[MiniReview] The Divergent Series : Insurgent

The Divergent Series : Insurgent หนังเอคชั่นภาคต่อจากนวนิยายไซไฟขายดีสู่การเป้นภาพยนตร์ที่วัยรุ่นทั่วโลกรอคอย เรื่องราวต่อจากภาคที่แล้ว หลังจากที่ทริส, โฟร์และพวก ได้เดินทางหนีออกมา พักอยู่ที่กลุ่มผู้รักสันติ ในขณะเดียวกัน เจนีนได้พบกับกล่องปริศนาที่มีแต่พวกไดเวอร์เจนท์เท่านั้นที่เปิดได้ เจนีนและกลุ่มผู้ทรงปัญญาจึงตามล่าพวกไดเวอร์เจ้นท์อีกครั้ง ทริสและพวกจึกต้องหนีจากการไล่ล่าอีกครั้ง....

ถือว่าภาคต่อที่สานความมันได้อย่างถึงพริกถึงขิงมาก เห็นได้ชัดว่าในภาคที่ 2 ได้แก้ไขปัญหาและข้อเสียจากภาคแรกไปหลายข้อเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น เรื่องของ CG ที่พัฒนามากจนดูสมจริงเว่อร์ๆ รวมถึงทัพนักแสดงมากฝีมือมากๆที่เข้ามารวมแสดงในภาคนี้พร้อมกับทัพนักแสดงชุดเดิมสะกดเราไว้ได้อยู่หมัด เรื่องราวที่ดูเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยสถานการณ์ที่ดูจะเครียดมากขึ้น แต่ในอีกมุมหนึ่งต้าเองก็รู้สึกว่ายังไม่สุดเท่าไหร่ คือ ในหลายๆฉากต้าคิดว่าน่าจะทิ้งช่วงเวลาเอาไว้ให้น่าตื่นเต้นได้อีกสักนิด แต่หลายๆส่วนโดนรวบให้สั้นไปหน่อย แต่ๆๆๆ! ถ้าถามว่าสนุกไหม ต้าว่าก็สนุกใช้ได้อยู่นะครับ ไม่แย่เลยครับ แค่บางฉากโดนรวบไปหน่อย พอเข้าใจว่าในหนังสืออาจจะมีรายละเอียดที่เยอะกว่านี้ แต่พอมาเป็นหนังที่จำกัดว่าจะต้องจบใน 2 ชั่วโมงก็ต้องตัดทอนกันหน่อย แอบถามเพื่อนที่อ่านหนังสือเหมือนกันครับว่าตัดไปเยอะไหม เพื่อนต้าบอกว่าไม่มากเท่าไหร่ ถือว่าดีครับที่ตัดไปแต่แฟนๆหนังยังได้อรรถรสอยู่นะครับ

แต่คนที่คงต้องจับตามองนอกจากนักแสดงนำอย่าง เชย์ลีน วู๊ดลี่ย์ และ ธีโอ เจมส์แล้ว อีกหนึ่งคนที่น่าสนใจมากคือ ไมล์ เทย์เลอร์ ผู้รับบทเป็น ปีเตอร์ ที่อยากจะโดดเข้าไปเตะก้นจริงๆ หากเรามองกลับไปดูผลงานก่อนๆ บอกเลยว่าหนุ่มคนนี้คงไม่ธรรมดาแน่นอน และล่าสุดพ่อหนุ่มคนนี้ก็เตรียมกระโดดมารับบทในขบวนการยอดมนุษย์อย่าง Fantastic 4 ในเวอร์ชั่นรีเมคด้วย ถือเป็นอีกนึงดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากๆเลยทีเดียว แต่แปลกนะ เล่นกี่เรื่องๆ ก็อยากโดดเข้าไปเตะทุกเรื่องเลย ฮ่าๆๆๆ(ก็หมั่นไส้อะ)

---

ธรรมชาติของมนุษย์เรา(เชื่อว่าหลายๆคนก็น่าจะพอทราบกันอยู่แล้ว)ว่ามนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม แต่ในความเป็นสังคมนั้น มนุษย์เราเองก็ชอบที่จะอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นสังคมกันด้วย ซึ่งในหลายๆครั้งเรามักจะเห็นความแตกต่างของแต่ละกลุ่ม ซึ่งแน่นอนครับ ในกลุ่มคนแต่ละกลุ่ม ย่อมมีความแตกต่างเพราะคนในกลุ่มที่อาจจะมีลักษณะโดดเด่นที่ไม่เหมือนกัน แต่ว่า....หลายๆครั้งมนุษย์เรานั้นกลับใช้ข้อแตกต่างที่ถือเป็นลักษณะพิเศษเหล่านี้นในการแบ่งชนชั้น กดขี่ ข่มแหง อีกมุมหนึ่ง คนอีกกลุ่มกลับมองความแตกต่างต่างตรงนี้เป็นความน่ากลัวและเรื่องอันตรายไปซะอย่างนั้น เพียงแค่กลัวว่าเขาจะใช้สิ่งที่แตกต่างเหล่านั้นกลับมาทำร้ายตัวเรา ซึ่งจริงๆแล้ว สิ่งที่เราต่างลืมนึกไปอย่างหนึ่ง ก็คือ เราต่างก็เป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งนั้น เป็นสัตว์โลกประเภทหนึ่งที่เกิดมาและตายไปเช่นกัน ถึงแม้จะรวยจะุจน ตำแหน่งใหญ่โตและต่ำต้อยเพียงไหน พวกเราทุกคนก็ไม่ได้ต่างกันเลย ยังไงต้องป่วยและจากโลกนี้ไปเช่นกัน รู้แบบนี้แล้ว วันนี้ก็อย่าลืมยิ้มแบ่งปันให้กับใครๆที่เข้ามาในชีวิตเรากันนะครับ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ร้ายกาจ หรือ ดีงามขนาดไหน ขอให้รู้ไว้ว่ายังไงเราก็เป็น “คน” เหมือนกันนะครับ

---

ขอขอบคุณเว็บไซต์ www.nungdee.com สำหรับบัตรชมภาพยนตร์ด้วยนะครับ

Create Date : 20 มีนาคม 2558 Last Update : 20 มีนาคม 2558 20:24:27 น. Counter : 858 Pageviews.		0 comment
Share Tweet

[MiniReview] Cinderella

Cinderella ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิทานสุดอมตะจาก Walt Disney ในรูปแบบเวอร์ชั่นคนแสดง นำเสนอเรื่องราวของเอลล่า หญิงสาวผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ เปี่ยมด้วยเมตตาและความกล้าหาญ แต่ต้องเคราะห์ร้ายสูญเสียทั้งแม่และพ่อไป ทิ้งเธอไว้ให้อยู่กับแม่เลี้ยงและพี่สาวใจร้ายทั้ง 2 แม้จต้องพบเจอกับเรื่องราวร้ายกาจแค่ไหนแต่ด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธากลับไม่ค่อยลดน้อยลง จนนำมาซึ่งเรื่องราวปาฏิหารย์ที่ทุกคนทั่วโลกกล่าวขวัญถึง...

ต้องบอกเลยครับว่าเป็นภาพยนตร์จากซีรีย์ Disney Princess เรื่องแรกที่นำเสนอเรื่องราวของเจ้าหญิง (จริงๆจะมี Maleficent ด้วยนะครับ ที่มาจาก Disney Princess แต่เรื่องนั้นจะเน้นหนักไปที่มาเลฟิเซนต์มากกว่าครับ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้จึงถือเป็นเรื่องแรกที่นำเสนอเรื่องราวของเจ้าหญิงแบบเต็มๆ) ซึ่งตัวต้าเองก็รอคอยมากๆเลยทีเดียว สำหรับข่าวการมารับบทแม่เลี้ยงใจร้ายของ เคท แบลงแชตต์ และ เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ ที่รับบทเป็นนางฟ้าแม่ทูลหัว แค่ 2 นักแสดงมาแค่นี้ก็ตื่นเต้นจะดูแล้วล่ะครับงานนี้! แถมพิเศากว่าเพราะเราได้เข้าฉายก่อนอเมริกาด้วยล่ะครับ!!!

หลังจากดูจบเรียบร้อยต้องบอกเลยครับว่ามันฟินมากกกกกกกก สนุกมากแบบขั้นสุดเลยทีเดียว ทั้งงาน Production เสื้อผ้าหน้าผม การแสดง งานออกแบบต่างๆ เรียกว่าแทบจะโดดออกมาจากเวอร์ชั่นการ์ตูนเลยทีเดียว ด้านการแสดงขอสารภาพตามตรงเลยครับว่าแอบเลิกคิ้วสูงเล็กน้อยตอนที่มีการประกาศออกมาว่าคนที่จะมาแสดงเป็นซินเดอเรลล่า คือ ลิลลี่ เจมส์ และเจ้าชายจะรับบทโดย ริชาร์ด แมดเดน (จาก Game of Thrones) คือตอนนั้นนึกในใจเลยครับว่า เฮ้ย ขอหล่อสวยกว่านี้ได้มะ? ฮ่าๆๆๆ ไม่ได้เอนตี้นะครับ แค่คิดว่าเฮ้ย ตอนเราดูการ์ตูนนี่ นางซินเราเฉิดฉายมากนะ เจ้าชายก็หล่อวัวตายเลย พอเห็นข่าวก็เลยแอบ...นะ แต่พอได้ดูแล้ว โอ้โห.....จิ้นยาวแล้วล่ะงานนี้ ขอคารวะ 3 ทีเลย สำหรับลิลลี่ คือ สวยสมกับการเป็นนางซินมาก ส่วนริชาร์ด เป็นผู้ชายที่มีตาสีฟ้าสุกใส(ราวกับแทบโฟโต้ช้อปเลย) หล่อไม่หล่อสาวๆระมวยกันหมดล่ะ 

สิ่งที่ต้องขอชมนอกจากงานโปรดักชั่นและแคสนักแสดง คือ การเล่าเรื่องและฝีไม้ลายมือของนักแสดงนี่แหละครับ ที่ต้าคิดว่ามันเจ๋งมากๆ ทั้งการเล่าเรื่องที่ใส่รายละเอียดต่างๆของอารมณ์ตัวละครต่างๆ บวกกับการแสดงของนักแสดงที่เรียกว่าได้ตัวดีมาทั้งนั้น ส่งผลในนิทานที่เราเคยดูมาตั้งแต่เด็กกว่า 60 ปี ดูมีมิติ น่าสนใจ น่าติดตาม และน่าหลงใหลได้อย่างมากมาย ตัวแม่และตัวขโมยซีนคงต้องยกให้ 2 แม่ของเรานั้นแหละครับ ทั้งแม่เลี้ยงอย่างเคท แบลงแชตต์ ที่ออกมาเมื่อไหร่กินขาดทุกที(เล่นได้แบบ...หืม! เกลียดนาง ทำน้องซินของผมทำไม) ส่วนเฮเลน่าก็ออกมาขโมยซีนเรียกรอยยิ้มได้ แม้จะแค่สั้นๆ แต่ก็ได้ใจคนดูอยู่โขเลย แต่....ส่วนตัวลึกๆต้าก็ยังจำภาพนางเป็นเบลาทริกซ์ จาก แฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่ดีอะ (กลัวมาก ภาพนางชัดไป -*-)

อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนดูจะรอคอยมาก(ดูกระแสแล้วพอๆกับรอดูนางซินเลย) ก็คือ เอนิเมชั่นขนาดสั้นที่จะฉายก่อนเปิดเรื่องนั้นเอง ซึ่งในครั้งนี้จะฉายเรื่อง Frozen Fever กับเรื่องราวสนุกชวนหัวของ 2 พี่น้องจากเมืองอาเรนเดลล์ อย่าง เอลซ่า และ อันนา ซึ่งงานนี้เป็นวันเกิดของน้องสาว จอมแสบ เอลซ่า คริสตอฟฟ์ โอลาฟ และสเฟน จึงร่วมมือกันจัดงานวันเกิดสุดหรรษขึ้นมา บอกเลยว่าสนุกสนานหรรษ รักษาความน่ารักได้ ขนาดมาแค่ 7 นาทียังได้ใจไปขนาดนี้ รอดูภาค 2 ไม่ไหวแล้วล่ะครับ

---

ต้าเชื่อว่าเราทุกคนถูกสอนมาเสมอว่า ขอให้เราเข้มแข็ง เป็นคนดี และมีเมตตา ซึ่งตั้งแต่เด็กๆ เราก็จะเห็นทั้งหนังทั้งการ์ตูนเราต่างก็เห็นจุดจบของเหล่าตัวร้ายที่ต้องพบกับความพ่ายแพ้ แต่ในชีวิตจริง...มันก็มีหลายๆครั้งที่เรากลับตั้งคำถามว่า “ทำไมไม่เห็นเป็นเหมือนอย่างในการ์ตูนเลย?” “ทำไมคนนั้นแกล้งฉันแต่ก็ยังมีเพื่อนเยอะอยู่ได้” “ทำไมเธอใจร้ายอย่างนั้นแต่ก็ยังมีคนนับถือ?” ทำไมๆๆๆ... แน่นอนครับ เมื่อเราทุกคนโตขึ้นมา เราจะสามารถรับรู้ได้ด้วยสัญญาณอย่างหนึ่งว่า โลกของเราโหดร้ายกว่านั้นเยอะ! อันตรายรอบด้านที่พร้อมทำร้ายเราทั้งร่างกายและจิตใจ คำถามต่อมาจึงเกิดขึ้น “แล้วเราจะอยู่ได้ยังไงกันละ?” เคล็ดลับการอยู่บนโลกในโลกใบนี้หาใช่ร่างกายที่เข้มแข็ง แต่เกิดจากจิตใจมั่นคง ที่เต็มไปด้วยศรัทธาและความกล้า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ คนที่ต้องพบกับความล้มเหลวแต่ก็สามารถกลับมามีชีวิตและลุกขึ้นอย่างได้อย่างเข้มแข็งอีกครั้ง สาเหตุที่พวกเขาเหล่านั้นทำได้เพราะความศรัทธาของพวกเขาไม่เคยจางหายไปจากใจและเชื่อมั่นอยู่ในความดี เพราะฉะนั้นวันนี้ ที่พวกเราใช้ชีวิตกันอยู่ทุกวัน วันนี้ มีอะไรบ้างที่ทำให้เราไขว่เขว้ไป...

---

ขอขอบคุณบัตรชมภาพยนตร์จาก Walt Disney Studio Motion Pictures ประเทศไทย

และใครอยากชม ก็สามารถไปชมกันได้ทุกโรงภาพยนตร์ เข้าฉายแล้วครับ ^_^

www.apotastyle.in.th

edit @ 12 Mar 2015 22:20:13 by ApotaStyle

Create Date : 20 มีนาคม 2558 Last Update : 20 มีนาคม 2558 18:51:51 น. Counter : 1743 Pageviews.		0 comment
Share Tweet

[MiniReview] Big Hero 6 ขบวนการฮีโร่หัวใจโต๊โต พร้อมภาพงาน Gala Premiere

ฺBig Hero 6 เอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจาก Walt Disney จากผลงานผู้สร้าง Wreck-It Ralph และ Frozen กับเรื่องราวของขบวนการฮีโร่หัวใจโตที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Super Hero ของ Marvel เล่าเรื่องของ 2 พี่น้อง ฮิโระ ทามาดะ เด็กหนุ่มสุดปราดเปรื่องเรื่องหุ่นยนต์และเทคโนโลยี ที่มีพี่ชายสุดอัจฉริยะอย่าง ทาดาชิ ทามาดะ และเป็นคนประดิษฐ์หุ่นยนต์พยาบาลนุ่มนิ่มน่ากอดที่มีชือว่า เบย์แม็กซ์ นั้นทำให้ฮิโระเกิดแรงบันดาลใจที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยอย่างพี่ของเขา แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อเกิดเพลิงไหม้ที่งานนิทรรศการณ์วิทยาศาสตร์ทำให้ทาดาชิต้องเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา ฮิโระใช้ชีวิตอยู่อย่างซังกะตาย โดยมีแก็งค์เพื่อนของทาดาชิดอย่าง วาวาบิ ฮันนี่เลม่อน โกโก้ และเฟรด คอยให้กำลังใจ แต่นั้นไม่พอที่จะชดเชยความสูญเสียของเขา จนกระทั่งฮิโระบังเอิญเปิดการทำงานให้เบย์แม็กซ์ขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจในวันหนึ่ง นั้นคือจุดเริ่มต้นที่นำพาเขาไปสู่การผจญภัยสุดยิ่งใหญ่…..

สำหรับ Big Hero 6 จริงๆแล้วต้าเคยเห็นผ่านๆตามาตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ แต่ตอนนั้นจำเรื่องราวในการ์ตูนไม่ค่อยได้เท่าไหร่ว่าเรื่องราวในคอมมิคนั้น เป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นเลยไม่เกิดความคาดหวังใดๆทั้งสิ้น แต่ถ้าถามว่าอยากดูไหม? บอกเลยครับว่า….โคตรอยากดูเลย! เพราะว่าเห็นตั้งแต่ตัวอย่างแล้ว ชอบตัวเบย์แม็กซ์มากกกกกกกกก คือ ไม่รู้อะ น่ารักมาก บอกไม่ถูกเลยยิ่งชอบยิ่งอยากดูเลยครับ

และก็ถึงวันที่รอคอย ในที่สุดก็ได้ดูแล้ว ฮ่าๆๆๆ หลังจากที่ต้าได้รู้สึกประทับใจมากๆครับ ทั้งการเดินเรื่องราวต่างๆที่ไม่ดูเด็กมากจนผู้ใหญ่เซ็ง แต่ก็ไม่โตเกินจนเด็กไม่เก็ท ดูแล้วเป็นเรื่องราวที่สัมผัสได้ทุกคน สนุกมัน แอคชั่นจริงจัง แถมยังแอบมีภาพซึ้งๆด้วย ประเด็นการเล่าเรื่องก็อาจจะดูเป็นสูตรสำเร็จไม่แปลกใหม่มากนัก แต่ก็ยังดูต่อยอดเรื่องราวให้คนดูสัมผัสอารมณ์ได้มากกว่าเรื่องอื่น ส่วนงานภาพของ Big Hero 6 ก็สวยงามทีเดียว เพราะได้ทีมจากทั้ง Wreck-It Ralph และ Frozen มา การันตีได้แน่นอนอยู่แล้วล่ะครับ แถมทีมพากย์ก็ไม่ธรรมดา เพราะมีดาเนียว เฮนนี นักแสดงหนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน-เกาหลี ออปป้าจากซีรีส์เกาหลีมาให้เสียงพากย์เป็นทาดาชิด้วย งานนี้สาวๆละลายแน่นอน หล่อทั้งตัวการ์ตูน หล่อทั้งคนพากย์ ฮ่าๆๆๆ

ต้าเคยทวีตไปเกี่ยวกับ Big Hero 6 ว่าถ้าให้เปรียบเทียบ Big Hero 6 เหมือนเด็กน้อยคนนึง เด็กน้อยคนนี้คงต้องโชคดีมากๆที่ได้รับยีนส์เด่นจากพ่อกับแม่มาแบบเต็มๆเลย ได้การเล่าเรื่องและความแข็งแรงจาก Marvel ผสานกับความน่ารักและความละมุนละไมของ Disney ด้วย ทำให้เอนิเมชั่นเรื่องนี้ยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก  ส่วนการ์ตูมหมาน้อยเรื่อง Feast ก็น่ารักมากๆ

คำว่า “ฮีโร่” อาจถูกตีความในความหมายหลากหลายรูปแบบ บางคนอาจยกให้คนที่มีพละกำลังเป็นฮีโร่ บางคนก็ยกให้คนที่ทำอะไรแปลกแยกให้เป็นฮีโร่ที่อยากทำตาม หรือบางคนก็ยกให้เป็นฮีโร่เพราะความดีที่เขาทำ สิ่งที่เราทำบางครั้งแม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียวอาจพลิกให้ชีวิตธรรมดาของเรากลายเป็นฮีโร่ได้เช่นกัน แม้มันไม่ยิ่งใหญ่มากขนาดกู้โลก แต่มันก็สามารถดึงชีวิตของใครบางคน(หรือตัวเราเอง)ให้ดีขึ้นได้ เพราะฉะนั้นการเป็นฮีโร่ต้าเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถที่จะเป็นได้เหมือนกัน อยู่ที่ตัวเรานั้นแหละครับที่จะสามารถยึดมั่นในสิ่งที่เราทำได้มากขนาดไหน ถึงความดีที่เราทำอาจจะไม่ทำให้โลกต้องยกย่องเรา แต่อย่างน้อยคนที่อยู่ข้างกายเราอย่างครอบครัวคงมีความสุขไม่น้อยเลย…จริงไหมครับ ^_^

ทิ้งท้ายด้วยภาพบรรยากาศงานเปิดตัวของ Big Hero 6 ที่เพิ่งจัดกันไปเมื่อวันพุธที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมาครับ จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน ลองไปชมภาพกันดีกว่าครับ

ภายในงานมีอาหารจากแบรนด์ CRG มาให้บริการกันด้วย โอ้ววววววว อิ่มมาก งานนี้เลยจัดโยชิโนย่ามากินกันครับ อิ่มเลย อิอิ

งานนี้ได้ทีม Big Hero 6 เมืองไทยอย่าง ตั้ม โดม แก้ม ดิว ตูมตาม จากเวทีเดอะสตาร์ และ มาเรียมจาก B5 มาโชว์พลังเสียงในงานนี้ด้วย 6 เพลงเต็มๆเหมือนนั่งดูคอนเสิร์ตเลยล่ะ!

ขอขอบคุณบัตรชมภาพยนต์จาก DisneyFilmFan ด้วยนะครับ ใครที่เป็นแฟนหนัง Disney และ Marvel ห้ามพลาดเพจนี้เลยครับ!!!

Create Date : 01 ธันวาคม 2557 Last Update : 1 ธันวาคม 2557 12:22:58 น. Counter : 1021 Pageviews.		0 comment
Share Tweet

[MiniReview] The Hundred-Foot Journey

The Hundred-Foot Journey ภาพยนต์ที่เปรียบเหมือนอาหารฟิวชั่นระหว่างอาหารอินเดียและฝรั่งเศส ผลงานสุดอิ่มเอม Feel Good ส่งท้ายปีโดยผลงานที่ได้ สตีเว่น สปีลเบิร์ก และโอปราห์ วินฟรีย์ เป็นผู้อำนวยการสร้าง เรื่องราวของฮัสซัน คาดัม พ่อครัวหนุ่มจากอินเดียผู้มีพรสวรรค์ในการทำอาหารเลิศรส ถูกโชคชะตาเล่นตลกทำให้เขาและครอบครัวต้องเดินทางเข้ามาที่ประเทศฝรั่งเศสเพื่อลงหลักปักฐาน โดยเริ่มต้นด้วยร้านอาหาร “Maison Mumbai” แต่แน่นอน ทุกธุรกิจย่อมต้องมีการแข่งขัน เมื่อเจ้ามาดามมัลลอรี เจ้าของร้าน “เลอ ซอล เพลอร์เรอร์” ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกเขาได้แสดงตัวเป็นอริอย่างชัดเจน จึงกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างสองร้าน นำมาซึ่งความรักสุดประทับใจและเมนูหลากหลายที่อาจทำให้คุณหิวได้อย่างแน่นอน…

เป็นหนัง Feel Good ส่งท้ายปี ที่ทำให้เราอิ่มเอมใจแต่ท้องหิวแบบร้องดังมากกกกกก อีก 1 เรื่อง การเล่าเรื่องที่อาจจะดูเรียบง่าย แต่ได้ใจแบบเต็มๆ ถ่ายทอดออกมาได้แบบมีส่วนผสมที่ลงตัวกลมกล่อม ไม่ได้รักหวานจ๋อยหรือดราม่าหนักๆ ฝีมือการถ่ายทอดของนักแสดงนี่ก็เรียกว่าใช่ย่อยนะครับ ได้เฮเลน มิเลน นักแสดงตัวแม่ของวงการ แถมมีรางวัลการันตีด้วย บอกเลยว่าเด็กมาก อินมาก ใครที่ได้ดู คงต้องยอมคารวะให้นางหลังจากที่ดูจบอย่างแน่นอน ด้านนักแสดงรุ่นเล็กรองลงมาอย่างมานีช ดาลยานนักแสดงหนุ่มจากอินเดีย ก็ได้ใจสาวน้อยสาวใหญ่กันไปแบบเต็มๆ คงแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวแล้วล่ะ

อีกสิ่งหนึ่งที่คุณป้าโอปราห์และลุงสตีเว่นใส่เข้ามาในตัวหนัง คือ เรื่องวัฒนธรรม จะเห็นได้ว่าตัวหนังนั้นค่อนข้างที่จะแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและแบบอย่างการใช้ชีวิตของคนใน 2 ชาตินี้ แม้จะไม่เคยได้เรียน หรือมีความรู้เฉพาะ ก็สามารถเข้าใจและดูได้ไม่ยากแย็นนัก ซึ่งถือเป็นข้อดีที่สามารถนำเสนอวัฒนธรรมของ 2 ชาติซึ่งเป็นต้นกำเนิดของ 2 วัฒนธรรมอาหารได้อย่างลงตัว โดยที่ไม่ทำให้คนดูรู้สึกเลยว่า อาหารสัญชาติไหนดีกว่า ตรงข้ามเรากับมองว่ามันกลับเข้ากันได้ดี เหมือนเป็นอาหารฟิวชั่น 2 สัญชาติ อยู่ในจานเดียวกันเลยทีเดียว

คำว่า “ครอบครัว” และ “ความสำเร็จ” มักจะถูกยกขึ้นมาให้เป็นตัวเลือกอยู่เสมอๆ ซึ่งจริงๆแล้ว ทั้งสองคำนี้ใครๆก็คิดว่ามันน่าจะอยู่ในฝั่งเดียวกัน ไม่น่าจะเป็นเส้นขนาน แต่จริงๆแล้ว ใครที่ก้าวผ่านมาถึงจุดนี้ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องมีโมเม้นต์ที่เราต้องเลือกอย่างแน่นอน ยกตัวอย่างง่ายๆ(เอาแบบใกล้ตัวที่สุดเลย)ก็คือ การเรียนนั้นเอง มีหลายๆคนที่เดินทางจากต่างจังหวัด จากครอบครัว เพื่อเข้ามาเรียนหรือทำงาน ตามความฝันและตั้งใจของตัวเอง แม้จะบอกว่าใช้เวลาเพียงไม่นาน แต่นั้นก็หมายความว่าเราต้องจากครอบครัวไปสักพักอยู่ดี ต้ารู้คครับว่า เมื่อใดก็ตามที่ 2 ตัวเลือกนี้ได้ปรากฏขึ้นมาในช้อยส์ มันต้องเป็นเรื่องอะไรที่ยากลำบากใจแน่นอน แต่ขอให้คิดอย่างนี้ครับ… หากเราเลือกที่จะตามฝัน ถ้าเราทำสำเร็จ นั้นหมายความว่าเราไดทำเพื่อครอบครัวแล้วส่วนหนึ่ง ถึงจะไม่มาก แต่เราก็ได้เป็นแขนขาให้ครอบครัวแล้ว

หรืออีกมุมหนึ่งสำหรับคนในครอบครัว ต้ารู้ครับว่าการปล่อยคนที่เรารักให้เดินทางไปไกลนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ด้วยความรักที่มี เราก็คงไม่ค่อยอยากปล่อยลูกหลานเราไปไกลนัก แต่มองอีกมุม มันคือปล่อยให้เขาได้โต ได้เรียนกับโลกภายนอก นั้นก็คือ ความรักอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน รักทีจะปล่อยให้เขาได้เติบโต และได้มีชีวิตของตัวเอง

The Hundred-foot Joirney ปรุงชีวิต...ลิขิตฝัน เปิดรอบพิเศษ 30 ตุลาคม เข้าฉายจริง 6 พฤษจิกายนนี้ แฟนๆหนัง Feel Good ไม่ควรพลาดครับ

ขอขอบคุณบัตรชมในครั้งนี้จาก DisneyFilmFan ด้วยครับ ^_^

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2557 Last Update : 11 พฤศจิกายน 2557 11:17:39 น. Counter : 400 Pageviews.		0 comment
Share Tweet

[MiniReview] Guardians Of The Galaxy

Create Date : 31 กรกฎาคม 2557 Last Update : 31 กรกฎาคม 2557 11:53:56 น. Counter : 1346 Pageviews.		3 comment
Share Tweet