My treasure, someone else's trash #2 (ใหม่ของเรา เก่าของคนอื่น) : โต๊ะกินข้าวกับเก้าอี้...เสร็จซะที

“มีความสุขจัง...”

นี่คือประโยคที่ได้ยินจากปากของตัวเองบ่อยๆในช่วงนี้ และก็จริงล่ะ ช่วงนี้ฉันรู้สึกอารมณ์ดีและมีความสุขจริงๆนะ คล้ายๆกับว่าพึ่งจะสามารถยกภูเขาก้อนใหญ่ยักษ์มหึมาออกไปจากอกได้อะไรแบบนั้น

คนเราเวลาที่ปัญหาคาราคาซังหลายๆอย่างในชีวิตเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี ชีวิตเลยเหมือนว่าจะเริ่มลงตัวขึ้น มีความสุขกับสิ่งที่ทำมากขึ้นใช่ไหม อย่างฉันตอนนี้ ทำอะไรก็ดูเหมือนจะมีความสุขและดูเหมือนจะมีความตั้งใจมากขึ้นที่จะทำสิ่งนั้นๆให้สำเร็จ
(แม้ลึกๆฉันจะแอบกังวลอยู่นิดนึงก็ตามว่าจะสุขแบบนี้ไปได้นานแค่ไหนกัน เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเวลาชีวิตทำท่าจะดี แต่สุดท้ายก็กลับมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอยู่ร่ำไป แต่ช่างมันเถอะถ้าจะเอาแต่สุขอย่างเดียวไม่ทุกข์ซะบ้างแล้วแบบนี้จะเรียกว่า “ชีวิต” ได้ยังไงใช่ไหม อีกอย่าง ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้น จะมานั่งอมทุกข์ไปตลอดทำไม เรามาพยายามมีความสุขกันดีกว่าเนอะ โลกจะได้สดใสทุกๆวัน)

นั่นล่ะ พอช่วงนี้มีความสุข อารมณ์ทำบ้านแต่งบ้านเลยค่อนข้างบรรเจิดและสามารถทำไปได้เรื่อยๆและค่อนข้างเพลินไปกับมันมากเลยทีเดียว ผลก็คืออะไรๆเสร็จไปอย่างที่ตั้งใจ

จะว่าไปแล้วเวลาทุกข์ฉัีนก็แต่งบ้านเหมือนกันนะ ทุกข์ทีก็ย้ายเฟอร์นิเจอร์ที เพราะเวลาฉันอยู่ในอาการทุกข์หรือเครียดขึ้นมา มันจะไม่อยากเห็นสภาพหรือบรรยากาศเดิมๆ ประมาณว่าพอเครียดแล้วความรู้สึกที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นทันที และการย้ายเฟอร์นิเจอร์นี่แหละที่สนองอารมณ์นั้นได้เร็วที่สุด (แบบนี้เข้าขั้นโรคจิตมั้ยเนี่ย เหอๆๆ)


เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนฉันได้เขียนเล่าไป(ในบล็อกนี้)เกี่ยวกับการไปหาซื้อเก้าอี้มือสองมาทาสีใหม่และกะว่าจะทาสีโต๊ะทำงานด้วย

(หน้าตาโต๊ะกับเก้าอี้ก่อนทำ ตามรูปข้างล่าง)







จากนั้นคิดไว้ว่าจะเอาเซ็ตนี้ไปใช้เป็นโต๊ะอาหารแทนของเก่าที่จะย้ายขึ้นมาใช้เป็นโต๊ะทำงานแทน วันนี้เลยมาอัพเดตว่าทำอะไรไปถึงไหนบ้าง

.
.
.


ตอนนี้เก้าอี้สีแดงสี่ตัวนั้นทาสีเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว และพอทาสีเก้าอี้เสร็จก็ทาสีโต๊ะต่อเลยทันที แต่ก่อนอื่นมาดูโต๊ะอาหารที่เคยใช้ก่อนหน้านี้กันก่อน เผื่อใครนึกไม่ออกว่าหน้าตาเป็นยังไง (ในรูปถ่ายตอนผนังยังเป็นสีกาแฟอยู่เลย)






เราสองคนใช้โต๊ะกินข้าวชุดนี้มาสองปีแล้วตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ แต่โต๊ะตัวนี้ยาวมาก (180 ซม.) และค่อนข้างกว้าง ทำให้กินเนื้อที่เยอะ ซึ่งไม่เหมาะกับห้องเล็กๆที่เรามีเลย ทำไมฉันไม่คิดถึงจุดนี้ตอนซื้อก็ไม่รู้นะ หรือเพราะตอนนั้นยังหาสไตล์การจัดบ้านของตัวเองไม่เจอ เลยหาซื้ออะไรที่ง่ายๆใช้ไปก่อนมั้ง (และหนักโคตรรรตอนช่วยกันย้ายขึ้นไปไว้ที่ห้องทำงานชั้นบน)






เวลาผ่านไปพอเริ่มที่จะค้นหาตัวเองเจอแล้วว่าชอบจัดบ้านแนวไหน ตอนนี้เลยได้โต๊ะเซ็ตเล็กๆนี้มาแทนของเก่า


.
.
.










โชคดีที่โต๊ะนี้ถอดขาออกมาได้ เลยทำให้การทาสีง่ายขึ้น และตอนแรกฉันคิดจะทาสี top ให้เป็นสีขาวด้วย แต่ไปๆมาๆเกิดเปลี่ยนใจเพราะกลัวว่ามันจะออกมาเลี่ยนเกินไปถ้าทุกอย่างดูขาวไปหมด คิดว่าปล่อยให้เห็นเนื้อไม้แบบนี้จะดีกว่า อีกอย่างเพราะฉันอยากให้บ้านออกมาแนวคอทเทจด้วย เลยคิดว่าเห็นลายไม้แบบนี้น่าจะให้อารมณ์ cottagey มากกว่า่ขาวล้วนๆ







เพราะเก้าอี้มีที่พักแขน เลยทำให้เลื่อนเก็บเข้าไปใต้โต๊ะไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร แบบนี้ก็ถือว่าโอเคสำหรับฉันแล้วล่ะ

จริงๆที่เห็นนี้คือยังจัดไม่เสร็จหรอก เลยดูโล่งๆแบบนี้ ถ้าจะให้perfectก็ต้องมีแจกันดอกไม้สีหวานๆตั้งบนโต๊ะ เปลี่ยนโคมไฟเพดานใหม่ หาเบาะรองนั่งสวยๆ และฉันคิดว่าจะหาตู้หรือชั้นหนังสือน่ารักๆมาวางไว้ที่ข้างฝาด้วย แต่นั่นคงเป็นโปรเจ็คต่อไป วันนี้กะจะเอารูปโต๊ะที่ทาสีเสร็จแล้วมาให้ดูเฉยๆ โดยไม่ได้ตกแต่งอะไรเลย (เพราะอย่างนี้เลยให้บล็อกนี้อยู่ในห้อง DIY ไปก่อน เอาไว้จัดเสร็จหรือตกแต่งทั้งห้องเสร็จเมื่อไหร่ค่อยไปเขียนไว้ที่ห้องแต่งบ้านละกันเนอะ อิอิ)







ตอนถ่ายรูปอยู่ ถ่ายไปถ่ายมารู้สึกว่าอะไรๆยังไม่ลงตัว เลยลองเปลี่ยนกระถางต้นไม้อีกสีดู แล้วก็ใช่เลย ฉันว่าสีส้มอมแดงแบบนี้ดูดีกว่านะ เหมือนกับว่าทุกอย่างดู lifted up ขึ้นมาทันทีเลย







อันที่จริงโต๊ะนี้เค้าเคลือบแล็คเกอร์ไว้ (เรียกว่าแล็กเกอร์หรือป่าวหว่า ที่ทำให้ไม้ขึ้นเงาน่ะ) แต่เพราะมันเก่ามากแล้ว ไอ้ที่เคลือบมันเลยกระดำกระด่างน่าเกลียด อีกอย่างฉันอยากได้เนื้อไม้แท้ๆธรรมชาติๆดิบๆมากกว่าขึ้นเงาแบบนี้ ฉันเลยจัดการใช้กระดาษทรายขัด ขัดด้วยมือเองด้วยและใช้เวลานานมากกกกกกกกกกกว่าจะลบความเงาออกจากผิวไม้หมด

ตอนขัดๆก็คิดอยู่ว่าจะขัดด้วยมือให้เหนื่อยและเสียเวลาไปทำไมน้าาา ทั้งๆที่ไปขอยืมเครื่องขัดจากพ่อมาก็ได้ ซึ่งทั้งทุ่นแรงและประหยัดเวลาด้วย แต่แค่คิดเฉยๆน่ะ สุดท้ายก็ไม่ได้ไปยืมหรอก คือว่าตอนนั้นฉันอยากรีบๆขัดและรีบๆทาสีตรงส่วนที่เหลือให้เสร็จวันนั้นน่ะ อารมณ์ประมาณวัยรุ่นใจร้อน เพราะถ้าจะรอไปยืมเครื่องนั้นมาก็คงต้องรอวันต่อไป แล้วกว่าจะได้ทาสีอีก ตกลงเลยใช้วิธีขัดเองไปเรื่อยๆจนเสร็จ แต่ทั้งมือทั้งแขนก็เจ็บระบมไปหมด ง่าาาาา จากนั้นก็ทาสีตรงขอบด้านล่างและลิ้นชัก และเป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย






หลังจากจัดการกับเจ้าโต๊ะตัวนี้เสร็จแล้ว ตอนแรกๆแค่รู้สึกว่าแขนเจ็บนิดๆไม่มากมายอะไร แต่พอเวลาผ่านไป เหมือนมันจะรู้สึกเจ็บขึ้นเรื่อยๆ...

เย็นวันนั้นตอนแพททริคกลับมาจากทำงาน ฉันเลยถูกว่า “ทำไม๊ไม่รอก่อนแล้วไปยืมเครื่องขัดของพ่อมา ดูซิ...เจ็บแขนแบบนี้มันคุ้มมั้ยเนี่ย”
ฉันพยักหน้าหงึกๆปากบอกว่า “คุ้มสิๆ ถ้าสีแห้งจะพลิกตรง top ให้ดู แล้วเธอจะเลิกบ่นทันที” เหอๆๆ พูดดีไป แต่แอบเจ็บแขนจัง คืนนั้นแทบจะนอนไม่ได้ ต้องลุกขึ้นมากินยาแก้ปวดและเอายาหม่องมาทาทั่วแขนทั้งสองข้าง ไม่งั้นคงไม่ได้นอนเพราะปวดมาก


สมน้ำหน้าตัวเองเหมือนกัน แต่ยังไงนิสัยใจร้อน นึกอยากจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ตอนนั้นมันก็แก้ไม่หายจริงๆนะ เหมือนตอนนู้นซึ่งนานมาแล้วมีครั้งนึงที่ซื้อตู้จากIKEAมา และเพราะใจร้อน อวดเก่งอยากประกอบเองโดยไม่ยอมรอแพททริคกลับจากทำงานก่อนนี่แหละ ผลคือทำๆไปแล้วตู้เกิดล้มครืนลงมา เสียหายไปนิดนึง(จริงๆตู้สูงๆแบบนี้เวลาประกอบเข้าด้วยกันต้องมีอีกคนช่วยจับ) และเกือบล้มทับโทบี้อีกด้วยแน่ะ เฉียดไปนิดเดียวเอง จำได้ว่าตอนนั้นพึ่งเอาโทบี้มาอยู่ด้วยได้ไม่กี่วันแท้ๆ แบบว่าตอนตู้ล้มแล้วใจหายวาบทันที ถ้าล้มทับโทบี้ตายขึ้นมาแล้วจะทำไงดีล่ะ โทบี้ราคาก็ไม่ใช่น้อยๆนะนั่น (ตกลงห่วงหมาหรือเสียดายตังค์เนี่ยยย ฮาาาาา)




เห็นลายของเนื้อไม้ชัดเจนแบบนี้...ชอบจัง



ดูในรูปเหมือนว่าจะขาวเนียนดี แต่จริงๆขอบอกว่าเขลอะ ไม่เนียน แถมน้ำหนักสีที่ทาไปแต่ละจุดก็ไม่ค่อยเท่ากันอีกต่างหาก จริงๆถ้าจะให้ดีคิดว่าควรจะทาซักสองรอบเพื่อเก็บรายละเอียด แต่เพราะความขี้เกียจ ฉันเลยทาไปแค่รอบเดียวและพยายามบอกตัวเอง(และคนอื่น)ว่าเขลอะๆแบบนี้แหละที่ทั้งฮิตและอินเทรนด์ตอนนี้







เมื่อมองโดยภาพรวมแล้วฉันคิดว่าพอใจกับผลงานตัวเองมากเหมือนกันนะ เมื่อกี้แพททริคก็จับๆลูบๆคลำๆตรงเนื้อไม้แล้วพูดว่า “This feels so good, so authentic...” ฉันได้ยินแบบนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ แบบว่ารู้สึกภูมิใจนิดๆน่ะ คือจากโต๊ะเก้าอี้เก่าๆธรรมด๊าธรรมดา ซึ่งมาจากคนละแหล่งแห่งที่กันด้วย แต่พอเอามาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย แล้วเอามาจับกลุ่มเข้าด้วยกันแบบนี้แล้ว แทบไม่น่าเชื่อว่านี่เคยเป็นของที่คนอื่นเค้าตัดสินใจทิ้งนะเนี่ย







แต่ก่อนฉันไม่ค่อยคิดถึงคุณค่าของของเก่าหรือของที่มีอยู่แล้วเท่าไหร่หรอก เวลาอยากได้อะไรก็มักจะนึกถึงของใหม่ๆอยู่เสมอ แต่จริงๆแล้วคุณค่าของของเก่าที่เราตั้งใจทำให้เค้ากลับมามีชีวิตขึ้นมาใหม่กลับมีความหมายมากกว่าการเสียเงินซื้อของใหม่ๆแพงๆเป็นไหนๆ คือนอกจากจะประหยัดแล้ว ยังให้คุณค่าทางจิตใจกับคนทำด้วยนะ ใช่ไหม...


.....................


ไหนๆก็พูดถึงของเก่าแล้วก็ขอเพิ่มเติมอีกนิด คือเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเราไปเยี่ยมพ่อกับแม่ของแพททริคกันตามปกติ (จะไปกันทุกวันเสาร์น่ะ) และคงเพราะเห็นฉันพูดมากถึงการจัดบ้านกับการหาของเก่ามั้ง เลยรู้ว่าฉันกำลังเห่อของพวกนี้ เค้าเลยหาของมาเพิ่มให้คือม้านั่งสามขาเก่าๆอันนี้ที่ถูกทิ้งไว้ในโรงรถมานาน (แอบถ่ายเจ้าตัวยุ่งติดมาในรูปด้วย)...







กับถาดไม้แอนทีคอายุกว่าร้อยปี จากลายสลักฉันเดาว่าน่าจะเป็นของโมรอคคันหรืออะไรแถบๆนั้น









ม้านั่งสามขานี้ฉันคิดว่าจะเอามาทำเบาะนั่งใหม่แล้วอาจจะทาสีด้วย ส่วนถาดไม้คงจะเอามาแขวนที่ผนัง แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเข้ากับบ้านหรือป่าว


เอาล่ะ...สำหรับวันนี้ไว้แค่นี้ก่อนดีกว่า ไว้คราวหน้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงค่อยมาอัพเดตกันใหม่ แล้วเจอกัน บ๊ายบายยย...


......................


::คุยท้ายบล็อก::

ทั้งๆที่ยกเลิกแผนการซื้อบ้านกันไปแล้วและตั้งใจว่าจะทำบ้านที่อยู่ตอนนี้ให้ออกมาดีที่สุดก่อน แล้วค่อยดูกันว่าจากนั้นจะเอายังไงต่อ แต่หลายวันก่อนก็ยังแอบเช็คเว็บขายบ้านแล้วไปเจอบ้านหลังนี้เข้า





พอเห็นรูปแล้วคิดทันทีว่า ‘It’s made for us!!’ คือมีทุกอย่างที่เราสองคนเขียนไว้ในลิสต์ตอนนั้นตอนที่คิดจะซื้อบ้านกัน อย่างเช่น ราคาที่คิดว่าน่าจะซื้อไหว(ไม่เกินงบมาก), บ้านเก่าที่มีคาแร็คเตอร์และfeatureแบบนี้ (หน้าต่างสูง เพดานสูง), มี 4 ห้องนอน, แล้วก็ double garage ที่มีไว้สนองความต้องการที่แตกต่างของเราสองคน (อันนึงเอาไว้เก็บรถสำหรับแพททริค อีกอันนึงอยากเอาไว้ทำเป็นสตูดิโอวาดรูปหรือเวิร์คช้อปทำงานไม้ต่างๆสำหรับฉัน)

จากนั้นเราก็ลองขับรถไปดูกันตั้งสองครั้งแน่ะ คือไปทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อเปรียบเทียบบรรยากาศกัน พอเห็นของจริงๆแล้วน้ำตามันเหมือนจะไหลเลยล่ะ (ดูดีกว่าในรูปอีก) จริงๆนะ หลายคนอ่านแล้วอาจจะคิดว่า โอเว่อร์ อะไรจะขนาดนั้น แต่เพราะว่าเราสองคนเทียวดูบ้านกันมาเยอะมากๆ และน้อยครั้งที่จะรู้สึกว่านี่แหละบ้านหลังที่ “ใช่” ดังนั้นพอมาเห็นบ้านหลังนี้เลยรู้สึกอินจัดมากมายแบบนี้ ถ้าคนมีประสบการณ์หาบ้านจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดี คือเห็นแล้วมันรู้สึกทันทีเลยว่านี่แหละ “บ้านในฝัน”

แต่บ้านหลังนี้ก็คงจะเป็นบ้านในฝัน(ที่ยังไม่มีโอกาสเป็นบ้านในความจริง)ไปอีกนาน เพราะหลังจากคิดไตร่ตรองอะไรกันดีแล้ว “เศรษฐกิจแบบนี้ การไม่มีหนี้น่าจะเป็นลาภอันประเสริฐสุด” ตอนนี้คิดแบบนี้น่าจะปลอดภัยที่สุดแล้ว เอาไว้เรามั่นใจกับอนาคตของเรามากกว่านี้และถ้าซักวันหนึ่งคิดจะตัดสินใจซื้อขึ้นมา ตอนนั้นถ้าบ้านหลังนี้ยังอยู่ก็แสดงว่า It’s made for us จริงๆ...ใช่ไหม? (แต่ลึกๆก็แอบเสียดาย เพราะบ้านราคาประมาณนี้ แต่พื้นที่ใช้สอยเยอะขนาดนี้และทำเลดีๆแบบนี้คงอยู่ค้างตลาดไม่นานหรอก)





 

Create Date : 28 เมษายน 2552    
Last Update : 28 เมษายน 2552 10:18:04 น.
Counter : 1772 Pageviews.  

My treasure, someone else's trash #1 (ใหม่ของเรา เก่าของคนอื่น) : โต๊ะเก่า เก้าอี้เก่า...

ไม่ได้แตะคอมและไม่ได้ใช้เน็ตซะหลายวัน เพราะมัวแต่ยุ่งๆวุ่นๆกับการทำนู่นทำนี่ในบ้าน งานหลักๆที่ทำเสร็จไปเรียบร้อยก็คงเป็นทาสีที่ผนังในห้องนั่งเล่นกับห้องครัว
(จริงๆบางช่วงบางวันก็หยุดพักทาสีไว้แล้วออกไปถางหญ้า พรวนดิน เตรียมแปลงดอกไม้ในสวนแทน ก็อากาศมันดีอ่ะเนอะ เลยอดไม่ได้)

ได้ถ่ายรูปไว้ก่อนทาสีเสร็จด้วย ลาก่อนผนังสีกาแฟที่รัก ตอนนี้ได้สีเขียวอ่อนมาแทน
แรงบันดาลใจที่ทำให้อยากได้โทนสีนี้มาจากเว็บนี้





ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนฉันไหม คือว่าก่อนจะลงมือทาสี หรือก่อนจะตัดสินใจซื้อสีซักสีนึงเพื่อมาทาบ้าน ฉันมีอีกขั้นตอนนึงซึ่งจริงๆฉันคิดว่าสำคัญมากๆนะสำหรับใครก็ตามที่คิดจะเปลี่ยนสีห้องใหม่ นั่นคือการเอาตัวอย่างสีที่เราเลือก แปะลงไปที่ผนังจริงๆ ตามรูปข้างล่าง เพื่อดูว่าทาออกมาแล้วจะเป็นยังไง ดูดีหรือเข้ากันดีกับสีอื่นๆภายในห้องไหม

ติดมันไว้ทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อเปรียบเทียบระหว่างแสงธรรมชาติกับแสงไฟ เพราะสีบางสีอาจจะดูดีแค่ตอนกลางวันและตอนกลางคืนอาจจะดูไม่ได้ หรือให้อารมณ์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงไปเลย หลายคนจะลืมคิดเรื่องนี้
(สีเขียวอ่อนที่ฉันเลือก ตอนกลางคืนเวลาเปิดไฟจะออกโทนสีเทา ส่วนตอนกลางวันช่วงบ่ายๆเวลาแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาเต็มที่จะออกโทนสีฟ้า)

และถ้าจะให้ดีควรจะแปะทิ้งไว้หลายๆวัน (ประมาณอาทิตย์นึงกำลังดี) เพื่อดูว่าเรายังชอบสีเดิมไหม อย่ารีบด่วนตัดสินใจซื้อ เพราะฉันเคยมีประสบการณ์ที่วันสองวันแรกชอบสีนึง พอต่อมาตอนที่เกือบจะตัดสินใจซื้ออยู่แล้วก็เปลี่ยนใจมาชอบอีกสีแทน เอิ๊กๆๆ...






........................


พล่ามเรื่องทาสีมาตั้งนาน ทั้งๆที่จริงๆตั้งใจจะมาเล่าอีกเรื่องนึง ฮะๆๆ

จากที่บล้อกก่อนหน้านี้ที่ฉันเปรยๆเรื่องประมูลเก้าอี้ในเว็บขายของมือสองไว้ แล้วเจ้าของเค้าตกลงขายให้ในราคา 15 ยูโรสำหรับเก้าอี้ทั้งสี่ตัว ซึ่งถูกแสนถูก วันต่อมาเราก็ติดต่อเค้าและนัดกันไปเอาของเมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา ระยะทางขับรถไปราวๆประมาณ 50 กม. ลงทุนไปตั้งไกล แต่เพื่อเก้าอี้อ่ะเนอะ ฮาาา

เห็นของจริงก็ไม่ผิดหวัง ชอบมากและถูกใจมาก มีเบาะรองนั่งแถมมาให้ด้วย
แพททริคก็ชอบ แต่แอบมีบ่นนิดหน่อยตอนพยายามยัดเก้าอี้ทั้งหมดเข้าไปในรถ
“นี่เธอน่าจะเลือกเก้าอี้แบบอื่นนะ ดูสิ สงสัยต้องขนกันสองรอบแหงๆ”
หรือ
“ไม่น่าเลย...เสียเวลา ไม่คุ้มค่าน้ำมันเล้ยยยย...”
บลาๆๆๆ
ฉันก็คอยบอก “น่าาา ต้องขนไปได้สิ ต้องมีวิธี...”

แต่...
พับเบาะก็แล้ว หันซ้ายหันขวาก็แล้ว เอียงหน้าเอียงหลังก็แล้ว ผลคือใส่ไปได้แค่สามตัว ง่าาา... ถึงตอนนี้มีแอบเหงื่อตกเล็กน้อย แต่ก็พยายามไปเรื่อยๆอย่างทุลักทุเลพร้อมๆกับฟังเสียงบ่นของแพททริคไปด้วย

.
.
.

จนสุดท้ายก็ยัดสำเร็จด้วยการแง้มหน้าต่างไว้ครึ่งนึงแล้วให้ขาเก้าอี้โผล่ออกมา

ระหว่างทางที่ขับกันกลับบ้านก็ภาวนาขอให้อย่าเจอตำรวจเลย ก็ขาเก้าอี้มันโผล่ออกมานอกรถแบบน่าเกลียดซะขนาดนั้นอ่ะ เลยกลัว เอิ๊กๆ นี่ถ้าเก้าอี้ไม่มีที่วางแขนหรือที่เท้าแขน(เรียกแบบไหนหว่า)ก็คงขนมาง่ายกว่านี้
แต่จะว่าไปแล้วเหตุผลที่ฉันเลือกก็เพราะมีไอ้ที่วางแขนนี่แหละ ส่วนมากที่เห็นเค้าเอามาประมูลขายกันมันจะมีแค่พนักพิงอย่างเดียวแล้วมันดูโล่งๆ และธรรมดาเกินไป

สุดท้ายเราก็ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ(และไม่เจอตำรวจ)
ขนกันเข้ามาในบ้านเสร็จเรียบร้อย แพททริคก็ลองนั่งดูแล้วบอกว่า
“นั่งสบายดีเนอะ”
ฉันได้ทีก็รีบตอบกลับไป “เห็นมั้ย บอกแล้วว่าเลือกไม่ผิด”





จากรูปข้างบน โต๊ะไม้ที่เห็นที่เราใช้วางคอมพิวเตอร์นี่แหละที่ฉันจะเอามาใช้ให้เข้าชุดกันกับเก้าอี้สี่ตัวนี้ คือฉันจะย้ายโต๊ะนี้ไปเป็นโต๊ะกินข้าว แล้วสลับเอาโต๊ะกินข้าวปัจจุบันมาเป็นโต๊ะทำงานแทน

โต๊ะไม้นี้จริงๆก็เป็นของที่พ่อกับแม่แพททริคให้มาเมื่อปีที่แล้ว พอดีเค้าซื้อโต๊ะใหม่ เลยยกโต๊ะนี้ให้กับเรา ของในบ้านหลายๆอย่างเราก็ไม่ได้ซื้อหามาเอง ส่วนใหญ่คนเค้าให้มาทั้งนั้น แจกันสีเขียวนั่นก็ใช่
Someone else's trash is our treasure จริงๆนะ


มาดูกันใกล้ๆ





ด้วยอารมณ์ตื่นเต้นและเห่อของใหม่(แต่เก่าของคนอื่น) ฉันเลยพักทาสีผนังไว้ชั่วคราว แล้วเปลี่ยนมาทาสีเก้าอี้แทน พอทาสีขาวแล้วหน้าตาก็ออกมาเป็นแบบนี้...







ตอนนี้ทาเสร็จไปแค่สามตัว และถ้าทาสีเก้าอี้เสร็จก็ทาสีโต๊ะต่อ ตื่นเต้นๆ...





รูปข้างบน: เมื่อฉันเอาเก้าอี้ตัวที่ทาสีเสร็จแล้ว มาลองวางเล่นๆกับผนังที่ทาสีใหม่ เฟอร์นิเจอร์สีขาวเข้ากันดีกับผนังสีนี้เนอะ ทำให้บรรยากาศในบ้านดู cozy and romantic ขึ้นมาเยอะเลย เดี๋ยวว่าจะหาผ้าลายน่ารักๆมาทำเบาะรองนั่งใหม่ด้วย

และยังจำโซฟากับ slipcover สีขาวในบล้อกก่อนหน้านี้ของฉันได้ไหม มากันเป็นเซ็ต"ขาว"เลยนะเนี่ย คิดแล้วอยากทำให้เรียบร้อยไวๆจัง แอบลุ้นคนเดียวว่าถ้าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วจะออกมาหน้าตายังไงน้า

คุยต่อๆ...จากนั้นก็ลองย้ายเก้าอี้มาถ่ายอีกมุม ตามรูปข้างล่าง มุมนี้ถือว่าเป็นมุมหากินของบ้านนี้ ถ่ายรูปเมื่อไหร่ต้องถ่ายมุมนี้ แบบว่าเป็นมุมที่ดูดีสุดแล้วในบ้าน เอิ๊กๆๆ





โคมไฟที่เห็นนั่นจริงๆก็ไม่ได้ซื้อเอง คนอื่นให้มาอีกแล้ว(ป้าแพททริคให้มา) ส่วนโถสีดำมีฝาปิดในรูปข้างบนนู่น ก็เป็นของที่แม่แพททริคให้ ตามสโลแกนของบ้านนี้จริงๆ...
Our treasure is someone else’s trash

ฉันว่าทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ(ใช้ของเก่า ราคาถูกหรือได้มาฟรี แต่สภาพดี) คือนอกจากเราจะไม่สิ้นเปลืองเงินทองมากมายแล้ว เวลาเบื่อหรืออยากเปลี่ยนใหม่ก็ไม่รู้สึกเสียดายมากด้วย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนขี้เบื่อง่ายแต่งบน้อยแบบฉันเลยล่ะ


.......................


ทาสีบ้านเสร็จครึ่งๆกลางๆ ทาสีเฟอร์นิเจอร์ก็เสร็จครึ่งๆกลางๆ
แต่ก็ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ ไม่เร่งไม่รีบเพราะไม่อยากเหนื่อย ทำไปก็เพลินดีเหมือนกัน โดยเฉพาะเวลาที่เห็นผลงานเสร็จเรียบร้อย

และบอกตรงๆว่าการมาเขียนบล้อกอัพเดตสิ่งที่ตัวเองทำไปเรื่อยๆนี่ก็ดีเหมือนกันแฮะ(ถึงจะไม่ค่อยมีใครเข้ามาอ่านก็ตาม) มันเหมือนเป็นการช่วยกระตุ้นตัวเองให้ทำงานอย่างต่อเนื่องจนสำเร็จเรียบร้อย อารมณ์มันประมาณว่า “อาาา เสร็จไปอีกอย่างแล้ว เดี๋ยวไปเขียนบล้อกเล่าเรื่องนี้ดีกว่า...” อะไรประมาณนั้น


ปิดท้ายบล้อกด้วยรูป(หัว)โทบี้ถ่ายกับผนังบ้านสีใหม่





และอีกรูป โทบี้กลายร่างเป็นอีทีในผ้าห่ม
“E.T.......Phone homeeeeeeee......”






ปล. ไม่แน่ใจว่าจะเอาเรื่องนี้ลงบล้อกกลุ่มไหนดี มันกึ่งๆแต่งบ้าน กึ่งๆ DIY กึ่งๆบอกเล่าเก้าสิบ อืม... สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าเอาลงในกลุ่ม DIY ดีกว่า อ้อ...เปลี่ยนหัวบล้อกใหม่ด้วย ผนังสีเขียวเลยเปลี่ยนหัวบล้อกเป็นสีเขียวด้วยซะเลย อิอิ...





 

Create Date : 08 เมษายน 2552    
Last Update : 28 เมษายน 2552 8:46:22 น.
Counter : 2246 Pageviews.  

My first sewing project : simple slipcover for sofa...(แต่งตัวใหม่ให้โซฟาเก่า)


สืบเนื่องมาจากบล้อกก่อนหน้านี้ที่ฉันเปรยๆไว้ว่าอยากทำอะำไรกับบ้านเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศหลังจากที่เจอเรื่องแย่ๆมา ซึ่งพอคิดดังนั้นก็ไม่รีรอ ฉันก็เริ่มลงมือทันทีกับโปรเจ็คชิ้นแรก

แต่ก่อนจะเข้าเรื่องขอเกริ่นนิดนึงถึงที่มาที่ไปของโปรเจ็คนี้ซะหน่อย




Zwolle


คือว่าเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนเราสองคนไปทำธุระกันที่เมือง Zwolle ทุกครั้งที่ไปเมืองนี้ก็จะแวะเข้าตัวเมืองหลังเสร็จธุระด้วย และจุดหมายปลายทางที่ไปเมื่อไหร่ต้องแวะคือร้านหนังสือ De Slegte เสียดายที่เมืองที่เราอยู่ไม่มีสาขาของร้านนี้ (บ้านนอกอ่ะเนอะ) สมัยที่ยังเรียนอยู่ที่ Enschede ช่วงพักกลางวันหรือช่วงพักระหว่างคาบเรียนหรือช่วงที่รอเวลารถไฟกลับบ้าน ไม่มีที่ไปที่อื่น ก็จะไปซุกตัวฆ่าเวลาอยู่ที่ De Slegte นี่แหละ ส่วนมากไปคนเดียวเพราะเพื่อนๆในห้องไม่มีใครชอบอ่านหนังสือกันเลย




หน้าร้านหนังสือ De Slegte, Zwolle ตึกสวยคลาสสิคดีเนอะ


เหตุผลที่ชอบไปซื้อหนังสือที่ร้านนี้เพราะเค้ามีหนังสือที่พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษให้เลือกเยอะ หลากหลายประเภทและราคาถูก (คือว่าภาษาดัตช์ไม่แข็งแรง เลยชอบอ่านอะำไรที่เป็นอังกฤษมากกว่า) ร้านก็ใหญ่โตกว้างขวางดี เท่าที่ดูฉันว่า 90% ของหนังสือในร้านจะเป็นหนังสือมือสอง แต่มือสองในที่นี้ถือว่าสภาพดีมาก เท่าที่ติดตามซื้อของเค้ามาหลายปี ยังไม่เคยมีปัญหากับเล่มไหนเลย อย่างว่าหนังสือฝรั่งส่วนมากจะพิมพ์เป็นปกแข็ง เลยทำให้อายุการใช้งานของหนังสืออยู่ได้นานกว่า

เอ่อ..เริ่มยืดเยื้อ เข้าเรื่องๆ ก็นั่นล่ะ ไปครั้งนั้นก็ได้หนังสือมาอีกสองเล่ม เล่มนึงเป็นหนังสือแต่งบ้านที่มีเนื้อหาเน้นการตกแต่งโทนสีขาว กับอีกเล่มเกี่ยวกับ DIY พวกซ่อมแซมบ้านและเคล็ดลับอื่นๆตั้งแต่ทาสี เปลี่ยนก๊อกน้ำ ไปจนถึงปูกระเบื้อง (หลังๆมานี้ไม่ค่อยได้ซื้อนิยายเลย แต่จะซื้อหนังสือแต่งบ้านซะส่วนมาก)




At Home with White, Great Ideas for Your Home


กลับมาถึงบ้านก็ทะยอยอ่านไปดูไป(รูปประกอบเยอะดี) แล้วก็มาสะดุดตาสะดุดใจที่รูปข้างล่างนี้





Sofa slipcover หรือ ผ้าคลุมโซฟา แบบง่ายๆแต่เก๋ไก๋ สไตล์ถูกใจใช่เลย ดูท่าทางจะทำไม่ยากด้วยแฮะ และหลังจากนั่งจดๆจ้องๆอยู่หลายวัน สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าอยากลองทำผ้าคลุมแบบนั้นดู

ปกติฉันไม่ชอบงานฝีมือซักเท่าไหร่ พวกเย็บปักถักร้อยอะไรพวกนี้จะไม่ถนัดเลย อีกอย่างเพราะรู้สึกว่าตัวเองสมาธิสั้น ถ้าไม่มีแรงจูงใจ เวลาจะทำงานอะไรที่ละเอียดๆมักจะไปไม่รอด(ยกเว้นงานวาดรูปนะ อันนั้นพอไหว อิอิ)

แต่กับผ้าคลุมโซฟาที่คิดอยากจะทำนี่อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของการแต่งบ้านด้วยมั้ง เลยมีแรงจูงใจให้อยากทำ แต่ติดที่ว่าไม่มีจักรเย็บผ้าอ่ะ จะเย็บมือทั้งหมดคงไม่ไหว ประสบการณ์เย็บผ้าก็มีน้อยนิด ครั้งสุดท้ายที่ใช้จักรเย็บคือตอนสมัยเด็กๆนู่นเลย เป็นจักรของน้าน่ะ แต่มันก็สิบกว่าปีมาแล้ว จำอะไรไม่ได้เลย แถมจักรเย็บผ้าที่ว่าเป็นจักรรุ่นคุณยายอีกต่างหาก คงไม่มีใครใช้กันแล้ว ก็เลยไปปรึกษาแพททริค แพททริคก็สนับสนุนให้ซื้อ แล้วให้ไปหาแม่แพททริค ให้เค้าสอน ว่าแล้วไม่กี่วันหลังจากนั้นฉันก็ได้จักรเย็บผ้ามา (ซื้อช่วงเซลล์ด้วยเลยได้ราคาพิเศษ)





ได้มาแล้วก็หิ้วกันไปบ้านนู้น แม่แพททริคก็สอนเบสิคการเย็บให้ พอทำเองเป็นก็ไม่รอช้า วันต่อมาฉันก็เริ่มลงมือทำโปรเจ็คผ้าคลุมโซฟาทันที

ผ้าที่ใช้ก็เป็นผ้ารีไซเคิลจากผ้าเก่าๆ โปรเจ็คแรกเหมือนเป็นโปรเจ็คลองของ ฉันก็ไม่อยากลงทุนซื้อผ้าใหม่ให้เปลืองเงิน เผื่อว่าออกมาไม่ดีเดี๋ยวเสียของ เลยลองๆกับของเก่าไปก่อน พอดีว่าแม่แพททริคมีผ้าคลุมเตียงเก่าๆสีขาวหลายผืน เค้าเลยให้มา ก็ได้มาสองผืน กะๆดูด้วยสายตาคงซักประมาณสามเมตร(มั้ง)





เริ่มแรกมาดูหน้าตาโซฟาที่บ้านของเราสองคนก่อน จริงๆมันเป็นสีน้ำตาลเข้ม แต่ถ่ายออกมาดำทะมึนเลย ที่เลือกสีนี้ตอนแรกเพราะให้เข้ากับผนังสีกาแฟ ตอนทำบ้านใหม่ๆฉันอยากจัดบ้านโทนสีน้ำตาล ครีม ส้ม ซึ่งเป็นโทนสีที่ตัวเองชอบน่ะ (ชอบสีน้ำตาลเป็นหลัก)

แต่ไปๆมาๆตอนนี้เริ่มเบื่อ เริ่มอยากได้ห้องโทนหวานๆ สดใสๆ สว่างๆ สะอาดตา ออกสไตล์กึ่งๆ shabby chic ผสมผสานกับ vintage/cottagey อะไรประมาณนั้น ซึ่งพออ่าน/ดูหนังสือแต่งบ้านเยอะเข้าๆ ไอเดียต่างๆมันก็บรรเจิด เลยอยากเปลี่ยนนู่นนี่ไปหมด

มาสู่ขั้นตอนการทำ slipcover ต่อ ขอเรียกง่ายๆว่าผ้าคลุมละกัน ในหนังสือเล่มข้างบนมันเป็นผ้าคลุมโซฟาเดี่ยว แต่บ้านเราเป็นโซฟาคู่ แต่ไม่เป็นไร ต่างกันแค่ขนาดเอง วิธีทำคงไม่แตกต่างเท่าไหร่ แต่ก่อนลงมือทำเพื่อความชัวร์ ฉันก็ค้นคว้าหาวิธีทำในเน็ตนิดหน่อย ดูจากตัวอย่างหลายๆตัวอย่างที่คนอื่นเค้าเอามาลง อืมๆ...ดูแล้วไม่น่าจะยาก





มาลงมือกันเลยดีกว่า เริ่มแรกก็วัดและตัดผ้าให้พอดีกับขนาดของโซฟา ดังรูปข้างบน (กะเผื่อตะเข็บด้วย) ในกรณีนี้คือวัดแต่ละส่วนของโซฟา แล้วตัดผ้าเป็นชิ้นๆแยกกันตามส่วนที่วัด อย่างเช่นพนักพิงด้านหน้าชิ้นนึง ด้านหลังชิ้นนึง ที่พักแขนสองข้างก็สองชิ้น ส่วนที่เป็นที่นั่งชิ้นนึง ฯลฯ

จะใช้ผ้ากี่ส่วนหรือกี่ชิ้นก็ใช้วิธีง่ายๆคือดูตามรอยตะเข็บที่มีอยู่แล้วบนตัวโซฟา ก็วัดตามเค้าไปเลย ไม่อยากบอกว่านี่เป็นขั้นตอนที่กินเวลานานสุด กว่าจะวัดพอดี กว่าจะตัดเสร็จ เหงื่อตกเลย แต่ตอนเย็บจริงๆแค่แป๊บๆ (โทบี้เป็นดาราหน้ากล้องอีกแล้ว เหอๆๆ)






วัดเสร็จตัดเสร็จจนครบทุกชิ้น (นั่งวัดนั่งตัดอยู่หลายวัน ทำไป ดูรายการทีวีภาคกลางวันของช่องบีบีซีไปด้วย ซึ่งส่วนมากเป็นรายการเกี่ยวกับบ้านและประมูลของเก่า ก็เพลินดี งานเลยไปอย่างช้าๆ ฮี่ๆๆ) อ้อ...ลืมบอกไป คือว่าผ้าที่แม่ให้มาไม่พอล่ะ ก็ต้องจิ๊กผ้าปูที่นอนของตัวเองมาตัด สีขาวเหมือนกัน เลยขอก่อนนะ ฮ่าๆๆ โชคดีที่มีผ้าปูสำรองหลายผืน ไม่งั้นคงไม่มีอะไรปูนอน เอิ๊กๆ

แต่...แต่...แต่ผ้าก็ยังไม่พออีก ไม่คิดว่าโซฟาขนาดแค่นี้จะใช้ผ้าเยอะขนาดนี้ ขนาดว่าวัดกันแบบประหยัดๆ ใช้ผ้าทุกตร.นิ้วให้คุ้มแล้วก็ยังไม่พอ ตอนนั้นก็นึกๆว่าในบ้านมีผ้าอะไรสีขาวมั่ง คิดไปคิดมาก็มาหยุดที่ผ้าม่านประตูสีครีม อืม ไม่ใช่สีขาว แต่ไม่เป็นไร เอาใช้เป็นส่วนข้างล่างเบาะนั่งซึ่งไม่มีใครเห็นอยู่แล้วละกัน จริงๆผ้าม่านอันนี้ฉันก็กะจะเปลี่ยนอยู่แล้วเพราะมันเก่า (เป็นผ้าม่านเก่าที่ป้าแพททริคให้มา) เลยจัดการถอดออกมาจากรางซะเลย สังเกตกันไหมว่าผ้าตรงส่วนที่คนนั่งมันออกสีครีมๆ มีลายด้วย อันนั้นแหละ ผ้าม่าน ฮาาาา

จากนั้นก็เอาทั้งหมดมาประกอบกันบนตัวโซฟา ตามรูปข้างบน ตอนแรกก็ใช้เข็มหมุดก่อน เตรียมเข็มหมุดไว้เยอะๆๆๆ เพราะโซฟามีส่วนโค้งส่วนเว้ามากมาย ก็ปักๆไป










ปักหมุดเสร็จเรียบร้อยก็ใช้ด้ายเนาห่างๆตามรอยตะเข็บอีกทีเพื่อความแข็งแรงมากขึ้นและให้ทุกชิ้นส่วนเป็นผืนเดียวกันเพื่อความง่ายก่อนจะเย็บ ดังรูปข้างบน




กลับด้านผ้าแล้วคลุมกลับลงไปใหม่


เนาตะเข็บเสร็จก็ยกออกมาจากโซฟาทั้งผืน กลับเอาด้านในออกมาด้านนอกแล้วคลุมกลับลงไปที่โซฟาอีกที ตอนนี้ตะเข็บจะอยู่ข้างในแล้ว เริ่มมองเห็นแล้วว่าถ้าเย็บออกมาหน้าตาจะออกมาประมาณไหน

วิธีนี้เราทำเพื่อความชัวร์ว่าที่เราวัดๆตัดๆกันมานั่นถูกต้อง ถ้าส่วนไหนไม่พอดีกับส่วนโค้งเว้า ก็อาศัยขั้นตอนนี้แหละปรับเปลี่ยนกัน จะปักหมุดใหม่หรือเนาใหม่ก็แล้วแต่ เสร็จเรียบร้อยก็ถึงขั้นตอนต่อไปคือลงมือเย็บ ก็เย็บตามแนวที่เนาไว้เลย เสร็จแล้่วค่อยดึงด้ายที่เนาออกทีหลัง (เย็บผ้านี่สนุกเนอะ อิอิ)




ผ้ากองโตที่ต้องเย็บ


ในรูปข้างบนเห็นมีผ้ามีลายสีม่วงๆปนมาด้วย ซึ่งเป็นผ้าที่แม่แพททริคให้มาเหมือนกัน คือฉันเอาด้านที่มีลายไว้ข้างใน ส่วนด้านไม่มีลายซึ่งเป็นสีขาวไว้ด้านนอกน่ะ สลับด้านแล้วมันก็มองไม่เห็น ก็เห็นแต่สีขาว รีไซเคิลๆ อิอิ ...




รูปนี้กะจะโชว์กล้วยไม้ เริ่มเหี่ยวแล้ว แต่ก็ยังสวยอยู่นะ



หลังจากวัดๆ ตัดๆ เย็บๆ มาหลายวัน สุดท้ายผลงานก็เสร็จสมบูรณ์ แอ่นแอ่นแอ๊นนนนน...







ฝีมือคงไม่เท่ามือโปร แต่กับครั้งแรกออกมาได้ขนาดนี้ฉันก็มีความสุขแล้ว





ไม่น่าเชื่อว่าแค่ผ้าคลุมสีขาวธรรมด๊าธรรมดาจะสามารถเปลี่ยนลุคของห้องไปได้ขนาดนี้ ดูสว่างไสวขึ้นเยอะ ดูดีขึ้นเยอะเลย (ตอนถ่ายรูปไม่ได้จัดผ้าให้เรียบร้อย เลยออกมายับๆแบบที่เห็น คือพึ่งมาเห็นตอนเอารูปออกจากกล้อง ตอนนี้ค่ำแล้ว แสงไม่มีเลยไม่อยากไปถ่ายใหม่ ขออภัยนะจ้ะ)





รู้สึกว่ามันยังดูโล่งๆ เลยขอยืมหมอนอิงจากโซฟาอีกตัวมาวางไว้ไปพลางๆก่อน เอาไว้หาผ้าลายสวยๆได้เมื่อไหร่ค่อยมาทำหมอนอิงกันอีกที


รูปข้างล่างนี้ถ่ายจากอีกมุม










มีภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังให้ดูความแตกต่าง





เห็นไหมว่าโซฟาเก่าเราไม่จำเป็นต้องทิ้ง มาแต่งตัวโซฟาให้กลับมาดูดีเหมือนใหม่อีกครั้งด้วย slipcover กันเถอะ ทำเองนอกจากจะภูมิใจแล้ว เงินก็ยังอยู่ครบน้าาา อิอิ... ถ้าฝีมือเย็บผ้าพัฒนาขึ้นกว่านี้ ฉันว่าจะลองหาผ้าลายอื่นมาทำดู เหมือนผ้าปูที่นอนไง มีหลายๆสี เบื่อสีนี้ลายนี้ ก็เปลี่ยนสลับกับอีกลาย หรือถ้าสกปรกก็ถอดซักได้ด้วยใช่ไหม เหมาะกับบ้านคนเลี้ยงหมาอย่างเราด้วย





::คุยท้ายบล้อก::

โปรเจ็คแรกผ้าคลุมโซฟาเสร็จไปแล้ว โปรเจ็คต่อไปคงจะเป็นทาสีห้องใหม่ นี่ก็ซื้อสี Latex เตรียมไว้ถังนึง และก็คงจะทาทั้งชั้นล่างชั้นบน จากนั้นก็เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ทั้งบ้าน

อ้อ...แต่งบ้านให้ดูดีไม่จำเป็นต้องเสียตังค์ซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ราคาแพง (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัวด้วยนะ ความชอบของฉันมันออกไปทางวินเทจน่ะ และไม่ชอบอะไรที่โมเดิร์น เลยอยากได้ของเก่ามากกว่าของใหม่เพราะรู้สึกว่ามันมีสเน่ห์มากกว่า) และแหล่งที่จะหาของพวกนี้ได้ก็ตามเว็บขายของมือสองทั้งหลาย หลายวันก่อนฉันพึ่งแพ้ประมูลเก้าอี้ในเว็บๆนึงไป อุตส่าห์ลุ้นกันกับแพททริคตั้งสองคืน แต่สุดท้ายก็สู้อีกคนไม่ได้ เสียดายเพราะพยายามหาเก้าอี้สีขาวแบบนั้นมานานหลายเดือนมาก พอเจอก็ดันประมูลแพ้คนอื่นเค้าซะนี่ ไม่เป็นไร ก็หากันใหม่

จนมาเมื่อคืนก่อนฉันเจอเก้าอี้ไม้อีกชุด (มีสี่ตัว) ไม่ใช่สีขาวแต่คิดว่าถ้าทาสีขาวแล้วก็ดูดีเก๋ไก๋ไม่แพ้กัน เลยคลิกประมูลไป คืนนี้พึ่งได้ข่าวดี เพราะไม่มีคู่แข่ง เจ้าของเค้าเลยเสนอราคาขายให้เราอย่างถูกๆ เก้าอี้ไม้สี่ตัวราคาแค่ 15 ยูโร พรุ่งนี้เลยว่าจะให้แพททริคโทรหาเค้า ถ้าได้มาฉันคงเอามาทาสีใหม่ และที่บ้านเรามีโต๊ะไม้เก่าสไตล์เดียวกันอยู่แล้ว(โต๊ะกินข้าว) เลยว่าจะเอามาทาสีขาวด้วยให้เข้ากันทั้งโต๊ะทั้งเก้าอี้เลย ไว้ออกมาเป็นยังไงจะมาบอกเล่ากันอีกทีวันหลังนะ

อ้อ...ฉันเขียนเรื่อง slipcover นี้ไว้อีกที่ แต่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ
//jinnieslittleworld.blogspot.com บล้อกนั้นจะเน้นการตกแต่งบ้านจริงๆ บอกไว้เผื่อว่าใครชอบการแต่งบ้านและชอบอ่านบล้อกเป็นภาษาอังกฤษมากกว่าน่ะ

เอาล่ะ ยาวมากแล้ว เอาไว้แค่นี้ก่อนน้าาา แล้วคุยกันใหม่ บายๆ...






 

Create Date : 28 มีนาคม 2552    
Last Update : 28 มีนาคม 2552 13:20:38 น.
Counter : 6398 Pageviews.  

1  2  3  4  

~ Cerulean Blue ~
Location :
ลำปาง Netherlands

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




:: About Me ::


A girl, her life, and the old little Dutch house. Oh, and possibly a few adventures...

Anyway feel free to drop by and say hi :)

:: decorating ::
:: sewing ::
:: crafting ::
:: painting ::
:: traveling ::
:: and Living! ::

"ผจญภัยในอ้อมแลนด์"













:: PREVIOUS POSTS ::


...My simple kitchen pantry storage and the most frequently asked questions about Cerulean Blue...

...The guest bedroom and how to hang wallpaper...ห้องนอนเล็ก และ how to การติดวอลเปเปอร์แบบง่ายๆ...

...Blog is more than you think... ชีวิตและการเขียนบล็อก...

...The Little Groningse Kitchen...

...My polka-dot room and how to crochet 'Spring Blossom granny square # 2'...

...My 'blue' and 'white' curtain...

...and I am back again, officially... นกน้อย คืนรัง ^^...

...Window seat project #2... มุมริมหน้าต่างเสร็จแล้ว + งานเล็กๆของช่างไม้มือสมัครเล่น ^_^...

...My kitchen, my pride...

...'Cute curtains' and a quick peek into my sewing room...

...My new sofa slipcover!... โปรเจ็คยักษ์ 'ผ้าคลุมโซฟา' ^^...

...One Year already!... ครบหนึ่งปีพอดี + รวมมิตรรูปบ้าน และเรื่องบ้านๆที่อยากแบ่งปันกัน...

...Shabby shabby...เก่านิดๆ ถลอกหน่อยๆ...

...That nice 'ugly' shelf...

...'The white fireplace' and my old glass cabinet...

...A bit of a change in the living room...

...'Spring Blossom' granny squares...แกรนนี่สแควร์ลายใหม่ ^-^...

...'Cerulean' crochet cushion... และคุยเล็กคุยน้อย...

...Café curtains...

...My 'kitsch' kitchen...และชีวิตช่วงนี้...

...Another armchair slipcover!...ผ้าคลุมเก้าอี้ (อีกแล้ว)...

...Armchair slipcover...โปรเจ็คแรกแห่งปี!...

...Santa Wood(s), Christmas tree and a few tips of choosing colours for your home...

...A Little Update...

...Make it 'COZY'...



:: All About My Home ::


...New Home...
































































...Old Home...




























:: งานเขียนและรูปภาพในบล็อกนี้
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพ.ร.บ. พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ส่วนหนึ่งส่วนใด โดยมิได้รับอนุญาต ::


New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ~ Cerulean Blue ~'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.