ก่อนไปปาย
ผ่านไปปาย สายฝนผ่านไป สายลมและกลิ่นอายแห่งความเย็นก็คืบคลานเข้ามาถึง ฤดูที่ใครๆต่างก็รอคอยทั้งวัยรุ่นหนุ่มสาวผู้ใหญ่หรือวัยกลางคนต่างก็ตั้งคำถามกันถ้วนหน้าว่า หนาวนี้จะไปไหนกันดี อากาศหนาวของไทยใช้ว่าจะมาบ่อยนักและเมื่อมาที่ก็มาเพียงแค่ชั่วขณะ ฉะนั้นหากใครพลาดสัมผัสการนอนเต้นพิสูจน์ความหนาวเย็นจับใจแล้วละก็ต้องรอไปถึงปีหน้าเลยทีเดียว ในปีหนาวที่ผ่านมาหลายๆปี มีอำเภอยอดฮิตอำเภอหนึ่งที่ทั้งรายการโทรทัศฯ ภาพยนตร์ อนุสารนิตยสารต่างก็โฟกัสไปที่อำเภอนี้ คงจะเป็นอำเภออื่นไปไม่ได้นอกจากอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอปายเป็นอำเภอเล็กๆที่อยู่ระหว่างทางเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอนและที่สำคัญปายอยู่ท้ามกลางภูเขาเป็นเมืองแห่งหุบเขา เสียงล่ำลือในความสวยงามเสียงล่ำลือในบรรยากาศที่โอโซนอัน8ของโลกยังต้องยอมหลีกทางให้ จึงเป็นสิ่งที่ผมไม่ควรจะปฏิเสธเลยว่าปีนี้ต้องไปสัมผัสปายด้วยตัวเองให้ได้ซักครั้ง หลังจากวางแผนมา1เดือนเต็มหนังสือ เที่ยวปายกันเถอะ ที่พร้อมเป็นมัคคุเทศก์นำทางผมและเพื่อนไปในดินแดนแห่งหุบเขา เวลาตี 3กระเป๋าสัมภาระถูกโยนไปที่หลังรถเสบียงและแผนที่ อยู่เคียงข้างกายก็เป็นเวลาที่พร้อมจะออกเดินทางจากม.นเรศวรมหาวิทยาลัยใหญ่ๆไปยังปายเมืองเล็กๆ ซักที ก่อนออกผมก็ไม่ลืมที่จะไปนมัสการขอพรจากอนุสรณ์สถานลานสมเด็จพระนเรศ แห่ง ม.น. ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ เวลาประมาณ ตี3 ครึ่งออกเดินทางสู่อุดรทิศไปทางหลวงหมายเลข 11 ไปทางอุตรดิตถ์ ผ่านอำเภอเด่นชัย ตรงไปจะไปแพร่ผมเลี้ยวซ้ายเข้าลำปางและลำพูนตามลำดับเทื่อถึงลำพูนก็ไปทางหลวงหมายเลข106 เพื่อจะเข้าสู่จังหวัดแห่งเมืองล้านนาต้นตำหรับของความเป็นเหนือเอกลักษณ์ต่างๆ ถูก ขจรขจายของชาวเมืองเหนือจากที่จังหวัดแห่งนี้ ผมถึงเชียงใหม่ประมาณ9โมงเช้า ผมมุ่งตรงไปจอดรถที่มหาวิยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยที่เป็นความใฝ่ฝันของใครหลายๆคน มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมีมนต์ขลังยิ่งหนัก เมื่อจอดรถเป็นที่เรียบร้อยผมก็เดินออกมาโบก เจ้ามาสคอต ประจำเมืองเชียงใหม่ เจ้ารถแดงนี้เอง เพื่อให้พาผมและเพื่อนๆขึ้นไปสักการะ พระธาตุดอยสุเทพ หนึ่งในแผนที่ผมวางเอาไว้ เมื่อตกลงราคาเรียบร้อยเจ้ามาสคอตก็พาผมละเพื่อนๆขึ้นไปยังพระธาตุดอยสุเทพ เจ้ามาสคอตก็ไม่ลืมที่จะทำให้ผมและเพื่อนๆเวียนหัว ชิมรางก่อนไปปายเลยทีเดียว ดอยสุเทพ ตามตำนานกล่าวว่า เป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งได้เสด็จมายังดอยอุจฉุปัพพต เพื่อฉันภัตตาหาร พร้อมด้วยพระสาวก ณ ที่นี้มีย่าแสะแม่ลูกได้ตักบาตรถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้า พระองค์จึงมอบพระเกศาธาตุให้ประดิษฐานไว้ที่ดอยแห่งนี้ ตามประวัติพระเจ้ากือนา กษัตริย์พระองค์ที่ 8 ของ ราชวงศ์เชียงราย ได้พระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเศียร จากพระมหาเถรองค์หนึ่งที่ได้นำมาจากเมืองสุโขทัย ในชั้นต้น พระองค์ได้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุนี้ไว้ที่วัดสวนดอก ต่อมาปรากฏว่าพระบรมสารีริกธาตุได้แสดงปาฏิหาริย์ แยกออกเป็น 2 องค์ ขนาดเท่าเดิม พระเจ้ากือนา จึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวขึ้นบนหลังช้างทรงและตั้งบารมีเสี่ยงช้าง ช้างทรงได้เดินขึ้นไปบนดอยสุเทพ ครั้นถึงบริเวณที่ตั้งวัดพระบรมธาตุฯปัจจุบัน ช้างทรงนั้นก็กระทืบเท้าส่งเสียงร้องไปทั่วบริเวณแล้วล้มลง ณ ที่นั้น พระเจ้ากือนา จึงให้สร้างพระบรมสารีริกธาตุขึ้น ณ ที่นั้น เมื่อปี พ.ศ. 1927 เป็นเจดีย์แบบเชียงแสนผสมลังกา เมื่อสักการะพระธาตุเสร็จพวกเราก็ลงจากดอยสุเทพ เพื่อมุ่งหน้าสู่อำเภอปาย ก่อนลงจากเจ้ามาสคอตผมก็ไม่ลืมที่จะถามพี่โชเฟอร์ว่า ทางปายโหดแค่ไหน พี่โชเฟอร์บอกแค่เพียวว่า โหดหว่าที่นี้เยอะ ว้าว เลือดในกระแสโลหิตผมเริ่มที่จะสูบฉีดแล้วสิ คำพูดนั้นมันยิ่งทำให้ผมฮึกเฮิมกระตือรือร้นอยากที่จะพิชิตโค้งของเจ้าปายซักที ประสบการณ์สองข้างทาง จากเชียงใหม่ไปอำเภอแม่ริมเข้าทางหลวงหมายเลข 107 และทางหลวงในตำนานทางหลวงที่ใครหลายคน นำเจ้าเลขนี้ไปติดอยู่บนเสื้อบ่าง ที่กางเกงบ่าง 1095 นั้นเอง ผมขับรถมาเรื่อยๆท้องใส่ก็เริ่มปั่นป่วนทั้งที่ยังไม่ได้ขึ้นเขาเลย แต่มันป่วนก็เพราะอาการหิวกำเริบแล้วนั้นเอง ผมลงความเห็นว่าหากเจอร้านพอกินได้ข้างทางก็แวะเลยละกัน พอพูดจบปุ๊บ ผมก็เบรกรถอย่างรวดเร็วเจอร้านลาบเล็กๆข้างทางในใจก็คิดว่าก็คงพอกินได้ เราสั่งลาบมาสองที่ข้าวเหนียวอีก กินกันจนท้องของผมนั้นเพิ่มขนาดเลยทีเดียว ก่อนออกป้าเจ้าของร้านบอกว่า อาหารแถวนั้นแพงนะลูก พวกเราหยุดนิ่งคิดพักหนึ่งแล้วผมก็ตัดสินใจสั่งลาบมาอีกสองถุงพร้อมกับข้าวเหนียวเพื่อเป็นเสบียง โค้งแล้วโค้งเล่าโค้งแล้วโค้งอีก (อย่าเรียกว่าโค้งดีกว่ามันคือ U-Turn ดีๆแถวบ้านเรานั้นเอง) ผมเริ่มจะสัมผัสเมืองแห่งขุนเขาแล้ว เพราะ เบื้องหน้าเบื้องหลัง ซ้าย-ขวา ล้วนแล้วแต่เป็นเขาทั้งสิ้นแต่ระหว่างสองข้างทางก็เต็มไปด้วยธรรมชาติ ที่ผมยากที่จะลืม ป่าไพรสองข้างทาง ที่สำคัญผมปิดแอร์ เปิดกระจกได้และสิ่งที่ได้พบนั้นก็คือ ประสาทสัมผัสทั้ง5ของผมล่วงรู้ถึงความเย็น ความสดชื่น เป็นเสมือน EX1 มันยิ่งทำให้ผมอยากถึงเป้าหมายเข้าไปทุกทีๆ ระหว่างสองข้างทางที่สัญจรผ่าน ผมรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความเป็นเมืองมอญ ศิลปะเมืองได้ปรากฏอยู่ทั่วไป เสาหงส์ ที่ตั้งเป็นตระหง่าน ทั่วไปบนหลังคาวัด ที่หันหน้าไปทางหงสาฯ อย่างเป็นเอกลักษณ์
Free TextEditor
Create Date : 14 ตุลาคม 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 14 ตุลาคม 2553 20:15:17 น. |
Counter : 1314 Pageviews. |
|
|
|