Group Blog
 
All blogs
 

แนะใส่ผ้าอนามัยแบบสอด ลุยน้ำท่วมป้องกันลดติดเชื้อ

แนะใส่ผ้าอนามัยแบบสอด ลุยน้ำท่วมป้องกันลดติดเชื้อ




     จากกระแสข่าวความห่วงใยต่อสุขภาพของสตรีในช่วงต้องลุยน้ำท่วมขังนั้น นพ.วิบูลย์ กมลพรวิจิตร สูตินรีแพทย์ ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือสุขภาพร่างกายของผู้หญิง เพราะว่าอวัยวะซ่อนเร้นล้วนแต่บอบบาง จึงอาจเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้ามาทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้โดยง่าย โดยเฉพาะน้ำที่ท่วมขังในปัจจุบันมีความสกปรกและมีเชื้อโรคปะปนอยู่มากมาย ในจำนวนนั้นประกอบด้วย เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อโรคอื่น ๆ การ เดินลุยน้ำเป็นประจำไม่เพียงแต่ทำให้เกิดโรคผิวหนังในบริเวณที่สัมผัสกับน้ำ เท่านั้น แต่ยังทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายผ่านทางอวัยวะสืบพันธุ์และช่องทางเดินปัสสาวะ ของสตรี เพราะเป็นอวัยวะที่มีการติดเชื้อได้ง่าย ผู้ติดเชื้อเริ่มแรกจะมีอาการระคายเคืองบริเวณช่องคลอดหรืออวัยวะเพศ มีอาการตกขาวในปริมาณมาก มีสีและกลิ่นที่ผิดปกติ หรือปัสสาวะแสบขัดได้





     สำหรับวิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากการติดเชื้อที่อวัยวะซ่อนเร้น คุณหมอแนะว่า หลังเดินลุยน้ำควรชำระล้างร่างกายให้สะอาด โดยเฉพาะในบริเวณจุดซ่อนเร้น ควร ล้างด้วยสบู่เหลวอ่อนๆ ชำระล้างด้วยน้ำสะอาด จากนั้นซับให้แห้ง เพื่อลดความอับชื้น และเลือกสวมใส่ชุดชั้นในที่มีความโปร่งสบาย และระบายอากาศได้ดี หากเป็นไปได้ควรรองน้ำประปาทิ้งไว้ก่อนเพื่อลดปริมาณสารคลอรีน เพราะในบางพื้นที่อาจมีปริมาณสูงซึ่งอาจระคายเคืองต่อจุดซ่อนเร้น




     นพ.วิบูลย์ย้ำว่า การมีประจำเดือนก็เกิดการอับชื้นและรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัวอยู่แล้ว ยิ่งต้องเดินลุยน้ำในขณะที่มีประจำเดือนยิ่งรู้สึกไม่สบายตัว อีกทั้งโอกาสที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายก็มีมากกว่าปกติ เนื่องจากปากมดลูกเปิดกว้างกว่าช่วงปกติ เตือน ว่าหากอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมควรรักษาความสะอาด และเปลี่ยนผ้าอนามัยอย่างสม่ำเสมอ หรือหากมีความจำเป็นต้องเดินลุยน้ำท่วมในช่วงที่มีประจำเดือน หากเป็นไปได้ควรเลือกใช้ผ้าอนามัยแบบสอด หรือหากใช้แบบแผ่นก็ให้เปลี่ยนทุกครั้งหลังลุยน้ำ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของตนเอง รวมทั้งต้องชำระล้างให้สะอาด เปลี่ยนกางเกงชั้นในและเสื้อผ้าทันที




     "สำหรับสตรีตั้งครรภ์ การเดินลุยน้ำอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำสกปรก อีกทั้งการเดินย่ำน้ำบริเวณที่มีน้ำขัง หรือย่ำโคลน อาจทำให้ลื่นล้มได้ง่าย ซึ่งจะก่อให้เกิดอันตรายเป็นอย่างมาก แต่ถ้าต้องลุยน้ำอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็สามารถป้องกันเชื้อโรคที่มากับน้ำท่วมได้ด้วย การสวมชุดกันน้ำ หรือรองเท้าบู๊ต ในขณะที่ต้องเดินลุยน้ำ เพื่อให้อวัยวะในร่างกายสัมผัสกับน้ำได้น้อยที่สุด ซึ่งจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อโรคได้ บางรายอาจมีความจำเป็นต้องย้ายโรงพยาบาลเพื่อฝากท้องหรือคลอดเนื่องจากน้ำ ท่วม จึงควรเตรียมข้อมูลต่างๆ เช่น ประวัติการฝากครรภ์ ผลอัลตราซาวด์ และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ ให้พร้อมและติดตัวไว้ เพื่อให้การตั้งครรภ์และการคลอดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัยทั้งแม่และลูก" สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าว

 



     การดำเนินชีวิตในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมจะทำให้ต้องใช้เวลาในการเดินทาง มากกว่าปกติ อันเนื่องมาจากการคมนาคมที่ไม่สะดวก จึงต้องกลั้นปัสสาวะบ่อยครั้งและเป็นเวลานาน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบขึ้นได้เช่นเดียวกับการลุยน้ำ การป้องกันที่สามารถทำได้คือ ปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนการเดินทาง และไม่ควรกลั้นปัสสาวะนานจนเกินไป




     อย่างไรก็ตาม ภาวะน้ำท่วมเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณผู้หญิงจึงต้องปฏิบัติตัวเพื่อเตรียมพร้อมและตั้งรับ โดยการดูแลสุขภาพกายและใจของตนเองให้ดีอยู่เสมอ เพื่อที่จะดำรงชีวิตในช่วงวิกฤติน้ำท่วมได้อย่างปกติสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ คุณหมอวิบูลย์ กล่าวทิ้งท้าย




ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2554 11:13:16 น.
Counter : 424 Pageviews.  

เหงื่อออกมาก น้อย...เป็นสัญญาณเตือนโรคต่างๆ

เหงื่อออกมาก น้อย...เป็นสัญญาณเตือนโรคต่างๆ




     ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะคะว่าเหงื่อของเราสามารถบอกถึงโรคต่างๆ ที่กำลังเป็นอยู่ได้ โดยได้มีการศึกษาความสัมพันธ์นี้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าสามารถสังเกตได้ 2 แบบ ดังนี้






โรคที่ทำให้เหงื่อออกมาก

     1. โรคเครียด เหงื่อจะออกมากบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า รักแร้ และหน้าผาก ประกอบกับมีอาการอื่นร่วม เช่น ชีพจรเต้นเร็ว ใจสั่น มือสั่น

     2. โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ คอพอก เหงื่อ จะซึมออกมาทั่วตัว โดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือทั้งสองข้าง ร่วมกับมีอาการขี้หงุดหงิด มือสั่น ขี้ตกใจ น้ำหนักลด ตาโปน ผมร่วง เหนื่อยง่าย ใจสั่น หิวน้ำบ่อย

     3. วัณโรค เหงื่อออกมากทั่วตัวในเวลากลางคืน สลับกับเป็นไข้ ไอเรื้อรัง

     4. เบาหวาน เหงื่อซึมทั่วตัว โดยเฉพาะที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ใจสั่น เหนื่อยหอบ หวิวๆ เหมือนจะเป็นลม

     5. โรคหัวใจ เหงื่อแตก ร่วมกับใจสั่น เหนื่อยหอบ ขณะออกกำลังกาย หากมีอาการแน่นที่คอและหน้าอก เหงื่อออกตามนิ้วมือนิ้วเท้าทุกครั้งที่ออกกำลังกาย มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจสูง

     6. ภาวะใกล้หมดประจำเดือน เนื่องจากสมองหลั่งฮอร์โมนเพศหญิงโพรเจสเทอโรนน้อยลง เหงื่อจะออกมากในเวลากลางคืน




โรคที่ทำให้เหงื่อออกน้อย

     1. โรคผิวหนัง เช่น ผด ผื่น สะเก็ดเงิน ผิวแห้งแตกหยาบ เนื่องจากต่อมเหงื่อใต้ผิวหนังถูกกดไว้จนไม่สามารถขับเหงื่อได้ตามปกติ ทำให้เกิดอาการอุดตันในขุมขนและเป็นโรคได้ในที่สุด

     2. ไมเกรน คนที่มีความเครียดเป็นทุนเดิม ชีพจรเต้นเร็วกว่าปกติ ทำให้เกิดการใช้พลังงานมากกว่าปกติ หากร่างกายได้รับการกระตุ้นจนเกิดความร้อนสะสม แต่กลับไม่มีเหงื่อออกมา อาจทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับ เกิดภาวะปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนเป็นไมเกรน




     รู้กันถึงโรคต่างๆ ของเหงื่อออกมากหรือน้อยกันแล้วถ้าไม่แน่ใจว่าเป็นอะไรกันแน่ลองไปหาหมอหรือ ปรึกษาแททย์ผู้เชี่ยวชาญกันดูนะค่ะ จะได้ป้องกันและรักษาได้ทันท่วงที




ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2554 11:11:53 น.
Counter : 493 Pageviews.  

Fit & Firm ผ่อนคลายสบายๆ หลังเลิกงาน

Fit & Firm ผ่อนคลายสบายๆ หลังเลิกงาน




หลังจากทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน การพักผ่อนเพื่อคืนความสดชื่นให้กับตัวเองเป็นเรื่องที่คุณสาวๆ หลายคนกำลังมองหา ลองมายืดเส้นยืดสายให้สบายอารมณ์ และยังจะช่วยให้นอนหลับสบายฝันดีอีกด้วย

ก่อนอื่น คุณต้องตั้งใจก่อนว่าจะหาทางผ่อนคลายทุกเย็น หลังจากที่เรากลับจากที่ทำงาน จากนั้นก็มองหามุมสบายๆ ในบ้าน เช่น ระเบียงหน้าบ้าน หรือหลังบ้าน หน้าจอทีวีในบ้าน สนามหน้าบ้าน แนะนำว่าน่าจะเป็นมุมที่มองเห็นได้กว้างๆ ยิ่งถ้าเห็นต้นไม้ใบหญ้ายิ่งดี ถ้ากลับบ้านไปไม่เคยทันเห็นแดดยามเย็นเลย ก็ขอเห็นดวงดาวบ้างแล้วกัน เพราะบรรยากาศที่ดีจะมีผลต่อการผ่อนคลายของจิตใจโดยตรง





เริ่มต้น ไม่ต้องไปเปลี่ยนชุดให้วุ่นวาย แค่ล้างมือล้างเท้าหรือล้างหน้าให้สดชื่นก็พอ ดื่มน้ำให้เย็นใจสักแก้ว น้ำผลไม้ น้ำสมุนไพร น้ำเปล่าแล้วแต่ความสะดวก วิธีนี้จะช่วยลดอุณหภูมิความร้อน (รน) และความเครียดที่ติดตัวมาจากที่ทำงานออกไปได้บ้างค่ะ








จาก 1 ถึง 4 ... Easy Fit

     1. Put Your Feet Up: การได้นั่งยกเท้าขึ้นวางบนเก้าอี้ หรืออะไรที่สูงจากพื้นหน่อย พร้อมกับดื่มเครื่องดื่มที่ถูกใจ จะช่วยให้การไหลเวียนกลับของเลือดบริเวณปลายเท้าและน่องดีขึ้น คุณจะรู้สึกถึงการผ่อนคลายได้อย่างง่ายดาย



     2. Home Foot Spa: เอากะละมังใบเหมาะๆ ขนาดวางเท้าทั้งสองได้สบายๆ ใส่น้ำอุ่นๆ หยดน้ำมันหอมๆ กลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นกุหลาบ หรือถ้าจะโรยกลีบกุหลาบหรือลอยดอกมะลิก็ไม่ว่ากัน แช่เท้าสักพักในน้ำอุ่นๆ ขณะแช่น้ำก็ขยับปลายเท้านิ้วเท้าไปเรื่อยๆ ยิ่งดีใหญ่



     3. Neck Excercise: พอสบายเท้าแล้วก็มายืดคลายเนื้อต้นคอกัน คุณสาวๆ ลองนั่งสบายๆ เอามือทั้งสองประสานแล้วมาวางที่ศีรษะเหนือท้ายทอย ค่อยๆ กดมือพร้อมกับก้มศีรษะให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หายใจเข้าออกลึกๆ พร้อมกับนับ 1-10 แล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ ท่านี้จะช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองดีขึ้นจากการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อต้นคอ ต่อไปยังคงวางมือประสานกันที่เหนือท้ายทอยดังเดิม แต่พยายามดันศีรษะต้านแรงกับมือที่ทิ้งน้ำหนักบนศีรษะ นับ 1-10



     4. Twist...Left & Right: ท่าสุดท้าย ลุกขึ้นยืนหลังตรงแยกปลายเท้าพอสมควร มือวางที่บั้นเอว ค่อยๆ บิดตัวไปทางซ้ายแล้วกลับหันหน้าตรง บิดตัวทางขวาแล้วหันหน้าตรง ทำข้างละ 5 ครั้ง แล้วนั่งพักผ่อนตามอัธยาศัย อย่าลืมว่าควรพักสัก 15-20 นาที ก่อนจะลุกไปกินอาหารเย็น หรือจะพักนานกว่านั้นก็ได้ตามแต่สะดวก




     ทำทุกท่าครบแล้วอย่าลืมการฝึกขมิบและการบริหารหน้าอกนะคะ การบริหารยิ่ง Fit & Firm ยิ่งได้ประโยชน์ล้นเหลือเชียวล่ะ




ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2554 12:13:56 น.
Counter : 352 Pageviews.  

เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก

เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก




     คุณผู้อ่านนิตยสารหมอชาวบ้าน ได้ถามคำถามมาว่า กลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกมีอะไรบ้าง และมีวิธีป้องกันโรคนี้อย่างไร เรามาติดตามหาคำตอบเรื่องนี้จาก นพ.ชัยยศ ธีรผกาวงศ์ กันค่ะ

     สำหรับมะเร็งนั้นเป็นโรคอันดับ 1 ที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด ในจำนวนนี้ผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกครองอันดับ 1 มาหลายสิบปี โดยผู้เสียชีวิตร้อยละ 80 มาพบแพทย์เมื่อมะเร็งลุกลามไปแล้ว ซึ่งหากตรวจพบมะเร็งในระยะก่อนมะเร็ง หรือระยะเริ่มแรกโอกาสหายขาดก็จะมีมากเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์





     ปัจจุบันการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมีความสะดวกรวดเร็ว ไม่เจ็บปวด และยังเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าในระยะลุกลาม ถือเป็นการตรวจสุขภาพอย่างหนึ่งที่หญิงไทยควรใส่ใจ




     มะเร็งปากมดลูก เกิดจากการติดเชื้อฮิวแมนแพปพิลโลมาไวรัสหรือ เอชพีวี (HPV) เชื้อนี้เกือบทั้งหมดติดทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมทางเพศไม่เหมาะสม เช่น มีคู่นอนหลายคนทำให้ติดเชื้อได้มากขึ้น หรือการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย รวมทั้งการสูบบุหรี่ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น




     การป้องกันสามารถทำได้ง่าย ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ซึ่งมีอยู่ 2 วิธีคือ ตรวจแบบ Pap Test หรือตรวจหาเชื้อ HPV DNA ซึ่งให้ผลการตรวจที่แม่นยำ ภายหลังจากที่ตรวจแล้ว ควรติดตามผลลัพธ์และรับการตรวจอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะสามารถตรวจพบเชื้อเอชพีวีชนิดก่อมะเร็ง หรือตรวจพบเซลล์ผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะก่อนมะเร็ง ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะกลายเป็นมะเร็ง หากพบความผิดปกติในระยะนี้สามารถรักษาจนหายขาดได้ด้วยวิธีที่ไม่ยุ่งยาก ค่าใช้จ่ายต่ำและปลอดภัย ซึ่งแตกต่างจากในระยะที่มะเร็งลุกลามไปแล้วจะรักษาได้ยาก ค่าใช้จ่ายสูงและมีผลข้างเคียงสูง




     โดยปกติผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะ เริ่มแรกจะไม่พบอาการผิดปกติ จึงจำเป็นต้องตรวจภายในและรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ โดยสตรีที่เคยมีเพศสัมพันธ์ ควรรับการตรวจปีละ 1 ครั้ง ส่วนผู้ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ควรรับการตรวจเมื่อมีอายุ 35 ปีขึ้นไป




     สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เป็นอีกวิธีที่สามารถป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีได้สูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ จึงยังจำเป็นต้องตรวจคัดกรองร่วมด้วย โดยจะฉีดทั้งหมด 3 เข็ม เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ฉีดห่างกัน 1-2 เดือน และเข็มที่ 3 ในเดือนที่ 6



ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 31 ตุลาคม 2554    
Last Update : 31 ตุลาคม 2554 12:27:16 น.
Counter : 367 Pageviews.  

คุณแก่ขึ้น...ผมของคุณก็จะแก่ขึ้นตามไปด้วย

คุณแก่ขึ้น...ผมของคุณก็จะแก่ขึ้นตามไปด้วย




     ใครว่าเส้นผมเราไม่เปลี่ยนไปตามวัย อายุที่มากขึ้นมีผลต่อเส้นผมของเราอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างเส้นผมหรือผิวเส้นผมที่เปลี่ยนแปลงไป ที่แน่ๆ คือ ผมหงอกที่บางคนก็เริ่มๆ เห็นเป็นแนวที่รากผม หรือบางคนก็มีเส้นผมสีดอกเลาไปทั้งศีรษะ ปัญหาเรื่องสีผมที่เปลี่ยนไปตามวัย จนทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายกับการทำสีผมครั้งแล้วครั้งเล่า ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่าผมของเรามีอายุตามตัวเราเช่นเดียวกัน





     สำหรับบางคนที่ไม่มีปัญหาผมหงอก เมื่ออายุมากขึ้น แต่จะสังเกตได้ว่าเส้นผม คุณกรอบแตกง่ายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสัมผัสกับแสงแดด น้ำในสระว่ายน้ำ หรือสารต่างๆ ที่สัมผัสเส้นผมคุณทุกวัน สัญญาณเหล่านี้ คือ ความชราหรืออายุของเส้นผมครับ



     จุดเปลี่ยนสภาพเส้นผมของคนเรา ส่วนใหญ่สังเกตกันได้ในช่วงอายุ 40 ปีครับ ทั้งสีผมและเส้นผมเอง เปลี่ยนมากหรือน้อยตามแต่ละพันธุกรรมของเรา หากคุณเริ่มกังวลกับปัญหาเหล่านี้ ทางที่ดีคือเริ่มต้นดูแลสุขภาพกายและเส้นผมของตัวเองตั้งแต่วันนี้ดีกว่า ครับ



     การดูแลเส้นผมแก่ก่อนวัยไม่ใช่เรื่องยาก หากแต่ต้องเริ่มต้นแต่เนิ่นๆ คุณจึงจะมีผมที่แลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ เส้นผมแก่ก่อนวัยดูได้อย่างไร



     >>  สีผมที่เปลี่ยนไปตามวัย เป็นจุดที่ทำให้คุณแก่ก่อนวัยได้อย่างชัดเจน จะพบว่าอายุมากขึ้น รากผมจะผลิตเม็ดสีลดลง ซึ่งทำให้เส้นผมดูอ่อนแอและมีผมหงอก ทำให้คุณดูไม่แข็งแรงและดูโรยก่อนวัยได้ ในขณะที่บางคนก็ไม่มีปัญหาผมหงอกเลย และแน่นอนว่าผมที่สีเข้มดำจะทำให้คุณไม่ดูแก่ก่อนวัย วิธีจะทราบว่าคุณจะเสี่ยงที่จะมีผมหงอกหรือไม่นั้น สามารถดูได้ที่คุณพ่อคุณแม่ว่าเส้นผมท่านเป็นอย่างไรบ้างนั่นเอง



     >>  เส้นผมเส้นเล็กลง



     >>  ผมร่วง บางลงไปตามวัย โดยเฉพาะช่วงกลางศีรษะ หรือหน้าผาก



     เส้นผม ประกอบด้วยสารโปรตีนที่รากผมสังเคราะห์ขึ้น เส้นผมจะค่อยๆ งอกออกมาเรื่อยๆ โดยทั่วไปเส้นผมหนึ่งเส้นจะมีอายุอยู่กับเราประมาณ 4-5 ปี แน่นอนว่าร่างกายที่ไม่แข็งแรง การขาดสารอาหารโดยเฉพาะโปรตีน ความเครียด และปัญหาฮอร์โมนย่อมมีผลทำให้เส้นผมแก่ก่อนวัยได้เช่นกัน




เคล็ดลับป้องกันผมแก่ก่อนวัย คือ

     1. รับประทานผักผลไม้ทุกวัน สารต้านอนุมูลอิสระจะปกป้องผิวและรากผมไม่ให้แก่ก่อนวัย

     2. มั่นใจว่าคุณรับประทานอาหารโปรตีนครบถ้วน เชื่อเถอะว่าการควบคุมและจำกัดปริมาณอาหารเป็นเวลานานๆ อาจทำให้คุณขาดโปรตีนและทำให้เส้นผมอ่อนแอจากภายใน

     3. หลีกเลี่ยงการทานอาหารแคลอรี่สูง โดยเฉพาะช่วงก่อนนอน 4 ชั่วโมง

     4. งดนอนดึก ซึ่งอาจทำให้ผมเครียดได้

     5. ออกกำลังจากรากผมอยู่เสมอ ด้วยการนวดคลึงเบาๆ

     6. หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกับเส้นผมที่ไม่จำเป็น

     7. ในยุโรปมักแนะนำให้ใช้อาหารเสริมเมลาโทนินมาทานหรือทาผม เพื่อช่วยให้ผมอ่อนเยาว์ด้วย อันนี้หากสนใจคงต้องปรึกษาแพทย์ก่อน




ที่มา : www.doctorskinhouse.com




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2554    
Last Update : 25 ตุลาคม 2554 12:39:44 น.
Counter : 375 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

YangJing
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







Friends' blogs
[Add YangJing's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.