนตุ๊บ อร่อยมากๆ แต่ทั้งหมดเกือบพันบาท!มาเที่ยวยุโรป ดีอย่าง อาหารที่กินก็เป็นพวกขนมปัง ไส้กรอก ฮอทด๊อก ไก่ย่าง อิอิได้ความรู้สึกเหมือนกินขนมเล่นๆทั้งวันเลย ใน museum เป็นที่กว้างมากๆ หลายร้อยไร่ แบ่งเป็นโซน ประมาณ 7 โซนแสดงวัฒนธรรมของชาวสวิสพื้นเมืองตั้งแต่ยุคเก่าๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกกสิกรรม การเลี้ยงสัตว์ ปลูกองุ่น ตัดฟืน ทำไม้ ทำเกือกม้าบ้านนี้ แสดงของเล่นพื้นเมืองของเด็ก ตื่นเต้นมาก ว่าบ้านเค้าเล่น " ตีวงล้อ "เหมือนการละเล่นภาคกลางของไทยเลย แถมมี ม้าไม้ให้ขี่ เหมือนที่บ้านเรามี " ม้าก้านกล้วย " ด้วย เลยถ่ายรูปไว้อวดเจ้านายของเรา ที่ทำเรื่องการละเล่นพื้นบ้านของเด็ก ไก่สวิส อ๊วนนนน อ้วนนนนนนนน วันต่อมา นั่งรถไฟขบวนพิเศษ สาย Matterhorn Gotthard Bahn เดินทางเส้นเดียวกับ Glacier express ที่สำคัญใช้สวิสพาสได้อีกแล้ววเส้นทางสวยมาก จุดหมายปลายทางของวันนี้คือเมือง Zermattเมืองเล็กๆที่น่ารัก ปลอดมลพิษ เพราะไม่อนุญาตให้ใช้รถที่ใช้น้ำมันรถที่ใช้เดินทางในเมืองจะเป็นรถไฟฟ้าเท่านั้นแต่ผิดคาด ช่วงที่ไป มีการก่อสร้างทั้งเมือง ทั้งถนนทั้งตึก รถบรรทุกหินคันโตๆ เบิ้ลน้ำมัน บรื้นๆ กีดขวางเต็มถนน ฟุตปาธก็กำลังซ่อม แบกเป้เดินยากมากเลยผิดหวังแต่ไม่เป็นไร เอาเป้ยัดตู้ล๊อคเกอร์ 5 Fr.= 150 บาท แล้วขึ้นรถไฟสายพิเศษขึ้น Gonnergrad ขบวนนี้ใช้สวิสพาสฟรีไม่ได้ แต่ได้ลดราคาพิเศษ เราเลือกที่จะซื้อขาไปถึงยอด Gonnergrad แต่ขากลับถึงแค่สถานีRiffelAlp แล้วเดินลงเขาเอง เราขึ้น Gonnergrad เพื่อไปดูเจ้ายอดนั้นใกล้ๆMATTERHORN!!! เย้ๆ ถึงแล้วหิมะนุ่ม น่าเล่นเป็นที่สุด ปั้นเป็นก้อนกลมๆแล้วขว้างกัน เย้วๆๆๆ ปากันได้ 20 นาที ได้เวลารถไฟออก หนทางเดินเท้าเราอีกยาวไกล ต้องบ๋ายบายปุยหิมะนุ่มๆ ขึ้นรถไฟ ไปลงสถานี RiffelAlp จากนั้นลงเดินทางเดินลงเขาดีๆนี่เอง ต้องเดินตัดข้ามทางเล่นสกีเป็นระยะๆหิมะเก่าๆแฉะๆเละๆ เดินลื่นลำบากเหมือนกัน แต่ก็อยากเดิน อิอิ เดินลงเขา เหนื่อยก็นั่งพัก เก้าอี้สีแดง ตัดกับบรรยากาศดีจริงๆ เดินมาได้ครึ่งทาง ไม่มีหิมะหรือธารน้ำแข็งแล้ว แต่หนทางเรายังอีกยาวไกล กลับมาถึงในเมือง ก็ไปเปิดล๊อคเกอร์ เอาเป้ที่ยัดไว้ แล้วแบกเดินขึ้นเนินเขา ไปบ้านพักเยาวชนของเมืองZermatt โชคดีเราจองไปแต่เนิ่นๆ ได้ห้องดีมากตอนเช้า เกือบหกโมง ก็ได้เห็นยอด Matterhorn ยิ้มสวยๆให้อย่างนี้เลย ตื่นเช้า ร่ำลายอด Matterhorn แล้วก็เดินทางต่อไปเมือง Montreux ( อ่านว่า มอง-เทรอป้าแก่ชอบแซวกันกับเจ้าลูกชายว่า มองเทอนะ ไม่ต้องมองฉัน )ที่นี่ มีป้อม Chateau de Chillon โดดเด่นตั้งแต่ก่อนรถไฟจะแล่นผ่านเข้าถึงตัวเมือง เดินไปถ่ายรูป แต่ไม่ได้เข้า museum ข้างใน มานึกได้ทีหลังว่า น่าจะใช้บัตรสวิสพาสผ่านได้นา..Montreux เป็นเมืองชายทะเลสาบ"เลอมัง"ริมฝั่งประดับตกแต่งด้วยดอกไม้เมืองหนาวสวยงามมาก โดยเฉพาะทิวลิป ดอกโตมากเราสามคนพ่อแม่ลูก ใช้เวลาบริเวณนี้นั่งกินบรรยากาศ แถมสอนเจ้าลูกชายหัดถ่ายรูปไปด้วย เพิ่งรู้ว่า ทิวลิปก็มีกลิ่นหอมนะ จาก Montreux นั่งรถไฟกลับซูริคตู้ขบวนนี้ เป็นแบบที่เจ้าลูกชายใฝ่ฝันอยากนั่ง เค้าเรียกมันว่า รถไฟแฮรี่พอตเตอร์ จะมีประตูกั้นห้องเป็นสัดส่วนดี ลืมไป ก่อนขึ้นขบวนแฮรี่ ได้ขึ้น Golden pass express classic ได้ที่นั่งดีมาก เพราะเป็นตั๋วจองล่วงหน้า เสียค่าจองที่นั่งละ 7 Fr. ทำเหมือนได้เข้าไปนั่งในถังเบียร์ ตกแต่งตู้โบกี้สวยงาม หน้าต่างกว้าง มีโคมไฟประดับสวยๆด้วย จุดหมายของขบวน Golden pass express classic อยู่ที่เมือง Zweisimmen ก่อนเข้าซูริค เราแวะเที่ยวเมืองหลวงของสวิสก่อน Bern ปีนี้ไม่สวยงามเหมือนอย่างเคย มีการก่อสร้างตึก ถนน เป็นระยะๆ ถนนเมืองเก่ามีรถมากมายเดินลำบากเหลือเกิน มา เบริน ย่อมต้องมาชมบ่อหมีเคยรู้มาว่า บ่อหมีเคยมีหมี 3 ตัว แต่ตายไป 1 ตัวดูนะ อยู่กันแค่สองตัว ยังจะกัดกันอีกเฮ้ออ ที่สถานีรถไฟซุริค กำลังจัดแข่งวอลเล่ย์บอลชายหาดบริเวณหนึ่งของสถานีเลยถูกจัดแต่งให้เป็นหาดทรายป้าแก่เข้าไปดูเกมนึง หนุกดี แถมมีคนเดินแจกขนมครั้งละสองห่อให้ตลอดเวลาด้วย อาหย่อยยย วันสุดท้ายเลยละกันไปเที่ยวเมือง Schaffausen เพื่อไปชมน้ำตกไรน์ ก่อนจบเดี๋ยวจะหาว่า ป้าแก่มาบ่นอะไรอยู่ในเวบความงามเนี่ย ไม่พูดถึงเรื่อง คสอ ในสวิสเลยซะอย่างอะ ซะหน่อย..ที่สวิส คสอ พวกสีๆ แพงมาก แพงกว่าที่ไทยอีก แม้แต่ยี่ห้อนีเวีย เมย์เบลลีน ยังแพงกว่าเลย ริมเมลก็มีนะ แต่ไม่มีบลัชฝุ่น มีแต่บลัชครีม ราคาประมาณ 300 บาท แพงเนอะคสอ ยี่ห้อที่พวกเราชอบกัน ก็มีไม่เยอะนักนะ อย่าง Bobbi brown เดินเกือบทั่วประเทศ เจอที่ห้างนี้ห้างเดียว อยู่ในเมืองซุริค ส่วนราคาก็แพงกว่า บรรยากาศเค้าท์เตอร์ คสอ ในห้าง เงียบมากๆๆๆๆ เหมือนผู้คนบ้านเค้าจะไม่สนใจเอาเลยอะ ตบท้ายที่สุดด้วยกองนี้แหะๆไปทั้งที ได้มาแค่นี้เองนะ คสออยากจะบอกว่า หมอฮัดชะก้าที่สวิสถูกมาก Rosen packung 38 ฟรังก์= 1140 บาทRevital packung 29 ฟรังก์ = 870 บาทซื้อ 400 Fr. ได้ refund tax 7%เคเรสตราสก็ถูก age recharge ปุก 500 ml = 2400 บาทแหะๆ แต่อารมณ์แบกเป้วันที่ 9 มันไม่นึกจะสนใจเลย กลับมาแล้วค่อยเสียดาย ว่าทำไมไม่ขนมาว๊าแงๆๆจบการนำเสนอหวังว่าท่านผู้ชมคงได้อรรถรสในการอ่านทู้นี้บ้างไม่มากก็น้อยขอบคุณค่ะจาก ป้าแก่ ปล. แบกเป้คราวนี้ ตกลงกับคุณลูกชายไว้ตั้งแต่ก่อนไปว่าไปเที่ยวด้วยกัน ไปหาประสบการณ์ดีๆ ไปฝึกไปสอนให้รู้จักใช้ชีวิต เพราะฉะนั้น ไม่มีการเอาเกมบอยไปด้วย ไม่ให้ติด mp3 player ไปด้วย ห้ามมาร้องโอดโอยว่า เมื่อยแล้ว จะกลับโรงแรมไปดูทีวี ก็ได้ผลนะ อีกอย่าง สถานที่ที่เราไป อำนวยด้วย อย่างโรงแรม ทีวีของเค้าไม่มีการ์ตูนเลยซักช่อง หนังก็ไม่มีละครแบบน้ำเน่าบ้านเรา ยิ่งบ้านพักเยาวชน ห้องทีวีอยู่ใน common room อีกตะหากแต่ก็มีบ้างที่โยเย แอบงอน จนต้องอบรมกัน อย่างในรูปนี้