Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
30 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
เดือนหกแรกนาขวัญ ยุคดึกดำบรรพ์บูชากบ


ภูมิบ้านภูมิเมือง

บูรพา โชติช่วง




เดือนหก แรกนาขวัญ

ยุคดึกดำบรรพ์บูชากบ ขอฝน


     เข้าเดือนหก พฤษภาคม ปฏิทินจันทรคติ เป็นฤดูฝนแรกของชาวกสิกรรมลุ่มน้ำเจ้าพระยา และอาณาบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำสาละวิน และตอนใต้ของจีน ในผืนนาบางท้องที่เริ่มมีต้นกล้าข้าวสีเขียวอ่อนๆ ให้แลเห็นกันบ้างแล้ว ขณะที่บางผืนนาแลเห็นชาวนากำลังก้มเงยปักดำและหว่านไถด้วยแรงควายและแรงเครื่องจักร

เดือนหก ด้านหนึ่งของประเพณีราชสำนักสยามหรือไทยในปัจจุบันที่สืบเนื่องมาช้านานก็คือ วันพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ (จรดพระนังคัล เป็นคำเขมร นังคัลคือผาลไถนา) แปลว่าไถนาครั้งแรก ตามหลักฐานในเอกสารเก่าแก่ว่า พระเจ้าแผ่นดินเมื่อราว 700 ปีมาแล้ว มอบให้เจ้านายและขุนนางทำพิธีนี้เพื่อความมั่งคั่งในพืชพันธุ์ธัญญาหารของราชอาณาจักร จะละเว้นมิได้ ต้องทำทุกปี จึงมีสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ในปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 11 พฤษภาฯ กระทำขึ้น ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

     ในไพร่ฟ้ากสิกรรมหรือชาวไร่ชาวนาแล้ว จัดพิธีกรรมมงคล เดือนหก แรกนาขวัญ ที่สืบสานกันมาแต่โบร่ำโบราณ ทั้งความเชื่อ ตำนานและนิทานพื้นบ้านของแต่ละย่านถิ่นฐานบ้านเรือน ดังในหนังสือ “ประเพณี 12 เดือน ในประวัติศาสตร์สังคมวัฒนธรรม เพื่อความอยู่รอดของคน” ปรานี วงษ์เทศ มหาวิทยาลัยศิลปากร (www.sujitwongthes.com) กล่าวว่า ทางจันทรคติของชุมชนท้องถิ่นพวกหนึ่งในอุษาคเนย์ เริ่มเข้าวันแรกขึ้น1 ค่ำเดือนหก ขณะที่บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยานับเดือนหก แต่ทางล้านนาและบางท้องถิ่นที่อยู่ตอนบนของภูมิภาค จนถึงทางใต้ของจีนนับเป็น เดือนแปด แล้ว

ประเพณีชาวบ้านช่วงเวลานี้ สืบเนื่องจากเดือนก่อน(เดือนห้า) เป็นช่วงเวลาหลังฤดูการเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหาร แล้วเริ่มเข้าฤดูการผลิตใหม่ อันเป็นช่วงเข้าฤดูฝนเริ่มตก ชาวนาต้องเตรียมเครื่องมือทำไร่ไถนา(คาน คันไถ) ที่สำคัญก็คือต้องทำ พิธีแรกนา หรือ นาแรก ใน ทวาทศมาส(โคลงดั้น) เอกสารยุคต้นกรุงศรีอยุธยาได้พรรณนาฤดูเดือนหก(ไพศาขย) เริ่มมีฝนตกแล้วว่า “ฤดูไพศาขยสร้องฝนสวรรค์” และในโคลงดั้นบอกต่ออีก “แขไขบ่าวไถนาถถั่น มานา”

     แรกนาขวัญ เป็นภาษาราบลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตรงกับภาษาของคนบริเวณสองฝั่งแม่น้ำโขงว่า นาตาแฮก(แฮกคือแรก) หมายถึงการไถนาทำนาปลูกข้าวครั้งแรกในนาจำลองขนาดเล็กๆ สมมุติขึ้น แล้วมีพิธีสู่ขวัญวิงวอนร้องขอต่ออำนาจเหนือธรรมชาติ (บางทีเรียกผีนาหรือพระภูมินา) จงบันดาลให้ทำนาจริงๆ ได้ผลผลิตเป็นข้าวงอกงามอุดมสมบูรณ์ บางแห่งในภาคเหนือจะทำพิธีสังเวยแม่โพสพพร้อมกันไปด้วย

ถ้าว่าไปแล้ว พิธีอย่างนี้มีมาแต่ดั้งเดิมชุมชนคนดึกดำบรรพ์ ราว 3,000 ปีมาแล้ว ต่อมาเมื่อราชสำนักรับแบบแผนฮินดูจากชมพูทวีป(อินเดีย) จึงปรุงแต่งให้สอดคล้องกับพิธีพราหมณ์เพื่อความศักดิ์สิทธิ์สูงขึ้น เช่น มีพระโคเสี่ยงทาย เชิญเทวดามาเสกเป่าข้าว เปลือกที่ใช้หว่านในพิธี เมื่อเสร็จงานก็ให้ชาวบ้านเก็บเม็ดข้าวเปลือกไปบูชา และโปรยลงในนาของตน เพื่อให้ได้ผลผลิตเป็นเมล็ดข้าวมากขึ้น และรอดพ้นจากภัยธรรมชาติ

เดือนหก แม้ว่าบางปียังไม่มีฝน ส่งผลให้ชาวไร่ชาวนาเดือดร้อนเพราะเริ่มทำนาไม่ได้ จึงเกิดประเพณีขอฝนขึ้นมาหลายอย่างต่างๆ กัน ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ จุดบั้งไฟขอฝน มีระบบความเชื่อมาแต่ดึกดำบรรพ์มาก กว่า 3,000 ปีมาแล้ว ทั้งยังเกี่ยวข้องกับ กบ และ คันคาก หรือ คางคก

นักประวัติศาสตร์ กล่าวคำคันคาก เป็นคำปากชาวบ้านลาว-ไทยสองฝั่งโขง ตรงกับคางคกตามคำปากชาวบ้านลุ่มน้ำเจ้าพระยาภาคกลาง เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำประเภทเดียวกับกบ รวมทั้งเขียดและอึ่งอ่าง ที่คนดั้งเดิมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เคารพยกย่องเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ สัญลักษณ์ของน้ำและฝน เพราะสัตว์พวกนี้มักปรากฏตัวและส่งเสียงดังเมื่อฝนตกลงมาเป็นน้ำนองทั่วไป ให้ความอุดมสมบูรณ์แก่ผู้คนทุกชนเผ่าที่มีหลักแหล่งอยู่เขตมรสุมที่ทำกสิกรรมโดยอาศัยน้ำฝนจากธรรมชาติ

ทั้งชี้ให้เห็นคนยุค 3,000 ปีมาแล้วมีความเชื่อกบ-คันคาก-คางคก เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ พยานหลัก ฐานอย่างน้อย 2 อย่างคือ กบสัมฤทธิ์ ประดับอยู่หน้ากลองทอง หรือกลองสัมฤทธิ์ ที่เรียกกันว่า มโหระทึก ใช้ตีขอฝน ฯลฯ พบทั่วไปทั้งภูมิภาคอุษาคเนย์ ตั้งแต่ราว 4,000 ปีมาแล้ว คนทำท่ากบ ภาพเขียนสีบนหน้าผาในถ้ำ และสถานที่ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ วาดรูปคนแต่กางแขน-ขาทำท่าเหมือนกบ พบมากที่ชุมชนชาวจ้วงมณฑลกวางสีประเทศจีน แล้วยังพบในไทยด้วย มีอายุราว 3,000 ปีมาแล้ว

แม้แต่ตามร่างกาย แขน ขาของชนเผ่าในอุษาคเนย์ ก็มี ลายสัก หรือ สักหมึก ล้วนเกี่ยวข้องกับกบ เพราะยุคเริ่มแรกทำลวดลายเหมือนผิวหนังกบจริงๆ ถือเป็นเครื่องรางปกป้องคุ้มครองให้คลาดแคล้วจากภยันตราย และทำให้มั่งคั่งอุดมสมบูรณ์อีกด้วย



     นักประวัติศาสตร์มองเหตุที่คนแต่ก่อนทำท่ากบ เพราะเชื่อว่ากบเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์สื่อสารกับอำนาจอย่างหนึ่งได้ ทำให้น้ำฝนหล่นจากฟ้ามาสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารความอุดมสมบูรณ์ แต่ฝนก็ไม่ได้ตกลงมาทุกคราวตามต้องการ เพราะยังมีฤดูที่ฝนไม่ตก ทำให้แห้งแล้ง คนเลยต้องบูชากบ เพื่อวิงวอนร้องขอกบให้ช่วยบอกผู้มีอำนาจบนฟ้าปล่อยน้ำลงมาเป็นฝนตก

นี่เองจึงมีพิธีกรรม มีการละเล่น เต้นฟ้อนทำท่ากบบริเวณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น ลานกว้างตรงหน้าผา เขียนรูปไว้บูชามีอยู่ทั่วไปตั้งแต่ผาลายในมณฑลกวางสี จนถึงสองฝั่งโขงที่ผาแต้ม จ.อุบลราชธานี เขาจันทน์งาม จ.นครราชสีมา กับเขาปลาร้า จ.อุทัยธานี ถึงกระนั้นก็ตามการร้องขอต่ออำนาจเหนือธรรมชาติผ่านพิธีบูชากบไม่สำเร็จเสมอไป เพราะมนุษย์ควบคุมธรรมชาติไม่ได้

นอกจากนี้มีการสร้างเรื่องขึ้นจินตนาการ บอกเล่ากันปากต่อปากสืบมาเป็นนิทานเช่น พญาคันคาก หรือ คางคกยกรบขอฝนจากแถนบนฟ้า ทำให้เกิดประเพณี จุดบั้งไฟ บอกแถนฟ้าให้ฝนตก แต่ลงท้ายก็ล้มเหลวหมด คือเอาชนะธรรมชาติอย่างแท้จริงไม่ได้

ในกลุ่มชนชาติจ้วงมณฑลกวางสี ยังมีคำบอกเล่าในรูปของนิทานบันทึก ปู้โล่โถ หมายถึงผู้ยิ่งใหญ่ปากกว้าง มีโครงเรื่องใกล้เคียงคล้ายคลึงกับนิทานเรื่อง แถน ที่แพร่หลายอยู่ในกลุ่มไทยดำทางภาคเหนือเวียดนาม แล้วมีบันทึกไว้ใน ความโทเมือง ของไทยขาว กับ พงศาวดารล้านช้าง ทว่านิทานของชาวจ้วงไม่มีนาค แต่เรื่องพญาคันคากมีนาค ซึ่งน้ำบนฟ้าจะตกลงมาเป็นน้ำฝนให้มนุษย์ได้ ก็ต่อเมื่อนาคจากบาดาลขึ้นไปเล่นน้ำบนฟ้า ให้แตกกระจายกลายเป็นฝนหล่นลงมาสู่โลก ถ้านาคไม่ขึ้นไปเล่นน้ำก็ไม่มีฝน

โครงเรื่องอย่างนี้ สะท้อนให้เห็นระบบความเชื่อของมนุษย์ยุคโลหะเมื่อราว 2,000 ปีมาแล้ว ที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่าง ดิน กับ ฟ้า ฉะนั้นคนกับธรรมชาติตัดขาดจากกันไม่ได้ ถ้าส่อเสียดเบียดเบียนธรรมชาติ มนุษย์ก็ย่อมต้องเดือดร้อนหย่อนเย็นไม่เป็นสุข

     นักประวัติศาสตร์ได้ถ่ายทอดให้เห็นเป็นพอสังเขป ทำให้เราแลเห็นได้ว่านอกจากนิทานพื้นบ้านของแต่ละชนเผ่าพันธุ์ กลองมโหระทึกที่มีรูปกบหล่อสัมฤทธิ์เกี่ยวข้องกับพิธีบูชาขอฝนแล้ว ยังมี ฆ้อง ลักษณะทางอำนาจของผู้ครอบครอง และใช้ประโคมตีให้เป็นเสียงสื่อสารกับอำนาจเหนือธรรมชาติ เช่น ปวงผีมีคุณ ฯลฯ ในพิธีกรรม รวมทั้งตีบอกเวลา(โมง) กลอง(ทุ่ม) แล้วพัฒนาเป็นเครื่องดนตรีประกอบการละเล่น เช่น เลี้ยงผี แก้บน จนถึงละครโขน หนัง(ใหญ่) ในราชสำนักและราษฎร์สืบเนื่องมาถึงยุคโพสต์โมเดิร์นหรือร่วมสมัยปัจจุบัน

นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น เดือนหกนี้แต่โบราณมายังมีเทศกาลโกนจุก ให้เด็กๆ ที่ไว้จุกเพื่อรับ ขวัญให้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ข้างหน้า ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงไว้จุกเมื่อโตเป็นสาวแล้วก็เข้าพิธีแต่งงานมีผัวได้ ดังกลอนเสมียนมี หรือหมื่นพรหมสมพัดสร กวีสมัยรัชกาลที่ 3 เขียนไว้ “ที่โกนจุกได้ปีครึ่งจะผลิ อุตริหนักหนาจะหาผัว” ฉะนั้นเดือนหกจึงถือกันทั่วไปว่าเดือนมงคล เพราะฝนตกใหม่ๆ ควรจัดให้หนุ่มสาวที่ชอบพอกันพร้อมแล้วแต่งงาน จะได้เป็นกำลังทำนาทำไร่ สร้างครอบครัวใหม่รับฤดูกาลผลิตใหม่

     ขอแถมท้ายกลอนเพลงเก่าๆ ของหนุ่มเกี้ยวสาวตอนหนึ่ง “เดือนห้าต่อเดือนหก ให้น้องเตรียมครก พี่จะยกสากมา” หมายถึงขอแต่งงาน เพราะ “ครก” เป็นสัญลักษณ์อวัยวะเพศหญิง ส่วน “สาก” สัญลักษณ์เพศชาย อันเป็นสิ่งที่รับรู้กันทั่วไปโดยไม่ถือเป็นสิ่งหยาบคายใดๆ


ขอขอบคุณ
ที่มา :
ข่าววันที่ 5 พฤษภาคม 2552 แหล่งข่าวจาก สยามรัฐ



H O M E



Create Date : 30 ตุลาคม 2552
Last Update : 30 ตุลาคม 2552 21:36:44 น. 0 comments
Counter : 2105 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.