It's All I Have to Bring Today !
Group Blog
 
All blogs
 
รักสุดซึ้งถึงปรโลก

สัตว์นรกบางพวกท่านก็เห็นแล้ว สัตว์เดียรัจฉาน เปรต อสูร มนุษย์ หรือเทวดาบางพวก ท่านก็เห็นแล้ว ผลกรรมของตน ท่านก็เห็นประจักษ์ด้วยตนเองแล้ว เราจักนำท่านไปส่งยังเมืองปาฏลีบุตร ท่านไปถึงเมืองปาฏลีบุตรแล้ว จงทำกรรมอันเป็นกุศลให้มาก


หมายเหตุ จาก เตยจ๋า จนทบล็อก บล็อกหน้านี้เป็นเรื่องความรักที่เกิดขึ้นจริงมีอยู่ในพระไตรปิกฏ อ่านแล้วจะได้ความรู้ ว่าเราควรจะรักอย่างไรให้มีสุขและมีบุญ
ความใฝ่ฝันของนักกีฬา คือการได้รับชัยชนะสามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้ ต้องเพียรพยายามมุ่งฝึกซ้อมนานนับปี แต่สำหรับนักสร้างบารมี การเพียรสั่งสมความดี และหมั่นทำใจหยุดนิ่งเพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน เข้าไปสัมผัสกับแหล่งแห่งความสุข และความบริสุทธิ์ภายใน ซึ่งนับเป็นสิ่งที่สูงค่าที่สุด เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต จากผู้มีทุกข์มาเป็นผู้มีความสุข จากผู้เคยผิดหวังกลายมาเป็นผู้สมหวัง และจากผู้ไม่รู้กลายมาเป็นผู้รู้แจ้ง  รางวัลแห่งใจหยุดนิ่งนี้จะเป็นรางวัลชีวิตที่มีค่ายิ่งกว่าเหรียญตราใดๆในโลก เป็นรางวัลแห่งความสุขและความสำเร็จ ที่มวลมนุษยชาติต่างแสวงหามาตลอดชีวิต เพราะใจหยุดได้ จึงจะหลุดพ้นจากอาสวกิเลสทั้งปวงได้


มีถ้อยคำสุภาษิตที่เวมานิกเปรตตนหนึ่ง ได้กล่าวเตือนไว้ว่า


“สัตว์นรกบางพวกท่านก็เห็นแล้ว สัตว์เดียรัจฉาน เปรต อสูร มนุษย์ หรือเทวดาบางพวก ท่านก็เห็นแล้ว ผลกรรมของตน ท่านก็เห็นประจักษ์ด้วยตนเองแล้ว เราจักนำท่านไปส่งยังเมืองปาฏลีบุตร ท่านไปถึงเมืองปาฏลีบุตรแล้ว จงทำกรรมอันเป็นกุศลให้มาก”



ในโลกนี้มีเรื่องลี้ลับมากมาย ซึ่งเป็นภพซ้อนภพที่อาศัยซึ่งกันและกันอยู่ เราไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเนื้อ เช่น ป่าหิมพานต์ ถํ้าพญานาค หรือเมืองลับแล เป็นต้น เคยมีผู้ไปพบเห็นโดยบังเอิญบ้าง หรือผู้ได้ฌานสมาบัติไปรู้ไปเห็น นำมาเล่าให้ฟังกันบ้าง ภพภูมิเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง เป็นของกึ่งหยาบกึ่งละเอียด เป็นเรื่องยากมาก ที่ใครคนหนึ่งจะไปพบเห็นโดยบังเอิญ ยกเว้นว่าเทวดาหรือเปรตเหล่านั้น ต้องการจะให้มนุษย์เห็นด้วยตาเนื้อ ซึ่งในปัจจุบันหากจะไปพิสูจน์ภพภูมิเหล่านั้น ต้องได้อภิญญา ได้ฌานสมาบัติ  หรือพูดง่ายๆ ต้องอาศัยใจหยุดนิ่งอย่างสมบูรณ์ จะพิสูจน์ด้วยวิธีอื่นก็ไม่ได้


     มีเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล ที่มีคนสามารถไปเห็นภพภูมิของเปรต อสุรกาย และเทพชั้นต้นบางจำพวกได้เพราะความบังเอิญ แล้วนำมาเล่าให้ญาติได้รับฟัง ทำให้เกิดการตื่นตัวในการทำความดี เชื่อเรื่องบุญเรื่องบาปกันมากขึ้น
* เรื่องมีอยู่ว่า สมัยนั้นพวกพ่อค้า ชาวกรุงปาฏลีบุตรจำนวนมาก ขนสินค้าเต็มลำเรือเพื่อนำไปขายที่สุวรรณภูมิ การเดินทางด้วยทางเรือแต่ละครั้งนั้น ต้องใช้เวลาหลายเดือน จึงจะถึงจุดหมายปลายทาง ต้องอาศัยความใจกล้าอย่างมาก เพราะในมหาสมุทรมากไปด้วยภยันตราย ทั้งภัยจากคลื่นลมมรสุม ซึ่งสามารถพัดเอาเรือทั้งลำให้จมหายไปกลางทะเลได้ ภัยจากสัตว์ร้ายในทะเล นอกจากนี้ยังมีภัยจากพวกโจรสลัดที่คอยจี้ปล้น ขบวนเรือกลุ่มไหนสามารถเดินทางกลับได้อย่างปลอดภัย นับว่าเป็นผู้ที่โชคดี


     ในสมัยนั้นมีพ่อค้าคนหนึ่ง ก่อนออกเดินทางได้ไปวัดใกล้บ้านถวายสังฆทานอยู่ ๗ วัน และได้สมาทานศีล ๕ เป็นการสั่งสมบุญกุศลก่อนออกเดินทางไกล เพราะรู้ว่าหากเรือล่มในระหว่างทาง ที่พึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือบุญกุศลที่ได้ทำเอาไว้ ในระหว่างเดินทาง พ่อค้าหนุ่มได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งในเรือ เมื่อคบหากันหลายวัน ก็เกิดเป็นความรัก จึงตั้งใจว่าหากกลับจากการค้าขายในครั้งนี้ จะไปขอพ่อแม่เพื่อแต่งงาน
     แต่โชคร้ายได้มาเยือนพ่อหนุ่มเสียก่อน เพราะความแปรปรวนของคลื่นลมในมหาสมุทรทำให้ล้มป่วยกะทันหัน จะรักษาอย่างไรก็ไม่หาย ในที่สุดก็ตาย เนื่องจากพ่อค้าหนุ่มตายด้วยใจที่ขุ่นมัว เพราะมัวแต่นึกถึงหญิงสาวที่ตนหลงรัก ใจผูกพันอยู่กับเธอมาก ไม่อยากจากเธอไป จึงไม่ได้นึกถึงบุญที่เคยทำเอาไว้ ใจจึงไม่ใส แต่ก็ไม่ได้เศร้าหมองมาก เพราะตลอดชีวิตไม่ได้ทำบาปอกุศลหนักๆ เอาไว้ ความตายที่มาพรากชีวิตพ่อค้าหนุ่มนี้เป็นเพราะกรรมปาณาติบาต ที่ทำเอาไว้ในอดีตชาติตามมาทัน ทำให้ต้องตายในวัยหนุ่ม


     อันที่จริง บุญที่ตนเองได้ทำเอาไว้ในชาตินี้ โดยเฉพาะได้ถวายสังฆทาน และสมาทานศีลก่อนออกเดินทางนั้น สามารถส่งผลให้ไปบังเกิดในเทวโลกได้ แต่เพราะจิตปฏิพัทธ์ต่อหญิงสาว ทำให้ฉุดรั้งไปบังเกิดเป็นเวมานิกเปรตในท่ามกลางมหาสมุทร ซึ่งถือว่าเป็นเปรตชั้นสูง ครั้นเวลาผ่านไปไม่กี่วัน เปรตตนนั้นเกิดความคิดถึงหญิงสาวที่ตนเองหมายปอง ปรารถนาจะให้นางมาอยู่ด้วย จึงใช้อานุภาพของตนปิดกั้นเรือลำนั้นเอาไว้ ทำให้เรือหยุดนิ่งอยู่กลางมหาสมุทร ไม่สามารถแล่นต่อไปได้ พวกต้นหนก็ดี กัปตันเรือก็ดี ต่างตรวจดูข้อผิดพลาดว่าที่เรือไม่แล่นต่อไปนั้นเกิดจากอะไร เมื่อสำรวจดูเรียบร้อยแล้ว ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ จึงคิดกันว่า ในเรือลำนี้ต้องมีคนกาลกิณีเดินทางร่วมมาด้วยแน่ จึงให้จับสลาก  


     ไม่น่าเชื่อว่า คนตั้งร้อยคนจับไม่ถูก แต่สลากนั้นได้ถึงหญิงสาว ครั้งแรกไม่มีใครเชื่อว่า เธอจะเป็นหญิงกาลกิณี ครั้นให้เริ่มจับใหม่ แม้ครั้งที่สองและครั้งที่สาม สลากนั้นก็มาถึงนางเช่นเดิม ที่เป็นเช่นนี้เพราะเกิดจากอานุภาพของเปรตตนนั้น พวกพ่อค้าต่างสงสารนางมาก แต่ถ้าหากไม่ทิ้งนางไป คนในเรืออีกนับร้อยชีวิตอาจต้องตายกันหมด จึงตัดสินใจให้หย่อนแพไม้ไผ่ลงในมหาสมุทร ให้นางลงไปอยู่บนแพไม้ไผ่ เมื่อหญิงนั้นลอยแพไป เรือก็แล่นบ่ายหน้าไปยังสุวรรณภูมิได้ตามปกติ ทิ้งนางไว้โดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทร ฝ่ายเปรตซึ่งรออยู่แล้ว ก็ยกนางขึ้นไปยังวิมาน เล่าเรื่องทั้งหมดให้นางฟัง และได้ร่วมอภิรมย์อยู่อาศัยในวิมานแห่งนั้นอย่างมีความสุข


     ในระหว่างที่อาศัยอยู่ที่วิมานของเปรตนั้น เปรตได้พานางไปดูสัตว์เดรัจฉานที่มีอานุภาพมาก เช่นนาคและครุฑเป็นต้น ได้เห็นเปรตชั้นต่ำชนิดต่างๆ ซึ่งล้วนแต่มีความหิวกระหายทั้งนั้น ได้เห็นกาลกัญชิกาสูรซึ่งมีความหิวโหย อีกทั้งน่าเกลียดน่ากลัวมากๆ ได้เห็นเทพชั้นจาตุมหาราชิกาบางพวก ทำให้นางรักบุญกลัวบาปมาก  

 ครั้นล่วงไป ๑ ปี นางเกิดความเบื่อหน่ายและคิดถึงบ้าน จึงได้ขอร้องเปรตว่า ดิฉันอยากกลับบ้านเกิดแล้ว เพราะอยู่ที่นี่ไม่ได้ทำบุญอะไรเลย ได้แต่เสวยสุขอย่างเดียว ขอให้ท่านนำดิฉันกลับไปเมืองปาฏลีบุตรด้วยเถิด  เปรตเมื่อถูกนางอ้อนวอน ก็รู้ว่าบุญของนางใกล้จะหมดแล้ว จึงไม่ปรารถนาจะอยู่ที่นี่ต่อไป ได้กล่าวเตือนว่า “สัตว์นรกบางพวก ท่านก็เห็นแล้ว สัตว์เดียรัจฉาน เปรต อสุรกาย มนุษย์ หรือเทวดาบางพวก ท่านก็เห็นแล้ว ผลกรรมของตน  ท่านก็เห็นประจักษ์ด้วยตนเองแล้ว เราจะนำท่านไปส่งที่เมืองปาฏลีบุตร ท่านไปถึงแล้วจงทำกุศลกรรมเอาไว้ให้มากเถิด และอย่าลืมอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลมาให้เราด้วย”

 หญิงสาวครั้นได้ฟังคำของเปรตแล้ว ก็รับคำว่าจะทำบุญให้เต็มที่ จากนั้น เปรตได้พานางเหาะไปทางอากาศ นำมาส่งกลางพระนครแล้วก็จากไป พวกญาติครั้นได้เห็นนางกลับมาแล้วก็ดีใจ รีบมาไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ  นางได้เล่าเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางให้ทุกคนได้ฟัง ได้กล่าวถึงวิบากกรรมของคนที่ไม่ได้ทำบุญเอาไว้ และอานิสงส์ที่ทำให้ได้ไปเกิดเป็นเทวดา จากนั้นไม่รอช้า รีบชักชวนหมู่ญาติไปทำบุญที่วัด และไม่ลืมที่จะอุทิศส่วนกุศลให้เวมานิกเปรตตนนั้น ครั้นนางละโลกไปก็ได้ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์

 นี่เป็นเรื่องจริงของหนุ่มสาวที่รักกันอย่างสุดซึ้งถึงปรโลก ที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล เรื่องภพซ้อนภพที่มนุษย์สามารถไปอยู่กับอมนุษย์ได้นั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เป็นเรื่องเหลือวิสัยของคนธรรมดาทั่วไป ต้องอาศัยเหตุปัจจัยหลายอย่างถึงจะไปได้ แต่ที่หลวงพ่อนำมาเล่าให้ฟังนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้ให้เห็นว่า ชีวิตหลังความตายมีจริง ปรโลกเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องไป ไม่อยากไปก็ต้องไป ถึงแม้เราหลีกเลี่ยงกฎแห่งกรรมไม่ได้ แต่สามารถที่จะเลือกทำแต่กรรมดีได้ ถ้าทำกรรมดีก็ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ หากทำกรรมชั่วก็มีทุคติเป็นที่ไป เส้นทางสู่ปรโลกเป็นสิ่งที่เราลิขิตได้ ดังนั้นในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่นี้  ให้พวกเราทุกคน หมั่นสั่งสมบุญกันให้เต็มที่ และฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงพระธรรมกายกันทุกคน 



พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
* มก. เล่ม ๔๙ หน้า ๕๗๓





Create Date : 12 กรกฎาคม 2555
Last Update : 12 กรกฎาคม 2555 20:47:36 น. 0 comments
Counter : 1415 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Turtle Came to See Me
Location :
พัทลุง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]





★ที่มา ล็อกอิน ★Turtle Came to See Me ★( บทกวี Poem )
เป็นหนังสือ สำหรับเยาวชน
★Turtle Came to See Me
แต่งโดย :Margrita Engle
★★★★



BlogGang Popular Award #11

BlogGang Popular Award #12
Friends' blogs
[Add Turtle Came to See Me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.