Group Blog |
เดือนที่ 2
เดือนกรกฎาคม 2551 น้องอาอายุครบ 1 เดือนค่ะ ต้องพาน้องอาไปฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบค่ะ
วัดความยาวได้ 57 ซม. และ น้ำหนัก 4.3 กิโลกรัม ค่ะ แม่ก็ยังปั๊มนมอยู่อย่างเดิมค่ะ เพราะลองให้น้องอากินแล้วเค้ายังร้องอยู่ แม่ก็ใจอ่อนทนให้ลูกร้องไม่ได้ เลยต้องยอมแพ้ ตอนนี้เริ่มพาน้องอาออกท่องยุทธจักร(รอบๆหมู่บ้าน)แล้วค่ะ ก็ได้เจอคุณแม่ๆในหมู่บ้านที่พาลูกเค้าออกมาเดินเล่นเหมือนกัน ก็เลยได้แชร์ปัญหาลูกไม่ยอมกินนมจากอกแม่(แต่กินนมแม่นะคะ ![]() เพื่อนบ้านคนนึง เค้าเจอปัญหาเดียวกันค่ะ เค้าบอกว่า เค้าใช้ Nipple Shield มาช่วย ซึ่งเป็นตัวที่ใช้แก้ปัญหาหัวนมแตกค่ะ เย็นวันนั้น เค้าก็เอาของเค้ามาให้ค่ะ ![]() ![]() เมื่อได้พบเจอคุณแม่ในหมู่บ้านบ่อยๆ เค้าก็ยังคงบอกว่า พยายามให้ลูกกินนมจากเต้าให้ได้เพราะมันจะสบายมากๆ กลับมาบ้าน บอกคุณพ่อน้องอาว่า ต่อไปนี้จะเปลี่ยนให้ลูกกินนมจากเต้าแล้วนะ ทนฟังเสียงร้องหน่อย ![]() พอน้องอาเริ่มทำท่าทางหิวปุ๊บ สัญชาติญาณของน้องอาจะหันหน้าออกจากเต้าแม่ทันที แป่ววววววว ![]() ![]() ต้องปล้ำกันอย่างนี้ประมาณ 3-4 วันค่ะ ถึงจะรู้ใจกัน จากนั้น น้องอาก็บอกลาบ๊ายบายขวดนมอย่างสันติ นอกจากจะให้กินนมจากเต้าได้แล้ว ยังนอนให้นมได้ด้วยนะคะ เดือนนี้น้องอาเริ่มลืมตาตื่นเยอะขึ้น จึงมีรูปอื่นๆ นอกจากรูปนอนหลับค่ะ ![]() ![]() เดือนที่ 1
เดือนมิถุนายน อายุยังไม่ครบเดือน น้องอาเอาแต่นอน กินๆ นอนๆ อึๆ ฉี่ๆ
กลางคืน ตื่นทุก 3 ชั่วโมง ทำให้คุณพ่อกลายเป็นหมีแพนด้า วันที่กลับมาถึงบ้าน น้องอาดูดนมแม่ปกติ พอวันรุ่งขึ้นเอานมยัดปาก น้องอาไม่ยอมกินเลย ร้องไห้อย่างเดียว ไม่ว่าจะพยายามเอายัดปากอย่างไร สุดท้ายนมคัดมาก เต้านมแข็งเหมือนกะลามะพร้าว ปวดมากๆ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ลูกไม่ยอมกิน ที่ปั๊มนมยังไม่ซื้อ พ่อน้องอาจะเอามาให้ตอนเย็น ทนอยู่ทั้งวัน น้ำตาไหลก็แล้ว เอาผ้าอุ่นๆจนถึงร้อนๆมาประคบก็แล้ว บ่นจนไม่รู้จะบ่นยังไง จนคุณตาให้กินยาแก้ปวดก็ยังไม่หาย ![]() พอพ่อน้องอามาถึง คุณตาก็ต้องล้างและนึ่งที่ปั๊มนมก่อนจึงจะใช้งานได้ จากนั้นก็เริ่มปั๊มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เครื่องปั๊มเป็นแบบปั๊มมือของ Avent ค่ะ ช่วยชีวิตได้ดีมากๆ แต่จำไม่ได้แล้วว่าได้กี่ Oz จำได้ว่า ขวด 4Oz ขวดเดียวไม่พอค่ะ จากนั้นเลยเลือกยุทธวิธีปั๊มนมใส่ขวดให้ลูกกินแทน ... วันๆ ก็เอาแต่ปั๊มนม แช่นมในตู้เย็น พอลูกหิวก็เอามาอุ่น คุณตามีหน้าที่ล้างขวดและนึ่ง คุณยายมีหน้าที่ทำกับข้าวสูตรเรียกน้ำนม เดือนแรกนี้ ปั๊มแต่ละครั้งได้นม 3 Oz บ้าง 4 Oz บ้าง หรือ 6 Oz บ้าง ซึ่งด้วยความที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องน้ำนม เลยไม่ได้ปั๊มนมให้เป็นเวลา เศร้าจิง ![]() นี่เป็นน้ำนมที่ปั๊มออกมา วันที่ 14 มิย. ค่ะ ไม่ใช่น้ำฟักทองนะคะ สีจะเข้มอย่างนี้อยู่ประมาณ 1 อาทิตย์ค่ะ แล้วก็จะค่อยๆ อ่อนลง อ่อนลง จนเป็นสีน้ำนมปกติ ![]() ![]() 4 วัน 3 คืน ที่ รพ.
เป็นความสะเพร่าของเราเองที่ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ การเตรียมตัวก่อนคลอดและหลังคลอดเป็นอย่างดี ยกเว้น เรื่องของน้ำนม
![]() หลังจากคลอดเสร็จ ก็พักฟื้นในห้องผู้ป่วย นอนราบอย่างเดียวจนถึงเที่ยงของวันที่ 10 มิย. 2551 จากนั้นคุณหมอก็ให้ปรับเตียงขึ้น 45 องศาได้ และเนอร์สรี่ก็โทรมาที่ห้องเพื่อเริ่มไปให้ดูดกระตุ้นน้ำนมทุก 3 ชั่วโมง ครั้งละ 30 นาที ข้างละ 15 นาที โดยมีบุรุษพยาบาลเข็นรถมารับ-ส่ง บางครั้งที่ไปให้ดูดกระตุ้นน้ำนม น้องอาหลับซะงั้น ก็อดกระตุ้น ไม่ว่าจะเขี่ยแก้ม หรือ เขย่า จนพยาบาลบอกว่า ไว้คราวหน้าค่อยมากระตุ้นก็ได้ค่ะ ... ก็ต้องกลับห้องไปพักผ่อน บุรุษพยาบาลบางคนที่เข็นรถมารับ-ส่ง ก็เป็นจังหวะร็อคอย่างแรง เพราะพี่แกเล่นตะบี้ตะบันเข็นอย่างเดียว เหมือนจะทำรอบ เพื่อรีบไปรับผู้ป่วยคนอื่นๆอีก ไอ้คนที่เพิ่งผ่าคลอดมาก็นั่งในรถแบบเกร็งตัวสุดริด เพราะมันกระเทือนถึงแผลผ่าตัดทุกครั้งที่ล้อรถกระแทกกับสิ่งกีดขวาง ![]() ![]() อันนี้ก็ฟ้องคุณหมอไปแล้วล่ะ แต่คุณหมอก็ช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่บอกว่า คราวหน้าให้บอกบุรุษพยาบาลว่า ให้เข็นรถเป็นจังหวะคลาสสิคแทนล่ะกัน ![]() ด้วยความที่คุณหมอและพยาบาลกำชับว่าให้เดินเยอะๆ โดยไม่บอกอะไรมาก ไอ้คนที่ไม่เคยผ่าตัดมาก่อน ก็ตะบี้ตะบันเดินเสียจริง เลือกที่จะเดินไปดูลูกแทนที่จะเรียกบุรุษพยาบาล เวลามีเพื่อนมาเยี่ยม ก็พาเค้าเดินไปดูลูก ซะงั้น แล้วห้องพักฟื้นกับเนอร์สรี่ก็อยู่คนละชั้นอีกตะหาก โฮ่ๆๆ พอคุณหมอถามว่า วันนี้เดินเยอะไม๊ ก็ตอบว่า เดินไปดูลูก 3 รอบค่ะ ... คุณหมอทำหน้าตกใจ ย้อนถามว่า เดินเหรอ เราก็ตอบว่า ค่ะ หมอบอกว่า มันมากไปแล้ว เพราะระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆเลย ... อ้าว แล้วเดินขนาดไหนถึงจะดีล่ะคะ .. หมอตอบว่า เดินในห้องพักฟื้นเนี่ยแหล่ะครับ เดินไปเดินมา แค่นี้ ... อ้าววววววววว นู๋ไม่รู้ ![]() ผลที่ได้จากการเดินมากไป ก็คือ เท้าบวม ครับ ช่วงที่ไปให้ลูกดูดกระตุ้นน้ำนม พอลองบีบนมเล่นๆ จะเห็นน้ำเหลืองข้นไหลออกมานิดหน่อย พยาบาลก็บอกว่า นี่คือหัวน้ำนม เวลาลูกดูดกระตุ้นก็คิดว่าลูกคงจะดูดส่วนนี้ไปได้ แต่พอดูดกระตุ้นเสร็จ พยาบาลก็ให้ลูกดูดขวดนมต่อ ![]() ![]() วันที่ 12 มิย. 2551 ก็ได้เวลากลับบ้าน ในที่สุด เราก็เจอกัน
วันสุดท้ายที่ไปพบคุณหมอ คุณหมอยังคงกำหนดวันคลอดเป็นวันที่ 9 มิย. 2551 เหมือนเดิม โดยบอกว่า ถ้าเจ็บท้องหรือมีน้ำเดินก็ให้โทรมาบอกห้องคลอด ทางห้องคลอดจะโทรบอกหมอ แล้วหมอก็จะมาทำคลอดให้
เราก็ดันเป็นห่วงคุณหมอกลัวจะเป็นการรบกวน เลยถามคุณหมอไปว่า บ้านคุณหมออยู่ไกลป่าวคะ ... คุณหมอคงกลัวเราจะไปบุกบ้าน ตอบมาว่า ไม่ต้องห่วง ผมขับรถเร็ว ![]() วันที่ 9 มิย. ก็มาถึง ... ออกจากบ้าน 6 โมงเช้า คุณสามีก็วุ่นกับการเลือกเสื้อผ้า (ของตัวเอง) เพราะกลัวจะไม่หล่อตอนเจอหน้าลูก หุหุ ![]() ![]() บุรุษพยาบาลเอา wheel chair มารับเพื่อไปส่งที่ห้อง เราก็บอกว่า ขอเดินเองได้ป่าว (เขินน่ะ) เค้าบอกว่า นั่งเถอะครับ พอส่งที่ห้องเสร็จ พยาบาลก็มาวัดอะไรต่างๆ นานา ปิดท้ายด้วย จิ้มสายน้ำเกลือ ![]() สักพัก คุณหมอก็มาเยี่ยม จับๆท้องดู แล้วก็พูดว่า เด็กโตดีนะ เราเลยถามว่า น้ำหนักประมาณเท่าไรคะ คุณหมอก็บอกว่า น่าจะประมาณ 3 พันกรัม ประมาณ 8:30 น. ห้องผ่าตัดก็เข็นเตียงมารับ ตอนขึ้นเตียง คิดอะไรไม่รู้เลยหันไปถามพยาบาลว่า สามีเข้าไปในห้องคลอดด้วยได้ไหมคะ พยาบาลตอบว่า โรงพยาบาลไม่อนุญาติค่ะ แต่ถ้าทำเรื่องขอกับคุณหมอแล้วก็เข้าได้ค่ะ ... กรี๊ดดดดดดดดด ![]() สามีบอกว่า ไม่ต้องรอหรอก โหยยยย ก็คนมันกลัวนินา เกิดมาไม่เคยผ่าตัดเลย ก็เลยไปถึงห้องผ่าตัดแบบหน้าบูด แล้วเค้าก็เข็นเข้าห้องผ่าตัดห้องที่ 9 ท่ามกลางความสับสนอลหม่านของพยาบาลที่กำลังจัดอุปกรณ์ให้คุณหมออยู่ บางคนก็เข้ามาคุย บางคนก็เข้ามาวัดความดัน แล้วก็อะไรอีกมากมาย 9:00 คุณหมอวิสัญญี มาด้อมๆมองๆ แล้วถามว่า ทำไมถึงผ่าคลอดล่ะคะ ถามอย่างนี้อยู่ 4 รอบ แล้วก็บอกว่า หมอจะฉีดยาบล็อคหลังน๊า เจ็บนิดหน่อยน๊า ให้นอนคุดคู้ อ่ะ อย่างนี้แหล่ะ ดีมากๆ อย่าเกร็งหลังน๊า เจ็บนิดเดียวน๊า แล้วก็รู้สึกเหมือนฉีดยาธรรมดา .. เฮือกกกก .. สักพักหมอก็ถามว่า ชาหรือยัง ด้านล่างหมดความรู้สึกหรือยัง .. เราก็ยังยกขาได้อยู่ .. สักพักหมอก็ถามอีก ชาหรือยัง .. เราก็ยังยกขาได้นิดหน่อย แล้วหมอก็ถามอีก .. คราวนี้ยกแทบไม่ได้แร๊ะ จนกระทั่งยกขาไม่ได้จริงๆ หมอก็เลิกถาม 9:25 คุณหมอสูติฯ ก็เดินเข้ามาแบบรีบๆ เดินเข้าหลังฉาก (ฉากที่อยู่บนหน้าอกเรา) แล้วหมอก็โผล่หน้ามา ถามว่า เจ็บหรือเปล่า หมอทดสอบลงมีด ... แว๊กกกกกก ถามกันอย่างนี้เลยเหรอ ![]() หมอวิสัญญีมีหน้าที่คุยกับเรา ชวนคุยไปเรื่อยๆ เพราะเราเกร็งตัว ... เหอๆ 9:42 หมอสูติฯบอกว่า ตึงๆ ที่หน้าอกหน่อยนะครับ แล้วสักพักก็ได้ยินเสียง แง๊ แง๊ 2 ครั้ง แล้วเจ้าตัวน้อยก็ออกมาจากพุงแม่ วิสัญญีแพทย์เป็นคนบอกว่า ผู้ชายค่ะ แล้วจากนั้นก็เอาน้องไปทำความสะอาด แล้วก็มาให้หอม แล้วหมอวิสัญญีก็บอกว่า หมอจะให้หลับนะคะ แล้วเราก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย จนเที่ยงถึงได้ตื่นขึ้นมา ก็มาอยู่ในห้องพักฟื้นของห้องผ่าตัดซะแล้ว พยาบาลก็เข้ามาคุย แล้วก็เข็นออกจากห้องผ่าตัด มาพักฟื้นที่ห้องผู้ป่วย กว่าจะได้เจอหน้าลูก ก็เข้าสู่วันที่ 10 มิย. เพราะหลังผ่าตัด 24 ชั่วโมง ต้องนอนราบอย่างเดียว ![]() |
พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เด็กชายอา เกิดวันที่ 9 มิถุนายน 2551 น้ำหนัก 3,130 กรัม ความยาว 53 ซม. Friends Blog
Link |