|
marketing research ยาขมของนักศึกษาการตลาด
ถ้าจะพูดถึง marketing research หรือ การวิจัยตลาด ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงจะร้องอี๋ เพราะด้วยความยาก และมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเลขที่เด็กบริหารสายศิลป์ไม่ชอบเลยจริงๆ
ผมอยากบอกเหตุผล สัก 2 ข้อที่ว่าทำไมต้องรู้ marketing research
1. อยากให้น้องๆ ลองมองอย่างนี้นะครับ จากนิยามความหมายของ Marketing หรือ การตลาด มันคือเรื่องของความเข้าใจผู้บริโภค และ บาป 10 ประการของนัการตลาด เกี่ยวกับการเข้าใจผู้บริโภคผิดๆ ซึ่ง marketing research นั้นเป็นเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับในระดับหนึ่งเรื่องการทำความเข้าใจผู้บริโภค ดังนั้นถ้าเราอยากจะเป็นนักการตลาดที่ดี น่าจะมีความรู้เกี่ยวกับมันบ้างนะครับ (แม้ว่าตอนทำงานส่วนใหญ่จะจ้างบริษัทวิจัยก็ตาม แต่เราก้น่าจะรู้ทันเค้าบ้างครับ) อ้างอิง TEN Deadly Marketing Sins : Signand Solution by Philip Kotler บาป ที่ 1 บริษัทไม่รู้จักตลาดมากพอ และไม่ให้ความสำคัญกับลูกค้ามากพอ บาป ที่ 2 บริษัทไม่เข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างถ่องแท้
2. สำหรับน้องๆ ที่อยากเป็นนักการตลาดรุ่นใหม่ น้องๆลองคิดดูครับว่า นักการตลาดที่เก่งด้านการตลาด กับ นักการตลาดที่เก่งด้านการตลาดสามารถเข้าใจการวิจัยการตลาดด้วย อย่างไหนหายากกว่ากันครับแล้วน้องอยากเป็นแบบไหนกันแน่
blog นี้จึงเป็นตัวเริ่มเกริ่นให้น้องๆ พี่ๆ หันมาสนใจเรียนรู้มันบ้าง
marketing research สำหรับผมก็คือ กระบวนการเก็บข้อมูล และวิเคาระห์ความสัมพันธ์ระหว่าง กลยุทธ์ทางด้านการตลาด (หมายรวมถึง สินค้าบริการ รูปแบบการสื่อสาร) กับ พฤติกรรม ทัศนคติของกลุ่มลูกค้า หรือ ความสัมพันธ์ระหว่าง Life Style กับ พฤติกรรม กับ ทัศนคติ หรือ อะไรก็ตามที่เราต้องการจะทราบ โดยต้องทำอย่างเป็นระบบ
Marketing research is the systematic gathering, recording, and analysis of data about issues relating to marketing products and services. The term is commonly interchanged with market research; however, expert practitioners may wish to draw a distinction, in that market research is concerned specifically with markets, while marketing research is concerned specifically about marketing processes.[1] source ; //en.wikipedia.org/wiki/Marketing_research
ซึ่งเราสามารถแบ่ง marketing research ได้เป็นหลายวิธี Marketing research is often partitioned into two sets of categorical pairs, either by target market: Consumer marketing research, and Business-to-business (B2B) marketing research
Or, alternatively, by methodological approach: Qualitative marketing research, and Quantitative marketing research
สิ่งที่ต้องพึงสำรวจในการทำ marketing research สำหรับผมนั้น คือ
1. ในการที่จะเริ่มทำ marketing research คุณควรจะรู้ก่อนว่าคุณต้องการจะหาอะไรก่อน ผมเคยเห็นน้องๆที่รู้จักกันทำรายงานส่งอาจารย์ พบว่าบางครั้งน้องๆเค้ายังไม่เข้าใจในสื่งที่ตัวเองต้องการจะหา ซึ่งมันจะเป้นตัวกำหนดวิธีการวิจัยในขั้นต่อไป ทั้งนี้วัตถุประสงค์ อย่างเช่น 1.1 ศึกษาตลาดโดยภาพรวม (มีทั้งการศึกษาพฤติกรรม, ทัศนคติ, การรับรู้ ปัญหาที่พบ สิ่งที่อยากได้ และ การเช็คกลยุทธ์ที่จะใช้) โดยทั่วไปจะเหมาะกับการศึกษาเชิงเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด จะได้ภาพรวมๆของตลาด การสุ่มตัวอย่างสำหรับการวิจัยแบบนี้ ผลของ MKT SHARE ของกลุ่มตัวอย่างที่ได้ถ้ามีการถามจะต้องใกล้เคียงกับ MKT จริง 1.2 ศึกษาเฉพาะลูกค้าของเรา (มีทั้งการศึกษาพฤติกรรม, ทัศนคติ, ความพึงพอใจ และ ความจงรักภักดี ต่อสิ่งที่เราได้ทำ ประสบการณ์ สิ่งที่เราจะทำต่อไป หรือหา IDEA) ในการศึกษาลูกค้าของเรา จะใช้สำหรับการวัดผลการดำเนินงานต่างๆ ในส่วน Operation เช่นการรับรู้ต่อกิจกรรมที่จัดสำหรับสมาชิก ความพึงพอใจในการบริการ (การวิจัยแบบนี้ไม่ควรนำมาใช้เป็นบทสรุป Performance ของบริษัทว่าดีหรือไม่ เน้นเทียบมาตรฐาน เพราะการถามลูกค้านั้นโดยส่วนใหญ่มักจะมี BIAS โดยเฉพาะบริษัทที่มี Mkt Share ไม่มากนัก 1.3 ศึกษาขั้นตอนการทำงาน เป็นการสำรวจที่เรากำหนดมาตฐานไว้ แล้วสุ่มเช็ค เช่น Mystery shopper ที่จะสุ่มเช็คกระบวนการบริการต่างๆ ระยะเวลาการบริการ ว่าสามารถทำได้ตามมาตรฐานที่ต้องการหรือไม
2. แบบสอบถามดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะแบบสอบถามไม่ดีก็คงไม่มีทางวิเคราะห์ผลที่ดี นักวิจัยที่ดีควรนำทฤษฎีการตลาดที่เรียนมาประยุกต์ในการออกแบบแบบสอบถาม การที่เราเรียนทฤษฎีการตลาด เชน ถ้าศึกษาการรับรู้ในตรา (Brand Awareness มีหลายระดับ ซึ่งแต่ละระดับมีความแตกต่างกัน) นักวิจัยควรนำปัจจัยต่างมาพิจารณาตั้งเงื่อนไขในการวัดด้วย
3. แบบสอบถามต้องชัด และเคลียร์จะได้เสนอกลยุทธ์ อย่างตรงจุด ตัวอย่างเช่น หากถามความพอใจด้านบริการห้วนๆ ผลที่ออกมาคือบริการไม่ดีเวลาสรุปกลยุทธ์ก็บอกไม่ได้ว่าดีหรือไม่อย่างไรเช่น ช้า ไม่สุภาพ หรือ ขาดความชำนาญ
4. การเก็บแบบสอบถาม ไม่ใช่การแจกแบบสอบถาม หลายครั้งน้องๆให้ผมช่วยวิเคราะห์ผลเราได้พบปัญหาการตอบไม่ครบ หรือไม่ตอบโดยเฉพาะคำถามปลายเปิด ซึ่งมักจะเป็นเหตุผลที่สำคัญในการวิเคราะห์ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากการแจกให้กลุ่มตัวอย่างทำ
5. เข้าใจพื้นฐานของผลการเก็บแบบสอบถาม เช่น ถ้าเป็นการวิจัยประเภทที่ถามลูกค้าเราเป็นหลัก (Cussat) ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าผลวิจัยจะเอนเอียงมาทางด้านเรา เพราะฉะนั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะเป้นแบรนด์ที่ดีขนาดนั้น แต่อย่างน้อยหากมีการเปรียบเทียบกันก็ควรนำเรื่องข้อมูล Bias ได้ครับ
6. วิเคราะห์ให้ลึก นำกลุ่มย่อยมาศึกษาบ้าง หรือวิเคาระห์ โดยเปรียบเทียบตามทฤษฎีต่างๆเพื่อจะนำมาใช้ได้จริง
แค่นี่น่าจะช่วยให้น้องๆวิจัยได้ครบถ้วนขึ้นนะครับ
Create Date : 26 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 31 สิงหาคม 2552 12:41:31 น. |
|
13 comments
|
Counter : 8568 Pageviews. |
|
|
|
โดย: มือใหม่ช่างซัก IP: 123.242.140.145 วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:14:29:47 น. |
|
|
|
โดย: เด็กจบใหม่ IP: 58.9.151.43 วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:16:51:54 น. |
|
|
|
โดย: มือใหม่ช่างซัก (มือใหม่ช่างซัก ) วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:13:26:36 น. |
|
|
|
โดย: เด็กจบใหม่ IP: 58.9.140.150 วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:1:37:39 น. |
|
|
|
โดย: มือใหม่ช่างซัก (มือใหม่ช่างซัก ) วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:9:06:05 น. |
|
|
|
โดย: พิริยา IP: 202.142.200.252 วันที่: 11 ตุลาคม 2552 เวลา:7:47:21 น. |
|
|
|
โดย: ขอโทษที่ตอบช้ามากช่วงนี้ไม่ค่อยสบายครับ (มือใหม่ช่างซัก ) วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:44:25 น. |
|
|
|
โดย: เด็กจุฬาจบใหม่ IP: 58.9.142.13 วันที่: 11 พฤษภาคม 2553 เวลา:13:17:09 น. |
|
|
|
โดย: รุ่นพี่ IP: 182.232.197.128 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:43:28 น. |
|
|
|
โดย: เอียนจือ IP: 110.169.242.236 วันที่: 8 ธันวาคม 2554 เวลา:11:27:49 น. |
|
|
|
โดย: นักการตลาดสมัครเล่น IP: 171.4.57.244 วันที่: 9 มกราคม 2555 เวลา:15:08:28 น. |
|
|
|
| |
|
|