space
space
space
space

เกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับผลไม้ไทย


ผลไม้ 10 อันดับแรกที่มีเบต้าแคโรทีนสูงคือ
1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
2. มะเขือเทศราชินี
3. มะละกอสุก
4. กล้วยไข่
5. มะม่วงยายกล่ำ
6. มะปรางหวาน
7. แคนตาลูปเนื้อเหลือง
8. มะยงชิด
9. มะม่วงเขียวเสวยสุก
10. สับปะรดภูเก็ต

ผลไม้ทั้งหมดนี้มีเนื้อสีเหลืองและสีเหลืองเข้ม


ส่วนผลไม้ที่ไม่มีเบต้าแคโรทีนเลย
1. แก้วมังกร
2. มะขามเทศ
3. มังคุด
4. ลิ้นจี่
5. สาลี่





10 อันดับแรกของผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงคือ
1. ฝรั่งกลมสาลี่
2. ฝรั่งไร้เมล็ด
3. มะขามป้อม
4. มะขามเทศ
5. เงาะโรงเรียน
6. ลูกพลับ
7. สตรอเบอร์รี่
8. มะละกอสุก
9. ส้มโอขาว
10. แตงกวา
11. พุทราแอปเปิล




การศึกษานี้พบผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง 10 อันดับแรกคือ
1. ขนุนหนัง
2. มะขามเทศ
3. มะม่วงเขียวเสวยดิบ
4. มะเขือเทศราชินี
5. มะม่วงเขียวเสวยสุก
6. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก

7. มะม่วงยายกล่ำสุก
8. แก้วมังกรเนื้อสีชมพู
9. สตรอเบอร์รี่
10. กล้วยไข่

ผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอีน้อยทั้ง 3 ตัว คือ สาลี่ องุ่น และแอปเปิล

ส่วนผลไม้ที่มีสารทั้ง 3 ตัว ค่อนข้างสูงคือ มะเขือเทศราชินี





 

Create Date : 28 เมษายน 2551   
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 18:11:46 น.   
Counter : 3865 Pageviews.  
space
space
คุณสมบัติเหลือเชื่อของกาแฟ
คุณสมบัติเหลือเชื่อของกาแฟ

เดิมเราอาจจะเข้าใจว่า สารต้านอนุมูลอิสระมีมากในผัก ผลไม้ แต่ใครจะรู้บ้างคะในเมล็ดกาแฟสดก็มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่เช่นกันโดยมีชื่อเรียกว่า “กรดคลอโรจีนิก” ซึ่งสามารถสลายตัวด้วยความร้อนเช่นเดียวกับสารต้านอนุมูลอิสระชื่อ “ฟลาโนวอยด์” ที่พบมากในผักและผลไม้ต่างๆ

“รศ.ดร.ชัยชาญ แสงดี” หัวหน้าภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกมายืนยันว่า จาการศึกษาค้นคว้าวิจัยเมื่อเร็วๆนี้ พบว่ากาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกทั้งยังมีมากว่าในชาเขียวที่เคยฮิตถึง 3เท่าทีเดียวค่ะ

รศ.ดร.ชัยชาญ”กล่าวต่ออีกว่า การดื่มกาแฟเป็นประจำ สามารถป้องกันการเป็นโรคเบาหวาน ลดอัตราการเป็นอัลไซเมอร์ และโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งของลำไส้ใหญ่และทวารหนัก และมีหลักฐานที่มากขึ้นว่าการดื่มกาแฟอาจจะป้องกันภาวะตับแข็งและโรคตับได้

แต่เมื่อการคั่วเมล็ดกาแฟ กรดคลอโรจีนิก อาจสลายตัวไปได้ แต่มิใช่การสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง



นื่องจากกรดคลอโรจีนิคจะรวมตัวกับคาร์โบไฮเดรตและกรดอะมิโนและโปรตีนในเมล็ดกาแฟระหว่างการคั่วให้เป็น “สารเมลานอยดิน”ซึ่งมีสีน้ำตาลอ่อน- น้ำตาลเข้ม ตามอุณหภูมิและระยะเวลาของการคั่วเมล็ดกาแฟ

ที่สำคัญยังพบอีกว่าหากคนเราดื่มกาแฟเป็นประจำจะทำให้ได้รับสารต้านอนูมูลอิสระอย่างเพียงพอที่จะทำให้ร่างกายไม่เกิดความผิดปกติกับการออกซิเดชั่น อันเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ

แต่เนื่องจากมีการสูญเสีย “กรดคลอโรจีนิก”ส่วนหนึ่งไปในกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟ บริษัทเนสท์เล่(ไทย)จำกัด จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟผงสำเร็จชนิดใหม่ ซึ่งผลิตจาการผสมผสานเมล็ดกาแฟดิบ กับกาแฟคั่วเข้าด้วยกันค่ะ

วัตถุประสงค์ที่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสารต้านอนุมูลอิสระมากขึ้น โดยยังคงกลิ่นหอมและรสของกาแฟดั้งเดิมไว้

แม้ว่าธรรมชาติจะเป็นสาเหตุทำให้มนุษย์อายุสั้นลง แต่ทว่าธรรมชาติได้ทำให้คนเราได้ค้นพบความลับ ที่ทำให้สามารถยื้อเวลาและต่อลมหายใจให้อยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างยืนยาวนาน ไร้โรคภัยแถมยังสวยงามไร้ริ้วรอยอีกต่างหากค่ะ

อย่าลืมดื่มกาแฟ ทางเลือกใหม่ของสารต้านอนุมูลอิสระนะคะ


ข้อมูลจาก horapa.com





 

Create Date : 27 เมษายน 2551   
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 18:11:18 น.   
Counter : 1632 Pageviews.  
space
space
สมุนไพรมหัศจรรย์


กระเทียมสมุนไพรมหัศจรรย์

กระเทียม เป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุน และรสเผ็ดร้อน ซึ่งคนไทยรู้จัก และใช้กระเทียม ในการทำอาหาร มาแต่โบร่ำโบราณ เรียกว่าชีวิตในครัวไทย ไม่เคยห่างหายจากกระเทียมก็ว่าได้ ถึงขนาดที่มีสุภาษิตที่ว่า 'หัวเดียวกระเทียมลีบ' หมายถึง การทำอะไรแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่มีคนอื่นคอยช่วยเหลือ

อาหารไทยหลายอย่างจะขาดรสอร่อยไป หากไม่ใช่กระเทียมเป็นส่วนผสม หรือเครื่องปรุงรส และไม่เฉพาะอาหารคาวเท่านั้น แม้แต่ของว่างอย่าง สาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ เมี่ยงต่างๆ ก็ยังต้องมีกระเทียมกิน เป็นของแนมคู่กันไปเสมอ

เสน่ห์ของกระเทียมได้มาจาก ส่วนที่เรียกว่า 'น้ำมันหอมระเหย' ได้มาจากการทุบ สับ ซอย หรือหั่น ซึ่งก็ต้องเลือกใช้ตามความเหมาะสม ของชนิดอาหารนั้นๆ ด้วย เช่น

กระเทียมที่ทุบแล้วสับ จะนำมาผัด หรือเจียวกิน เป็นเครื่องเคียงของสาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ หากนำกระเทียมไปโขลก จะใช้สำหรับทำน้ำพริกแกง หรือเป็นเครื่องหมักเนื้อสัตว์ ร่วมกับรากผักชี และพริกไทย แต่หากกินเป็นเครื่องแนมของเมี่ยง หรือกินเป็นกับแกล้มร่วมกับแหนม หรืออาหาร ประเภทเนื้อสัตว์ ก็ต้องกินกันเป็นกลีบเลย ซึ่งอย่างหลังนิยมเลือกใช้ กระเทียมโทน มากกว่า ซึ่งจริงๆ แล้ว กระเทียมโทนเกิดจากความไม่สมบูรณ์ จึงมีเพียงกลีบเดียว ในหนึ่งหัวแทนที่จะ มีหลายๆ กลีบในหนึ่งหัว เหมือนอย่างทั่วๆไป ลักษณะดังกล่าว สามารถเป็นได้กับ กระเทียมทุกพันธ์

กระเทียมโทนจะมีเนื้อเยอะ และมีกลุ่นฉุนน้อยกว่า จึงเหมาะที่จะกินเป็นเครื่องแนม อย่างที่ว่าไว้ และเนื่องจากกระเทียมโทน ค่อนข้างหายาก จึงนิยมนำกระเทียมโทนมาดองเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้สามารถใช้ประกอบอาหาร ได้ตลอดปี

สำหรับต้นกระเทียมที่นำมาผัดกับตับหมู หรือเนื้อปลานั้น เป็นต้นกระเทียมอีกหนึ่งพันธุ์ ซึ่งเรียกว่า 'กระเทียมใบ' เป็นพันธุ์ที่ปลูกเพื่อ ใช้ส่วนที่เป็นใบโดยเฉพาะ เพราะหากใช้ใบของต้นกระเทียมทั่วๆ ไป จะมีเส้นใยมาก เนื้อหยาบ และมีสารพิษตกค้างค่อนข้างมาก จึงไม่นิยมนำมาบริโภค

การเลือกซื้อกระเทียม คงต้องดูที่การใช้งานเป็นหลัก เพราะหากเป็นครอบครัวใหญ่ ที่มีการประกอบอาหารบ่อยครั้ง แนะนำให้ซื้อกระเทียมเป็นหัว หรือกระเทียมจุก โดยเลือกกระเทียมแห้ง หัวใหญ่ เปลือกมีความสดใส เมื่อซื้อมาแล้ว ต้องแขวนในที่ มีอากาศถ่ายเทสะดวก หรือแขวนให้ลมโกรก จะทำให้กระเทียมไม่ฝ่อ

แต่ถ้ามีสมาชิกในบ้านน้อย หรือไม่ค่อยประกอบอาหารรับประทานกัน ควรเลือกซื้อกระเทียม แต่น้อย ซื้อมาแล้วถ่ายใส่ภาชนะโปร่ง และไม่ควรเลือกซื้อกระเทียม ที่แกะขายเป็นกลีบๆ เพราะกระเทียมประเภทนี้จะฝ่อเร็ว

หลายคนหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงจากกระเทียม เพราะเมื่อกินอาหารเหล่านี้เข้าไปแล้ว จะมีกลิ่นติดปาก วิธีดับกลิ่นแบบง่ายๆ เพียงดื่มนมสด หรือดื่มน้ำที่ผสมน้ำผึ้งและน้ำชาสักแก้ว กลิ่นจะจางลงมากทีเดียว หรือใส่ผักชีฝรั่ง ลงในอาหารจานนั้นด้วยก็ได้

ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า เมนูจากกระเทียมจานไหน ที่จะโดนใจจนกลายเป็นอาหารอีกหนึ่งจาน บนโต๊ะอาหาร มือต่อไปของคุณ



ข้อมูลจาก horapa.com




 

Create Date : 26 เมษายน 2551   
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 18:10:49 น.   
Counter : 1379 Pageviews.  
space
space
ความเข้าใจผิดๆ
10 ความเข้าใจผิดๆ กับเรื่องอาหาร

1.งดมื้อเช้า
ถ้าใครกําลังทําอยู่ก็เลิกเสียเถอะค่ะ เพราะมื้อเช้าเป็นมื้อที่สําคัญมาก นอกจากจะเป็นแหล่งพลังงานให้คุณสู้งานได้อย่างไม่มีถอยแล้ว ยังช่วยให้ไม่หิวมากด้วยก่อนที่จะถึงมื้อต่อไป

2.งดกินทุกอย่างก่อนออกกําลังกาย
ไม่ควรค่ะ เพราะร่างกายต้องการพลังงานเพื่อนํามาใช้ในการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ อยู่แล้ว ฉะนั้น ก่อนออกกําลังกายควรกินพวกอาหารที่มีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (เพราะมีไฟเบอร์มากและไขมันต่ำด้วย) อย่างโยเกิร์ต นมถั่วเหลือง หรือขนมปังค่ะ

3.หลังออกกําลังกาย
ควรเว้นช่วงนานๆ แล้วจึงค่อยกิน จริงๆ แล้ว ไม่ต้องเว้นไว้นานขนาดนั้นก็ได้ กินหลังจากออกกําลังกายไปแล้ว 1 ชั่วโมงก็โอ.เค.แล้วละ และควรเลือกกินอาหารที่มีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรเชิงซ้อนด้วยนะ เพราะจะได้ไปช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญและช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้ดีขึ้นค่ะ

4.กินขนมที่มีส่วนประกอบของโปรตีนหรือโปรตีนเชคแทนข้าว
อาหารขบเคี้ยวเหล่านี้ใช่ว่าจะไม่มีแคลอรีหรือไขมันเลยนะคะ อีกทั้งโปรตีนเชคนั้นก็ไม่มีไฟเบอร์อีกด้วย สรุปแล้วไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้กินอาหารจริงๆ เข้าไปหรอกค่ะ

5.เชื่อมั่นในฉลาก
อย่าเชื่อในทุกๆ สิ่งที่คุณได้อ่าน โดยเฉพาะฉลากที่ติดอยู่ข้างๆ ขวดเครื่องดื่ม เพราะยังมีอีกหลายๆ โรงงานที่ขาดการควบคุมที่เคร่งครัดอยู่ ทางที่ดี ก่อนซื้อควรดูองค์ประกอบหลายๆ อย่างรวมกัน แล้วจึงค่อยตัดสินใจ

6.กินน้อยๆ
คนส่วนมากมักจะกลัวไม่กล้ากินเยอะจนบางครั้งพลังงานที่รับเข้าไปไม่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการสําหรับทํากิจกรรมนั้นๆ อย่าลืมสิคะว่า กินน่ะกินได้ แต่ก็อย่าให้มากจนเกินไปนัก เพราะร่างกายจะเผาผลาญไม่ทัน เกิดเป็นไขมันสะสม แล้วต้องมานั่งกลุ้มไดเอ็ทกันใหม่ จะยุ่งเอานะ

7.ออกกําลังกายเท่านั้นคือหนทางการลดอ้วน
ถึงแม้ว่าคุณจะออกกําลังกายบ่อยแค่ไหนก็ตาม แต่หากขาดการวางแผนการกินที่ดีต่อสุขภาพแล้ว การออกกําลังกายที่ทําไปก็ถือว่าสูญเปล่าได้นะ

8.ไม่ควรกินน้ำมากๆ ขณะออกกําลังกาย
ผิดค่ะ การเสียน้ำมากๆ ไม่ดีต่อร่างกายเลยนะคะ โดยเฉพาะเวลาที่กําลังอยู่ในที่ร้อนๆ ฉะนั้น ระหว่างและหลังออกกําลังกายก็อย่าลืมดื่มน้ำเข้าไปให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายด้วยละ

9.ไดเอ็ทแบบอดๆ
แน่นอนค่ะว่าการลดน้ำหนักแบบนี้จะเห็นผลเร็วและง่ายต่อการปฏิบัติด้วย แต่มันก็ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องนัก คุณควรหันกลับมาใช้วิธีแบบเดิมๆ คือควบคุมอาหารและออกกําลังกายควบคู่ไปด้วยจะดีกว่าค่ะ

10.กินโปรตีนเยอะๆ แป้งน้อยๆ
หลายๆ คน อาจจะกําลังฮิตกับการไดเอ็ทประเภทนี้มาก คือ ไม่กินพวกข้าวหรือขนมปังเลย อย่าลืมสิคะว่า คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนก็มีความสําคัญต่อการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อนะ เอ้า...ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว ทิ้งมันได้ลงก็ให้มันรู้ไป

ข้อมูลจาก horapa.com




 

Create Date : 25 เมษายน 2551   
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 18:10:20 น.   
Counter : 1022 Pageviews.  
space
space
ประโยชน์ของขิง


ขิง GINGER ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Rosc. วงศ์ ZINGIBERACEAE
ชื่ออื่น ขิงแกลง ขิงแดง(จันทบุรี) ขิง (เชียงใหม่) สะเอ ( กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน )

ขิงมีรสเผ็ดตามความแก่อ่อนของอายุขิง ขิงอ่อนมีรสเผ็ดน้อย ขิงแก่จะมีรสเผ็ดมากขึ้นตามลำดับ

สรรพคุณ ช่วยดับกลิ่นคาวในอาหาร ใช้ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน เพราะในเหง้าขิงแก่ มีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งประกอบด้วย GINGEROL และ SHOGAOL แก้อาการท้องอืดเฟ้อ ขับลม ลดอาการไอ และระคายคอ จากการมีเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับเหงื่อ ขับน้ำนม แก้อาการเมารถเมาเรือ แก้บิด บำรุงธาตุ ช่วยในด้านการไหลเวียนของโลหิต ช่วยลดความดัน ช่วยลดคลอเลสเตอ รอล ช่วยลดการอักเสบ ช่วยแก้ปวด ผู้ป่วยหลังผ่าตัดที่มักมีอาการเมายาสลบให้จิบน้ำขิงเข้มข้นสักครึ่งช้อนชา จะช่วยแก้อาการเมายาได้:

จีนเป็นชนชาติเก่าแก่ ที่มีการใช้ประโยชน์ จากขิงมายาวนาน แพทย์จีนโบราณ จัดขิงเป็นพืชรส เผ็ดอุ่น มีฤทธิ์แก้หวัดเย็น ขับเหงื่อ บำรุงกระเพาะ แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ลดคลอเลสเตอรอล ที่สะสมในตับและเส้นเลือด ชาวบ้านทั่วไปจะรู้ดีว่า ถ้าต้มขิงกับน้ำตาลอ้อย จะช่วยแก้หวัด ถ้าใช้ขิงสดปิดที่ขมับทั้งสองข้าง จะช่วยแก้ปวดหัว และถ้าเอาขิงสอดไว้ใต้ลิ้น จะช่วยแก้อาการกระวนกระวาย แก้คลื่นไส้อาเจียนได้ดี

แพทย์จีนโบราณจะใช้ประโยชน์จากขิงสดและขิงแห้ง ในแง่มุมที่ต่างกัน
ขิงแห้ง ในภาวะที่ขาดหยาง ภาวะขาดหยาง คือ ภาวะที่ร่างกายอาการเย็น หนาวง่ายทนต่อความเย็นได้น้อย การย่อยอาหารไม่ดี เป็นต้น ทั้งยังมีการใช้ขิงแก่ ในคนไข้ปวดข้อรูมาติกส์ม

ขิงสดจะใช้กำจัดพิษที่เกิดจากการติดเชื้อภายในร่างกาย โดยการขับพิษออกมาทางเหงื่อ ขิงสดช่วยทำให้ร่างกาย ปรับสภาพในภาวะที่ร่างกาย มีอาการเย็นได้เช่นเดียวกับขิงแห้ง

ลดการคลื่นไส้อาเจียน โดยใช้ขิงสด 30 กรัม ( 3 ขีด) สับให้ระเอียดต้มทานน้ำในขณะท้องว่าง
ช่วยขับเสมหะ โดยใช้ขิงสดคั้นเอาแต่น้ำ ประมาณครึ่งถ้วยผสมน้ำผึ้ง 30 กรัม ( 6 ช้อน) อุ่นให้ร้อนก่อนรับประทาน
แก้หวัดหน้าหนาว โดยการใช้ขิงสดทุบหรือขูดให้เป็นฝอย หรือขิงแห้งก็ได้ ใส่ในกะละมังน้ำอุ่น เติมน้ำผึ้งลงไปด้วยเล็กน้อย แช่เท้า กลิ่นของขิงที่หอมกลุ่นจะกระตุ้นให้จมูกโล่ง ศรีษะโล่ง ร่างกายสามารถต่อสู้กับหวัดได้ และผิวหนังที่แช่เท้าอยู่ก็จะรู้สึกนิ่มนวลขึ้น ไม่แห้งกร้าน
แก้อาการปวดข้อ ปวดศรีษะ ด้วยการใช้น้ำขิงอุ่นๆ จุ่มผ้า แล้วนำมาประคบตามข้อที่ปวดหรือศรีษะ อาการจะทุเลาลง
ด้านความงาม ใช้ถูหนังศรีษะเพื่อกันผมร่วง นอกจากนี้ยังคั้นเอาแต่น้ำผสมน้ำมันมะกอก หมักผม แล้วนวดให้ทั่วศรีษะ เอาหมวกพลาสติกคลุมไว้ แล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นทั้งผืนในอุณหภูมิที่อุ่นจัด บิดให้หมาด แล้วคลุมศรีษะไว้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง แล้วจึงล้างออก จะทำให้ผมสวย นิ่ม และแข็งแรง ไม่ขาดง่าย

++ ในญี่ปุ่นพบว่าขิงมีฤทธิ์บำรุงหัวใจ ลดความดันโลหิต ลดคลอเลสเตอรอล ในด้านความงาม ใช้ขิงสดขูดเป็นฝอย แล้วใช้นวดละเลงลงบนต้นขา ก้น หรือส่วนที่เป็นไขมันผิวส้ม หรือมีเซลล์ลูไลท์ ขิงจะช่วยทำให้ผิวส้มนั้นกระจายตัว ไม่เกิดให้เกิดผิวขุรขระ เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเรียบเนียนขึ้น

++ ในอินเดียใช้ขิงในการทาถูนวด เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ใช้ลดการอักเสบของตับ แก้ปวด ลดอาการบวมน้ำ ใช้เป็นยากระตุ้นการอยากอาหาร เป็นยาช่วยย่อย ช่วยขับลมในลำไส้ นอกจากนี้ยังช่วยทำความสะอาดปากและคอ ช่วยระงับการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยกระตุ้นกำหนัด ใช้ขิงผงแห้งละลายน้ำอุ่น ทาที่หน้าผากรักษาอาการปวดหัว

++ กรีกจะใช้ขิงช่วยย่อยอาหาร และช่วยแก้พิษ ใช้ขิงในการรักษาอัมพาต โรคปวดปลายประสาท และโรคเก๊าท์ ชาวอาหรับโบราณใช้ในการกระตุ้นความกำหนัด ส่วนคนยุโรบใช้ขิงในการช่วยย่อย ช่วยรักษาอาการท้องอืดจากการดื่มเหล้า ช่วยขับลม ทั้งยังใช้ในการรักษาโรคเก๊าท์ และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต

++ นักสมุนไพรรุ่นใหม่ของตะวันตกใช้ขิงในการช่วยย่อยอาหาร ช่วยในการไหลเวียนของโลหิต และลดการคลื่นไส้อาเจียน จากการเคลื่อนไหวที่ไม่สมดุล (motion sickness) รวมทั้งให้ใช้ลดการคลื่นไส้อาเจียนจากการแพ้ท้อง แต่คนท้องไม่ควรรับประทานเป็นประจำ:

นายแพทย์โบน อังกฤษ ใช้รักษาอาการปวดศีรษะทั้งชนิดสองข้าง และข้างเดียว (ไมเกรน) ผู้ที่มีอาการปวดศีรษะบ่อยๆ แนะนำให้ดื่มน้ำขิงเข้มข้นเป็นประจำ หรือไม่ก็รับประทานขิงสดบ่อยๆ เชื่อว่าสารเคมีที่อยู่ในขิงจะสามารถปรับระดับสารกึ่งฮอร์โมนที่เรียกกันว่าสารไอโคซานอยด์ (eicosanoid) ทำให้อาการปวดศีรษะบรรเทาลง

นายแพทย์กฤษณะ ศรีวัสทวา เดนมาร์ก แก้อาการแน่นหน้าอก รักษาอาการท้องร่วง โดยเฉพาะช่วงที่มีโรคอหิวาห์ระบาด ใช้รักษาหวัด ไอน้ำมันหอมระเหยจากน้ำขิงจะช่วยทำลายไวรัสหวัดในทางเดินหายใจ ลดอาการเจ็บข้อ โดยเฉพาะในคนที่เป็นโรครูมาติซึ่ม ให้ผู้ป่วยหมั่นรับประทานขิงสด ลองเพิ่มขิงเข้าไปในอาหารทุกมื้อ อาการปวดข้อจะทุเลาลง ช่วยป้องกันโรคหัวใจและรักษาโรคกระเพาะ การรับประทานขิงปริมาณมากๆ จะทำให้เลือดแข็งตัวเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง เชื่อว่า สารจินเจอรอลจะแสดงฤทธิ์ต้านการเกิดลิ่มเลือดได้เช่นเดียวกับแอสไพริน (ไม่มีผลต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหารอีกด้วย)

น้ำขิงพาสเจอร์ไรท์
ขิงที่นำมาทำน้ำขิงพาสเจอร์ไรส์เป็นขิงอ่อนรสเผ็ดน้อย ไม่ต้องปอกเปลือกจะทำให้น้ำหอมดีขึ้น
นำขิงอ่อนมาล้างน้ำให้สะอาด ไม่ต้องปอกเปลือกแล้วนำมาทุบให้แตก นำไปแช่น้ำซึ่งผสม *กรดซิตริก (กรดมะนาว) เพื่อไม่ให้ยางขิงออกมา ทำให้น้ำขิงดำ นำไปต้มในน้ำร้อน ที่เดือดพล่าน ในอัตราส่วน น้ำ ๘ ลิตร/ขิง ๑ ก.ก ต้มอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง นำมาผสมกับน้ำเชื่อม นำมาพาสเจอร์ไรส์ และบรรจุขวด เก็บเข้าห้องเย็น

*กรดซิตริก หมายถึง กรดผลไม้ ซึ่งมีอยู่ในผลไม้ เช่น ส้ม มะนาว ในการทำน้ำผลไม้ มักนิยมใช้ กรดซิตริกผสมแทนน้ำตาลทราย เพราะ กรดซิตริกจะทำให้ได้รส กลิ่น ในความเป็นธรรมชาติมากกว่า แทนที่จะเป็นรส กลิ่นที่ออกเป็นน้ำเชื่อมหรือน้ำหวาน

ข้อมูลจาก horapa.com

ภาพจากอินเตอร์เนต




 

Create Date : 24 เมษายน 2551   
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 18:09:51 น.   
Counter : 1945 Pageviews.  
space
space
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

tanas251235
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]






space
space
[Add tanas251235's blog to your web]
space
space
space
space
space