Open my world – Day 10 : Hofbräuhaus
วันสุดท้ายของการมาดูงานที่ยุโรป พรุ่งนี้จะได้กลับบ้านแล้ว วันนี้เราต้องย้ายโรงแรมอีกครั้ง และจะอยู่ที่โรงแรมสุดท้ายแค่คืนเดียว ดังนั้นทุกคนในคณะจึงแพ็คกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวกลับกันแล้ว เพราะพรุ่งนี้ต้องออกจากโรงแรมแต่เช้า ซึ่งโชคดีอย่างหนึ่งคือเราได้เจอพี่คนไทยทำงานที่ Holiday Inn Hotel : Stuttgart คนนึงและพี่เขาก็น่ารักมาก (เป็น 1 ในไม่กี่อย่างที่น่าประทับใจของโรงแรมนี้) พี่เขารู้ว่าเราจะ check out ออกวันนี้และกลับเมืองไทยพรุ่งนี้ ตอนเช้าพี่เขาเดินมาแถวห้องพักของพวกเราพร้อมเครื่องชั่งน้ำหนัก ... ไม่ได้เอาให้ชั่งน้ำหนักตัวนะ .... เอามาชั่งน้ำหนักกระเป๋าว่าใครอยู่ในโซนอันตรายน้ำหนักเกินแล้ว

การดูงานวันสุดท้ายนี้เราไปดูงานที่เมือง Leonberg ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ๆกับ Stuttgart ห่างไปทางตะวันตกประมาณ 13 km เราไปถึงที่เมือง Leonberg ตั้งแต่ยังเช้าอยู่ และก็ตรงไปยังที่จุดหมายเลยไม่ได้เห็นบรรยากาศของเมืองนี้ซักเท่าไหร่ แต่เท่าที่ได้ดูตามทางที่นั่งรถผ่าน เมืองนี้น่าจะเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่นัก ผู้คนดูไม่พลุกพล่าน ดูบรรยากาศเงียบ สงบ ไม่เหมือนตามเมืองใหญ่ๆ เราดูงานที่นั่นอยู่ประมาณ 3 ชม. ก็เดินทางกลับเพื่อไปกินข้าวกลางวัน

ตามกำหนดการที่ทางทัวร์จัดไว้ วันนี้เป็นอีกวันและวันสุดท้ายที่เราต้องกลับไปกินข้าวที่ร้านอาหารจีนร้านเดิมที่ Schlossplatz : Stuttgart แต่ไกด์คงเห็นอาการของลูกทัวร์ที่มีต่ออาหารมื้อเย็นเมื่อวาน เค้าคงรู้ว่ามันไม่ไหวแล้ว จริงๆไกด์ทริปนี้ของคณะเรา เขาก็ดีทีเดียว ดูแลลูกทัวร์ดี ติดที่จะชอบแอบจิกกัด และขี้หงุดหงิดไปนิดนึง

ไกด์บอกว่าเขาเห็นอาการของพวกเราแล้ว บวกกับเขาเองก็ไม่เคยต้องพาลูกทัวร์ ไป(ทน)กินอาหารร้านไหนซ้ำเกิน 3 มื้อ วันนี้ก็เลยตัดสินใจยกเลิกอาหารกลางวันที่ร้านอาหารจีนร้านนั้น ไปตายเอาดาบหน้า หาที่กินเอาข้างหน้าอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วได้ยินพวกเราบ่นหรือเปล่า เพราะพวกเราก็ตกลงกันว่าถ้าวันนี้ต้องกลับไปร้านนั้นอีก เราจะยอมจ่ายตังค์แล้วหากินอะไรก็ได้ที่อื่นเอง ซึ่งก็โชคดีไปที่พวกเราไม่ต้องเสียเงิน

เนื่องจากวันนี้เราต้องเดินทางไปพักที่ Munich เพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่องกลับที่สนามบิน Munich และเราตัดสินใจว่าจะไม่กลับเข้าไปที่ Schlossplatz ของเมือง Stuttgart แล้วทำให้การเดินทางส่วนใหญ่จะอยู่ใน Autobahn ทำให้ร้านอาหารกลางวันวันนี้ของเราเป็นที่นี่อีกครั้ง Burgur King … ยังกะบุพเพสันนิวาส ที่แรกที่ไกด์ต้องหาให้พวกเรากินเองก็ Burgur King ที่สุดท้ายที่ต้องหากินกันเองก็ Burgur King



จริงๆไม่ใช่อะไร Burgur King เป็น choice สุดท้ายของการกินที่นึกอะไรไม่ออกแล้ว และต้องเดินทางใน Autobahn เพราะ Burgur King มีอยู่แทบทุกที่ของจุดพักรถ แต่อย่างน้อยก็อร่อยกว่าอาหารร้านนั้น

หลังจากกินกลางวันกันเสร็จ ก็เข้าสู่โหมดนั่งรถยาวกันอีกครั้ง ส่วนใหญ่ก็หลับกัน เพราะวิวใน Autobahn ไม่ค่อยมีอะไร และการขับรถใน Autobahn ของเยอรมันก็ห้ามไกด์ยืน ทำให้ไกด์ไม่สามารถ entertain ลูกทัวร์ได้เท่าไหร่เนื่องจากต้องนั่งหันหน้าไปหน้ารถอย่างเดียว เพราะฉะนั้นนอนกันดีกว่า

วันนี้เป็นการนั่งรถใน Autobahn เป็นครั้งสุดท้าย ดังนั้นตั๋วเข้าห้องน้ำที่สะสมไว้ต้องใช้ให้หมด ... อ้อ !! ห้องน้ำตามจุดพักรถของ Autobahn จะเสียค่าเข้าคนละ 0.5 ยูโร ซึ่งจะเป็นตู้หยอดอัตโนมัติและจะได้ตั๋วออกมา ซึ่งตั๋วนี้สามารถเอาไปแลกเป็นสินค้าใน mini mart ได้ ซึ่งเราก็จะรวมๆกัน หลายคนแล้วเอาไปแลกเป็นขนม เป็นน้ำ มาแบ่งกันกิน

เมื่อออกจาก Autobahn เข้าสู่ Munich ไกด์ก็จะยืนได้ เขาก็จะเริ่มทำงาน ชี้ชวนดูโน้นนี่นั่นโน่นไปตามประสา และหนึ่งในจุดขายของ Munich ที่ไกด์ชี้ให้ดูก็คือ Headquarter ของ BMW ซึ่งเขาว่าว่าสร้างเป็นรูปกระบอกสูบ 3 อัน ข้างๆของตึก Headquarter จะเป็น Meseum ของ BMW เหมือนที่ Stuttgart มี Museum ของ Mercedez benz แต่คราวนี้เราไม่ได้แวะ



บรรยากาศของเมืองมิวนิกสมกับเป็นเมืองหลวงของเยอรมัน ผู้คนและรถมากมาย ดูคึกคัก รถไปจอดส่งพวกเราที่ใกล้กับ Hofbräuhaus เพราะเย็นนี้เราจะกินอาหารเย็นกันที่นี่ จากนั้นไกด์ก็พาพวกเราเดินจาก Hofbräuhaus ไปยัง Marienplatz





Marienplatz เป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงของมิวนิค ตรงกลางจะมี Marian columns อยู่หน้า the Old and the New Town Hall ที่ หอคอยของ Town hall จะมี Rathaus-Glockenspiel (นาฬิกากุ๊กกู)เป็นจุดหนึ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาดู โดยจะมีการตีบอกเวลาและมีตุ๊กตาออกมาเต้นรำตอน 11 โมงเช้า และ 5 โมงเย็น น่าเสียดายที่เราไปไม่ทัน



ไกด์จองโต๊ะที่ร้านให้เราตอน 1 ทุ่ม เรามาถึงที่มิวนิคเกือบ 5 โมงครึ่ง ดังนั้นจึงมีเวลาเหลือประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็เลยปล่อยให้ชาวคณะเดินเที่ยวอยู่ที่ Marienplatz ซึ่งที่นี่ก็คึกคักสมเป็นจุดขายของเมือง มีร้านให้ shopping เยอะแยะ แถมวันที่ไปยังมีคอนเสิร์ตเล่นให้ดูอีกต่างหาก เสียดายเรามีเวลาน้อยเลยยังเดินไม่ทั่ว อยู่ได้แป็บเดียวเอง

จากเดินชม Marienplatz ได้ซักพัก ชาวคณะก็ move ไปยังจุดหมายไฮไลท์ประจำวัน ก็คือการไปกินขาหมูทอดอันเลื่องชื่อที่ Hofbräuhaus







ที่ Hofbräuhaus สมกับเป็นจุดขายของมิวนิกเพราะคนเยอะมาก บรรยากาศคึกคักน่าดู ขนาดจองที่ล่วงหน้ายังได้ที่ไกลสุดกู่ดีแท้

Hofbräuhaus จะมีที่นั่ง 2 ส่วนด้านในกับด้านนอก ด้านนอกจะเป็นสวนที่มีต้นไม้ใหญ่ ดูร่มรื่น สบายๆเหมาะกับการนั่งจิบเบียร์ไปคุยกันไป ส่วนด้านในตกแต่งเป็นสถานีรถไฟสมัยโบราณ โต๊ะ เก้าอี้และของตกแต่งดูคลาสสิกดี ภายในร้านนอกจากผู้คนที่มากมายที่ทำให้บรรยากาศคึกคักแล้ว ก็ยังมีวงดนตรีเล่นเพลงสนุกๆบิวท์อารมณ์คนในร้านได้เป็นอย่างดี







อาหารของงวันนี้ก็เป็นเมนูบังคับของโปรแกรมทัวร์ที่ต้องจัดให้คณะทัวร์เยอรมันมากิน เริ่มต้นด้วยขนมปังป้าแอนท์เป็นออเดิร์ฟ ที่ของที่นี่แข็งและเค็มมาก(สำหรับเรา) เลยกินไปยังกะหนูแทะ แหว่งไปนิดเดียว



แล้วก็ตามด้วยสลัดกะหล่ำปลีหมัก รสชาติเปรี้ยวๆ จานนี้



จากนั้นก็เป็นพระเอกของงาน ขาหมูทอด ที่มาพร้อมกับมันฝรั่งนึ่ง รสชาติก็เค็มนิดๆ เลี่ยนหน่อยๆ ถ้าได้น้ำจิ้มแบบข้าวขาหมูบ้านเราจะอร่อยขึ้นมาก แต่ถึงอย่างนั้นไกด์ก็ยังทำให้คนเสิร์ฟค้อนเอาๆ ด้วยการทำน้ำจิ้มแจ่วให้ลูกทัวร์จิ้มขาหมูทอดซะงั้น (ไกด์บอกว่าทำทุกทัวร์ที่เค้าพามา จนทางร้านชินละ)

เห็นขาใหญ่ๆแบบนี้นึกว่าจะกินไม่หมด แต่สุดท้ายก็หมดจนได้ ที่นี่เขากินขาหมูกับเบียร์หรือไม่ก็ไวน์ ถ้าใครไม่กินทั้ง 2 อย่างแบบเราก็ควรติดเครื่องดื่มเข้าไปเอง เพราะถ้าจะสั่งน้ำเปล่าที่นี่คงไม่คุ้ม เพราะไกด์ว่าแพงกว่าเบียร์กะไวน์



ระหว่างกินกันอยู่ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก คนที่นั่งของนอกแตกกระเจิงหายหมด ส่วนใหญ่ก็เข้ามานั่งข้างใน มีแค่หนุ่มๆบางกลุ่มที่ส่วนใหญ่จะสูบบุหรี่จะนั่งอยู่ตามชายคาข้างนอกกันต่อไป



ปิดท้ายอาหารเมื่อนี้ด้วยของหวานประจำทริป พายแอ๊ปเปิ้ล ... นับไม่ถูกแล้วว่าอันที่เท่าไหร่ แต่วันนี้ก็เป็นอีกวันที่กินของหวานไม่หมด ไม่ใช่ว่าพายที่นี่ไม่อร่อยนะ แต่มันสุดๆแล้วอ่ะ



หลังจากรอฝนซาเราก็เดินทางออกจาก Hofbräuhaus เพื่อไปสู่โรงแรมสุดท้ายของการพักที่เยอรมัน ซึ่งก็คือโรงแรม Marriott hotel freising munich airport แต่ระหว่างเดินทางฝนตกหนักมากวันนี้ก็เลยถึงโรงแรมช้า เปียกกันนิดหน่อย แต่ที่โรงแรมนี้เงียบสงบมาก ยังกะไม่มีคนเข้าพัก ภายในห้องหรูทีเดียว เตียงใหญ่ ห้องกว้าง ทีวีไม่เก่า ดูบอลฟรี แต่คืนนั้นต้องหลับไปพร้อมกับความเซ็งที่ลิเวอร์พูลแพ้เชลซี



Create Date : 22 กันยายน 2551
Last Update : 22 กันยายน 2551 16:32:20 น.
Counter : 1147 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อื่นๆอีกมากมายที่ไม่รู้
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



อื่นๆอีกมากมาย....

มากมาย .... ที่ไม่รู้

อาจจะจริงเราเห็นอยู่

แต่เผื่อใจไว้ที่ยังไม่เห็น
Group Blog