Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด : 25 หนังที่ผมชื่นชอบมากที่สุดในปี 2011

25 หนังที่ผมชื่นชอบมากที่สุดในปี 2011

ก่อนที่จะเขียนบล๊อกนี้ต้องขอบอกเลยว่า ปีนี้เป็นปีที่เลือกยากมากอีกเช่นกัน เพราะบรรดาหนังบล๊อกบัสเตอร์ทั้งหลายเอย หรือแม้แต่จะหนังออสการ์จากปีที่แล้วอีก ก็ล้วนแล้วโดนใจผมทั้งนั้น โดยอันดับที่ว่ามานั้น จะนับเอาตามเวลาการเข้าฉาย หรือ วางแผ่น ในประเทศไทยนะครับ เพราะฉะนั้นถ้าเห็นพวกหนังออสการ์ปีที่แล้วติดมาด้วยก็อย่าตกใจไป เพราะว่าหนังออสการ์เหล่านั้น ยกตัวอย่างเช่น The King's Speech หรือแม้แต่ True Grit เพิ่งเข้าฉายบ้านเราไป

อันดับที่ 25.

Crazy, Stupid, Love : โง่เซ่อบ้า เพราะว่าความรัก

หนังแนวโรแมนติก คอมเมดี้ อารมณ์ดี เรื่องราวของชีวิตคู่แนวฮาๆ ให้อารมณ์ทั้งความสนุกแบบเดียวกับ Hitch พร้อมกับหนังสามารถสอดแทรกข้อคิดเกี่ยวกับความรักในทุกเพศทุกวัยได้อย่างลงตัวไปกับบทหนังได้อีกด้วย รวมไปถึงด้านของนักแสดงในเรื่องนี้เริ่มตั้งแต่ เอมม่า สโตน , สตีฟ คาร์เรล , ไรอัน กอสลิ่ง และ จูเลี่ยน มัวร์ ก็สามารถแสดงออกมาได้เป็นธรรมชาติ พร้อมกับบทหนังที่ฉลาดสามารถนำเอาเรื่องราวทั้งหมดมาผูกกันกลายเป็นปมยุ่งๆปมนึงได้อย่างสนุกสนาน เพราะฉะนั้นถ้าใครชอบดูหนังแนวโรแมนติก คอมเมดี้ เป็นทุนเดิมนั้น เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่น่าพลาดของปีเลยทีเดียวครับ

อันดับที่ 24.

Kung Fu Panda 2 : กังฟูแพนด้า 2

หนังอนิเมชั่นภาคต่อเรื่องเยี่ยมของปี ที่ถึงแม้ด้านความสนุก บท และอะไรต่างๆของหนังอาจจะไม่สามารถเทียบเท่าภาคแรกที่ทำไว้ดีเยี่ยม แต่ถ้าหากมองในอีกมุมอย่างเช่นฉากแอ็คชั่น และ อารมณ์ความดราม่าของหนัง ในภาคนี้ต้องเรียกได้ว่าจัดเต็มได้ดีที่สุด โดยเฉพาะอารมณ์ดราม่าของหนัง ที่เป็นอนิเมชั่นเรื่องนึงของปีที่สามารถทำเอาผมน้ำตาเล็ดได้ พร้อมกับการพากย์เสียงของเหล่าสหายกังฟู ที่เป็นทีมเดียวกับภาคแรก ผลลัพธ์ของมันจึงออกมาเป็นความฮาสุดขั้ว แถมในระบบ 3D ของอนิเมชั่นภาคนี้ต้องเรียกได้ว่าสามารถทำออกมาได้ดีเยี่ยม สีสวย และ เหมาะสมสำหรับทุกเพศทุกวัยอย่างแน่นอนครับ

Kung Fu Panda 2 : กังฟูแพนด้า 2 , ทุกอย่างอาจจะไม่ลงตัวเหมือนภาคแรก แต่ 3D คุ้มค่าตั๋วได้อีกจริงๆ !!

อันดับที่ 23.

The Lincoln Lawyer : พลิกเล่ห์ ซ่อนระทึก

เป็นเพราะว่าโดยส่วนตัวได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนจะมาดูหนัง เพราะฉะนั้นจึงขาดหวังไว้เยอะว่าตัวหนังคงจะทำได้ดีตามหนังสือ ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ ทำออกมาได้สนุกเกินคาด โดยเฉพาะความชอบส่วนตัวของผมเกี่ยวกับตัวละคร ไมเคิล ฮอลเลอร์ ในหนังสือ ที่นักแสดงหนุ่มอย่าง แมทธิว แมคคอนนิเห สามารถถ่ายทอดตัวละครนี้ออกมาได้อย่างสุขุม และ เท่เอามากๆ แถมด้านตัวบทของหนังที่เรียกได้ว่าเป็นหนังทนายขึ้นศาลอีกเรื่องนึงของปี (อีกเรื่องนึงที่แนะนำคือ The Conspirator) ที่ใครนั้นชอบหนังแนวสืบสวน บทฉลาดๆนั้น ต้องขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งเลยหละครับ เพราะใครที่พลาดโรงไปนั้นแผ่นออกมาแล้วจ้า

The Lincoln Lawyer : พลิกเล่ห์ ซ่อนระทึก , ความในใจจากคนที่เคยอ่านหนังสือ + เสน่ห์ในตัวของ Matthew

อันดับที่ 22.

Rapunzel : ราพันเซล เจ้าหญิงผมยาวกับโจรซ่าจอมแสบ

เป็นอนิเมชั่นของปีที่แล้วสำหรับอเมริกา แต่สำหรับในเมืองไทยนั้น ถือว่าเป็นอนิเมชั่นของปีนี้ เพราะเล่นเลื่อนเข้าฉายมารับปิดเทอมเอาตอนวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา ถ้าถามว่าชอบอะไรในอนิเมชั่นธรรมดาๆเรื่องนี้ คำตอบของข้อนั้นคือ ความสนุก และ ภาพเสียง ที่ต้องเรียกได้ว่าตระการตา เพราะว่าด้านความสนุกนั้น อนิเมชั่น ของ ดิสนี่ย์ เรื่องนี้ต้องเรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีเกินคาด พร้อมกับเพลงประกอบแสนเพราะของหนัง + เรื่องราวของหนัง ที่ถึงแม้จะเรียบง่าย แต่ต้องขอบคุณผู้กำกับ ที่สามารถเล่าเรื่องของมันผสมผสานเข้ากับมุขตลก และ ฉากแอ็คชั่น ต่างๆในระบบ 3D ได้อย่างสมบูรณ์แบบครับ

Rapunzel : ราพันเซล เจ้าหญิงผมยาวกับโจรซ่าจอมแสบ , ภาพสวย เพลงเพราะ และ Classic สุดๆ !!

อันดับที่ 21.

หมาแก่ ★ อันตราย

เป็นหนังไทยไม่กี่เรื่องที่ติดใจผมในปีนี้ โดยก่อนอื่นเลยคือ หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ถูกใจไปซะทุกคน เพราะเอาเข้าจริงๆนั้น หนังแอบมีทั้งฉากตลกไร้สาระ และ การเล่าเรื่องที่สะเปะสะปะไปบ้าง ส่วนถ้าถามผมว่า แล้วไปชอบอะไรในหนังเรื่องนี้หละ คำตอบคือ การแสดง และ บทหนัง พร้อมกับการถ่ายภาพ ที่ผู้กำกับ ต้อม ยุทธเลิศ นั้นจัดเต็ม โดยเฉพาะด้านบทหนัง ที่ต้องขอบอกว่ามันอาจจะเป็นหนังไทยที่เข้มข้นด้านความสัมพันธ์พ่อลูกที่สุดแห่งปีเลยก็ได้ ถ้าหากตัดฉากตลกไร้สาระออกไป ส่วนด้านการแสดงในเรื่องนี้ ป๋าเทพ โพธิ์งาม ก็ยังสามารถถ่ายทอดตัวละคร เป้ อูซี่ หมาแก่ ออกมาได้น่าสงสารและดีเกินคาด

หมาแก่ ★ อันตราย : ถึงแม้จะไม่ใช่การแสดงที่ดีที่สุด แต่มันคือหนังที่ดีที่สุดของ ป๋าเทพ โพธิ์งาม

อันดับที่ 20.

Let The Bullets Fly : คนท้าใหญ่

ถือว่าเป็นหนังจีนแนวใช้สติปัญญาในการเชือดเฉือนกันที่ชอบมากที่สุดในรอบหลายปี โดยเฉพาะกับหนังเรื่องนี้แล้ว ถือว่าเป็นหนังจีนเรื่องนึงเลยทีดูจบออกมาแล้วต้องปรบมือให้ทันที เพราะว่าหนังสามารถเขียนเล่าเรื่องการเชือดเฉือนของตัวละครทั้งหลาย ด้วยกลเล่ห์ สติปัญญา และอะไรหลายๆอย่างในหนังออกมาได้อย่างลงตัว ปนอารมณ์ขันไปด้วยมุขตลกๆหลายๆมุขที่ต้องเรียกว่า โดน และ ฮา ถึงแม้จะดูพากย์จีนก็ตามที เพราะฉะนั้นถ้าหากใครอยากลองชิมหนังจีนแนวที่ไม่ใช่กำลังภายในนั้น หนังเรื่องนี้ก็อาจจะช่วยตอบโจทย์นั้นได้ เพราะเป็นหนังที่คุณต้องตามบทให้ทันทุกฝีก้าว ไม่งั้นคุณจะงงทันทีเลยหละครับ

Let The Bullets Fly : คนท้าใหญ่ , ถ้าหากเกมส์หักเหลี่ยมเล่ห์กลยังไม่จบ อย่างเพิ่งนับศพกระสุนสังหาร

อันดับที่ 19.

Scream 4 : หวีด...แหกกฎ

หนังสยองขวัญช่วงหลังๆผมต้องยอมรับเลยว่าไม่ค่อยถูกใจเรื่องไหนเลย แต่กลับเรื่องนี้กลับถูกใจเป็นพิเศษ กับการกลับมาของไอหน้ากากผีอย่างเจ้า สครีม ที่ในภาคนี้นั้นนอกจากจะอุดมไปด้วยความน่าติดตาม และ ความสนุกในการจับผิดตัวร้ายเหมือนภาคก่อนๆแล้ว ในภาคนี้ยังรวยไปด้วยอารมณ์ขันแบบกวนๆ แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะนำเอาอารมณ์หนังแนวฆาตรกรเก่าๆมาใส่ด้วย แถมฉากจบหักมุมในหนังเรื่องนี้ก็ยังต้องขอชมว่ายังสามารถทำให้คนดูหงายตกเก้าอี้ได้ดีไม่แพ้ภาคแรกเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นถ้าหากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ชุดหนังหวีดชุดนี้ ภาคนี้ก็เป็นอีกภาคที่ไม่ควรพลาดอย่างที่สุดเลยหละครับ

Scream 4 : หวีด...แหกกฎ , เมื่อ ไอหน้าผี เข้ามาในโลกของ 'อินเตอร์เน็ต' การแหกกฎจึงบังเกิด !!

อันดับที่ 18.

50/50 : ไม่ตายก็รอดว่ะ

เป็นหนังดราม่าที่ถือได้ว่า เกินความคาดหวัง มากที่สุดแห่งปี เพราะเป็นหนังดราม่าที่สามารถผสมผสานทั้งเรื่องราวของความตลก และ กำลังใจ ได้อย่างลงตัว โดยเรื่องนี้ถือว่าเป็นหนังที่ผมต้องแนะนำกับคนที่กำลังหมดกำลังใจ หรือว่ามีคนใกล้ตัวนั้นเป็นโรคมะเร็งอยุ่ เพราะเมื่อดูจบนั้น คุณจะรู้สึกถึงพลังใจที่หนังมอบให้คนดูได้อย่างชัดเจน พร้อมไปกับการแสดงดีๆของ 2 นักแสดงอย่าง Joseph Gordon-Levitt และ Seth Rogen ที่ในตอนจบของหนังผมรับประกันเลยว่า ทุกคนต้องหลั่งน้ำตาให้กับหนังดราม่าเรื่องเยี่ยมเรื่องนี้แน่นอน ใครที่พลาดในโรงไปนั้น แผ่นดีวีดีเรื่องนี้น่าจะมีกำหนดวางประมาณต้นปี 2012 แน่นอนครับ

50/50 : ฟิฟตี้/ฟิฟตี้ ไม่ตายก็รอดวะ , ความฮาทำให้ ดราม่า ดูไม่เครียด แต่ก็ลึกซึ้งกินใจ

อันดับที่ 17.

Mother : หัวใจเธอ ทวงแค้นสะกดโลก

หนังเกาหลีที่ได้ยินชื่อเสียง และ คำวิจารณ์ของหนังมาเป็นปีๆ แต่ในไทยกลับเพิ่งจะมาออกแผ่นในเมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่แล้ว และก็ไม่พลาดที่จะซื้อมาดูทันที และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะว่ามันเป็นหนังเกาหลีแนวดราม่า ที่สามารถผสมผสานไปกับอารมณ์หนังแนว ทริลเลอร์ ฆาตรกรรม น่าสงสัยได้อย่างดีเยี่ยม แถมการแสดงเป็นตัวละครปัญญาอ่อนของ วอน บิน นั้นก็กินใจคนดู และ ดูน่าเชื่อถือซะเหลือเกิน พร้อมกับหนังยังเน้นไปด้านความสัมพันธ์เศร้าๆของแม่ ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกได้อย่างกินใจ และต้องขอบอกเลยว่า ถึงหนังเรื่องนี้จะจบไปแล้ว แต่อารมณ์ของผมที่มีต่อหนังไม่จบแน่นอนครับ

อันดับที่ 16.

X-Men : First Class : x-เม็น : รุ่น 1

เป็นหนังอีกเรื่องที่ไม่ได้คาดหวังมาก่อนว่ามันจะดีขนาดนี้ เพราะถือว่าเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ ต้นกำเนิดเหล่ามนุษย์กลายพันธ์ เรื่องเยี่ยมของปีเลยทีเดียว เพราะหนังนั้นมีทั้งฉากแอ็คชั่นตระการตา ที่สามารถดูสนุกได้ทุกเพศทุกวัยแล้ว หนังยังเต็มไปด้วยการเล่าเรื่องได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุดเลยสักนิดเดียว พร้อมกับประเด็นของ ชนกลุ่มน้อย ในหนังที่สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างแนบเนียนไปกับความมันส์ของหนัง แต่ก็กินใจคนดูได้อย่างไม่ยาก แถมเรื่องนี้พ่อหนุ่ม ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ยังคงจัดเต็มด้านความเท่ และ ความน่าสงสารในตัวละคร แม็กนีโต้ เช่นเคยครับ อย่าพลาดเลยทีเดียว แผ่นออกแล้ว

X-Men : First Class : x-เม็น : รุ่น 1 , ขอต้อนรับสู่ มนุษย์กลายพันธุ์ภาคที่ ดี และ มันส์ที่สุดได้เลย

อันดับที่ 15.

I Saw The Devil : นักฆ่า/ล่า/เดนวิปริต

หนังเกาหลีที่ดีที่สุดของปีนี้ ในทีแรกก็ไม่คิดว่าแผ่นจะออกในไทยเหมือนกัน แต่ไปๆมาๆค่ายแผ่นดีวีดีใจดี STG-MM ก็ได้ออกแผ่นมาให้เรารับชมกันแล้ว เป็นหนังเกาหลีที่สามารถบ่งบอกถึงสัญชาติญาณดิบของมนุษย์ออกมาในรูปแบบแอ็คชั่น สืบสวน ที่ดูแล้วสะใจในทุกฉาก เข้าถึงแก่นแท้ของจิตใจมนุษย์เราได้ดี ว่าเมื่อเวลาโกรธถึงขั้นสูงสุดแล้วนั้น มนุษย์เราทุกคนก็ไม่ต่างกับ ปีศาจ ที่เราตามล่าตัวสักเท่าไหร่นัก ถ้าใครเป็นคอหนังโหด หรือ หนังแนวสืบสวนนั้น เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่คุณต้องไปหาซื้อมาดูให้ได้เลยหละครับ แถมหนังยังแอบมีกลิ่นอารมณ์ของหนังเกาหลีในตำนานอย่าง Old Boy ติดมาด้วยนะ

อันดับที่ 14.

Black Swan : แบล็ค สวอน

หนังที่มีดีกรีเป็นถึงหนังออสการ์ปีที่แล้ว แต่เพิ่งเข้าฉายในไทยประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ที่คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย เพราะหลายคนคงได้ดูกันอยู่แล้ว และคงรู้ว่ามันเป็นหนังที่ใกล้กับคำว่า เพอร์เฟ็ค มากที่สุด ทั้งด้านการแสดงอันทรงพลังของ นาตาลี พอร์ทแมน ที่สามารถทำเอาคาแรกเตอร์ นิน่า หญิงสาวผู้หวังแต่เอาชัยชนะ โดยไม่ได้หันมองสิ่งรอบข้าง ดูโดดเด้งออกมาจากจอเลยทีเดียว พร้อมกับความโรคจิต และ อารมณ์หลอนๆของหนัง ที่ขนาดเป็นหนังดราม่า แต่ดูจบแล้วต้องคอยระวังจิตใจของตัวเองไปอยู่หลายวัน คล้ายกับตัวละครในหนังเลยทีเดียวก็ว่าได้ อย่าพลาดเด็ดขาดอีกเรื่องครับ

Black Swan : แบล็ค สวอน , นางพญาหงส์ดำจอมโหด + หนังดราม่าที่ทำให้ผมต้อง "หลอน" และ "ระทึก" !!

อันดับที่ 13.

Wu Xia : นักฆ่าเทวดาแขนเดียว

หนังจีนกำลังภายใน ที่มาพร้อมกับบท และ เรื่องราว แบบเชยๆตามหนังจีนกำลังภายในอีกหลายๆเรื่องทั่วๆไป แต่ต้องขอบคุณผู้กำกับ ปีเตอร์ ชาน ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวกำลังภายในเหล่านี้ออกมาในรูปแบบที่ เจ๋ง และ มีสไตล์ ที่ในครึ่งแรกของหนังนั้นมาในสไตล์ของซีรี่ย์สืบสวนอย่าง CSI แต่ครึ่งหลังนั้น ต้องเรียกได้ว่าหนังจัดเต็มด้านฉากแอ็คชั่น ที่ทำเอาคนดูมันส์อย่างไม่ติดเก้าอี้เลยก็ว่าได้ ที่ใครนั้นเป็นแฟนพันธ์แท้ของป๋า ดอนนี่ เยน จาก Ip Man และ Bodyguard And Assassins นั้น นี้ก็เป็นหนังจีนกำลังภายในมันส์ๆ ที่มีการเล่าเรื่องสไตล์แนวๆอีกเรื่อง ที่แฟนพันธ์แท้หนังจีนไม่ควรพลาดเลยหละครับ

Wu Xia : นักฆ่าเทวดาแขนเดียว , มันส์ และ น่าติดตาม กันไปตามระเบียบสไตล์ของ ปีเตอร์ ชาน

อันดับที่ 12.

อุโมงค์ผาเมือง

หนังไทยเรื่องเยี่ยม ที่พูดได้เต็มปากว่าชอบที่สุดในปีนี้ เพราะหนังสามารถบ่งบอกถึงความเห็นแก่ตัว , จิตใจมนุษย์ และ สัญชาติญาณ ของมนุษย์ออกมาในรูปแบบหนังที่สอนกันเรื่องจริยธรรม และ คุณธรรม กันโต้งๆ พร้อมกับหลายๆประเด็นที่หนังสามารถทำเอาคนดูหลั่งน้ำตาไปเพราะความซาบซึ้งได้อย่างดีเยี่ยม แถมในตอนจบของหนังก็พูดได้เต็มปากเลยว่า เป็นหนังไทยไม่กี่เรื่องที่ทำให้ผมหัวใจพองโตเพราะความสมบูรณ์แบบในตอนจบได้ แถมการแสดงของตัวละครหลักอย่าง อนันดา , พลอย และ พี่ออฟ นั้น ก็ยังสามารถแสดงออกมาได้กินใจคนดูมากๆ แต่ไม่รู้ที่ผมชอบมากเพราะยังไม่เคยดู ราโชมอน รึปล่าว

อุโมงค์ผาเมือง : สันดาน , ความถูกต้อง สองสิ่งนี้ถ้ารวมกันมันจะนำมาซึ่งคดีฆาตกรรม !!

อันดับที่ 11.

Suckseed : ห่วยขั้นเทพ

หนังไทยอีกเรื่อง ที่คนละแนวกับ อุโมงค์ผาเมือง แต่ความชอบต้องบอกว่าใกล้เคียงกัน แต่เพราะว่าส่วนตัวเป็นคนชอบหนังแนวใสๆมากกว่าอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงขอเด้งมาที่อันดับ 11 กับหนังแนวโรแมนติค คอมเมดี้ เกี่ยวกับดนตรีใสๆอีกเรื่องจากค่าย GTH ที่ต้องขอบอกว่า สนุก และ ขโมยรอยยิ้มจากคนดูไปได้แทบทั้งเรื่อง พร้อมกับการแสดงของ พีช พชร และ ความน่ารักของตัวประกอบทั้งหลาย ที่ก็อดบอกไม่ได้เลยว่า ใครชอบหนังแนว Coming Of Age เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรื่องนี้ก็เป็นหนังแนวนั้นอีกเรื่อง ที่ไม่น่าพลาดที่สุดของปี แถมหลายๆคนที่ดูไปแล้วก็คงอยากจะดูอีกหลายๆรอบเช่นเดียวกันครับ

Suckseed : ห่วยขั้นเทพ , ตลก สดใส ไปกับ มุขแสนร่าเริง + การคืนฟอร์มหนังแนว Feel-Good ของ GTH !?

อันดับที่ 10.

The Adjustment Bureau : พลิกชะตาฝ่าองค์กรนรก

อาจจะไม่ใช่หนังที่ทุกคนจะถูกใจได้ แต่ถ้าถามผมว่าข้อดีของหนังเรื่องนี้คืออะไร จึงทำให้มันขึ้นมาติดถึง Top 10 หนังที่ชอบที่สุดในปีนี้ คำตอบก็คือด้านของประเด็นหนังในเรื่องของ โชคชะตา ที่โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะเชื่อ และ อิน กับประเด็นนี้ในชีวิตจริงอยู่แล้ว จึงไม่แปลกเลยว่าทำไมหนังเรื่องนี้จะทำให้ผมอิน และ อมยิ้ม พร้อมกับปรบมือ ให้ในตอนจบของหนัง พร้อมกับแฟนๆของป๋า แมตต์ เดมอน เรื่องนี้ก็อย่าพลาดเชียวหละ เพราะว่าฉากวิ่งในแต่ละฉากในหนังเรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นฉากแอ็คชั่นน้ำจิ้มๆ ไปพร้อมกับความสนุกในด้านโรแมนติคของหนังเลยก็ว่าได้ แผ่นออกมาให้ชมนานแล้วครับ

The Adjustment Bureau : พลิกชะตาฝ่าองค์กรนรก , 'ทุกสิ่งที่คุณทำไม่ใช่เพราะชะตา แต่เป็นเพราะคุณเอง'

อันดับที่ 9.

Source Code : แฝงร่างขวางนรก

สุดยอดหนังแนวไซไฟ ฆาตรกรรม เรื่องราวของการหามือวางระเบิดรถไฟในช่วง 8 นาทีสุดท้ายของชีวิต จากผู้กำกับ ดันเคน โจนส์ จาก Moon ที่ในเรื่องนี้นั้นก็ถือว่าได้ใจไปเต็มๆตั้งแต่ด้านบทหนังที่ชาญฉลาดแล้ว อุดมไปด้วยความน่าติดตาม และการที่มอบความน่าสงสัยให้กับคนดู และนอกจากนั้นที่โดนจังๆอีกก็คือด้านของประเด็น และ ข้อคิด ของหนังที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ไม่เปลี่ยนแปลงจาก Moon ซึ่งคงบอกมากไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าสปอยล์

Source Code : แฝงร่างขวางนรก , นี้มันคือ Moon เวอร์ชั่นน่าตื่นเต้น + การใช้ "ชีวิต" ที่น่าค้นหา(มาก)

อันดับที่ 8.

Rango : แรงโก้ ฮีโร่ทะเลทราย

ถือได้ว่าอนิเมชั่นที่ชอบมากที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้สำหรับอนิเมชั่นเกี่ยวกับกิ้งก่าหลงทาง แต่ดันกลายเป็นฮีโร่ กับ Rango ที่นอกจากหนังนั้นจะสามารถใส่ข้อคิด และ ประเด็นต่างๆที่พูดได้เต็มปากเลยว่า 'เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี' เข้ามาแล้ว อนิเมชั่นเรื่องนี้ยังกำกับออกมาในสไตล์ที่ขายผู้ใหญ่ และ เด็กแนวได้ดีทีเดียว เพราะมันอุดมไปด้วยบทพูด และ ข้อคิดแนวๆ พร้อมไปกับฉากแอ็คชั่นอันตระการตาของหนัง แถมด้านการออกแบบตัวละครในอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็ต้องเรียกได้ว่าไม่ธรรมดา เริ่มตั้งแต่ตัวเอกอย่าง แรงโก้ ยันไปถึงตัวร้ายอย่าง เจ้างูหางกระดิ่ง ที่ใครเป็นอยากลองชิมอนิเมชั่นแนวผู้ใหญ่ๆก็อย่าพลาดเชียวครับ

Rango : แรงโก้ ฮีโร่ทะเลทราย , สุดยอดอภิมหาอนิเมชั่น 'ผู้ใหญ่' ไม่ง้อเด็กแห่งปี + แอ็คชั่นสุดมันส์!!

อันดับที่ 7.

True Grit : ยอดคนจริง

หนังออสการ์จากปีที่แล้ว ที่หลายคนคงได้ยินเรื่องของคำวิจารณ์เกี่ยวกับความสุดยอดของหนังรีเมคแนว คาวบอย เรื่องนี้กันมามากมายแล้ว เพราะเอาเข้าจริงๆนั้นหนังก็สมควรได้รับคำวิจารณ์เหล่านั้นจริงๆ เพราะหนังเต็มไปด้วยฉากประทับใจ และ อารมณ์หนังแนวคาวบอยดิบๆได้อย่างครบถ้วน พร้อมกับการแสดงของหนูนางเอก และ เจฟฟ์ บริดเจส ที่สามารถควบคุมทั้งโทนอารมณ์หนัง และ ความน่าติดตามของหนังได้อย่างอยู่หมัด แถมงานนี้นั้นรับประกันคุณภาพจาก พี่น้อง โคเอน ถึงแม้ว่าหนังจะไม่ได้ออสการ์จากปีที่แล้วมาเลยก็ตาม (แต่ก็ได้เข้าชิงเยอะถึง 10 รางวัล)

True Grit : ยอดคนจริง , ก็คงเป็นอีกเรื่องที่ได้บอกไว้ว่า 'การเดินทางไม่ได้มีดีที่จุดหมาย แต่ว่า..'

อันดับที่ 6.

Win Win : ชนะได้ถ้าใจแจ่ม

ถือได้ว่าเป็นหนังม้ามืดแห่งปีเลยก็ได้ ที่ขโมยหัวใจผมไปเต็มๆ กับหนังเรื่องราวของโค้ชตกอับ ที่ได้ดันไปเจอเด็กเกเรข้างถนนไม่เอาไหนคนนึง จนกระทั่งภายหลังได้พาเขาเข้าไปแข่งมวยปล้ำรอบชิงชนะเลิศได้ โดยก่อนที่จะดูหนังเรื่องนี้ก็ได้ยินเสียงความสุดยอดของหนังมามากแล้ว และพอดูจริงๆนั้นก็บอกได้เลยว่าเป็นหนังที่ดีเกินคาดจริงๆ เพราะนอกจากหนังจะสามารถทำให้หัวใจคนดูพองโตไปกับอารมณ์ของหนังได้แล้ว หนังยังแอบมีสอดไส้ประเด็นความรัก ความใส่ใจ ต่างๆเข้ามาได้อย่างลงตัว และ ไม่ยัดเยียด แถมการแสดงของเด็กหัวทอง ดาราใหม่ นั้น ผมรับประกันได้เลยว่า หลังๆต้องรุ่งอย่างแน่นอนครับ

อันดับที่ 5.

127 Hours : ฝ่าวิกฤต 127 ชั่วโมงเฉียดตาย

นี้ก็เป็นหนังออสการ์อีกเรื่อง จากผู้กำกับฝีมือเยี่ยมอย่าง แดนนี่ บอยด์ ที่เมื่อปี 2008 ได้ออสการ์หนังยอดเยี่ยม และ ผุ้กำกับยอดเยี่ยมไปแล้วกับ Slumdog Millionaire แต่ก็น่าเสียดายที่ปี 2010 ไม่ได้ไปครองกับ 127 Hours ที่ถ้าประมวลผลกันตามเนื้อผ้านั้น สิ่งที่ครองใจคนดูไปมากกว่าเนื้อเรื่องนั้นคือด้านการถ่ายภาพของหนัง ที่สามารถถ่ายทอดทั้งความอีดอัด และ ความลำบาก ของตัวเอกออกมาได้อย่างน่าเชื่อถือ และด้านของฉากย้อนอดีตของหนังก็ยังสามารถเรียกน้ำตาความซาบซึ้ง และ ความพยายาม ออกมาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ แถมยังไม่บีบน้ำตาเหมือนหนังเศร้าๆหลายๆเรื่องอีกด้วย

127 Hours : ฝ่าวิกฤต 127 ชั่วโมงเฉียดตาย , 127 ชั่วโมงนี้ได้สอนเรามากมายไปกว่าคำว่า "ดราม่า"

อันดับที่ 4.

The King's Speech : ประกาศก้อง จอมราชา

หนังที่ชนะรางวัลหนังยอดเยี่ยม และ ผู้กำกับยอดเยี่ยม จาก ออสการ์ ไปเมื่อปี 2010 กับหนังเกี่ยวกับพระราชาติดอ่างเรื่องนี้ ที่คงไม่ต้องสรรหาคำพูดมากมายมาพูดให้กับหนังเรื่องนี้นอกจากคำว่า สุดยอด เพราะหนังสามารถเล่าเรื่องราวประวัติของพระราชาติดอ่างออกมาได้อย่างสนุก แถมยังมีประเด็นของหนังที่อาจจะไม่หนักแน่น แต่ เข้มข้น ตามสไตล์หนังรางวัลเวทีออสการ์ และที่ขาดไม่ได้เลยคือด้านของการแสดงที่ต้องเรียกได้ว่าดีที่สุดของ โคลิน เฟริส ที่สามารถแสดงบทบาทของพระราชาติดอ่างออกมาได้อย่างกินใจ และ ซาบซิ้ง จึงทำให้คนดูทั้งหลายนั้นอินไปกับหนังดีๆเรื่องนี้ได้ไม่ยากเลยหละครับ

The King's Speech : ประกาศก้อง จอมราชา , "ใครจะมาช่วยเรา ถ้าหากเรายังไม่ช่วยตัวเอง ??"

อันดับที่ 3.

The Tree Of Life : ทรี ออฟ ไลฟ์

เป็นหนังที่ต้องขอเตือนไว้ก่อนว่าไม่เหมาะกับทุกคนอย่างแน่นอน ถ้าหากคุณเป็นคนไม่คนที่ไม่ชอบหนังดราม่าแนวน่าเบื่อๆ เนิบๆ และพร่ำเรื่องราวของปรัชญา ศาสนาคริสต์ และ ชีวิต แบบซ้ำๆ ก็ขอให้ข้ามเรื่องนี้ไปได้เลย เพราะหนังเขาจัดเต็มด้านเรื่องราวของปรัชญาชีวิต ที่ต้องขอบอกเลยว่าเป็นหนังที่ผู้กำกับปล่อยของได้อย่างเต็มที่ ไปพร้อมกับการแสดงของ แบรด พิดท์ ที่ต้องขอชมว่าเข้มข้นมาก แถมการถ่ายภาพธรรมชาติต่างๆของหนังก็ยังออกมาสบายๆ สวยงาม และถ้าดูจบแล้วคุณสามารถเข้าใจทุกประเด็นของหนังได้หมดนั้น ผมรับรองเลยว่าคุณจะอยากกลับไปกราบเท้า และ รักพ่อแม่ของคุณมากขึ้นแน่นอน

The Tree Of Life : ทรี ออฟ ไลฟ์ , เป็นหนังอาร์ทที่สวยงามที่สุดเท่าที่เคยดูมา พร้อมกับนักแสดงคุณภาพ

อันดับที่ 2.

Drive : ขับดิบ ขับเดือด ขับดุ

หนังอาร์ทเฮ้าส์ เนื้อเรื่องธรรมดา ธรรมด๊า แต่เป็นเพราะว่าสไตล์การกำกับงานของ นิโคลัส วินดิ่ง เรลฟ์ นั้น จึงทำให้หนังที่บทแสนธรรมดาเรื่องนี้ออกมาเป็นหนังแนวอาร์ทที่เพอร์เฟ็ค และ ไร้ที่ติ โดยเป็นหนังที่เต็มไปด้วยฉากที่ต้องขอบอกเลยว่า ประทับใจ และ สวยงาม ที่สุด โดยเฉพาะฉากจูบในลิฟท์ ที่เป็นฉากที่ดูแล้วมันสะกิดใจอาร์ทๆเลยก็ว่าได้ พร้อมกับฉากแอ็คชั่นของหนังที่ใส่มาเป็นน้ำจิ้ม แถมการที่หนังปูบทให้คาแรกเตอร์ นักขับรถ ของ ไรอัส กอสลิ่ง เป็นคนไม่มีที่มาที่ไปจึงเป็นสิ่งน่าค้นหาอย่างมาก เพราะฉะนั้นไม่แปลกเลยที่หนังแอ็คชั่น อาร์ทเฮ้าส์ เรื่องนี้จะเป็นที่ 1 หนังที่ดีที่สุดในปีจากหลายสำนักนี้ครับ

Drive : ขับดิบ ขับเดือด ขับดุ , หนังอาร์ทเฮ้าส์ผสมผสานทั้ง 'ดราม่า' และ 'แอ็คชั่น' ได้โคตรลงตัว

อันดับที่ 1.

Harry Potter And The Deathly Hallows : Part 2 : เเฮร์รี่ พ็อตเตอร์ กับ เครื่องรางยมทูต ภาค 2

เป็นหนังที่ชอบมากที่สุดแห่งปี เพราะมันเป็นการปิดฉากโลก และ เรื่องราวของพ่อมดที่ไม่ค่อยจะน้อยอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้อย่างลงตัวแล้ว หนังยังสามารถเนรมิตฉากดราม่า และ ฉากอารมณ์ต่างๆตามในหนังสือออกมาได้อย่างสวยงาม ประกอบไปกับดนตรีประกอบของหนังที่ต้องเรียกได้เลยว่า ทรงพลัง และ จับต้องได้ ไปพร้อมกับการแสดงของ เดเนียล เรดคลิฟท์ ที่ในภาคนี้ถือว่าเป็นการแสดงที่ดีที่สุดใน 8 ภาคเลยก็ว่า ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ พ่อมดน้อย นั้น ภาคนี้ถือว่าเป็นภาคที่บอกได้คำเดียวเลยว่า ถ้าหากพลาดแล้วจะเสียใจ เพราะมันเป็นหนังที่อาจจะไม่ได้เพอร์เฟ็คไปซะทุกอย่าง แต่ผมชอบมาก

Harry Potter And The Deathly Hallows : Part 2 : เเฮร์รี่ พ็อตเตอร์ กับ เครื่องรางยมทูต ภาค 2 !!

อันดับพิเศษ

Midnight In Paris : คืนบ่มรักที่ปารีส

เป็นหนังที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในปีมากๆ เพราะในทีแรกนั้นได้มีโอกาสจัดอันดับเสร็จเรียบร้อยก่อนหนังเรื่องนี้เข้าฉายในไทยเสียอีก แต่หลังจากมีโอกาสได้ดูมาแล้ว จึงไม่รู้ว่าจะใส่มันเข้าไปในอันดับไหนดี จึงขอใช้พื้นที่เล็กๆให้หนังเรื่องนี้เป็น อันดับพิเศษ แทน เพราะหนังนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์เมืองปารีส และ ข้อคิดดีๆเกี่ยวกับเรื่องราวของกาลเวลา ที่ใครนั้นเป็นคอหนังของผู้กำกับ วู้ดดี้ อัลเลน ก็ไม่ควรพลาดอย่างแน่นอนเลย แถมใครที่ดูจบแล้วนั้นยังอาจจะต้องรีบเก็บตังค์เพื่อจะจองตั๋วเครื่องบินไป ปารีส ก็เป็นได้ เพราะว่าเป็นหนังที่ถ่ายทอดเมืองชิลๆเมืองนี้ได้ดีจริงๆ ยังมีฉายอยุ่ที่ ลิโด้ , SFW และ พารากอนเลยครับ

Midnight In Paris : คืนบ่มรักที่ปารีส , อดีต เป็นสิ่งที่ควรทิ้งไว้ ส่วน ปัจจุบัน คือสิ่งที่ควรอยู่

Create Date : 02 มกราคม 2555

Last Update : 2 มกราคม 2555 18:14:24 น.

2 comments

Counter : 16850 Pageviews.