Group Blog
 
All blogs
 

The Skinfood...อาหารผิวจากเกาหลี Positioning in Thailand

ถือเป็น rising brand ของบริษัท Manufacturer I Pires ซึ่งเป็น 1 ใน 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางเกาหลี (เช่นเดียวกับ Amor Pacific) SKIN FOOD ช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของ Manufacturer I Pires ดูมีสีสันและสดใสมากขึ้นนับจากวิกฤตของเศรษฐกิจเอเชียเมื่อปี 2541 ซึ่งทำให้ส่งผลกระทบกระเทือนต่อสถานะการเงินของบริษัทฯ พอสมควร

SKIN FOOD กู้หน้ากู้ตาบริษัทได้สำเร็จด้วยอัตราการเติบโตสูง และแผ่ขยายสาขาอย่างรวดเร็วในเกาหลีด้วยคอนเซ็ปต์ “อาหารผิว” ในรูปแบบ single brand ที่เป็น stand alone shop ทำให้ Yeunsil Jeong พร้อมทั้งสามีและน้องชายเห็นโอกาสนี้ กอปรกับกระแสเกาหลีในไทยกำลังมาแรง จึงได้ติดต่อบริษัทแม่เพื่อเป็น Master Francise แบรนด์ SKIN FOOD ในประเทศไทย ในนามบริษัท Malachi

“แม้ SKIN FOOD จะมีอายุเพียง 1 ปี แต่ภายใต้โนฮาวและประสบการณ์ของบริษัท ซึ่งมีเครื่องสำอางที่ได้รับความนิยมในเกาหลีมานานกว่าครึ่งศตวรรษในชื่อเดียวกับบริษัท คือ Pires ทำให้ SKIN FOOD ได้อานิสงส์จาก Pires ด้วย เพราะเป็นผลิตภัณฑ์จากบริษัทเดียวกัน ซึ่งการันตีคุณภาพในระดับหนึ่ง” Jeong สาวเกาหลีพูดไทยฉาดฉาน ผู้เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด และ 1 ใน 3 หุ้นส่วน Malachi บอกกับ POSITIONING

SKIN FOOD วางคอนเซ็ปต์เป็นอาหารผิว หรือ Delicious cosmetics for skin ซึ่งเป็นเครื่องสำอางที่เป็นเสมือนอาหารสำหรับผิว สกัดจากสารสกัดธรรมชาติในสัดส่วนที่เข้มข้นและไม่ใส่สารกันบูด Jeong บอกว่าเมื่อเทียบ SKIN FOOD กับแบรนด์เครื่องสำอางเกาหลี อย่าง THE FACE SHOP และ MISSHA ซึ่งใช้กลยุทธ์ stand alone shop แบบ single brand เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นเทรนด์นิยมของเครื่องสำอางในเกาหลี แต่ SKIN FOOD มี brand image ที่ดูพรีเมียมกว่าคู่แข่ง และมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองไม่ได้จ้าง OEM เหมือนแบรนด์อื่น กระนั้นเมื่อพิจารณาแล้วกลับพบว่าคู่แข่งของ SKIN FOOD ที่มี positioning ใกล้เคียงกันที่สุดกลับเป็น THE BODY SHOP ซึ่งชูจุดขายเครื่องสำอางธรรมชาติเช่นเดียวกัน

ปัจจุบัน SKIN FOOD มีจำหน่ายกว่า 700 sku เป็นทั้ง skin care และ cosmetics จับกลุ่มเป้าหมายที่กว้างตั้งแต่สาววัยแรกรุ่นจนถึงวัย 50 ด้วย price range 35-1200 บาท

ด้วยคอนเซ็ปต์อาหารผิว ดังนั้นวัตถุดิบใดที่เป็นอาหารอันเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ล้วนถูกคัดสรรมาเป็นส่วนผสมหลักใน SKIN FOOD โดยผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุด คือ Herb Salad ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใส่สารเคมีและสารกันบูด แต่ใช้สารสกัดจากเปลือกส้มแมนดาริน จากเกาะเซจู แทน ขณะที่ Red Ginseng ใช้สารสกัดจากโสมแดงเป็น anti-aging

ขณะนี้มีกว่า 100 สาขาที่เกาหลีใต้ และ 10 สาขาที่ไต้หวัน ขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ในโลก โดยเปิดสาขาแรกในไทยที่เซ็นทรัล บางนา และสาขาที่ 2 ที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2548 ที่ผ่านมา ตั้งเป้า 3 ปี มี 30 สาขา และในปี 2549 นี้เตรียมเปิดเพิ่มอีก 10 สาขา อาทิ เดอะมอลล์ บางแค เซ็นทรัล พระราม 2 ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต เดอะมอลล์ บางกะปิ และเซ็นทรัล ลาดพร้าว โดยเน้นตามศูนย์การค้าเป็นหลัก สำหรับทำเลอื่นๆ อาจเป็นที่สยามสแควร์ โดยใช้งบลงทุน 3.5-9 ล้านบาทต่อสาขา ขึ้นอยู่กับขนาดและทำเลของพื้นที่

แผนการตลาดเบื้องต้นนั้นยังเน้นการทำโปรโมชั่นในร้านเป็นหลัก และการบริการแต่งหน้าฟรี 2 ปีสำหรับสมาชิก แต่ไม่มีนโนบายลดราคาสินค้านอกจากจะเป็นสมาชิกซึ่งจะได้รับส่วนลด 5% แต่สำหรับลูกค้าทั่วไปจะให้เป็น welcome gift และ birthday coupon แทน และเมื่อเปิดครบ 5 สาขาจึงจะเริ่มลงโฆษณาในนิตยสารประเภท beauty & fashion ขณะที่มีพรีเซ็นเตอร์เป็น ซอง ยูน ลี ดาราสาวและนักร้องเกาหลีวง Pinkle ซึ่ง Jeong บอกว่าเป็นต้นแบบของ Baby V.O.X แต่ในไทยยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก ขณะที่เกาหลี ซอง ยูน ลี ได้รับการเรียกขานว่าเป็นเจ้าหญิงด้วยภาพลักษณ์ที่สวยสดใส

อาจเรียกได้ว่า SKIN FOOD ได้โอกาสจาก 2 กระแสที่กำลังมาแรงในเมืองไทยทั้งเกาหลีนิยมและกระแสรักสุขภาพ

Guardian Angel คือ มาสคอตของ SKIN FOOD เป็นเสมือนนางฟ้าผู้คอยปกป้องผิวพรรณของบรรดาหญิงสาว


Website
//www.theskinfood.com อันนี้เว็บภาษาเกาหลี
//www.skinfoodthailand.com อันนี้เว็บไทยจ้า

ยังไม่เคยลองใช้ของยี่ห้อนี้ แต่ดูจากกระแสในห้องโภชน์ และ Package แล้ว เราคงตกเป็นเหยื่อของ Brand นี้อีกคนค่ะ แต่ตอนนี้ยังบ่จีอยู่ เก็บเงินไปเที่ยวญี่ปุ่นเดือนหน้าก่อนอ่ะ




 

Create Date : 16 มีนาคม 2550    
Last Update : 16 มีนาคม 2550 16:45:02 น.
Counter : 1527 Pageviews.  

ทัพสินค้าเกาหลี...บุกไทย!! การตลาดที่น่าจับตา

ทัพเครื่องสำอางเกาหลีบุกตะลุยตลาดเมืองไทยในปี 2547-2549 นี้อย่างน้อยๆ ไม่ต่ำกว่า 5 แบรนด์ คือ ETUDE, LANEIGE, MISSHA, SKIN FOOD และ THE FACE SHOP แต่ละแบรนด์ต่างมีแนวคิดและกลยุทธ์การตลาดที่บ้างคล้ายคลึงบ้างแตกต่าง แต่สิ่งหนึ่งที่พบเห็นอย่างน้อยๆ ใน 4 แบรนด์เครื่องสำอางเกาหลี (ยกเว้น ETUDE) คือ การเปิดสาขา stand alone shop ซึ่งเป็นเทรนด์นิยมในเกาหลี และเฟื่องฟูมาก stand alone shop ที่ว่านี้หมายถึง เป็น beauty shop ที่มีผลิตภัณฑ์เพื่อความงามจำหน่ายเพียงแบรนด์เดียว ไม่ได้คละเคล้าหลากหลายยี่ห้อ

ซึ่งอาจไม่แปลกสำหรับตลาดเครื่องสำอางเมืองไทย ที่โดยมากมักเดินเกมเช่นนี้อยู่แล้ว แต่จุดที่น่าสนใจคือ การเปิดช็อปในอัตราที่รวดเร็วและแม้จะเป็นแบรนด์จากต่างบริษัท ต่างคนต่างทำธุรกิจ แต่กระนั้นก็มิอาจปฏิเสธได้ว่านี่คือ “พลังร่วม” ที่ถาโถมสู่อุตสาหกรรมเครื่องสำอางเมืองไทย และมั่นใจได้ว่าจะมีเครื่องสำอางเกาหลีทยอยมาร่วมสมรภูมินี้อีกไม่น้อย

ภายใน 5 ปีคาดว่าจะมี korean beauty shop รวมทุกแบรนด์อย่างน้อยๆ 400 แห่ง โดยมี MISSHA เป็นแบรนด์เด่นที่มีวิชั่นในการขยายสาขานอกศูนย์การค้า ขณะที่ SKIN FOOD เน้นเติบโตในพื้นที่ห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก ขณะที่ ETUDE ยังเป็น counter brand ในห้างสรรพสินค้า และเน้นโฆษณาในหน้านิตยสาร beauty&fashion เป็นหลัก ส่วน LANEIGE ซึ่งถือเป็นแบรนด์ที่หรูสุดใน 5 แบรนด์ข้างต้น เน้นเติบโตทั้ง 2 ทิศทาง คือ ทั้งขยายสาขาตามเคาน์เตอร์ห้างสรรพสินค้าและเปิด stand alone shop หรือ freestanding ในศูนย์การค้า จับกลุ่มลูกค้าระดับสูงเทียบเคียง counter brand ระดับพรีเมียมอื่นๆ

การใช้พรีเซ็นเตอร์ยังคงมีให้เห็นไม่แตกต่างจากเครื่องสำอางสัญชาติอื่นๆ ดาราดังระดับ top 3 ของเกาหลีถูกจับจองโดย LANEIGE เสริมภาพลักษณ์ premium brand ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น MISSHA แม้ได้ว่าจ้างโดยตรง แต่ก็อิงแอบด้วยการเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนละครของดาราดังอย่างวอน บิน และเรน ด้าน SKIN FOOD มี ซอง ยูน ลี เป็นตัวช่วย แม้จะไม่เปรี้ยงปร้างในไทยเท่าคนอื่น

ด้านจุดขายด้านผลิตภัณฑ์ MISSHA เน้นคุณภาพที่ไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์หรูหราหรือต้องเดินซื้อหาในศูนย์การค้า เพราะเชื่อว่านั่นคือต้นทุนที่ไม่จำเป็น LANIEGE ชูเทคโนโลยีที่ช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์หรู ส่วน SKIN FOOD และ THE FACE SHOP ฟาดฟันกันด้วยจุดขายเรื่องผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ

ส่วนเรื่องใช้ดีหรือไม่นั้น คงต้องมาลองกันนะคะ แต่ก็เห็นได้จากชื่อเสียงของเครื่องสำอางเกาหลีแต่ละแบรนด์ที่กำลังโด่งดังไม่แพ้ยีห้อแพงจากยุโรปเลยทีเดียว ไม่เชื่อลองดูที่โต๊ะสวนลุม ห้องโภชน์สิคะ




 

Create Date : 14 มีนาคม 2550    
Last Update : 16 มีนาคม 2550 15:45:27 น.
Counter : 592 Pageviews.  


sweetsugar
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







Friends' blogs
[Add sweetsugar's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.