Review Japan Trip 22-29 Mar เมื่อซากุระใกล้บานสะพรั่ง #3 ทัวร์สถานีโทรทัศน์กัน!! 24 มีนาคม 2010 และแล้ว เช้านี้วันที่ 2 ที่อยู่ในญี่ปุ่นก็มาถึง วันนี้ตื่น 6 โมงฝ่าๆ เพราะนาฬิกาปลุก 2 เรือน (กลัวไม่ตื่น 555) ออกจากที่พักกี่โมงจำไม่ได้ ซักแปดโมงได้มั้ง แล้วก็ไปหามื้อเช้ากินเอาแถวๆนั้น วันนี้เข้าร้านค่ะ เพราะจะให้ยืนกินหน้าสถานีก็ไม่ไหว วันนี้ฝนตก หนาวโพดๆ ของน้องเป็นราเม็งเทมปุระ อันนี้ของเรา ข้าวหน้าหมูทอด (ไปกี่ร้านก็กินแต่หมูทอด ทำไงได้คัทซึมันของโปรดนี่นา) โอ้แม่เจ้า มันเยอะมากกกก เยอะเกินไปที่จะเป็นข้าวเช้า ก็เลยเก็บข้าวปั้นไว้กินมื้อเที่ยงแทน และแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่โตเกียวทาวเวอร์กัน..... นั่งรถใต้ดินไปต่อที่สถานี Shimbashi เดินเท้าไปสถานี Shiodome ต่อรถสายอะไรจำไม่ได้ ลงสถานี Akabanebashi เดินฝ่าลมฝนและลมหนาวถึงขั้วหัวใจต่ออีกประมาณ 5 นาทีก็ถึงโตเกียวทาวเวอร์แล้ว นี่แหละ โตเกียวทาวเวอร์ นี่มันหนังเรื่อง Tokyo Tower ตะหาก =w= อันนี้ของจริงจ้ะ เดินหลง(อีกแล้ว)อยู่ชั้นล่างซักพัก ก็เจอกรุ๊ปทัวร์ไทย แอบดีใจเจอคนไทย 555 ก็เลยถามเค้าว่าขึ้นลิฟท์ตรงไหน ต้องไปซื้อตั๋วข้างนอกก่อน หนาวอีกแล้วววว เราสองคนพี่น้องขึ้นแค่ชั้น 150 เท่านั้น ไม่ได้ไปต่อ อากาศไม่เป็นใจจริงๆ แค่นี้ก็มองอะไรไม่ค่อยจะเห็น อย่าคิดเลยว่าชั้นบนมันจะเห็นชัดกว่าเดิม วิวมองจากชั้น 150 เมตรในมุมต่างๆ โอไดบะ เดี๋ยวจะไปต่อบ่ายวันเดียวกันนี่แหละ ทีวีอาซาฮีไม่เห็น เห็นแต่ค่ายนี้ (ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน) ทันสมัยสุดๆ มีคอมพิวเตอร์จำลองภาพพาโนราม่า บอกให้ด้วยว่านี่คือตึกอะไรบ้าง (จริงๆถ่าย ม.เคโอ ไว้ด้วย จำไม่ได้ว่ารูปไหน) มีพื้นกระจกให้มองทะลุไปข้างล่างด้วย แอบหวาดเสียว ได้เวลาอันสมควรก็ลงไปชั้นล่างกัน มีจำลองโตเกียวทาวเวอร์อันเล็ก ร้านขายของที่ระลึกก็เยอะพอสมควร ส่วนใหญ่ก็ขายคล้ายๆกันหมด - -“ เราสอยที่คั่นหนังสือรูปถ่ายหอโตเกียวมาชุดนึง มีร้านปาปาอีกแหนะที่นี่ ถูกใจ โยชิคิตตี้ XD ถ่ายรูปกับหอเป็นที่ระลึกก่อนกลับไปชิโอโดเมะ (โอววว รูปนี้ดูผอม ดีใจ 555) นั่งรถใต้ดินย้อนกลับ 2 สถานี จุดมุ่งหมายของเราในวันนี้คือ NTV ค่ะ!!! ไม่ได้แวะเข้าไปในสถานี เพราะหาทางเข้าไม่เจอ = = (เราโผล่มาจากรถใต้ดินอะนะ) แต่ก็ได้เข้าช็อปของสถานีสมใจ แต่ก่อนเสียเงินในช็อป กลับได้เสียตัว เอ๊ยเสียตังกับเหล่าคนสร้างปัญหาซะก่อน บรรยากาศในร้านซีดี ส่วนใหญ่ก็คล้ายๆกันทุกร้าน ช่วงที่ไปเป็นสัปดาห์ที่ Porno Graffiti วางแผงอัลบั้ม อาราชิไดนินกิที่ญี่ปุ่นจริงๆ มีพื้นที่เยอะสุดในชั้นวางซีดีของเด็กลุง ออกมาจากร้านซีดีแล้ว อ๊ะๆ ยังไม่เข้าช็อปค่ะ แวะถ่ายรูปอันปังแมนก่อน และแล้วก็เข้าได้ซักทีนะเอ็ง ช็อปสถานีนี้ ไม่ค่อยใหญ่มากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็ขายของที่ระลึกจำพวกละคร ภาพยนตร์ รายการทีวี Bandage ของจิน Gokusen Movie (ถ้าจุนเล่นก็ซื้อมาแล้วล่ะ) อิโมโตะ อายาโกะ ชั้นจำเธอได้ดีว่าเคยลวนลามพี่โช 5555 อันนี้ละครเรื่องอะไรนะ ผู้หญิงขวางโลก? ที่คันโนะ มิโฮเล่นนำ ร้านนี้ของไม่ค่อยถูกใจ ซื้อเพียงสองอย่าง ดินสอกด Zoom in กับสมุดอิตเตะQ ไปฝากชาวบ้าน ป้ายโปรโมตรายการสัปดาห์ติดใกล้ๆสถานี กำหนดการเดินทางต่อไป ขึ้น yurikamome มุ่งหน้าสู่โอไดบะกัน ตั๋วยูริกะโมเมะแอบแพง ลงสถานี daiba ไม่กี่ป้ายก็ปาไป 360 เยนได้แล้วมั้ง ออกจากสถานี.... โอ้วจอร์จ มันหนาวมากค่ะ โอไดบะเป็นเกาะที่ถมทะเลขึ้นมา ทั้งลมฝนและลมทะเลนี้พัดทีหนาวถึงตับไต ลมโคตรแรง เสื้อที่ใส่ไปแทบเอาไม่อยู่ อยากสวยใส่กระโปรงอีกเอ้าตรู หนาวกว่าเดิมไปใหญ่ แถมร่มที่หยิบมาจากโรงแรม พังไปตามแรงลมอีกครับท่าน..... แต่เราก็อดทนเดินฝ่าลมต่อไป เพราะสถานีโทรทัศน์ฟูจิเทเลบิรอเราอยู่ครับท่าน เดินมาจุนจ๋ากับเหล่านักแสดงวากายะฯรอต้อนรับเราอยู่พอดี 555 ตึกสถานีค่ะ สถานีฟูจินี่ ถ้าใครชอบดูซีรีส์ญี่ปุ่นต้องมาให้ได้เลย เพราะมีอะไรให้ดูเยอะแยะมาก จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว เดินเข้าชั้นล่าง เป็นช็อปขายของส่วนหนึ่ง(ร้านนี้เน้นรายการวาไรตี้) ข้างๆเป็นร้านซาซาเอะซัง โนะดาเมะ มูฟวี่ มาสคอตพังพอน ขึ้นบันไดเลื่อนด้านนอกไปชั้น 7 โอยยยย หนาววววว ชั้น 7 เป็นที่ตั้งช็อปขนาดใหญ่(มากๆ)ของสถานีค่ะ ผู้คนพลุกพล่านมากมาย ลูกกลมๆ ข้างในนี้เป็นขนมนะคะ มาสคอตวอลเล่ย์บอลที่คุ้นตากันดี โกคูกับลูฟี่ เค้าเป็นอะไรกัน? ผีน้อยคิทาโร่ ลุงทาโมริ และแล้วมุมที่เราชอบ มุมละครนั่นเอง ไม่มีถูกใจเท่าไหร่ อยากได้สายคล้องคอของคุณหมอเฮลิแต่มันแพงเกิ๊น ออกจากช็อปโดยไม่เสียตังซักเยน แปลกมาก ขึ้นชั้นเจ็ดแล้ว คราวนี้ลงไปชั้น 5F กันต่อ........ เข้ามาแทบกรี๊ดดดด ตัวอย่างดิสเพลย์รายการดังๆของช่องนี้ทั้งนั้น 5LDK ถ่ายไม่หมด เสียดายยย อันนี้กรี๊ดสุดค่ะ XD ขอถ่ายรูปกับห้าหนุ่มซักหน่อย เหรียณในเกมโรลลิ่งฯ แต่ก็มีหลายรายการที่จำลองแบบในสตูดิโอเลยก็มี ที่นี่มีให้แอบดูเค้าอัดรายการกันจริงๆด้วย ทำเป็นช่องจากด้านบนมองเข้ามาในสตูดิโอ ข้างในใหญ่พอสมควรทีเดียว แต่ทางสถานีไม่ให้ถ่ายรูปเพราะจะเป็นการรบกวน มีแถมจากทางออกชั้น 5F และก็เดินข้ามไปห้างตรงข้าม เข้าไปเดินเล่นนิดหน่อย (ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปส่วนนี้ เพราะไม่ค่อยมีอะไร มือเย็นด้วย ไม่อยากเอาออกจากกระเป๋า) เก็บภาพมาได้เท่านี้แหละ ช็อปมือถือ อิอิ ชัดๆซักรูป Liar Game the movie ข้างในห้างมีร้านเพ็ทช็อปขนาดใหญ่ ขายน้องหมาน้องแมวด้วย จัดให้โชว์ในตู้กระจก น่ารักมากกกกกกกกกกก แต่เค้าห้ามถ่ายรูป(อีกแล้ว) เดี๋ยวน้องๆจะตกใจ หมาที่นี่แพงมาก ปั๊กตัวละ 180000 เยน (ส่วนบ้านอิชั้นเพาะพันธุ์ขายตัวละ 3500 บาท = =) แต่พนักงานดูแลดีมากเลย ก่อนที่จะจับหมาเล่นให้ฆ่าเชื้อโรคที่มือก่อนด้วย นึกถึงบ้านเราแล้วอนาถใจ สงสารน้องหมา เบียดกันอยู่ในกรงแคบๆหลายตัว แถมคนขายยังดูแลไม่ดีอีกตะหาก..... เศร้าจัง หนังสือหมาปั๊ก น่าร๊ากกกกกก และแล้วก็ได้เวลากลับ (จริงๆยังไม่อยากกลับ อยากเดินไปสวนข้างๆ อยากไปโตเกียวบิ๊กไซด์ แต่อากาศมันหนาวไม่ไหวแล้ว ยิ่งกลางคืนไม่ต้องเซด เราได้แข็งตายคาโอไดบะแหงแก) แวะถ่ายรูปวิวรอบๆซักหน่อย เทพีเสรีภาพและเรนโบว์บริจด์ อยากมาดูตอนกลางคืนมากกว่า เศร้าใจ T-T อันนี้เห็นแล้วแทบกรี๊ด เพราะไม่คิดว่าจะได้มาเห็นที่นี่ คุณยีราฟในสไมล์ >_____< เยอ ๆแบบนี้ ใช่เลย คิดถึงบิโตะคุงกับฮานะจังแฮะ (ภาพมัวหน่อย ถ่ายมาจากข้างในรถโมโนเรลนะคะ) ที่เดียวกันแน่ๆ อิอิ ขากลับสถานีชิมบาชิค่ะ ตอนเปลี่ยนรถที่ชิมบาชิทั้งขาไปและขากลับ ได้ประจักเต็มสองตาว่า Rush ours ที่ญี่ปุ่นจริงๆมันเป็นยังไง ผู้คนวุ่นวาย รีบร้อนแต่ก็เป็นระเบียบ งงไหม? อย่างเช่น ถ้าเดินผิดเลน ไม่ได้ชิดซ้ายงี้ จะแทบหาทางเดินกลับไปที่เดิมไม่ได้เลย คนมันไหลไปตลอด เวลาขึ้นบันไดเลื่อนต้องชิดซ้าย เว้นทางขวาให้คนที่รีบร้อนเดิน อืม คนญี่ปุ่นเค้าระเบียบจัดจริงๆนะ..... มื้อเย็นวันนี้ไม่ได้ถ่ายไว้ หิวจัด ซัดหมดเกลี้ยงจนลืมถ่ายซะงั้น กลับที่พักอย่างเร็วเพื่อที่จะหลบหนาวจากน้ำฝน ตอนสามทุ่มซาโต้ซังโทรมา ถามว่าอากาศเป็นยังไงบ้าง ทนไหวมั้ย เธออาสาให้ยืมโอเวอร์โค้ตสองตัวเพราะกลัวเราสองคนพี่น้องทนหนาวไม่ไหว ตามนิสัยแขกที่ดีแน่นอนว่าต้องยืม ตกลงพรุ่งนี้จึงนัดกันไปเอาแถวอากาซากะที่เราจะไปเที่ยวเย็นพรุ่งนี้ และอีกไม่นาน เราสองคนก็เข้าสู่ห้วงนิทรา.... อยู่ในฟูกหนาๆผ้าห่มอุ่นๆ มีความสุขจริงๆ.... อัพครั้งหน้ายังอยู่ในเมืองต่อนะคะ ^o^ ร้านเคคาโร่ อากิฮาบาระ อากาซากะค่ะ คนรักพายุคงถูกใจแน่นอน อิอิ   Create Date : 20 เมษายน 2553     Last Update : 20 เมษายน 2553 1:48:36 น. Counter : 1506 Pageviews.   3 comment Share Tweet

Review Japan Trip 22-29 Mar เมื่อซากุระใกล้บานสะพรั่ง #2 ณ คามาคุระ 23 มีนาคม 2010 มาต่อและ กว่าจะมานะเอ็ง 5555 แพลนวันนี้เป็น Kamakura-Yokohama ค่ะ ข้าพเจ้าตื่นตั้งแต่ตีห้ากว่าๆ เนื่องจากเมื่อคืนนอนเร็วมาก ตื่นมาก็ดูทีวี เพราะไม่รู้จะทำอะไร เดินทางออกจากที่พัก 7.30 น. ได้มั้ง หาซื้ออะไรกินที่ร้านสะดวกซื้อก่อน แล้วจึงขึ้นรถใต้สายกินซ่า จาก Tawaramachi ไป Shinbashi เพื่อไปเปลี่ยนรถไฟเป็นสาย JR Yokosuka line มุ่งหน้าสู่คามาคุระ และแล้วปัญหาก็เกิด (ควรจะเปลี่ยนชื่อทริปเป็น Troublemaker จริงจริ๊งงงงง) ด้วยความไม่รู้ว่ารถไฟขบวนนี้ดันสุดสายที่ Shinagawa แล้วกลับ Chiba เห็นคนลงไปเกือบหมด ไอ้เราก็งงๆ ที่ไหนได้.... เค้าเปลี่ยนขบวนไปขึ้นอีกฝั่งต่างหาก (เกือบได้ไปเที่ยวจิบะแทนแล้วมั้ยล่ะแก....) ใช้เวลาเดินทาง 50 นาทีได้มั้ง ก็ถึงสถานี Kita-Kamakura ค่ะ อธิบายก่อน รูทที่เราจะเดินทางเป็นแบบนี้นะคะ แต่ก่อนเข้า เราก็เดินหลงๆอยู่แถวนั้นไปซักพัก 5555 (อนึ่ง เราเที่ยวแบบแทบจะไม่มีความรู้อะไรในแถวๆนั้นเลย นอกจากว่าเดินทางไปกลับยังไงเท่านั้น ที่เหลือตายเอาดาบหน้า อาศัยป้ายบอกทางกะศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว ถ้าหวังข้อมูลเชิงลึกอะไรล่ะก็บล็อกนี้ไม่มีนะคะ) รอบๆสถานี เป็นเมืองเล็กๆ สงบ น่ารักมากเลย ศาลเจ้าเล็กๆที่หลงไปเจอโดยบังเอิญ น้องหมาที่นี่ไม่เห็นเป็นมิตร เริ่มจากวัด Engakuchi ที่อยู่ใกล้สถานีเพียงอึดใจ วัดนี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของนิกายเซนในเขตคันโต และเป็นวัดใหญ่ 1 ใน 5 ของเมืองนี้ค่ะ ใหญ่จริงๆนะ กว่าจะเดิน กว่าจะปีนเขาขึ้นไปถึงอารามในสุด = = ค่าเข้าชมเท่าไหร่จำไม่ได้ 200-300 เยนได้มั้ง ดอกอะไรเนี่ย สวยมากเลย ไปหลายๆวัด เจออันนี้เพียบ เค้าไว้ทำอะไรน้า.... ทางเดินในวัด เดินเข้าไปสุดทางจะเจอนี่ อารมณ์คล้ายๆศาลพระภูมิบ้านเราเลย ถ่ายรูปมาเยอะมากกก จำไม่ค่อยได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ออกจากวัด เจอเหล่านักเรียนหนุ่มน้อยหน้าใส ชื่นใจเจ้ที่สุด ต่อไปกับวัด Tokeiji ค่ะ (ค่าเข้า 100 เยน) เดินตามคนญี่ปุ่นเข้าไป 5555 ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ แต่โชคดีที่เข้าไป เจอซากุระบานพอดีค่า มีตั้งสองสีแหนะ เดินเข้าไปด้านในเป็นสุสาน เราไม่กล้าถ่าย เอาเป็นบริเวณรอบๆละกัน เสร็จวัดนี้ ต่อไปก็เดินไปวัด Kencho-ji ไกลเอาเรื่องเหมือนกัน ประมาณ 15-20 นาทีได้ ระหว่างทางก็ได้ยินเพลง Troublemaker จากร้านอาหารแถวนั้น 55555 ยิ่งเดินใกล้ที่หมายยิ่งงง เอ๊ะ ทำไมเด็กนักเรียนชายแถวนี้เยอะจังวะ หน้าตาน่ารักอีกตังหากกกกก และแล้วปริศนาก็กระจ่าง ข้างๆวัดเป็นโรงเรียนชายล้วนประจำเมืองนั้นเอง 55555555555555 เข้าวัดนี้จำได้ว่าไม่ค่อยมีแก่จิตแก่ใจจะดูวัดเท่าไหร่ง่ะ มัวแต่ชะเง้อมองเด็ก เง้อออออ เด็กมันน่ารักจริงๆ ฉะนั้นวัดนี้รูปน้อยหน่อยนะคะ href="//s72.photobucket.com/albums/i198/haine_sama/Japan/?action=view¤t=P3230133.jpg" target="_blank"> สู่เป้าหมายของเราต่อไป ศาลเจ้า Tsurugaoka-Hachimangu เดินจากวัดเคนโจจิประมาณเกือบๆครึ่ง ชม. ปวดตรีนมากกกกก ดีนะเดินไต่เขาลง ไม่ใช่เดินปีน มิเช่นนั้นอิชั้นตายสถานเดียว ระหว่างทางเดิน คามาคุระเป็นเมืองตีนเขาริมทะเล ทางชันจึงเยอะหน่อย ถึงศาลเจ้าแล้วค่า เราเดินเข้าด้านข้างก่อนค่ะ เข้าไปด้านใน ขอพร จริงๆเราเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ด้วยค่ะ แต่เค้าห้ามถ่ายรูปอ่ะ เล็กนิดเดียว เล็กมาก แถมเราอ่านไม่ออกด้วย 555 ทางขึ้นด้านหน้า อันนี้อะไรไม่รู้แฮะ เห็นญี่ปุ่นถ่ายรูปก็ถ่ายตาม เดินออกแล้วจ้ะ พอออกมาหน้าประตูปุ๊ป ก็เจอกับถนนสายหลักของเมืองคามาคุระแล้ว ปลูกต้นซากุระไว้เป็นแถวเลย ไม่อยากจะคิดว่าพอมันบานแล้วจะสวยขนาดไหน.... เลี้ยวไปช็อปปิ้งสตรีท ก็คึกคักในระดับนึงอ่ะนะ เจอร้านขายของที่ระลึก น่ารักมากๆ รูปที่ถ่ายมานี้ เป็นของที่เราสอยมาทั้งนั้น 5555 ข้าวเที่ยงวันนี้ค่ะ จานละไม่เกิน 600 เยน ของเรา แค่นี้ไม่อิ่มหรอก ชิชิ ของน้อง ถูกใจร้านนี้อย่าง พนักงานน่ารักมากๆ แถมเปิดเพลงอาราชิแบบกล่องดนตรีคลอในร้านด้วย (วันนี้ได้ยินอาราชิแล้ว 2 รอบ 555) เห็นมีรูปถ่ายแปะไว้ที่ร้านด้วยว่าดาราไทยก็มากินแล้ว แต่ว่า.... อิชั้นคนไทยแต่ไม่รู้จักง่ะ อิ่มท้องแล้ว จุดหมายต่อไป.... Daibutsu-sama เป็นความโง่อย่างโง่ที่สุดของเรา เพราะเราเดินเท้าไป!!!! ไกลมากกกก เมื่อยมากกกก เพราะอยากเห็นทะเล T-T แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เห็น ตัดสินใจเดินลัดซอยเข้าที่ร่มไป สนนใช้เวลา 50 นาทีจากสถานีคามาคุระถึงพระใหญ่ค่ะ ต้นส้มระหว่างทาง... พอมาถึงพระใหญ่ จ่ายค่าเข้าแล้วไม่รอช้าไปซื้อขนมกินทันที Hana Yori Dango..... ใช่ซะที่ไหนล่ะ 555 คนทานค่ะ อิอิ (รึเห็นแล้วจะทานไม่ลง 5555) กินได้พลังงานแล้ว ก็เดินไปดูไดบุตสึซามะที่เลื่องลือ ไม่ได้ใหญ่หรือสวยงามเท่าที่คิด แต่ดูแล้วมันเหมือนถูกต้องมนต์สะกดน่ะค่ะ ขลัง..... ขลังกว่าในรูปอีกนะ แดดร้อนๆรอบตัวเย็นลงเลยทีเดียว... มีซากุระบานอีกแล้ว และวัดสุดท้าย Hasedera ส่วนตัวชอบวัดนี้มากที่สุด คนเยอะมากกกกก ที่ๆเดินชนไหล่กันจากวัดตอนแรกมาเจอที่นี่หมดเลย ก่อนเข้าวัดต้องล้างมือก่อน (ไม่ล้างได้มั้ย อากาศเย็น หนาวมือง่ะ) อารามหลัก ข้างๆเป็นจุดแวะพัก ชมวิว (เจ้หัวทองคนนี้ อย่าแปลกใจ อีกประมาณ 4 วันข้างหน้าเราบังเอิญไปเจอเค้าอีก ณ ที่พักใหม่) ทะเลคามาคุระ อีกมุมหนึ่ง ปีนบันไดขึ้นไปอีก (ค่าเข้าสามร้อย เราต้องล่อให้คุ้ม) คุ้มค่าที่ขึ้นค่ะ วิวสวยมากกกก ขึ้นไปเจอนี่ด้วย นึกถึงของไทยเลย เข้าใจว่าเป็นสุสานนะ และแล้วก็ลงมา จริงๆมีถ้ำให้เข้าด้วย แต่เสียตัง เลยไม่ได้เข้า 555 เดินออกจากวัด สถานี Hase ขึ้นกลับโตเกียวแล้วจ้า โยโกฮาม่าไม่ไปแล้ว ขี้เกียจ ไม่มีข้อมูลอะไรเลย แล้วก็ไม่มีแรงบัลดาลใจจะไปด้วย น่าเกลียดเนอะ 555 และก็กลับสู่ที่พักโดยสวัสดิภาพ ไปเดินเล่นแถวๆอาซากุสะ ซื้อเสื้อ ซื้อของ และกินข้าวเย็น มื้อเย็นของเราวันนี้เป็นราเมงค่ะ ชาชูเมงของเรา คอร์นบัตเทอร์ของน้อง คืนนี้หลับตอนห้าทุ่มได้มั้ง..... สำรองพลังงานไว้ลุยฝนพรุ่งนี้ในเมือง ครั้งหน้าจะอัพทริปเที่ยวในเมืองนะคะ โตเกียวทาวเวอร์-ชิมบาชิ-โอไดบะ ถ้าไหวก็จะเขียนวันถัดไปด้วยเลย เตรียมสกรีมเต็มที่ เพราะจะเข้าสู่เป้าหมายจริงๆของเราที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วค่า 55555555 ปล. อยากอัพทริปเกาหลีด้วยแฮะ แต่ความจำคงเลือนไปหมดแล้วล่ะ ปล2. แต๊งกิ้วคนร่วมทริปสำหรับรูปถ่ายสวยๆ ส่วนรูปไม่สวย เราถ่ายเองแหละ   Create Date : 16 เมษายน 2553     Last Update : 17 เมษายน 2553 1:28:03 น. Counter : 956 Pageviews.   3 comment Share Tweet

Review Japan Trip 22-29 Mar เมื่อซากุระใกล้บานสะพรั่ง #1 เอาล่ะ หลังจากเสียงเรียกร้องและกดดันอยากฟังเรื่องทริปเที่ยว ตปท. ด้วยตัวเองของเรา ในที่สุด.... มันก็มีกำลังใจอัพล่ะค้า ทริปนี้ขอเกริ่นไว้ก่อนว่า เป็นการท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองครั้งแรกค่ะ (แต่เป็นการไปญี่ปุ่นครั้งที่สองนับจากเมื่อตอนประถม ปีที่อาราชิเดบิวต์ ฮ่า....) ตื่นเต้นมาก วางแผนล่วงหน้าประมาณ 4 เดือนได้ นับวันรอที่จะไปเลยแหละ ไม่อยากจะเชื่อว่าพ่อแม่จะปล่อยให้ไปเที่ยวกันเองกับน้องสาวสองคนอย่างนี้เลย ก็เลยจัดการจองโรงแรมกับตั๋วตอนเดือน ม.ค. แต่อุปสรรคก็มี เพราะว่ากว่าจะหาวันลงตัวนั้น ติดนัดของมหาลัย น้องติดทริปปัจฉิมของโรงเรียน เลื่อนไปเลื่อนมา สุดท้ายก็ไม่ได้พักที่เดียวกันตลอด 7 คืนอย่างที่วางแผนไว้ แถมวางแผนไม่เสร็จครอบคลุมตามที่ตั้งใจ เพราะช่วงก่อนไปเที่ยวยุ่งสุดขีด วิธีการเดินทางที่คงเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว ที่เหลือ ตายเอาดาบหน้าคับ (โชคดีที่เอาเงินติดกระเป๋าไปเยอะ อย่าเอาอย่างเชียวนะ) มาดูแพลนคร่าวๆกันก่อน ส่วนใหญ่ไม่ได้ไปไหนไกล ละแวกโตเกียวทั้งนั้น 22 Mar: BKK-NRT เดินเที่ยวละแวก Asakusa 23 Mar: Kamakura-Yokohama 24 Mar: Tokyo Tower – Shinbashi – Odaiba 25 Mar: Keikarou China House – Akihabara – Akasaka (TBS) 26 Mar: Nikko 27 Mar: Kawagoe – Ikebukuro – Ryutarou Ramen shop 28 Mar: Harajuku – Shibuya – Ebisu 29 Mar: Asakusa – Ueno – NRT-BKK ทุกคืนนอนที่ Toukaisou Ryokan ยกเว้นคืนที่ 27 นอนที่ Sakura Hostel 22 มีนาคม.... BKK-NRT คืนนั้นจำได้ว่า นอนหลับไปครึ่ง ชม. -*- ทั้งตื่นเต้นและอากาศร้อน นอนไม่ค่อยหลับ (เข้าใจห้องนอนที่ไม่ติดแอร์ด้วย) ลุกมาอีกทีตีสอง อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อ ถึงสุวรรณภูมิตีสามครึ่ง พ่อกับแม่ขับรถมาส่งเราสองคน ดูท่านๆเป็นห่วงเป็นอย่างมาก ยืนดูพวกเราจนเข้า ตม.ลับตาเลย เครื่องออก 5.30 สายการบิน Delta อาหารบนเครื่องอร่อยดี แต่มันเยอะไปสำหรับอาหารเช้า ขนาดคนกระเพาะมารอย่างเราฟาดไม่หมดอ่ะ เสียดายยยยย อันนี้ของว่าง เยอะเหมือนกัน พอกินได้แหละ นอนๆนั่งๆฟังเพลงไปเรื่อยๆ ถึงที่หมายประมาณบ่ายโมง ปัญหาเริ่มเกิด Troublemaker ตัวดีอย่างน้องเราเกิดหายไป!!! หลงทางกันในสนามบินสักพัก กว่าจะหากันเจอ เนื่องจากมันเดินไม่ดูหน้าคนข้างๆ เกือบหลุดไปอเมริกาซะแล้ว (ไฟลท์ที่บินต้องจอดพักที่นาริตะก่อนจะบินไปอเมริกาต่อ) เกือบให้ยามประกาศหาตัวแล้วเชียว หลังจากนั้นก็เดินลากกระเป๋าใบมหึมาขึ้นรถไฟสาย Keisei มุ่งตรงสู่สถานี Keisei Ueno ภายในเวลา 75 นาที..... หลังจากนั้นก็เดินหลงกันอยู่แถว Ueno นี่แหละ ขอโทษ เพิ่งเคยมาครั้งแรกหลงก็ไม่แปลกใช่มั้ย ๕๕๕๕ แต่ระหว่างหลง เจอบู้ทขายมือถือ au เปิดเพลง Truth หืม มีวัยรุ่นผู้ชายฮัมเพลงนี้ค่ะ ดีใจค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า ลากกระเป๋าไปสถานี Ueno ลงชานชาลาใต้ดินเพื่อต่อรถใต้ดินไปสถานี Tawaramachi ที่ตั้งของที่พักหมายซึ่งอยู่ห่างจากสถานีประมาณ 7 นาทีได้ เจอชินโงด้วย วัดในซอยทางเข้าที่พัก ตอนแรกตั้งใจว่าจะมาถึงที่พักประมาณ 15.30 น. แต่เนื่องจากเดินหลง กระเป๋าหนัก เลยเลทจากที่ตั้งใจไว้ครึ่ง ชม. ถึงโรงแรม รีเซพชั่นที่ชื่อว่าโชซัง (กรี๊ดดดด เค้าชื่อนี้จริงๆนะ หน้าตาคล้ายๆชายของอิชั้นอีกตะหาก >___<) เลยบอกเราว่าซาโต้ซังโทรมาหาเรา..... ไอ้เราก็ ซวยแล้วสิ.... ก็เลยต้องโทรกลับ ญี่ปุ่นชั้นแทบจะใช้การไม่ได้ ปะกิดก็ไม่ค่อยจะแข็งแรง จะคุยกะเค้ารู้เรื่องป่ะวะ (อธิบายก่อน ซาโต้ซังเป็นเพื่อนของคุณพ่อเราค่ะ คุยเมล์ก่อนมาเที่ยวนิดหน่อย แล้วก็นัดหมายมาทานข้าวเย็นวันนั้นด้วยกัน) แต่โชซังสุดหล่อก็จัดการโทรกลับให้ทันที ก็เลยได้คุยกับซาโต้ซัง เธอบอกว่าจะมารับเราที่โรงแรมตอนห้าโมงสี่สิบห้าไปทานข้าวด้วยกัน อันเป็นว่าเรื่องก็จบไป . Staff ของ Toukaisou Ryokan พูดภาษาอังกฤษเก่งมากค่ะ ได้ยินว่าส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาทำพาร์ทไทม์ บริการดีด้วย โชซังพาพวกเราไปเปิดห้อง... ไม่ใช่และ แนะนำวิธีใช้งานห้อง อธิบายเรื่องต่างๆในโรงแรมว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ถ่ายรูปที่พักให้ดูซักเล็กน้อย ห้องขนาด 4 เสื่อครึ่ง ปูฟูกนอนสองคนก็เต็มแล้วค่ะ ห้องส้วม ทีวี เซตน้ำชา (ขอได้ฟรี) ยูกาตะและผ้าเช็ดตัวพร้อม (ผ้าเช็ดตัวขอเปลี่ยนได้ทุกวันนะ) ระหว่างรอซาโต้ซัง พิจารณาเสื้อผ้าในกระเป๋าแล้วเกรงว่าจะกันหนาวไม่ไหว หนาวกว่าที่คิดเยอะเหมือนกัน เลยออกไปเข้าห้างแถวๆนั้นซื้อเสื้อกันหนาวมาตัวนึง มาถึงก็ช็อปแล้วตรู - -“ แล้วก็ถือโอกาสสำรวจแถวนั้นด้วยซะหน่อย เดินกลับโรงแรม ก็พบว่าซาโต้ซังมาถึงแล้ว แถมรู้อีกว่าเราคือลูกสาวเพื่อนพ่อ (หน้าตาชาวต่างชาติซะขนาดนั้น) มื้อเย็นวันนั้นเรารีเควสโอโคโนะมิยากิไปค่ะ แต่ซาโต้ซังบอกว่า ที่โตเกียวนิยมกินมงจะยากิมากกว่า ก็เลยเอาตามนั้นแหละ อร่อยเหาะสุดยอดเลยค้า ชอบมากๆ แต่เสียดาย หิวจัดไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ๕๕๕๕ ซาโต้ซังคุยสนุกดีค่ะ เธอถามถึงพ่อเรา แล้วก็คุยเรื่องทั่วๆไป ภาษาญี่ปุ่นบ้าง ปะกิดบ้าง แต่ส่วนใหญ่ปะกิด.... พาเดินชมอาซากุสะนิดหน่อย แนะนำสารพัดอย่างรวมถึงถนนสายที่ค่อนข้างน่ากลัวนิดเพราะมีร้านเหล้าเยอะ เรา น้อง และซาโต้ซัง วัดยามกลางคืน ไม่เคยมาอาซากุสะเวลานี้เลยแฮะ แอบดูเปลี่ยวๆ ได้เวลาอันสมควร ประมาณ 2 ทุ่มครึ่งก็แยกย้ายกันกลับ ซาโต้ซังน่ารักมาก ดูแลเราอย่างดีเลย (มีการโทรมาถามไถ่เราที่โรงแรมว่าวันหลังๆว่าเป็นไงด้วย) ซื้อเซมเบ้ให้กินอีกแหนะ และแล้วก็ได้เวลาพักผ่อน เราเหนื่อยน๊อคมาก หลับสนิทตั้งแต่ยังไม่สี่ทุ่มดี ทั้งๆที่ตั้งใจจะดูการบ้านเทปสุดท้ายแท้ๆ T-T พรุ่งนี้ก็เริ่มการเดินทาง(หลงมากกว่ามั้ง)จริงๆแล้ว คามาคุระขออัพเอนทรี่หน้าเลยนะคะ เพราะรูปเยอะมากกกกกกกกก (วันแรกถ่ายรูปน้อยไปหน่อย ขออภัยค่ะ)   Create Date : 10 เมษายน 2553     Last Update : 10 เมษายน 2553 23:06:15 น. Counter : 837 Pageviews.   5 comment Share Tweet

• My beloved <3
• A day in my(our) life
• Himitsu
• ฐานทัพมนุษย์ต่างดาว
• สวยๆงามๆ
• บันทึกท่องเที่ยว

• miporin
• Gizem
• Webmaster - BlogGang

• exteen
• makochin fictionBlog
• hi5
• BlogGang.com