เชลซีหน้าบี สุนทรีย์ไม่แพ้หน้าเอ
อีกเพียงแค่นัดเดียว จอห์น เทอร์รี่ก็จะเดินหน้าเข้าสู่เลขสาม (ร้อย) ในฐานะผู้นำทีมเชลซีแล้วนะครับนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับใครซักคนที่จะสารถยืนหยัดบนตำแหน่งที่มีความกดดันสูงกับสโมสรเพียงสโมสรเดียวขนาดนี้ ได้นานขนาดนั้น เท่าที่ความทรงจำพอจะขุดคุ้ยออกมาจากกล่องความทรงจำได้ เห็นจะมีเพียง "ฟรังโก้ บาเรซี่" และ "เปาโล มัลดินี่" จากซาน ซิโร่เท่านั้นที่ทำสำเร็จดังนั้น หากวันนี้ผมไม่หยิบมาละเลงคีย์บอร์ดถึง กลัวว่าจะเป็นการผิดบาปต่อกัปปิตันของเราไม่ใช่น้อยเลยขอเยวแบบลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ บ้านหนองขาหย่างดังๆซักสามทีเพื่อสดุดีนะครับว่า"เยี่ยมจริงๆ!! เยี่ยมจริงๆ!! เยี่ยมจริง!!"
ชัยชนะของพวกไม่มีประวัติศาสตร์
ห้วงนาทีหลังจากกัปตันจอห์นคนดีของเหล่าเชลสกี้ส์ สะกิดขึ้นขวิดลูกหนังเหลืองๆให้ปลิวละลิ่วไปนอนคุดคู้อยู่ที่ก้นตาข่ายของยูไนเต็ดได้นั้นซีลีบัมที่มีรอยหยักไม่มากเท่าเส้นมาม่าของผม ครุ่นคิดถึงชื่อคอลัมน์ในวันนี้ไว้มากมายหลายชื่อเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น"ของขวัญแด่หนูโจ", "แรงแค้นจากมอสโก", "คาเตนัชโช่ โชว์ที่เดอะ บริดจ์", "ชอบเค้าบ้างหรือยังครับ กับอันเชลอตติ" หรือแม้แต่ชื่อที่เน้นเอาฮาเข้าว่าอย่าง "ใครก็ดร้ายยยยย หยุดผมที........." ก็แว่บเข้ามาอยู่ในห้วงความคิดกับเค้าด้วยเหมือนกันแต่แล้วคำสบถที่เหม็นกว่าตดของคนท้องผูก จากลิ้นไก่ของแฟนผีบางคนในบาร์แถวบ้านผม ก็ทำให้ชื่อทั้งหมดเป็นหมันลงไปโดยปริยาย เมื่อพี่คนนั้นหลุดปากหันมาด่าผมด้วยคำๆนึง ที่เจ็บแปล๊บๆและแสบๆคันๆในหัวใจไม่ต่างจากการโดนน้องแพทตี้ อังศุมาลิน บอกเลิกในวันครบรอบ 2 ปีที่รู้จักกัน (ในความฝัน) เท่าไรนัก""พวกเอ็งมันไม่มีตำนาน ไม่มีประวัติศาสตร์ เชียร์เพราะว่าทีมมันพึ่งดัง ไอ้อ่อนเอ๊ย"พูดจบพี่ท่านก็เช็คบิล แล้วพาร่างที่ไร้สมองเดินอาดๆออกจากร้านไปแบบน่าเวทนาในสายตาของผมอย่างที่สุดนั่นเลยเป็นที่มาของชื่อคอลัมน์ในวันนี้ ด้วยประการละฉะนั้นขอรับ
เฉือน..ฆาตกรรมรำลึกของป๋าแพนด้า กับพี่แจ้อิตาเลียน
พึ่งได้มีโอกาสไปนั่งดูภาพยนตร์ไทยที่ผมขออนุญาตโฆษณาให้ฟรีๆแบบไม่เสียเงินเลยว่า"เอาไป 10 กะโหลก" เลยครับผู้กำกับฯ เพราะนอกจากจะเป็นหนังที่ไม่มีนางเอกแล้ว เนื้อหาในนั้นยังจัดว่าเป็นหนังที่โหด, ดิบ, คลาสสิค และบิดหัวใจในตอนจบเอามากๆโดยเฉพาะฉากที่โชว์ร่างกายอันกำยำและเปลือยเปล่าของเป้ สเลอ ที่ทำเอาสาว (น้อยหรือสาวใหญ่ก็ไม่ทราบได้) เก้าอี้ข้างๆ นั่งกัดฟันกันกรอดๆ จนแทบจะโดดเข้าไปกัดคอเป้ในจอกันเลยทีเดียว อยากบอกว่าฉากนั้นเป็นฉากที่เสียวที่สุดในเรื่องเลยล่ะครับ (เพราะถ้าเป้หันมาทางซ้ายอีกนิดเดียว รับรองเลยว่า อีน้องผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ได้หัวใจวายตายคาโรงแน่ๆ) ยอมรับเลยว่า "เฉือน - ฆาตกรรมรำลึก" นั้นเป็นหนังไทยที่ดีที่สุดในรอบปีของพุทธศักราชนี้ (เท่าที่ผมได้ไปดูมา) เช่นเดียวกับ "แมตช์หยุดโลก" ในวันอาทิตย์นี้ ที่อาจทำเอาผม "หยุดงาน" ในวันจันทร์ได้ง่ายๆหากผลการแข่งขันไม่เป็นไปดั่งใจปราถนา (เพราะสหายที่ทำงานนั้น จัดเป็นแฟนผีที่เข้าขั้นโรคจิตในระดับ "ล้อล้างโคตร" กันเลยทีเดียว)ผมเชื่อว่าแมตช์นี้ น่าจะเป็นแมตช์ที่เชือดเฉือนกันสนุกทีเดียว ทั้งในเรื่องแท็คติค และการเดิมพันด้วยตำแหน่งจ่าฝูง (โยงเข้ากันได้เฉยเลยนะครับ) สิงโตน้ำเงินคราม จะเปิดถ้ำขนาดกะทัดรัดกลางลอนดอนรับมือ "แชมป์ 3 สมัยซ้อน" ที่อยู่ในความดูแลโดย "ป๋าเฟอร์กี้" ซึ่งผลลัพธ์จากเกมหยุดงาน เอ้ย! เกมหยุดโลกนี้มีคุณค่าถึง 6 แต้มตามทฤษฏีของการล่าแชมป์ลีกเลยทีเดียว เช็คสภาพความพร้อมกันคร่าวๆก่อนละกันนะครับเชลซีค่อนข้างจะอ้วนท้วนเป็นเด็กสมบูรณ์ในเกือบจะทุกๆตำแหน่ง ขาดแค่สารอาหารในหมวดหมู่วิงแบ็คฝั่งขวา อันเนื่องมาจาก "โชเซ่ โบซิงวา" ขอลาป่วยและอาจต้องเข้ารับการผ่าตัดบริเวณเข่า ขณะที่ "โรนัลดินโญ่รัสเซียน" อย่างยูริ ชีร์คอฟ (ดูเชลซีทีวีเค้าเรียกว่า "เซอร์คอฟ") ก็ยังคงสาละวนกับพยาบาลที่เตียงคนไข้ในเดอะ บริดจ์ แต่ข่าวดีอยู่ที่อาจต้องรอทดสอบความฟิต ซึ่งก็หมายความว่าไม่น่าจะหนักอะไรมากถึงกระนั้น ก็เชื่อว่าพี่แจ้แกคงไม่เสี่ยงใช้งานแน่นอน ด้านอาจารย์ใหญ่ของพรีเมียร์ลีกนั้น ดูท่าจะปวดขมับ ตับแล่บ แสบลิ้น กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ มากกว่าเชลซีหลายกระผีกทีเดียว เมื่อมองไปที่ขุมกำลังในแนวกำแพงเหล็กหลังบ้านยังคงปราศจากเงาของ "ริโอ เฟอร์ดินานด์" กับ "แกรี่ 'I hate Scoucers' เนวิลล์" ที่เจ็บน่องและติดโทษแบนตามลำดับไหล่ แต่ข่าวดีก็คือ "เนมานย่า วิดิช" ปราการหลังตัวแกร่งที่เกลียดการดวลแข้งกับลิเวอร์พูล น่าจะกลับมาคอยประคองอีแวนส์ในเกมรับได้ทันเวลา ส่วนทางด้าน "อาร์ตตัวพ่อ" กับ "ปีกพ่อมด" ยังต้องรอเช็คความฟิตจนถึงนาทีสุดท้าย (ไม่รวมช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 7 นาที) กันต่อไปซึ่งคาดว่าน่าจะกลับมาลงเขย่าขวัญกองหลังเชลซีได้ทันเวลาทั้งสองคน ส่วนคนที่ลงไม่ได้แน่ๆก็คือ "พาร์ค ชี ซอง" กับ "แดนนี่ เวลเบ็ค" เนื่องจากมีอาการเจ็บเข่าเหมือนกันทั้งคู่ ดูจากรายชื่อตัวผู้เล่นที่น่าจะลงสนามได้ทั้งสองทีมแล้ว หากมองโลกลูกหนังแบบเซียนพนัน เชลซีน่าจะเขมือบยูไนเต็ดได้แบบนุ่มลิ้นเลยซินะครับ แต่เผอิญว่าฟุตบอลไม่ได้มีไว้เพื่อการดวลกันบนหน้ากระดาษ อีกทั้งฟุตบอลยังจัดเป็นกีฬาที่ไม่นิยมทำความสนิมสนมกับ "ความแน่นอน" เท่าไรนักดังนั้น เหตุผลของเรื่องตัวผู้เล่น ผมจึงขออนุญาตบรรจงเก็บเข้าลิ้นชักไปพร้อมๆกับทฤษฏี หรือสถิติทั้งหลายแหล่ ที่กูรูกูรู้ทั้งหลาย ชอบนำมาเป็นตัวชี้วัดถึงความน่าจะเป็นต่างๆของฟุตบอลคู่บิ๊ก แมตช์ ผมขออนุญาตวิเคราะห์ จาก "ความน่าจะเป็น" โดยอาศัยการที่เป็นเพื่อนสนิทกับ "เชลซี " และเป็นคนรู้จักห่างๆกับ "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" มาเป็นตัวตั้งในการคาดเดาของเกมวันอาทิตย์นี้ละกันนะครับ
ข้อสอบกลางภาคของอันเชลอตติ
รีบอค สเตเดี้ยมสนามนี้มีความทรงจำที่ไม่เคยจางสำหรับแฟนเชลซีทุกคน... ภาพที่แฟรงค์ แลมพาร์ดเลี้ยงบอลหลบยัสเคไลเน่น ราวกับฝังแม่เหล็กติดปลายสตั๊ดก่อนจะเข่นเข้าไปจมที่ก้นตาข่ายเป็นประตูฝังเจ้าบ้านอย่างเลือดเย็นและอำมหิต พร้อมๆกับพาเชลซีการันตีสถานะ "แชมเปี้ยน" ของลีกสูงสุดที่รอคอยมานานนมจนนมบางคนยานไปถึงหัวเข่าได้แบบร้อยเปอร์เซนต์ภาพนั้น สำหรับผม มันยังคงแจ่มชัดราวกับเหตุการณ์ที่ว่าพึ่งผ่านไปเมื่อคืนวานนี้เอง ห้าปีให้หลัง ซุปเปอร์แลมพส์คนดีคนเดิม ก็มาเพิ่มตัวเลขในบัญชีนายพรานล่าตาข่ายเอาไว้ที่ 133 แผล (ในฐานะกองกลาง) ภายใต้เครื่องแบบสีน้ำเงินได้สำเร็จอีกครั้งด้วยลูกจุดโทษของถนัด อีกทั้งยังสามารถกระเถิบอันดับในทำเนียบดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสร ขึ้นมานั่งยิ้มหวานอยู่ในอันดับที่สี่ เหนือยอดมือปืนในตำนานอย่าง "จิมมี่ กรีฟส์" ไปแล้วอีกต่างหากสุโค่ย! มั้ยล่ะครับ สำหรับจอมทัพหมายเลข 8 แห่งเดอะ บริดจ์รูปหล่อคนนี้
ไปเก็บกดกันมาจากหน๊ายยยย
ไม่รู้ไปเก็บกดมาจากไหนกันนะครับ สำหรับพญาราชสีห์จากนครเอกของอิงกะแลนด์ลงเล่น 3 นัดหลังสุด เล่นโขยก+เขย่าตาข่ายชาวบ้านชาวช่องเค้าไปแล้วถึง 13 เม็ด แถมบริเวณหลังบ้านยังอุตส่าห์สงวน "คลีนชีต" เอาไว้ให้กุนซือคนใหม่ได้แอบ "ปลื้ม" กันอีกต่างหากทำตัวแบบนี้ ระวังแฟนๆเชลซีเค้าจะยิ้มกันจนเหงือกแห้งนะขอรับว่ากันถึงผลงานของเชลซี หลังจากโดนอัปเปอร์คัต ของสิงห์ผยองแบบเน้นๆถึงสองกระแทก ที่วิลล่า พาร์คเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนโน้นเป็นต้นมา อันเชลอตติและลูกทีมยิ่งเล่นกลับยิ่งมั่นใจขึ้นทุกนัดๆ จนความความสงสัยของแฟนๆต่อตัวกุนซือ และระบบไดมอนด์ที่เฮียแกนำมาใช้ ค่อยๆคลายปมความฉงนลงไปทีละน้อยๆและหวังว่าจะหมดความสงสัยลงไป เมื่อฤดูกาลสิ้นสุดลง