Group Blog
 
All Blogs
 

การเดินทางที่ยุ่งเหยิง







เริ่มต้นการเดินทางที่ยุ่งเหยิงพร้อมด้วยป๊ากับแม่ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2550 จากเชียงใหม่ ด้วยเที่ยวบินที่ TG117 เวลา 19:25 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ตอน 20:30 กว่าจะเดินออกมารับกระเป๋าอีกครึ่งชั่วโมง ขาลากมาก ๆ เหนื่อยโครต วันนี้ไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านเพราะคิดว่าไม่ค่อยสะดวก เลยไปนอนโรงแรมกันดีกว่า เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความหิว หิวมาก ๆ ๆ เลยไปตลาด อตก.กัน ไปซื้อขนมกินเล็กน้อย ก่อนไปกินอาหารกลางวันตามเวลานัดกับเพื่อนพ่อ กว่าจะกินเสร็จก็บ่าย 2 แล้ว ยังทำอะไรได้ต่ออีก เอาไงดีหนอเลยคิดไปคิดมาไปเดินหลังการบินไทยดีกว่า ไหน ๆ รถเราก็มีป้ายเข้าไปจอดในการบินไทยได้ ถึงมันจะผิดตึกก็ตาม แต่ก็ได้จอด ไปเดิน ๆ ร้อนก็ร้อน เดินจนเหนื่อยเลยมานั่งรอพี่ชายเราที่ห้องขายตั๋ว อ้อ! พี่เราทำงานอยู่การบินไทย พอเค้ามาก็ไปที่โรงแรมกัน คุยกันสักพักพี่ชายเราก็ขอกลับไปพักเพราะเหนื่อย ไม่เป็นไร เราก็เตรียมตัวไปสนามบิน

ไปถึงสนามบินก็ 3 ทุ่มกว่า ๆ ก็ไปเช็คอินเสร็จเรียบร้อย ก็ผ่าน immigration ไปนั่งอยู่ที่ Lounge อีกเป็นชั่วโมง ไม่ได้ไปเดินช้อปหรอก เสียดายเหมือนกันแต่ก็ไปไม่ได้อ่ะ เวลา boarding คือตอนเที่ยงคืน ตอนประมาณห้าทุ่มกว่า ๆ ก็ลาแม่กับป๊า พี่ ป้า น้าอาที่มาส่ง แงแง... ไม่ใช่มาส่งแค่เราหรอก เค้ามาส่ง Great Uncle ของเราเอง การเดินทางคราวนี้เราเดินทางกับ Great uncle, uncle, พี่โต้ง และ พี่นุ่น พี่ชายและพี่สาวที่นับถือ Great uncle เหมือนเรา รวมเป็น 5 คน

เวลาเที่ยงคืนก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง TG 790 BKK-JFK ที่นั่ง 22B Business Class นั่งก้นยังไม่ทันร้อนเลยก็มี Welcome Drink มาเสิร์ฟ และต่อด้วยเมนูอาหารให้เราเลือกระหว่างเดินทางอีก 3 มื้อ

ประมาณเที่ยงคืนห้าสิบเครื่องบินก็เหินฟ้าสู่มหานครนิวยอร์ค ตีหนึ่งกว่า ๆ อาหารมื้อแรกก็ถูกเสิร์ฟ มีสลัด ขนมปังหลากหลายเลือกได้ตามชอบ พร้อมกับผัดซี้อิ้วหมูกับเห็ดหอมที่เราเลือก และ Chocolate เป็นขนม หลังจากอิ่มก็นั่งดูหนังได้สักพัก ก็หลับไปพร้อมกับเสียงเพลงกรอกหูตลอดเวลา

8:45 อาหารมื้อที่ 2 ก็ถูกเสิร์ฟ เริ่มต้นด้วยโยเกิร์ตและผลไม้สด ขนมปังหลากหลาย เนยและแยม ต่อด้วยอาหารจานหลักบะหมี่เป็ด อร่อยมาก ๆ กินเสร็จไม่ทันไร หลับอีกแล้วแต่หลับไปแค่ชั่วโมงกว่า ๆ เอง ตื่นมาไปเข้าห้องน้ำแอบมองออกไปนอกหน้าต่าง ที่ไหนเนี้ยสวยจริง ๆ ข้างล่างเป็นภูเขาน้ำแข็ง สวยมาก ๆ ช่วงเวลาอีกหลายชั่วโมงนี้ก็หลับ ๆ ตื่น ๆ ดูหนัง ดูรายการนู้น รายการนี้ จนบ่ายสามโมงกว่า อาหารจารที่ 3 ก็มา เริ่มจาก เทอรีนตับห่าน มันไม่อร่อยเอาซะเลย กินไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ ขนมปังกระเทียม กินไปซะ 3 ก้อน อร่อยมาก ๆ เลย ตามด้วยสลัดน้ำ almond ข้าวปลากะพงราดซอสจีน อร่อยอีกแล้ว มื้อนี้ถูกยัดต่อด้วยผลไม้สด ต่อด้วยกาแฟ แถมมีเค้กหน้าตาน่ากินมาล่ออีก แต่ไม่ไหวอิ่มเหลือเกิน จำได้ว่านั่งดู Harry Potter อยู่อีกสักพัก หน้าจอก็ดับไป และกัปตันก็บอกว่าอีก 30 นาทีเครื่องจะลงที่ JFK แล้ว และแล้วเวลา 17:25 ตามเวลาในประเทศไทย ล้อเครื่องบินก็แตะรันเวย์ที่ JFK ใช้เวลาทั้งหมด 16 ชม. นั่งจนเมื่อยเลย



ตอนนี้ที่นิวยอร์คเวลา 6:25 เวลาช้ากว่าที่เมืองไทย 11 ชม. เรานึกว่าอากศที่นี่จะเย็น ๆ ที่ไหนได้ร้อนโครต เราโชคดีอย่างคือมากับ Great Uncle เลยได้รับความสะดวกสบายอย่างมากมาย มีเจ้าหน้าที่การบินไทยมารับถึงหน้าประตูเครื่องบิน พาไปเข้า Immigration โดยไม่ต้องต่อแถวยาว ๆ พวกเราทั้ง 5 คนเข้าไปพร้อมกันโดยพี่โต้ง คนที่เคยชินกับประเทศนี้มากที่สุดเป็นคนช่วยบางจุดที่พวกเราไม่สามารถตอบเค้าได้ แต่ก็ตลกดีเจ้าหน้าที่กวนมาก ๆ เหมือนชวนคุย พูดเองตอบเองประมาณนั้นก็ stamp ให้ผ่านเข้าประเทศได้ พอได้กระเป๋าของเราเจ้าหน้าที่ก็พาไปโหลดกระเป๋าสำหรับ connecting flight ต่อไป Washington DC. จะได้ไม่ยุ่งมากตอนไป check-in ที่ Delta Airline จากนั้นก็ไปนั่งพักที่ Lounge หาของกิน หิว ๆ นั่ง ๆ เดิน ๆ จน เก้าโมงกว่า ๆ พี่โต้งกับพี่นุ่นก็ขอแยกไปเพราะไปเครื่องคนละไฟท์กัน ส่วนเรากับ uncle และ great uncle เจ้าหน้าที่การบินไทยคนเดิมก็มาพาไปที่ Delta Airline พร้อมกับ check-in และส่งพวกเราถึง gate เลย 11:30 เครื่องบินเล็ก ๆ ของ delta ก็เหินฟ้าสู่ Washington DC. ใช้เวลา 45 นาที ตอนจะลงจากเครื่องคุณฝรั่งข้าง ๆ ก็ทักทายเราเป็นภาษาไทยซะงั้น เราก็เลยถามว่ารู้ได้ไงว่าเราเป็นคนไทย คือตลอดทางเรานั่งอ่านนิยายอ่ะ เค้าคงเห็น เค้าบอกเค้าเคยมาเมืองไทย โอ้! เค้าเลยบอกให้โชคดีนะ พอลงจากเครื่องทำไงหล่ะทีนี้ไม่มีใครมารอรับหน้าประตูเครื่องเหมือนที่ NY แล้ว ต้องเดินไปเอากระเป๋าเอง เดินไปทางไหนหว่า สนามบินใหญ่ชะมัดเลย พอดีเจ้าหน้าที่ในสนามบินเลยถามทางเค้า เค้าเลยให้เดินตามดีจริง ๆ ไปถึงกระเป๋ามาพอดีแบบไม่ต้องรอ แถมรถก็มารอรับแล้วด้วย จากสนามบิน Dulles International Airport, Washington DC. มุ่งหน้าสู่เมือง Fredericksburg, Virginia ใช้เวลาอีก ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ พอถึงหมดเรี่ยวหมดแรงเลยหล่ะ หิวก็หิว ง่วงก็ง่วง อาบน้ำกินข้าวนอนซะตั้งแต่ทุ่มหนึ่งตื่นปาเข้าไปนู้น ตี 5 แต่ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวก็ 6 โมงกว่า ๆ ได้ ตอนประมาณ 11 โมงก็ออกไปข้างนอก ไปดูเมืองนิดหน่อยก่อนกลับมาหลับอีก 3 ชั่วโมง เย็นมากแล้ว ทำนู้นทำนี่ อาบน้ำ กินข้าว ดูทีวี จะนอนอีกทีก็เกือบ 4 ทุ่ม



เช้าวันที่ 3 ที่อเมริกานี่ก็มีเรื่องหน้าตื่นเต้นอีกแล้ว อยู่ ๆ great uncle ก็บอกว่าให้ไป Virginia Beach ไปช่วยพี่สาวคนหนึ่งทำร้านอาหาร หึหึ ให้เราไปทำอะไรหว่า ทำอาหารก็ไม่เป็น จะให้ไปเสิร์ฟก็คงไม่ได้ คงทำจานชามเค้าแตกกระจายแน่ ๆ เอาว่ะไปก็ไป....





 

Create Date : 18 ธันวาคม 2550    
Last Update : 19 เมษายน 2559 15:14:00 น.
Counter : 489 Pageviews.  

Visa Visa Visa.....I will going to USA. soon...





หลังจากตั้งท่าจะออกเดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศทีไร ก็ต้องมีเหตุให้ไม่ได้เดินทางสักที และแล้ว ปีนี้ช่างโชคดี (หรือเปล่า) ไม่รู้ มีคนชวนให้ไปอเมริกา โอ้! พระเจ้า อยากไปมาก ๆ และแม่ก็สนับสนุนอย่างมากที่จะส่งลูกสาวสุดที่รักไปผจญภัยในโลกกว้าง เรากะจะไปสัก 3 เดือน ดูสิจะอยู่ได้มั้ย ถ้าได้จะได้เตรียมสอบโทเฟล หาที่เรียนต่อซะเลย เอิ๊ก ๆ

การที่จะไปอเมริกานี่ก็นะ สำคัญสุด ๆ คือวีซ่า เราเคยขอมาแล้ว 2 ครั้ง และก็ได้ทั้ง 2 ครั้ง ครั้งแรกได้ 1 ปี ครั้งที่ 2 ได้ 6 เดือน แต่ยังไม่ได้ไปสักที เนื่องจากมีความจำเป็นที่เดินทางไม่ได้ซะงั้น พอตกลงได้แล้วว่าจะไปแน่ ๆ ก็เลย รีบเตรียมตัวเตรียมเอกสารเพื่อขอวีซ่าท่องเที่ยว (B1/B2) นัดหมายวันสัมภาษณ์ทางอินเตอร์เน็ต ไปจ่ายเงิน+ซื้อซอง ที่ไปรษณีย์ และก็เตรียมแบบฟอร์ม DS156 157 พร้อมเอกสารด้านการเงิน เอกสารของบริษัท (เราเป็นผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้ทำงานให้บริษัทเลย) สูติบัตร และทะเบียนบ้าน ทุกอย่างใช้ตัวจริงหมดจ้า หลังจากนั้นก็รอวันที่เรานัดสัมภาษณ์ไว้

วันที่ 11 กรกฎาคม 2550 ก็มาถึง เราไปถึงสถานกงสุล ตอน 9 โมง (เวลาที่เรานัด 9:30 น. เค้าให้ไปก่อนครึ่งชั่วโมง) อ้อ! ลืมบอกไปเราอยู่เชียงใหม่เลยขอที่เชียงใหม่จ้า

หลังจากพี่ ๆ ซีเคียวลิตี้ การ์ด (ยามนั่นเอง) ถามว่านัดไว้ก็โมงก่อนเปิดประตูให้เข้าไป ผ่านเครื่องเอ๊กซ์เลย์ ฝากโทรศัพท์มือถือ ก็จะไปเจอพี่ผู้หญิงคนหนึ่งหน้าประตูห้องเค้าจะตรวจแบบฟอร์ม กับดูพาสปอร์ต พร้อมให้บัตรคิว หลังจากนั้นก็เข้าไปนั่งรอเพื่อยื่นเอกสารทั้งหมดอีกครั้งก่อนสัมภาษณ์ วันนั้นเราได้คิวที่ 12 เข้าไปนั่งได้สักพักเจ้าหน้าที่ช่องที่ 1 ก็เรียกให้เอาเอกสารทั้งหมดไปยื่นให้เค้า เค้าจะถามข้อมูลเล็กน้อยไม่มาก และดูเอกสารของเราว่าครบหรือไม่ หลังจากนั้นมานั่งรอสำมภาษณ์ คราวนี้มานั่งรอนานพอควร ประมาณ 45 นาทีได้ ก่อนหน้านี้ ก็มีคนที่สัมภาษณ์ทั้งได้และไม่ได้ สลับกันไป คนที่ไม่ได้วีซ่าก็ดูได้ง่าย ๆ คือเค้าจะคืนเอกสารทั้งหมดของเราพร้อมซองที่เราซื้อจากไปรษณีย์ให้เราด้วย เราไม่แน่ใจว่าเค้ามีคนสัมภาษณ์ 2 ช่องหรือเปล่าคือช่อง 2 และ 3 ก่อนหน้าเราเค้าเรียกเข้าช่องที่ 2 หมด แต่พอก่อนหน้าเรา 2 คนเค้าเรียกเข้าช่องที่ 3 แต่ 2 คนนั้นไม่ได้วีซ่า เราก็เลยงงว่าคนที่เข้าช่องที่ 3 นี่เป็นพวกมีปัญญาเอกสารไม่สมบูรณ์หรือว่าไง เพราะเวลาสัมภาณ์มันมีแค่ฉากกั้น เพราะฉะนั้นใครพูดดังก็จะได้ยินทั้งห้อง (คนที่นั่งรอจะยินด้วย) เค้าก็เหมือนอยากให้หาเอกสารมาเพิ่มเติม ประมาณนั้น แล้วอยู่ ๆ เค้าก็เรียกคิวที่ 12 เข้าช่องที่ 3.....กรี๊ด.....ไหงเป็นช่องนี้หล่ะ เดินไปอย่างใจหวั่น ๆ มาก ๆ เลย

Mr....: สวัสดีครับ (ฝรั่งหนุ่ม หล่อด้วย)
Me…: สวัสดีค่ะ

หลังจากทักทายแล้วเค้าก็ให้เอานิ้วชี้วางที่สแกนนิ้วมือ เริ่มจากมือขวาก่อน แล้วก็มือซ้าย หลังจากนั้นเค้าก็พลิกเอกสารดูพร้อมถามรายละเอียดต่าง ๆ ที่เรากรอกไปในฟอร์มเค้าก็ถามข้อมูลเพิ่มเติม

Mr....: รู้จักคุณ..ได้อย่างไร ...แล้ว...เค้าไปอเมริกาเมื่อไหร่
ซึ่งเราก็ตอบไปตามความจริงว่าเรารู้จักเค้าที่ไหน อะไรยังไง
Mr....: จะไปอเมริกาทำไม ทำไมอยากไป ทำไมต้อง 3 เดือน (คือเราจะไป 3 เดือน)
Me…: ไปเที่ยวค่ะ (เราตอบอย่างนี้จริง ๆ นะ)
Mr....: นอกจากคุณ... รู้จักใครอีกมั้ย เค้าเป็นใคร
Me…: รู้ค่ะ บลาบลา ๆๆๆๆๆ

จากนั้นเค้าก็ดูเอกสารบริษัท และก็เอกสารการเงินซึ่งก็จะถามเกี่ยวกับธุรกิจกับการเงินนิดหน่อย แบบว่าเค้าดูเอกสารนานเหมือนกัน ช่วงสัมภาษณ์ก็จะพลิก ๆ ดูเอกสารตลอด พร้อมทั้งพลาสปอร์ตเก่าอีก 2 เล่ม ที่ทั้ง 2 เล่มมีวีซ่าประทับอยู่

Mr....: คุณเคยได้วีซ่าแล้ว
Me…: ค่ะ
Mr....: ทำไมถึงไม่ได้เดินทาง
Me…: ตอนนั้นคุณตาไม่สบายหนัก แม่เลยเดินทางไม่ได้ ก็เลยไม่ได้ไป
งง! อ่ะสิ วีซ่าครั้งที่ 2 เรามี Annotation เพิ่มอีกนิดว่า Travel W/T Mother/ ……. ชื่อ นามสกุล….. พร้อม เพราะฉะนั้น เราจะไปกับใครไม่ได้เลย ก็เลยอดไปเลย เราเพิ่งมารู้ทีหลังจากได้วีซ่าแล้วว่า ตอนนั้นทะเบียนบ้านเราอยู่ กทม. แต่เรามาขอพร้อมแม่ที่เชียงใหม่เลยมีส่วนเพิ่มเติมเลย เซ็ง จะไปก็ไม่ได้ เพราะแม่ไม่ไป
Mr....: จะเดินทางกับใคร
Me…: เดินทางกับลุงค่ะ
Mr....: แล้วคุณลุงจะอยู่ 3 เดือนเลยเหรอ
Me…: ไม่แน่ค่ะ (คือลุงเรายังไม่แน่เลยว่าจะไปหรือเปล่า ถ้าไปก็คงไม่เกิน 2 อาทิตย์ เอิ๊ก ๆ)
Mr....: แล้วพ่อ แม่หล่ะ อยู่ที่ไหน
Me…: ที่เชียงใหม่นี่แหละค่ะ
Mr....: พ่อ แม่เคยไปอเมริกามั้ย กี่ครั้งแล้ว
Me…: เคยค่ะ 2-3 ครั้งได้ (เรานับได้ 3 นะ แต่ก็ตอบแบบไม่แน่ใจอ่ะ)
Mr....: เคยไปเมืองอะไรบ้าง
Me…: LA. NY. VA ก็เคยแล้วค่ะ (เราให้ที่อยู่ว่าจะไป Virginia จ้า)
Mr....: แล้วลุงหล่ะเคยไปไหม
Me…: เคยค่ะ 2-3 ครั้งแล้วเหมือนกัน
Mr....: มีพี่น้องมั้ย กี่คน
Me…: มีพี่ชายค่ะ
Mr....: พี่ชายทำงานอะไร (คำถามเด็ดมาก)
Me…: เป็นนักบิน อยู่การบินไทยค่ะ (ตอบอย่างมั่นใจ)
Mr....: อะไรนะ
Me…: นักบิน อยู่การบินไทยค่ะ
(Mr....: เอ๋อ ๆ ไปนิดหนึ่งก่อน จะพลิกไปที่พลาสปอร์ตเล่มแรกของเราหน้าที่มีวีซ่าครั้งแรกแล้วยกขึ้นโชว์เรา)
Mr....: ได้วีซ่า ครั้งแรกนี่ 16 ปีแล้วนะ
Me…: ค่ะ
Mr....: อีก 3-4 วันรอรับวีซ่านะครับ
Me…: ขอบคุณมากค่ะ (ดีใจมาก ๆ และแล้วก็ได้วีซ่า)

จากนั้นเค้าก็คืนเอกสารทั้งหมดให้ ไอ่เราก็ตื่นเต้นจนไม่ได้ดูดี ออกมาจากกงสุลมารอแม่แล้วแต่ไม่วายดูเอกสารอีกที ว้าย! เค้าลืมเอาทะเบียนบ้านคืนอ่ะ ก็เลยต้องวกเข้าไปใหม่

หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปกทม. แม่เป็นคนเปิดซองเอกสารและดูวีซ่า แม่โทรมาบอกพร้อมให้เราทายว่าเราได้วีซ่านานแค่ไหน เราก็ตื่นเต้นสุด ๆ คือในใจคิดว่าแค่ 6 เดือน ถึง 1ปีก็ดีใจแล้ว ขอแค่ให้มันครอบคลุมช่วงที่เราจะไปแค่นั้น แต่ไม่เลย เราได้ 10 ปี 10 ปีจริง ๆ นะ ไม่อยากจะเชื่อ ว่าหมดปี 2017 จริงเหรอ ถามแม่อยู่ 3 รอบได้ พอกลับมาจากกทม.ยังมาเปิดดูอยู่ตั้งหลายรอบ โอ้! แม่เจ้า ดีใจจัง



มาถึงตอนนี้ ตั๋วเครื่องบินก็ถูกจองแล้ว ซึ่งลุงเราก็ไม่ได้ไปจริง ๆ ด้วย อิอิ ครั้งนี้เป็นไฟท์ที่ยาวที่สุดที่เคยนั่งเครื่องบินเลยด้วย TG กรุงเทพฯ-นิวยอร์ค นั่งจนตูดบานไปข้างหนึ่งเลยหล่ะนั่นอ่ะ

คราวหน้าจะมาอัพเดทชีวิตเด็ก(บ้าน)นอก ในต่างแดนนะจ๊ะ




 

Create Date : 04 สิงหาคม 2550    
Last Update : 19 เมษายน 2559 15:16:07 น.
Counter : 290 Pageviews.  


Chocotarn
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สาวเชียงใหม่ บ้าบอไปวัน ๆ งานการก็งั้น ๆ ตั้งใจทำบ้างไม่ตั้งใจทำบ้าง

กิน ๆ ๆ ชอบกินเค้ก Chocolate เป็นชีวิตจิตใจเจอร้านเค้กเป็นไม่ได้ขอเข้าไปดูก็ยังดี (อดใจไม่ได้ ซื้อทุกทีสิหน่า)

ตอนนี้ชีวิตไม่โลดโผนเหมือนอยู่กทม. แต่ก็มีความสุขดี ไม่เหนื่อยกับการเดินทางและรถติด

ชอบ ๆ ๆ ชอบทะเล เกลียดภูเขา ชอบหน้าหนาว(นอนสบายดี) ไม่ชอบหน้าร้อน ไม่ชอบฝนตก แต่ชอบฟ้าหลังฝน เพราะมันสดใสเสมอ

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด

Friends' blogs
[Add Chocotarn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.