Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
1 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
มาสเตอร์พีซของหลวงวิจิตรเจษฎา


นรา

เลียบๆ เคียงๆ เฉียดถากไปมาหลายอาทิตย์ คราวนี้ก็ได้เวลาไปชื่นชมภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือ "ครูทองอยู่" กันแล้วนะครับ

ครูทองอยู่หรือหลวงวิจิตรเจษฎานั้น ประวัติชีวิตของท่านไม่เหลือรายละเอียดอันใดให้ล่วงรู้กันเลย นอกเหนือจากคำบอกเล่าเกี่ยวกับการวาดภาพประชันขันแข่งกับครูคงแป๊ะที่วัดสุวรรณารามแล้ว ก็มีแค่ชื่อที่ปรากฎใน "คำไหว้ครูช่างครั้งกรุงเทพฯ" ความว่า

"นบเจ้าจอมเพชวกรรม์
ขุนเทพคนขยัน
ทั้งรักษ์ภูมินทร์กัลมา
ท่านพญาชำนิรจนา
หลวงวิจิตรเจษฎา
วิจิตรราชมนตรี"


ในคำไหว้ครูดังกล่าว เอ่ยนามช่างแขนงต่างๆ ผู้มีผลงานโดดเด่นช่วงต้นรัตรนโกสินทร์เอาไว้ 14 ท่าน ข้อความที่มีวงเล็บกำกับนั้นหมายถึงชื่อเดิม ประกอบไปด้วย ขุนเทพ (นาม), หลวงกัลมาพิจิตร (สน), พระยาชำนิรจนา (แก้ว), หลวงวิจิตรเจษฎา (ทองอยู่), วิจิตรราชมนตรี (ปลื้ม-ท่านนี้ไม่ปรากฎบรรดาศักดิ์), พรหมพิจิตร (คุ้ม-ท่านนี้ก็ไม่ปรากฎบรรดาศักดิ์), หมื่นสุนทร (ด้วง), นายทองดี, ปขาวสก, ตามี, ขุนสรรพสัตว์ (เทศ), หฤไทย (ด้วง-ไม่ปรากฎบรรดาศักดิ์), หลวงบรรจงรจนาไมย (สา) และขุนสนิทบรรจง (สน)

(อ้างอิงจากหนังสือ "ผลงาน 6 ศตวรรษของช่างไทย" โดยศาสตราจารย์โชติ กัลยาณมิตร)

ทั้งหมดนี้เป็นอีกหนึ่งหลักฐานยืนยันว่า ครูทองอยู่ท่านมีตัวตนจริง และเป็นครูคนสำคัญที่ช่างเขียนรุ่นหลังให้ความเคารพนับถือ

ว่าแต่ว่า มีใครสงสัยบ้างไหมครับว่า? ทำไมจึงไม่ปรากฎชื่อของครูคงแป๊ะในคำไหว้ครูฯ ทั้งที่ท่านก็เป็นศิลปินคนสำคัญ อยู่ร่วมยุคสมัยเดียวกัน อีกทั้งได้ชื่อว่า เป็นคู่แข่งกับครูทองอยู่ และก่อให้เกิดข้อถกเถียงที่ปราศจากข้อยุติมากระทั่งทุกวันนี้ว่า ใครเก่งกว่ากัน?

*ประเด็นนี้ "สมเด็จครู" กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงสันนิษฐานไว้ว่า อาจเนื่องเพราะครูคงแป๊ะมักจะก่อเหตุทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง รวมทั้งเคยต้องโทษข้อหาฆ่าคนตาย จึงทำให้ประวัติมัวหมองมีมลทินอยู่บ้าง เลยไม่ได้รับการเคารพนับถือเท่าที่ควร (กระทั่งในปัจจุบัน ข้อมูลหลายแห่งก็กล่าวถึงท่านด้วยการเอ่ยนาม "คงแป๊ะ" ตรงๆ โดยไม่เรียกขานว่า "ครู")

ครูช่างในอดีตนั้น นอกเหนือจากความเก่งกาจสามารถทางด้านฝีมือแล้ว ความประพฤติส่วนตัวก็น่าจะต้องเพียบพร้อมเป็นแบบอย่างอันดีงามให้ผู้อื่นเจริญรอยตาม

ผมนั้นชื่นชมครูช่างทั้งสองท่านเท่าๆ กัน ก็เลยต้องจินตนาการหาเหตุผลทางด้านบวก มาแก้ต่างให้แก่ครูคงแป๊ะสักหน่อย

กล่าวคือ ผมเชื่อว่า ครูคงแป๊ะนั้นท่านก็คงมีน้ำใสใจคอเป็นคนดีนะครับ แต่เพราะความติสท์ สวนกระแส แหวกแนว ฉีกขนบ จึงทำให้สังคมรอบข้างส่วนหนึ่งที่ตามความคิดของท่านไม่ทัน รู้สึกต่อต้าน บวกรวมกับความเป็นคนจีน ก็น่าจะมีผลให้ท่านมีสถานะเป็น "คนนอก" อยู่บ้างพอสมควร

ยึดถือตามเหตุผลคำอธิบายของ "สมเด็จครู" เป็นหลัก ชื่อที่ได้รับการบันทึกไว้ใน "คำไหว้ครูครั้งกรุงเทพฯ" ช่วยให้สันนิษฐานเพิ่มเติมได้ว่า ครูทองอยู่หรือหลวงวิจิตรเจษฎานั้น จะต้องเป็นครูช่างที่โด่งดังมาก และมีความประพฤติดีงามไร้ตำหนิ เปี่ยมด้วยเมตตา มีคุณสมบัติจิตวิญญาณความเป็นครูที่ดีครบถ้วนเพียบพร้อม (ตรงกับการตีความบุคลิกของท่านผ่านทางภาพวาด และสอดคล้องกับการคาดหมายว่า การที่ท่านประชันขันแข่งวาดภาพกับครูคงแป๊ะ น่าจะเป็นเรื่องขัดแย้งในหมู่กองเชียร์ทั้งสองฝ่ายมากกว่า ขณะที่ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างท่านกับครูคงแป๊ะ ควรจะดำเนินไปในทางเคารพนับถือฝีมือของกันและกัน ตามประสาสุดยอดศิลปินที่สามารถ "อ่าน" ความพิเศษล้ำลึกที่ซ่อนอยู่ในผลงานของอีกฝ่าย ได้แตกฉานทะลุแจ้งแทงตลอดยิ่งกว่าสายตาคนปกติทั่วไป)

กล่าวเฉพาะครูทองอยู่ ผลงานของท่านที่ยังคงตกทอดมาถึงปัจจุบัน ทราบแน่ชัดเพียงว่า ภาพเนมีราชชาดก วัดสุวรรณาราม เป็นฝีมือครูทองอยู่โดยแท้ ขณะที่ภาพเรื่องเดียวกัน ณ วัดบางยี่ขัน ยังปราศจากหลักฐานยืนยันว่าใช่ผลงานของท่านหรือไม่ ทว่าเมื่อพิจารณาจากลีลาการจัดองค์ประกอบภาพ, สีสัน และลายเส้น ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเชื่อว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะมาจากฝีมือและความคิดของครูช่างคนเดียวกัน

ในหนังสือ "ผลงาน 6 ศตวรรษของช่างไทย" ระบุว่า ที่วัดสุวรรณารามนั้น ครูทองอยู่ยังได้วาดภาพเทพชุมนุม ภาพมารผจญ ภาพพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์ แต่พิจารณาจากลีลารายละเอียดของภาพที่แตกต่างกันอยู่พอสมควร, ความไม่ลงรอยกับแหล่งข้อมูลอื่นๆ (ซึ่งมีจำนวนมากกว่า) รวมถึงสมมติฐานว่า จำนวนชิ้นงานมากมายเช่นนี้ น่าจะเกินกำลังครูช่างท่านเดียวจะวาดได้หมดตามลำพัง

ผมจึงเชื่อว่า ผลงานของครูทองอยู่น่าจะเป็นห้องที่เขียนเรื่องเนมีราชชาดกเพียงภาพเดียว

ภาพวาดของครูทองอยู่ที่วัดสุวรรณาราม เป็นหนึ่งในงานจิตรกรรมไทยประเพณีที่มีความพิเศษมาก นั่นคือ ใครเห็นวูบแรกก็สามารถตระหนักรับรู้ได้ทันทีว่า สวย ประณีต วิจิตรพิสดาร โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจเรื่องราวเหตุการณ์ในภาพ

อย่างไรก็ตาม ไหนๆ ก็หนักข้อมูลกันมาตั้งแต่ต้นแล้ว ก่อนจะลงสู่รายละเอียดของตัวภาพ ผมขอเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับเรื่องเนมีราชชาดก เพื่อช่วยเพิ่มอรรถรสในการดูภาพวาดของครูทองอยู่

เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการทำความเข้าใจ ผมจะพยายามเลี่ยงใช้คำราชาศัพท์และบาลีให้น้อยที่สุด เน้นการสื่อสารใจความสู่ผู้อ่านเป็นสำคัญ บางแห่งจึงอาจผิดหลักไม่ตรงกับการใช้ภาษาโดยเคร่งครัดอย่างที่ควรจะเป็น หวังว่าท่านผู้รู้คงให้อภัย

เรื่องเนมีราชชาดกนั้นเริ่มต้นพิศดารพันลึกทีเดียว เหตุการณ์มีอยู่ว่า พระยามฆะเทวราชแห่งกรุงมิถิลา ทรงใช้ชีวิตเที่ยวเล่นเป็นเด็กอยู่ 84,000 ปี เป็นอุปราช 84, 000 ปี แล้วค่อยขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์นาน 84,000 ปี พบว่าเริ่มมีเส้นผมหงอก จึงสละราชสมบัติให้พระโอรส เพื่อออกบวชเป็นฤษีอีก 84,000 ปี กระทั่งสิ้นพระชนม์ กลายเป็นเทวดาไปเกิดบนพรหมโลก

นับจากนั้นมาก็กลายเป็นประเพณีของกษัตริย์เมืองมิถิลา (ทุกองค์มีวงจรชีวิตอายุขัยเท่าๆ กัน) สืบต่อจนกระทั่งได้จำนวน 83,998 องค์

ถึงตอนนั้น พรหมมฆะซึ่งเป็นเทวดาบนสรวงสวรรค์ เล็งเห็นด้วยทิพยญาณว่า ต่อไปเบื้องหน้า จะไม่มีกษัตริย์สละราชสมบัติออกบวชเหมือนพระองค์อีก เพื่อให้ประเพณีที่ทรงริเริ่มบรรจบครบ จึงยอมสละชีวิตความเป็นอยู่บนพรหมโลกมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง (พระบิดาของพระองค์จึงออกบวชเป็นลำดับที่ 83,999 และพระมฆะที่กลับชาติมาเกิดใหม่เป็นองค์สุดท้ายครบตามจำนวนพอดี)

ตัวเลข 84,000 น่าจะมีความหมายนัยยะพิเศษทางศาสนาซ่อนอยู่นะครับ เพราะพระไตรปิฏก ได้กำหนดข้อธรรมไว้ว่ามีทั้งสิ้น 84,000 พระธรรมขันธุ์

ยิ่งไปกว่านั้น หนังสือไตรภูมิพระร่วง ยังสาธยายถึงรูปร่างเขาพระสุเมรุไว้ว่า สูงขึ้นไปบนอากาศได้ 84,000 โยชน์ ลึกลงไปใต้น้ำ 84,000 โยชน์ และกว้าง 84,000 โยชน์

ผมยังอ่านไม่เจอคำอธิบายว่า ทำไมต้องเป็นจำนวนตัวเลข 84,000 และซ่อนรหัสความนัยอะไรเอาไว้บ้าง? ต้องขอติดค้างเอาไว้ก่อน (โดยไม่รับประกันว่าจะพบคำตอบ)

พรหมมฆะที่กลับชาติมาเกิดใหม่ ได้รับการตั้งชื่อว่า "เนมิ" (แปลว่า กงล้อรถ) เนื่องจากท่านเป็นชิ้นส่วนรอยต่อสุดท้ายที่ทำให้วงจรครบรอบโดยสมบูรณ์ (ทั้งยังยืนยันว่า ชื่อที่ถูกต้องของชาดกเรื่องนี้คือ "เนมิราช" แต่ผมเลือกสะกดว่า "เนมี" ดังเหตุผลที่เคยอธิบายไปแล้ว)

เวลาล่วงผ่านพ้นไป พระเนมีก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ ทรงบำเพ็ญบารมีด้วยการบริจาคทาน รักษาศีล และแสดงธรรมแก่ราษฏร กระทั่งผู้คนล้วนปฏิบัติตนเป็นคนดีตามอย่างโดยทั่วหน้า

ครั้งนั้น เมื่อผู้คนตายดับล้วนขึ้นสวรรค์กันหมด ส่งผลให้นรกว่างโล่งโหรงเหรง

จุดใหญ่ใจความสำคัญของชาดกตอนนี้ก็คือ พระเนมีท่านเกิดข้อสงสัยตรองไม่ตกขึ้นมาว่า ระหว่างการรักษาศีลกับการทำทานนั้น อย่างไหนจะมีอานิสงส์มากกว่ากัน

เนมีราชชาดกเป็นตอนที่มุ่งเน้นแสดงให้เห็นถึง "อธิษฐานบารมี" ผมควรเล่าไว้ด้วยว่า อธิษฐานไม่ได้แปลว่า "ขอ" ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่หมายถึง ความตั้งใจแน่วแน่มั่นคง ปราศจากอาการสั่นคลอนหวั่นไหว

เรื่องมาเกี่ยวข้องกับ "อธิษฐานบารมี" ตรงนี้นี่เอง คือเมื่อพระเนมีเกิดปุจฉาขึ้นในใจและไม่พบคำตอบ พระอินทร์จึงต้องเสด็จมาวิสัชนาให้ความกระจ่าง

คำอธิบายของพระอินทร์ก็คือ การรักษาศีลนั้นดีกว่าการทำทาน แต่ดีที่สุดควรปฏิบัติทั้งสองด้านไปควบคู่กัน

เมื่อพระอินทร์เสด็จกลับสวรรค์ ข่าวก็ล่วงรู้แพร่กระจายไปถึงเหล่าเทวดา พระเนมีราชคงจะมีกิตติศัพท์โดดเด่นอยู่มากทีเดียว บรรดาเทพบุตรนางฟ้าทั้งหลาย จึงอยากยลโฉมพระองค์ให้เป็นบุญตา และพากันขอร้องต่อพระอินทร์ให้เชิญพระเนมีขึ้นมาแสดงธรรมบนสวรรค์

พระอินทร์จึงส่งพระมาตุลีขับเวชยันตร์ราชรถ (บางแหล่งก็เรียกว่า "เวชยันตทิพยยาน")ไปรับตัวพระเนมี แต่ไม่ได้มุ่งตรงมายังสวรรค์ทันที มีการแวะทัวร์เยี่ยมชมนรกครบทุกขุมและวิมานสวรรค์ชั้นต่างๆ จนกระทั่งพระอินทร์ต้องเร่งรัดให้รีบตรงมายังปลายทาง ณ สุธรรมาเทพสภา บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (ทัวร์สวรรค์จึงยังไม่ครบถ้วน) เพื่อแสดงธรรมแก่เหล่าเทวดานางฟ้าทั้งหลาย

หลังจากแสดงธรรมครบ 7 วัน พระอินทร์ก็ทูลเชิญขอให้พระเนมีเสวยสุขบนสวรรค์

แก่นเรื่องเกี่ยวกับ "อธิษฐานบารมี" อยู่ตรงนี้เองครับ พระเนมีทรงปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า สิ่งที่ได้มาเพราะผู้อื่นให้ ก็เหมือนหยิบยืมเขามา ทรงปรารถนาจะทำบุญทั้งหลายด้วยตนเอง และมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะบำเพ็ญบารมีต่างๆ ให้ครบถ้วน อันนำไปสู่การเกิดเป็นพระโพธิสัตว์ในชาติสุดท้ายเพื่อตรัสรู้

พระเนมีจึงเสด็จกลับโลกมนุษย์ ใช้ชีวิตตามครรลองจนเส้นผมหงอก แล้วออกบวช และทำให้การปฏิบัติตามประเพณีบรรจบครบ 84,000 องค์ (ซึ่งพระเนมีเป็นผู้เริ่มและจบด้วยตนเอง) นับจากนั้น กษัตริย์เมืองมิถิลาองค์ต่อๆ มาก็ไม่มีการออกบวชอีกเลย

ภาพวาดของครูทองอยู่ที่วัดสุวรรณาราม แบ่งพื้นที่ออกเป็นสามส่วนคือ ล่าง กลาง บน (เวลาดูไล่เรียงลำดับตามนี้นะครับ)

ตอนล่างสุดคือ ภาพพระมาตุลีขับเวชยันต์ราชรถพาพระเนมีสู่ดินแดนนรก บริเวณตรงกลางซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของภาพนี้ จับความเหตุการณ์ที่ทรงแสดงธรรมต่อเหล่าเทวดา ณ สุธรรมาเทพสภา ตอนบนสุดเป็นภาพเทวดานางฟ้า เหาะเหินเดินอากาศถือเครื่องหอม รอต้อนรับการเสด็จมาถึงของพระเนมี

เรื่องนี้ยังจบไม่ลง หารันเวย์ไม่เจออีกแล้วครับ

Credit : ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มกราคม 2552

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E




Create Date : 01 เมษายน 2553
Last Update : 1 เมษายน 2553 23:01:33 น. 0 comments
Counter : 2402 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.