การเรียนรู้ที่ประเสริฐ คือ การเรียนรู้ที่มีฐานบนความรู้เนื้อรู้ตัว
Group Blog
 
All Blogs
 
เส้นทางแห่งการเรียนรู้ภายในตน ภาค 1 : 4 วันแห่งกระบวนการเรียนรู้ภายใน

ภาค 1 : 4 วันแห่งกระบวนการเรียนรู้ภายใน
( 21 – 24 ม.ค.53 , บ้านตีโลปะ )


21 ม.ค.53 ( โลกทัศน์ปิดบังความจริง )
เป็นวันเริ่มต้นการภาวนาแบบเรียนรู้กระบวนการภายในตน ผ่านการอบรมแบบเข้ากลุ่ม และยึดเอาตัวผู้เรียนรู้เป็นศูนย์กลาง
การมาเข้ากลุ่มแบบที่ยังมีอะไรติดเนื้อติดตัวมาอยู่เยอะ ค่อนข้างเป็นอุปสรรคของการเรียนรู้ในช่วงแรก คือ ในใจมันมีคำตอบสำเร็จรูปแบบหนึ่งอยู่แล้ว ดังนั้นในทุกๆกิจกรรมที่ทำมันจึงไม่เข้าไปคลุกวงในกับกระบวนการ ขาดแรงจูงใจในการร่วมเล่นร่วมเป็นไปกับคนอื่นๆ ..มักถูกโอบล้อมไว้ด้วยความคิด และถูกกระแสแห่งความฟุ้งซ่านบดบังสภาวะที่แท้ตรงหน้าไปเสียสิ้น
ซึ่งก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ยอมรับว่าเราเติบโตมาในการเรียนรู้แบบเถรวาท คือ รอคอยคำตอบสุดท้ายที่ดีที่สุดแล้วทรงจำมันไว้ โดยละเลยกระบวนการเข้าไปสัมผัสสัมพันธ์กับตัวความทุกข์ ดังนั้นโลกที่พบเห็น ไม่ว่าจะเป็นด้านนอกหรือด้านในก็ล้วนเป็นโลกที่เกิดขึ้นจากกระบวนการคิด ตัดสินจากทิฏฐิและความเชื่อเดิมๆ หาได้มีประสบการณ์สดใหม่ที่รองรับมันอยู่ไม่
การนั่งสมาธินานๆเพื่อเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดและสบตากับกิเลสตรงๆ จึงเป็นกระบวนการที่ดีที่นำเราเข้าไปรู้จักกับตัวสภาวะที่แท้ ที่ไม่ได้เข้าใจมันผ่านเรื่องราวอย่างเคย
แม้จะวางใจและเฝ้าดูมันได้ในระดับนึง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรายังไม่มีพื้นที่ให้กับมันมากพอ สำหรับให้มันแสดงตัวออกมาอย่างที่มันเป็นจริงๆ คือ ดีแล้วแต่ก็ยังไม่ดีที่สุดในทัศนะส่วนตัว

22 ม.ค.53 ( ตัวตนที่งดงาม )
วันนี้เป็นวันที่เริ่มปอกเปลือกตัวเองออกได้บ้าง เริ่มจัดหาที่ทางให้ตัวตนข้างในออกมาแสดงตัวทำกิจการงานอย่างที่มันเคยเป็นผ่านการเข้ากลุ่ม และเล่าประสบการณ์ส่วนตัวที่เกี่ยวเนื่องกับความพองฟูในใจ..แชร์กันในเรื่องที่มีน้ำหนักเพียงพอ ให้ตัวตนออกมายกหูชูคออย่างเด่นสง่า
น่าแปลกที่ในวันนี้กลับมองเห็นตัวตนที่แต่ละคนแสดงออกมาเป็นสิ่งสวยงาม การร่วมรับรู้ประสบการณ์ตรงของคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำให้ใจที่ปิดอยู่ถูกเปิดออก และกล้าพอที่จะแสดงตัวตนที่เคยถูกปิดซ่อนมานาน รู้สึกได้ถึงพลังงานมากมายที่พรั่งพรูออกมาขณะเล่าเรื่อง การวางใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเปิดกว้างและอ่อนโยนทำให้เห็นแง่มุมที่สวยงามของความเป็นมนุษย์ ทั้งในมุมของมนุษย์ที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ และตัวเราที่ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน ..ซึ่งบางทีสิ่งนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น “ความรู้สึกตัว” ที่แท้จริงก็ได้ เพราะเป็นความรู้สึกตัวที่เข้าไปรู้สึกที่ตัวที่ใจจริงๆ ไม่ได้รู้ผ่านระบบความคิดหรือเพียงการดูความคิดแบบผิวเผิน การยอมรับนับถือใน “ตัวตน” ของกันและกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่มีความเสมอภาคกันนี่แหละ คือ การกลับเข้าไปสู่ความเป็นธรรมดาอย่างแท้จริง..และสิ่งนี้เองที่เรียกได้ว่าเป็น “ความงดงาม”

23 ม.ค.53 ( จุดร่วมแห่งความสันติในตน )
จิตใจที่มันพยศในวันแรกๆ เริ่มถูกทำให้สงบลง เป็นอาการสงบแบบรู้เท่าทันและวางใจกับมันได้อย่างอ่อนโยน การนั่งสมาธิในช่วงเช้าจึงเป็นความสงบที่ละเอียดและมองเห็นแง่มุมที่ลึกซึ้งของร่างกายมากขึ้น ทำให้รู้ว่าท่าทีในการต้อนรับประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามานั้นเป็นสิ่งสำคัญ และนี่เองคงเป็นวิถีแห่ง “การเรียนรู้ด้วยใจอย่างใคร่ครวญ”
กิจกรรมในวันนี้เน้นการพูดคุยกันเป็นหลัก ( พี่ตั้มอาจรู้สึกว่าเมื่อวานเน้นฝึกในรูปแบบมากไปจนทุกคนรู้สึกล้า ) เป็นการเปิดประเด็นเพื่อให้แต่ละคนเข้าไปสำรวจ Passion ภายใน ในแง่มุมที่ลึกขึ้น เราจะเห็นว่าแต่ละคนต่างมีการเดินทางภายในที่หลากหลายและแตกต่างกันมากเหลือเกิน ระหว่างที่นั่งฟังการแบ่งปันจากทุกคนรู้สึกเหมือนกำลังนั่งดูละครดีๆ เรื่องหนึ่งที่มีชีวิตคนจริงๆ ดำเนินอยู่ในนั้น เราจะเห็นปมปัญหาและการคลี่คลายในแบบของแต่ละคน ซึ่งนั่นทำให้เรายอมรับเขาในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งอย่างเต็มหัวใจ เพราะเมื่อแต่ละคนต่างสืบค้นลงไปภายในตนแล้ว ย่อมพบว่าทุกคนต่างมีรากฐานความต้องการที่ทัดเทียมกัน จะต่างกันก็เพียงเนื้อหาที่เป็นเรื่องราวชีวิตเท่านั้น
ช่วงบ่ายเป็นการให้ทุกคนพูดถึงความฝันของตัวเอง โดยตั้งโจทย์ว่าหากทุกคนมีปัจจัยทุกอย่างพร้อมและเอื้อต่อการทำอะไรก็ได้..เรามีความฝันที่จะทำอะไรกัน ?
น่าสนใจที่ทุกคนล้วนมีจุดร่วมของความสันติอยู่ในเรื่องราวความฝันของตัวเอง ต่างก็ฝันที่จะสร้างสังคมในอุดมคติที่ปราศจากเส้นแบ่งระหว่างชนชั้น ทุกคนมีภาพของการใช้ชีวิตที่รวมเป็นหนึ่ง ในสังคมที่ผู้คนเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพและความเอื้ออาทรต่อกัน ..เช่นนี้แล้วจะสรุปได้ไหมว่าในตัวเราทุกคนต่างมีธรรมชาติของความสงบสันติอยู่ประจำใจ แต่สิ่งที่บดบังเราจากธรรมชาติเดิมแท้ที่งดงามนั้น แท้จริงก็เป็นแค่เปลือกของความคิด และกำแพงของทิฏฐิมานะเท่านั้น ..ดังนั้นแล้วเราควรมองเข้ามาในตัว มองให้ทะลุผ่านเปลือกของความเป็นตัวตนที่เราสร้างขึ้นมากดข่มกัน ..มองให้ลึกมากพอและให้เวลาในการใคร่ครวญกับมัน บางทีเราอาจเจอความสงบสันติที่เปิดเผยตัวมันเองอยู่ตรงนั้นก็เป็นได้ ซึ่งแท้ที่จริงหากจะพูดให้ถูกก็ต้องบอกว่า ..ความสันติที่แท้ไม่เคยหายไปไหน หากยังคงปรากฏตัวเบ่งบานอยู่ในใจเช่นนี้มานานแล้ว และจะไม่จางหายไปตลอดกาล

24 ม.ค.53 ( ..สู่นักรบทางจิตวิญญาณ )
เริ่มต้นวันด้วยการนั่งสมาธิเหมือนเคย..หากแต่วันนี้เป็นการนั่งที่นานกว่าทุกวัน..ร่างกายและจิตใจเริ่มปรับท่าทีเข้าหากัน จึงเป็นความสำราญแห่งการสำรวจกายในกาย ใช้ความอิสระของใจที่ไม่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนแห่งการตัดสินให้ค่า ทำให้ดำดิ่งลงภายในอย่างซอกซอนและมีมิติกว่าที่เคย
เมื่อไปถึงขั้นตอนของการฝึกแบบ Body Work แม้จะอยู่ในภาวะของความครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่ก็เป็นความสะลึมสะลือที่รู้เนื้อรู้ตัวอยู่ พูดได้ว่าจิตใจมีท่าทีต่อปรากฏการณ์ตรงหน้าอย่างต้อนรับและเป็นมิตร ซึ่งการมีพื้นที่ให้ร่างกายและจิตใจทำงานอย่างเต็มที่นั้นถือเป็นหัวใจหลักของการฝึกในครั้งนี้ทีเดียว ..อย่างไรก็ตาม..พี่ตั้มก็ยังเน้นย้ำว่าไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องไปหลงชื่นชมกับสภาวะที่เกิดขึ้น หรือต้องไปใส่กรอบขึ้นหิ้งบูชาไว้ หากแต่ให้คงไว้ซึ่งจุดหมายหลักคือการเรียนรู้และวางท่าทีให้ถูกต่อสิ่งที่เกิดเท่านั้นพอ เหมือนพี่ตั้มกำลังจะบอกว่า “จงไว้วางใจในชีวิตตนเองเถิด แล้วออกมาใช้มันให้เต็มที่” ซึ่งทัศนะแบบนี้ได้เปลี่ยนกระบวนการเรียนรู้ภายในของเราอย่างสิ้นเชิง
การพูดคุยกันในวันนี้ได้นำพาแต่ละคนลงไปสำรวจถึงความต้องการที่แท้ภายในตนที่นำมาซึ่งวิธีการแสดงออกเพื่อสนองความต้องการนั้น พี่หลิ่งชี้ให้เห็นว่าสิ่งสำคัญ คือ การมองให้ออกว่าแท้จริงแรงขับเคลื่อนที่เรียกว่า “ความต้องการที่แท้” นั้นต่างหากที่สำคัญ เพราะหากเรามองทะลุเปลือกของวิธีการไปแล้ว จะพบความจริงที่ว่า เราทุกคนต่างมีจุดร่วมความต้องการพื้นฐานที่แสนจะเรียบง่ายเหมือนๆกัน และนั่นจะทำให้เรายอมรับในความเป็นมนุษยภาพที่ต่างคนมี
ก่อนลาจากกันก็เป็นพื้นที่ที่เปิดให้แต่ละคนแชร์สิ่งที่ได้รับจากการอบรมในครั้งนี้แก่เพื่อนทุกคน ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกคนต่างมีท่าทีต่อสิ่งที่เรียนรู้ไม่เหมือนกันเลย และนี่เองที่เป็นเสน่ห์ของการอบรมในครั้งนี้ คือ ไม่มีข้อสรุปอะไรที่เป็นคำตอบสำเร็จรูป หากแต่สิ่งที่เป็นคำตอบนั้นเป็นสิ่งที่แต่ละคนต้องเก็บเกี่ยวเอาเอง ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสบการการณ์เฉพาะตนรองรับนั่นเอง
ก่อนกลับเดินเข้าไปขอให้พี่ตั้มช่วยเขียนอะไรให้เป็นที่ระลึก ..พอได้อ่านก็รู้สึกชอบมากๆกับสิ่งที่พี่ตั้มเขียนมาให้

แด่ เอฟ

บนเส้นทางจากทหารอากาศ
สู่นักรบทางจิตวิญญาณ

ด้วยมิตรภาพ
24 ม.ค.53



Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2553 14:31:32 น. 1 comments
Counter : 193 Pageviews.

 
Love all, trust a few, do wrong to none.

William Shakespeare


โดย: Elbereth วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:18:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กุมารน้อย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add กุมารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.