ดื่มกาแฟอย่างไร ไม่เสียสุขภาพ









ดื่มกาแฟอย่างไร ไม่เสียสุขภาพ

    เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา
กาแฟและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนถูกโจมตีว่า ทำให้เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิต
เป็นหมัน ทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์แท้งได้หรือทารกน้ำหนักน้อย
เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งรังไข่ ซีสต์ในเต้านม และกระดูกพรุน
แต่ข้อมูลการวิจัยในปัจจุบันเปิดเผยว่าการดื่มกาแฟเพียงวันละ 1-2
ถ้วยนั้นปลอดภัย และอาจให้ผลดี ถ้าดื่มให้เป็น


    
รายงานผลการวิจัยจากฟินแลนด์และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุว่า
คนที่ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงการเกิดเบาหวานประเภท 2 น้อยกว่าคนที่ไม่ดื่ม
ความเสี่ยงที่ลดลงเป็นสัดส่วนกับปริมาณกาแฟที่ดื่ม
และกาแฟไร้คาเฟอีนให้ผลน้อยกว่า
ส่วนชาไร้คาเฟอีนและเครื่องดื่มอื่นๆที่มีคาเฟอีนไม่ให้ผลเหมือนกาแฟ
แต่นักวิจัยก็เตือนว่าอย่าเพิ่งมั่นใจจนหันไปโหมกาแฟ
เพราะนักวิจัยยังต้องติดตามการวิจัยอีกมาก












    
นอกจากนี้กาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่
โรคพาร์คินสัน ลดอันตรายจากตับในผู้ที่มีความเสี่ยงโรคตับ
ลดอาการหอบในผู้ที่มีโรคหอบหืด เพิ่มความจำ
และสำหรับนักกีฬาเพิ่มความทนและความอึดในกีฬาที่ต้องใช้เวลานาน

  สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพราะต้องการแก้ง่วง
นักวิจัยแนะนำให้ดื่มปริมาณน้อยๆ แต่กระจายการดื่มออกไปตลอดวัน เช่น
แทนที่จะดื่มถ้วยใหญ่ 16 ออนซ์ (500 มล .) ในตอนเช้า ให้ดื่มเพียงครั้งละ
2-3 ออนซ์ (60-90 มล ) แต่บ่อยขึ้น กาแฟจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 15
นาทีและจะอยู่ในร่างกายนานหลายชั่วโมง และต้องใช้เวลาถึง 6
ชั่วโมงกว่าที่จะถูกขจัดออกจากร่างกาย


ของดีในกาแฟ

   
นักวิจัยของศูนย์วิจัยใหญ่ในสวิสเซอร์แลนด์ซึ่งมีบริษัทขายกาแฟรายใหญ่ของ
โลกพบว่า เมล็ดกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวถึง 4 เท่า
และยังมากกว่าโกโก้ ชาสมุนไพรและไวน์แดงอีก
ที่มากกว่าเพราะผู้บริโภคดื่มกาแฟมากกว่าเครื่องดื่มอื่นๆ
แต่สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟแต่ละถ้วยและแต่ละยี่ห้อนั้นก็ไม่เท่ากันขึ้น
กับชนิดของกาแฟ


    กาแฟพันธุ์โรบัสต้า (Robusta)
มีสารต้านอนุมูลอิสระและคาเฟอีนมากกว่าพันธ์อราบิก้า (Arabicas) ถึง 2 เท่า
ซึ่งเป็นผลมาจากวิธีการคั่วกาแฟ และปริมาณกาแฟที่ละลายแต่ละถ้วย  
รวมทั้งยังขึ้นอยู่กับวิธีการชงกาแฟ ระยะเวลาและปริมาณกาแฟที่ใช้ด้วย


ข้อควรระวังในกาแฟ

   คอกาแฟอย่าเพิ่งย่ามใจกับข้อมูลด้านดีๆ
เพราะองค์ประกอบหลักของกาแฟคือสารคาเฟอีนซึ่งเป็นเป็นสารกระตุ้น
จึงมีผลต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจพอสมควร โดยทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น
เพิ่มความดันโลหิต และทำให้หัวใจเต้นผิดปกติในบางครั้ง
งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยโทรอนโทเปิดเผยว่า  
การดื่มกาแฟมากอาจเพิ่มความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันในผู้ที่มียีนขจัดคาเฟอี
นช้า ทำให้คาเฟอีนอยู่ในกระแสเลือดนานขึ้น
แต่สำหรับคนที่มียีนปกติที่ขจัดคาเฟอีนได้เร็วกาแฟก็จะไม่มีผล  


    ถึงอย่างไรนักวิจัยก็เชื่อว่าการดื่มเพียง
1-2 ถ้วยจะไม่มีผลต่อการเกิดหัวใจวายเฉียบพลันไม่ว่ามียีนอย่างไร
แต่การดื่มวันละ 4 แก้วขึ้นไปไม่ให้ผลดีขึ้น ดังนั้น ควรดื่มแต่พอควร
เพราะปัจจุบันการตรวจยีนยังไม่ได้มีใช้กันเหมือนการตรวจสุขภาพทั่วไป
และยีนที่แตกต่างกันทำให้ผลการวิจัยทางโภชนาการที่สัมพันธ์กับโรคต่างๆ
ที่ออกมามีข้อมูลขัดแย้งกันจนเกิดความสับสน


   
ส่วนผลของกาแฟต่อสุขภาพผู้หญิงก็ยังไม่มีผลวิจัยชัดเจน
ว่าจะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านม ซีสต์ในเต้านมหรือกระดูกพรุนหรือไม่
การเดินสายกลางจึงดีที่สุด   ผู้ที่ดื่มกาแฟสกัดคาเฟอีน อาจคิดว่าปลอดภัย
แต่นักวิจัยเตือนว่า
กาแฟสกัดคาเฟอีนอาจเพิ่มระดับกรดไขมันในเลือดให้สร้างแอลดีแอล
ซึ่งเป็นคอเลสเทอรอลตัวร้ายได้
เพราะในกระบวนการสกัดคาเฟอีนจะสกัดเอาสารเฟลโวนอยด์ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูล
อิสระและสารอื่นๆ ที่ให้รสชาติกาแฟแท้ๆ ออกไปด้วย
นอกจากจะอร่อยน้อยลงแล้วยังมีผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย


ข้อควรปฎิบัติ



  • เลี่ยงกาแฟที่ใช้หม้อต้มแบบสไตล์สแกนดิเนเวีย
    เพราะจะมีสารไดเทอร์พีนสูง เพิ่มระดับคอเลสเทอรอลในเลือด
    ควรเลือกกาแฟสำเร็จรูปที่ละลายน้ำ หรือชนิดกรองหยด และเอสเพรสโซ
    ซึ่งจะมีผลน้อยกว่า

  • ถ้าต้องเลือกกาแฟสกัดคาเฟอีน ควรเลือกชนิดที่ใช้กระบวนการสกัดธรรมชาติ (Swiss Water Process) ตรวจสอบยี่ห้อได้จาก SwissWater.com

  • สำหรับผู้ที่เลี่ยงกาแฟอยู่แล้ว
    ไม่ควรหันมาดื่มเพียงเพื่อต้องการผลดีจากคาเฟอีน
    โดยเฉพาะคนที่ร่างกายไวต่อกาแฟ การดื่มอาจยิ่งเพิ่มผลเสีย เช่น
    หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น กระวนกระวาย นอนไม่หลับ
    กระเพาะหลั่งกรดออกมามากเกินควร ทำให้ปวดท้อง
    และเป็นสารขับปัสสาวะทำให้ร่างกายเสียน้ำมากขึ้น
    ดังนั้นทุกครั้งที่ดื่มกาแฟควรดื่มน้ำตามไปชดเชยด้วย

  • ระวังสิ่งที่เติมลงในกาแฟ เช่น ครีม นมไขมันเต็ม น้ำตาล น้ำผึ้ง เพราะเท่ากับเติมพลังงานส่วนเกิน  

  • กาแฟมาตรฐาน 1 ถ้วย มีขนาด 5-6 ออนซ์หรือ 150-180 มล .
    แต่ที่ขายโดยทั่วไปนั้นมีขนาด 12 ออนซ์หรือ 360 มล . ซึ่งมากกว่าถึง 2 เท่า
    ดังนั้น ควรจำกัดการดื่มให้ไม่เกิน 5 ถ้วย
    ซึ่งเป็นปริมาณที่ใช้ในการศึกษาวิจัย  

  • สารคาเฟอีนเป็นสารธรรมชาติที่พบในอาหารอื่นด้วย เช่นใบชา
    เมล็ดโคลา โกโก้   ช็อคโกแลต น้ำอัดลมสีดำ และยาบางชนิด
    ซึ่งอาจทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนเกินควร
    จึงต้องตรวจสอบพฤติกรรมของตัวเองเสมอ



ที่มา : //www.healthandcuisine.com/hc2004/you.asp







Free TextEditor


Create Date : 20 ตุลาคม 2553
Last Update : 20 ตุลาคม 2553 16:30:06 น. 0 comments
Counter : 296 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

dinshay
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ออกกำลัยกันเถอะ
[Add dinshay's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com