Group Blog
 
All Blogs
 

การค้นพบสสารสำคัญครั้งใหญ่ของโลก

ชื่อธาตุ: Woman
สัญลักษณ์นิวเคลียร์: WO
ผู้ค้นพบ: ผู้ชาย
มวลอะตอม: มาตรฐาน 50 Kg แต่อาจแปรเปลี่ยนได้
ลักษณะทั่วไป: คล้ายกันหมดหากอยู่ในเขตเมือง
คุณสมบัติทางฟิสิกส์:
1 พื้นผิวส่วนใหญ่เคลือบด้วยน้ำหอมระเหยและน้ำมันบำรุงผิว
2 เดือดที่อุณหภูมิต่างๆเอาแน่ไม่ได้
3 ถึงจุดเยือกแข็งทันทีทันโดยไม่ทราบสาเหตุ
4 หลอมละลายหากได้รับการเอาอกเอาใจอย่างถูกวิธี
5 มีรสเผ็ดและขมถ้าใช้ผิดวิธี
6 แปรเปลี่ยนได้หลายสถานะตั้งแต่แข็งเป็นหินจนถึงอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ
7 ไม่ทนต่อการเสียดสีกระแทกกระทั้น
คุณสมบัติทางเคมี:
1 บ้างมีฤทธิ์เป็นกรด บ้างหวานกว่าน้ำตาล บ้างเปรี้ยวกว่ามะนาว บ้างเปรี้ยวอมหวาน
2 ทำปฎิกิริยารวดเร็วกับเพชร พลอย ทับทิม ทอง ดอกไม้และสิ่งสวยงามทุกชนิด
3 ดูดซึมข่าวสารรอบตัวได้มากมายมหาศาลและคายข้อมูลข่าวสารได้รอบทิศทาง
4 อาจระเบิดได้ทุกเมื่อโดยไม่มีเหตุผลและอาการเตือนล่วงหน้า
5 มีคุณสมบัติละลายเงินในกระเป๋าเมื่อเดินผ่านห้างสรรพสินค้า
6 เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกับผลไม้รสเปรี้ยว ผัก สลัด และไม่เข้ากับไขมันทุกประเภท
ผลการทดลอง:
1 วัตถุตัวอย่างจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูเมื่อถูกสัมผัสอย่างถูกที่
2 วัตถุตัวอย่างจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเมื่อมีวัตถุตัวอย่างที่สวยกว่าวางอยู่ใกล้
3 วัตถุตัวอย่างจะส่งเสียงไม่หยุดเมื่ออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
ประโยชน์:
1 แบกโลกไว้ครึ่งหนึ่ง
2 ดำรงค์เผ่าพันธุ์มนุษย์
3 ทำให้โลกสดใส
4 สร้างความอ่อนโยนให้เกิดในสังคมมนุษย์
ข้อควรระวัง:
1 สัมผัสด้วยความประณีตและให้เกียรติมิฉะนั้นอาจได้รับอันตราย
2 ครอบครองได้เพียงชิ้นเดียว ใครฝ่าฝืนอาจได้รับความทุกข์ทรมาน
3 ระวังของปลอมซึ่งขณะนี้ได้ระบาดอยุ่ทุกพื้นที่




 

Create Date : 23 มกราคม 2549    
Last Update : 23 มกราคม 2549 15:22:39 น.
Counter : 422 Pageviews.  

หญิงในสเปค

ผมเคยคุยกับรุ่นพี่ซึ่งเรียนวิดวะที่ มข. ตอนนั้นผมอยู่ปี1
เป็นช่วงปีใหม่พอดีเราไปเที่ยวกันที่ผับแห่งหนึ่งขณะที่นั่งดื่มอยู่นั้นมีหญิงมาขอชนด้วยพอเขาเดินกลับไปที่โต๊ะผมถามรุ่นพี่ว่าไม่คิดสานต่อเหรอแกตอบผมว่าไงรู้ไหม
" ไม่ใช่เป๊คกูหว่ะ" ผมงงมากผู้หญิงออกจะสวยบอกไม่ใช่
"อ่าวแล้วเป๊คพี่เป็นไง" แกยกแก้วจิบแล้วบอกว่า

"เป๊คพี่นะเว้ย
รูปสวย
รวยทรัพย์
อับปัญญา
พ่อตาตาย
แม่ยายโง่
บ้านหลังโต
รถเก๋งคันงาม
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
ผมอึ้งพักนึงแต่คิดๆดูแล้วได้อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะ




 

Create Date : 02 มกราคม 2549    
Last Update : 2 มกราคม 2549 11:37:23 น.
Counter : 246 Pageviews.  

เอากำลังใจปีใหม่เพื่อสู้ต่อ

ตำนานเรื่องเล่า
พระธาตุพนม เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ของภาคอีสาน ประดิษฐานบนเนินที่เรียกว่าภูกำพร้า ปัจจุบันเป็นบริเวณวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนมราว 52 กิโลเมตร พระธาตุพนมสร้างขึ้นแต่สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ประมาณ พ.ศ. 8 โดยเจ้าเมือง 5 องค์คือ พระยาสุวรรณภิงคารนะ พระยาคำแดง พระยาอินทปัตถะนคร พระยาจุลนีพรหมทัต และพระยานันทเสน เพื่อบรรจุพระอุงรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระพุทธเจ้า ลักษณะพระเจดีย์เป็นเจดีย์ทรงบัวเหลี่ยม หรือทรงแจกัน ก่อด้วยอิฐมีลวดลายจำหลักลงไปในแผ่นอิฐ มีซุ้มคั่นด้านละซุ้ม ซ้อมกัน 3 ชั้น ลดหลั่นกันลงมาอย่างวิจิตร พระธาตุพนมได้รับการบูรณะเรื่อยมาตามกาลเวลา และในวันที่ 11 สิงหาคม 2518 องค์พระธาตุพนมได้หักโค่นลง ประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศได้ร่วมกันสละทุนทรัพย์ก่อสร้างขึ้นใหม่ และมีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นบรรจุอีกครั้งในวันที่ 23 มีนาคม 2522 นอกจากนั้นยังมีทรัพย์สมบัติอีกหลายหมื่นชิ้นที่ชาวไทยถวายบรรจุไว้เป็นพุทธบูชา เฉพาะยอดฉัตรทองคำมีน้ำหนักถึง 110 กิโลกรัม องค์พระธาตุพนมนอกจากจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของชนชาวพุทธแล้ว รูปแบบการก่อสร้างขององค์พระธาตุพนมยังเป็นต้นแบบให้กับการก่อสร้างพุทธเจดีย์ในภาคอีสานและในลาวอีกมากมายหลายแห่ง
ประเพณีนมัสการพระธาตุพนม เป็นประเพณีประจำปีสมโภชองค์พระธาตุพนมปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ของประชาชนไทยลาวสองฟากฝั่งโขง
ในวันงานประเพณีประชาชนจากทุกสารทิศทั่วอีสานของไทย และชาวลาวฟากตรงข้ามต่างเดินทางกันมาร่วมพิธีกรรมมากมายมืดฟ้ามัวดิน การมหรสพสมโภชคึกคักสนุกสนานจัดเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคอีสานงานหนึ่ง
วันเวลาจัดพิธีกรรม
วันขึ้น 12 ค่ำ ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี
รูปแบบประเพณี
ในวันขึ้น 12 ค่ำ ต่อวันแรม 1 ค่ำ พุทธศาสนิกชนจะแต่งกายชุดขาวไปกราบไหว้นมัสการองค์พระธาตุพนม และถือศีลปฏิบัติธรรมที่วัดตลอด 5 วัน ในวันขึ้น 15 ค่ำ ซึ่งเป็นวันวิสาขะ ชาวบ้านจะเวียนเทียนรอบองค์พระกันอย่างคับคั่ง และในวันรุ่งขึ้นแรม 1 ค่ำ จะมีการรำบูชาองค์พระธาตุพนมจากชุมชนต่าง ๆ ในจังหวัดนครพนมถ้วนหน้า
จุดเด่นของพิธีกรรม
คือการรำบวงสรวงองค์พระธาตุพนม โดยกลุ่มชาวพื้นเมืองหลากหลายของจังหวัดนครพนม โดยเฉพาะชาวผู้ไทเรณูนครที่มีกระบวนฟ้อนเรณูที่สวยงามอย่างยิ่งที่จะมาอวดลีลาการร่ายรำอันยอดเยี่ยมชนิดหาชมที่ใดอีกไม่ได้ นอกจากนั้นกลุ่มชาวไทยย้อ จากอำเภอท่าอุเทน ชาวบ้านธาตุและชาวอำเภอเมืองก็จะจัดกระบวนรำมาประกวดประชันกันเป็นพิเศษ
รายการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
รายการท่องเที่ยวสำหรับเทศกาลบูชาองค์พระธาตุพนม ควรเป็นรายการท่องเที่ยวที่ผนวกการท่องเที่ยวฝั่งตรงข้ามเมืองท่าแขก พระธาตุศรีโคตรบูรณ์ในฝั่งลาวไว้ด้วยกัน ดังรายละเอียดต่อไปนี้
วันแรก เดินทางกลางคืน กรุงเทพฯ-นครพนม เข้าที่พักกลางดึก ช่วงเช้าตื่นแต่เช้าชมหาดทรายทองศรีโคตรบูรณ์ ช่วงสายข้ามฝั่งไปเที่ยวเมืองท่าแขกและพระธาตุศรีโคตรบูรณ์ ฝั่งลาว ช่วงบ่ายข้ามฝั่งกลับเข้านครพนม ไปเที่ยวชมพระธาตุท่าอุเทน การทำแคนที่บ้านท่าเรือ และแวะชมแม่น้ำสองสีที่ชัยบุรี ช่วงค่ำร่วมงานพาแลงที่หมู่บ้านวัฒนธรรมเรณูนคร
วันที่สอง ช่วงเช้าไปร่วมชมการรำบวงสรวงองค์พระธาตุพนมและนมัสการองค์พระธาตุพนม ช่วงบ่ายกลับมาท่องเที่ยวในเมือง ชมวัดโอกาศศรีบัวบาน วัดพระบาทสี่รอย ปิดท้ายด้วยการช้อปปิ้งที่ตลาดอินโดจีน เดินทางกลับกรุงเทพฯ ช่วงเย็น
สินค้าที่ระลึก
ผ้าฝ้ายและไหมพื้นเมืองเรณูนคร เครื่องดนตรีพื้นเมืองอีสาน
กลับบ้านมาครับเอาตำนานพระธาตุพนมมาฝาก
ช่วงเดือนหน้าใครอยากไปเที่ยวนครพนมเชิญนะครับมีงานนมัสการพระธาตุพนมใครว่างๆเชิญครับได้ทั้งบุญพักผ่อนในตัวด้วยอากาศดีมากๆครับแม่โขงก็สวยมากด้วย




 

Create Date : 02 มกราคม 2549    
Last Update : 2 มกราคม 2549 10:10:23 น.
Counter : 293 Pageviews.  

เพระใจคับฟ้า(มิน่าถึงไส้แห้ง)

  • คุณเคยมีคำถามให้ตัวเองไหมแล้งในคำถามนั้นคุณมีคำตอบให้ตัวเองหรือเปล่า เมื่อมีคำตอบแล้วเคยค้านคำตอบตัวเองไหม เอ......อารายหว่าผมเองก็งงตัวเองเหมือนกันว่าผมพล่ามอะไร
มีโจทย์มาให้ว่าคุณต้องทำสิ่งนี้โดยเงื่อนไขก็คือมันคืองานของคุณและนัยลึกๆแล้วงานของคุณมันก็หมายถึงสิ่งที่จะทำให้คุณได้มาซึ่งเงินของคุณซึ่งจุดประสงค์หลักของการทำงานก็เพื่อจะทำเงินในเนื้อหาของอาชีพคุณมันก็มีเงื่อนไขของมันว่าคุณต้องทำภายใต้จรรยาบรรณของอาชีพคุณ ขณะที่คุณทำงานนั้นคุณรู้สึกว่าผู้บังคับบัญชากำลังพยายามให้คุณทำในสิ่งที่คุณคิดว่าขัดกับจรรยาบรรณของอาชีพคุณแต่เขาบอกคุณว่ามันไม่ได้ขัดกับจรรยาบรรณเพียงแต่มันไม่อยู่ในจรรยาบรรณเท่านั้นเองแต่ถ้าคุณไม่ไปคิดให้มันมากมายเสียก็ยอมรับมันและทำต่อไปดีเสียอีกมีเงินบวกเข้ามาให้อีกเย๊อะเสียด้วย
แต่ถ้าคุณไม่ยอมรับคุณเลือกทำสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้องกว่าได้เงินเท่าเดิมแต่ทางเดินในการทำงานคุณขรุขระขึ้นอาจจะเดินขัดกับขาใหญ่เข้างานของคุณก็จะพลอยหายไปด้วยต้องเริ่มต้นหางานใหม่
บางครั้งสิ่งแวดล้อมก็เป็นเหตุผลที่ทำให้คนเป็นคนเลวในสายตาคนทั่วไปดังเช่น2ทางเลือกนี้คุณเป็นคนเลวได้ทั้งนั้นอยู่ที่ว่ามุมที่คนอื่นเขามองคุณเป็นมุมไหนเท่านั้นเอง
  • ทางเลือกแรกทำงานต่อไปตามที่เนายคุณอยากให้เป็น เจ้านายคุณจะมองคุณเป็นคนดีอยู่ในการปกครอง ความก้าวหน้าในการงานมีสูง แต่ถ้ามีความผิดพลาดขึ้นภายหลังคนทั่วไปจะมองว่าเป็นความผิดของคุณเต็มๆและคุณก็กลายเป็นคนเลวไปโดยปริยาย
ทางเลือกที่สองทำสิ่งที่คุณคิดว่าคุณทำถูกต้องแต่เจ้านายของคุณจะมองว่าคุณนอกคอกไม่อยู่ในการปกครองเกิดความขักแย้งกับเบื้องสูงนานไปอาจส่งผลให้คุณตกงานอาจจะจากการอัปเปหิตัวเองเนื่องด้วยความคับข้องใจหรือถูกเชิญออกเพราะขัดหูขัดตาผู้ใหญ่ทางเลือกนี้โดยมุมมองคนทั่วไปที่ไม่รู้จักคุณดีพอเขาก็ไม่ได้ว่าคุณดีจะมองในอีกแง่ทำงานประสาอะไรให้โดนไล่ออกหน่ะสิ
  • สรุปก็คือสองทางเลือกนี้คนส่วนใหญ่เลือกทางเลือกแรก เงินก็ได้เพิ่ม โอกาสก้าวหน้าก็มีสูง ความผิดพลาอาจจะไม่เกิดหรืออีกนานกว่าจะเกิด ตอนโน้นคุณก็ท็อปแล้วไม่ต้องห่วงไม่มีกล้ามองคุณว่าเลวหรอก ส่วนทางเลือกที่สองรับเต็มไม่เรียกว่าติดลบแล้วถอดสแควรูทสองเลยแต่สิ่งที่คุณจะได้ก็คือความภูมิใจในตัวเองซึ่งกินก็ไม่ได้ขายใครก็ไม่เอา
แต่ทุกที่ใช่ว่าจะเป็นอย่างนี้เสมอไปที่ที่ดีดีก็มีอยู่เย๊อะ อันนี้เป็นความคับข้องใจส่วนตัวเฉยๆ
  • ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...หัวเราะให้กะชีวิตตัวเองครับ วู้....เย้.......สะใจตัวเองจิงจี๊ง......โอ้ละนอ
    โอ่ยพอแล้ว ผมชักจะบ้าใหญ่แล้ว
    (วิศวกรผู้หิวโหย)




     

    Create Date : 21 ธันวาคม 2548    
    Last Update : 21 ธันวาคม 2548 18:28:57 น.
    Counter : 308 Pageviews.  

เรียนและงาน

วิศวกร สาขาต่างๆ จบแล้ว ทำงานอะไร?

วิศวกร คือ บุคคลในวิชาชีพที่ต้องทำงานร่วมกันเป็นทีม ดังนั้น การเรียนวิศวกรรมศาสตร์จึงมีข้อดีคือการมีเพื่อนและรุ่นพี่รุ่นน้องเยอะมาก ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้เป็นอย่างดี ทำให้งานต่างๆ สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน มีวิศวกรอยู่ในภาคอุตสาหกรรมทุกแขนงรวมแล้วร่วมหมื่นคน ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราชาววิศวกรมีความภูมิใจมากที่ได้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของอุตสาหกรรมไทยและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ

อาชีพ เงินเดือน ความเสี่ยง และเรือนจำ ของวิศวกรโยธา

วิศวกร อาชีพที่หลายๆ คนอยากเป็น มันเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้ยินคนอื่นๆ เรียก "สวัสดีค่ะ /ครับ นายช่าง" "นายช่าง.. โครงสร้างตรงนี้แก้ไขยังไงครับ" นี่ๆ คุณวิศวกร ช่วยดูบ้านดิฉันหน่อยซิค่ะ มันมีรอยร้าวน่ากลัวค่ะ" และอีกหลายต่อหลายประโยคที่ถ้าเราได้ยินมันก็คงจะรู้สึกว่าเรามีค่า เรามีประโยชน์ เป็นที่นับถือกับหลายๆคน แต่ในทางกลับกัน จะมีใครรู้บ้างว่าอาชีพนี้มีความเสี่ยงที่จะการเข้าไปนอนในคุกสูงมากทีเดียว ในอดีตก็มีบทเรียนมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แล้วจะนำบทเรียนบางส่วนมาเล่าสู่กันฟังในที่นี้ต่อไป


ในอดีตอาชีพวิศวกรเป็นอาชีพที่มีบุคลากรค่อนข้างน้อย เป็นที่ต้องการของตลาดค่อนข้างมาก มีการคัดเลือกผู้ที่จะเข้าไปทำงานอาชีพนี้ค่อนข้างเข้มงวด แต่ในปัจจุบันนั้นไม่ใช่แล้ว โดยในช่วงของเศรษฐกิจฟองสบู่ มีการเปิดการเรียนการสอนคณะวิศวกรรมศาสตร์กันมาก ทั้งมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชน มีทั้งภาคปกติและภาคค่ำ ทั้งนี้ก็มีผลมาจากตลาดแรงงานด้านอสังหาริมทรัพย์ ขาดแคลนบุคลากรอย่างมาก ปีหนึ่งๆ มีเพื่อนร่วมอาชีพมากกว่า500 คนและมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อัตราเงินเดือนในช่วงนั้นเด็กจบใหม่ ได้รับเงินเดือนเริ่มต้นไม่น้อยกว่า 15,000-18,000 บาท สำหรับบริษัทขนาดเล็ก และมากกว่า 20,000 บาท สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ มีการเพิ่มเงินเดือนกันปีละหลายต่อหลายครั้ง วิศวกรที่มีประสบการณ์แค่ไม่กี่ปีบางคนได้เงินเดือนกันเป็นแสน ใช้จ่ายกันเป็นว่าเล่น การทำงานในช่วงนั้นเน้นเพียง เวลา และงบประมาณ เนื่องจากอยู่ในช่วงกอบโกย ใครละจะรอช้า แต่ในทางกลับกันคุณภาพของงานที่ได้นั้นไม่ดีเท่าที่ควร

ถัดจากนั้นมาถึงช่วงที่เศรษฐกิจฟองสบู่เริ่มแตก มีการปิดสถาบันการเงินไปหลายสิบแห่ง เงินกู้ที่เคยได้ก็ถูกงด อัตราแลกเปลี่ยนก็รูดมาอยู่ที่ 55 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็ต้องรับปัญหานี้เข้าไปเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือบริษัทใหญ่ แม้แต่กลุ่มบริษัทรับเหมาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศก็แทบเอาตัวไม่รอด ต้องทำการประนอมหนี้กันยกใหญ่ วิศวกรจากบริษัทเหล่านี้ก็เลยต้องถูกปลดออกกันเป็นทิวแถว เงินเดือนที่เคยได้เป็นกอบเป็นกำก็หายไปเพียงพริบตา วิศวกรบางคนตอนมีเงินก็ไม่เคยคิดที่จะเก็บมีเท่าไรใช้จนหมด เพราะคิดว่าถึงหมดก็หายใหม่ได้สบายๆ บางคนก็ไป ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ตกงาน เงินหมด ก็ถูกยึดกันระนาว ทุกคนตกอยู่ในภาวะเดียวกัน ใครที่รู้จักเก็บก็เจ็บตัวน้อยหน่อย มาเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ได้

แต่ในปัจจุบันนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว เงินเดือนจากหลักแสนลดมาเหลือหลักหมื่น จากแต่ก่อนได้เป็นพนักงานประจำตอนนี้เป็นพนักงานชั่วคราว อาจจะเป็นโครงการ หรือปีต่อปี อันนี้ก็แล้วแต่ข้อกำหนดของบริษัท แค่นั้นยังไม่พอสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนด้านวิศวกรรม ก็มีการผลิตออกมาอย่างต่อเนื่องปีละกว่า 1,000 คน รวมกับวิศวกรที่จบมาแต่ยังหางานทำไม่ได้ มาเพิ่มกับวิศวกรถูกจ้างให้ออกในช่วงที่บริษัทมีปัญหาเรื่องการเงิน ประมาณว่ามีวิศวกรในตลาดแรงงานอีกมากกว่า 5,000 คน ในแต่ละปี งานน้อย คนมาก เป็นไปตามหลักเศรษฐศาสตร์ง่ายๆ วิศวกรโยธาในปัจจุบันไม่ได้เป็นที่กระหายกับบริษัทเหมือนแต่ก่อนแล้ว จากอดีตบริษัทต้องง้อเรา แต่ตอนนี้เราต้องง้อบริษัท เงินเดือนที่เคยได้หากจบใหม่ เดือนละ เกือบ ๆ 20,000 บาท แต่เดี่ยวนี้ มีตั้งแต่เงินเดือนเท่าทำงานราชการคือ 6,350 บาท จนถึง 9,000 บาท เป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบ้างคนก็อาจจะได้เป็นหมื่นกันบ้างในบริษัทใหญ่ ๆ แต่นั้นก็คือส่วนน้อยที่วิศวกรจะได้เข้าไปทำงานกัน

คุณภาพของวิศวกรโยธาในปัจจุบันไม่มีใครกล้าฟันธงไปว่าดีหรือไม่ แต่ถ้าถามว่าโดยภาพรวม แล้วเป็นอย่างไร เราต้องยอมรับว่าคงสู้สมัยเมื่อ 10 กว่าปีก่อนนี้ไม่ได้ ทั้งนี้ก็มีผลมาจากการแข่งขันการผลิตนักศึกษาด้านวิศวกรรม โดยเน้นในเชิงปริมาณมากกว่าคุณภาพ รวมทั้งระบบการคัดเลือกบุคคลที่จะเข้าไปศึกษาในด้านนี้ และการควบคุมคุณภาพของอาจารย์ ไม่เข้มงวดเหมือนแต่ก่อน แต่ทั้งนั้นทั้งนี้เราก็ต้องดูที่ผลงานของแต่ละคนมากกว่า มากกว่าที่จะมาพิจารณาเพียงแค่ชื่อสถาบัน…

หลังจากได้เริ่มทำงานชีวิตการทำงานในช่วงเริ่มต้นก็ไม่ใช่จะง่ายๆ เหมือนกับที่คาดคิดไว้ ตลอดการทำงานมีปัญหาให้แก้ไขตลอดเวลา การที่เราพบกับปัญหามากมายไม่ใช่สิ่งที่เราจะคิดว่าเป็นเรื่องแย่เสมอไป เพราะเมื่อพบปัญหามากเท่าไรประสบการณ์ก็จะมากตามไปด้วย และมักจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคตได้ไม่น้อย โดยเราสามารถวางแผนและหาแนวทางป้องกันได้ก่อนที่ปัญหานั้นๆ จะเกิดขึ้น และด้วยประสบการณ์เหล่านี้นี่เองที่จะสร้างให้เราเป็นวิศวกรที่มีคุณภาพได้

อาชีพวิศวกรหากเปรียบเทียบกับอาชีพอื่นๆ แล้วถือได้ว่าเป็นอาชีพที่มีความรับผิดชอบค่อนข้างสูงทีเดียว ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าในอดีตอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีเกียรติในตัวมันเอง มีเงินค่าวิชาชีพค่อนข้างสูง เพราะความเสี่ยงในความรับผิดชอบนั้นสูงไม่น้อย หากเทียบกับผู้ประกอบวิชาชีพที่มีการควบคุมทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นแพทย์ นักบัญชี สถาปนิก ฯลฯ ถือได้ว่าผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรมีความรับผิดชอบสูงที่สุด โดยมีความรับผิดชอบสูงกว่าแพทย์ด้วยซ้ำไป มีหลายต่อหลายคนมักจะบอกกับวิศวกรรุ่นน้องๆ ว่าถ้าจะรักที่จะทำอาชีพนี้ ก็ต้องยอมรับว่า ขาข้างหนึ่งของเราได้ก้าวเข้าไปสู่ในคุกแล้ว อยู่ที่ว่าวันใดถ้าเราพลาด วันนั้นขาอีกข้างก็จะก้าวตามมันเข้าไปอยู่กับมันทั้งสองข้าง



แต่ในปัจจุบันนี้ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรทั้งหลายต้องแบกรับความรับผิดชอบสูงเช่นเดิม แต่ค่าวิชาชีพนั้นได้ตกต่ำลงอย่างมาก แทบจะเรียกได้ว่าไม่คุ้มค่ากับกับเสี่ยงที่จะต้องรับผิดชอบเสียเท่าไร แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อวิศวกรทั้งหลายได้เลือกที่จะเดินทางนี้

ทั้งๆ ที่รู้ว่าความรับผิดชอบของอาชีพวิศวกรนั้นค่อนข้างสูง แต่ก็มีวิศวกรบางคนที่กล้าที่จะเสี่ยง เสี่ยงที่จะปฏิบัติวิชาชีพนี้อย่างน่ากลัว หลายๆ คนที่ทำงานในวงการวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจะเป็นการเซ็นเป็นผู้ควบคุมงานในหลายๆ โครงการโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ไปคุมงานนั้นจริง บ้างคนเซ็นควบคุมงานอยู่ที่เชียงใหม่ ในขณะเดียวกันก็มีชื่อเป็นผู้ควบคุมงานในอีกโครงการที่อยู่กรุงเทพ ฯ โดยทั้ง 2 โครงการปล่อยให้โฟร์แมนควบคุมงานเป็นผู้ควบคุมงานแทน โดยเหตุการณ์ที่กล่าวมานี้มีอยู่ไม่น้อยในปัจจุบัน หรือการออกแบบก่อสร้าง โดยพยายามลดงบประมาณการก่อสร้างลง พยายามลดเหล็กในโครงสร้างให้เหลือมีค่าเผื่อความปลอดภัย ( Safety of factor) ให้เหลือน้อยที่สุด วิศวกรบางคนที่ได้คุณวุฒิทางวิชาชีพสูงขึ้น ทั้งระดับสามัญหรือวุฒิวิศวกร ก็มีอาชีพเพียงแค่รับจ้างเซ็นแบบเท่านั้น โดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ลงมือออกแบบ หรือคำนวณโครงสร้างเอง หรือแม้แต่ผู้รับเหมาบางบริษัทก็จะพยายามลด Cost งานก่อสร้างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยละเลยงบประมาณในด้านความปลอดภัยในระหว่างก่อสร้าง โดยสิ่งที่กล่าวมาที่หากวิศวกรทุกคนมีคำว่า จรรยาบรรณ ก็คงจะลดเหตุการณ์น่าเศร้าทั้งหลายได้อย่างมากทีเดียว



เมื่อข่าวคราวของสิ่งก่อสร้างวิบัติเมื่อใด ข่าวที่ตามมาก็จะเป็นว่า ใครเป็นคนออกแบบก่อสร้าง หรือ ใครเป็นผู้ควบคุมงานนั้น แต่ก็คงหนีไม่พ้นบุคคลที่กล่าวถึงคงเป็นวิศวกรอย่างแน่นอน เรามาย้อนกลับไปยังอดีตของเหตุการณ์เหล่านั้นกัน ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2536 ได้เกิดเหตุการณ์ การวิบัติของโรงแรมรอยัลพลาซ่า โดยอาคารมีความสูง 6 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้นได้พังทลายลงมา กล่าวได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรมที่ร้ายแรงที่สุด เท่าที่เคยเกิดจากการวิบัติของสิ่งปลูกสร้างในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นกรณีที่วิศวกรถูกข้อหาหนักที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีการต่อสู้ทางคดียืดเยื้อจนถึงฎีกาเป็นเวลานานกว่า 7 ปี 4 เดือน กับอีก 15 วัน. ศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต วิศวกรผู้ออกแบบก่อสร้างแต่เพียงผู้เดียว ฐานเป็นผู้ที่คำนวณผิดพลาดให้มีการต่อเติมอาคารขึ้นอีกหลายชั้น จนเป็นเหตุให้ตึกถล่มพังลงมามีคนตาย 136 ศพ เจ็บอีกร่วม 200 ราย เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2543



บทเรียนถัดมาอาคารหอพักสูง 6 ชั้น ริมถนนบางนา - ตราด กม.36 + ขนาดกว้าง 13 เมตร ยาว 56 เมตร มีการวิบัติที่ฐานรากจำนวนมาก ทำให้อาคารเกิดการทรุดตัวเอียง (ล้มดิ่งประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์) โครงสร้างมีการบิดตัวอย่างมาก มีการแตกร้าวที่ผนังอาคารจำนวนมาก พื้นอาคารมีความลาดเอียงมากจนไม่เหมาะสมที่จะใช้พักอาศัยอีกต่อไป จากการสอบถามหัวหน้าช่างผู้รับเหมาก่อสร้างอาคาร ได้ทราบว่าอาคารดังกล่าวก่อสร้างเสร็จสิ้นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เพิ่งจะเกิดการทรุดเอียงตัว และการทรุดตัวยังเกิดขึ้นอยู่อย่างช้า สาเหตุเกิดจากขณะก่อสร้างฐานรากรถขุดดิน (แบ็คโฮ) วิ่งทับเสาเข็มจนแตกหักไปถึง 4 ฐาน แต่ผู้ก่อสร้างก็ละเลยการซ่อมแซมเสาเข็มซึ่งแตกหักดังกล่าว

ต่อมาในเดือนกันยายน 2537 ทาง วสท.ได้เข้าไปตรวจสอบการแก้ไขฐานรากอาคาร พบว่า มีการแก้ไขฐานรากอาคารโดยการทำเสาเข็มเจาะและหล่อฐานรากเพื่อถ่ายน้ำหนักจากเสาอาคารลงเสาเข็มเจาะ แต่ตำแหน่งการเจาะเสาเข็มเพิ่มเติมและฐานรากใหม่ มีลักษณะผิดหลักวิศวกรรมเป็นอย่างมาก วิศวกรโยธาผู้ออกแบบแก้ไขฐานรากครั้งนี้ ถูกคณะกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพวิศวกรรม (กว.) สอบสวน และมีมติให้พักใบอนุญาต


อีกบทเรียนหนึ่งที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานนั้นก็คือ การวิบัติของโรงงานเดลต้า อิเล็กทรอนิกส์พังทลาย เมื่อเช้ามืดเวลาประมาณ 03.30 น. ของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2545 โดยมีต้นเหตุดังนี้

1. เหล็กยึดเสาเหล็กกับคานคอนกรีต มีจำนวนน้อยกว่าแบบพิมพ์เขียว
ของจริง : เหล็กข้ออ้อย DB25 ตัวแอล 3 ตัว 2 DB25
แบบพิมพ์เขียว : เหล็กข้ออ้อย DB25 ตัวยู 3 ตัว 6 DB25
2. การดัดเหล็กข้ออ้อย มีรัศมีการดัดที่เล็กกว่ามาตรฐานทางวิศวกรรม ทำให้เกิดรอยร้าวในเนื้อเหล็กตั้งแต่ก่อสร้าง และรอยร้าวนี้จะขยายตัวเรื่อย ๆ
ผลการสำรวจพบว่า : เหล็กข้ออ้อย DB25 จำนวนประมาณ 90% ขาดที่จุดดัดเหล็กนี้


3. ระยะฝังของเหล็กยึดสั้นกว่าแบบพิมพ์เขียว
ของจริง : ประมาณ 30 เซนติเมตร
แบบพิมพ์เขียว : กำหนด 60 เซนติเมตร
ผลการสำรวจพบว่า : เหล็กข้ออ้อยรูดตัวจากคานคอนกรีต จำนวน 2 - 3 จุด
4. รอยเชื่อมเหล็กข้ออ้อย DB25 ให้ติดกับเหล็กแผ่น มีขนาดเล็กเกินไป
ผลการสำรวจพบว่า : มีการวิบัติที่รอยเชื่อม จำนวน 2 - 3 จุด
5. แบบรายละเอียดของเหล็กยึดและวิธีการยึด ไม่ใคร่เหมาะสมกับโครงสร้างรับแรงดึงขนาดใหญ่เช่นนี้

จากต้นเหตุเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่ามีความบกพร่องในช่วงควบคุมงานก่อสร้าง โดยในขณะนี้ทางสภาวิศวกรอยู่ในระหว่างการสรุปผลการสอบสวนวิศวกรผู้ควบคุมงาน…



เหตุการณ์น่าเศร้าอีกเรื่อง คือป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ ริมถนนบางนา พังลงมาทับเด็กหญิงเสียชีวิต ความผิดทั้งหมดก็ตกอยู่ที่วิศวกรออกแบบและผู้ควบคุมงาน ซึ่งก็ถูกสอบสวนอยู่ในขณะนี้


บทเรียนล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นานนี้ เป็นเหตุการณ์ ชิ้นส่วนคอนกรีตหล่นมาทับนักศึกษาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการแจ้งข้อหาแก้วิศวกรและสถาปนิกควบคุมงานว่า กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นผู้มีวิชาชีพในการควบคุมการรื้อถอน สิ่งก่อสร้างไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่นมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และกฎกระทรวงข้อหาผู้ควบคุมงานรื้อถอนไม่เป็น ไปตามขั้นตอนและปลอดภัย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับ 10 เท่าของมูลค่าความเสียหาย ผลจะออกมาเป็นอย่างไรคงได้รับรู้กันอีกในไม่ช้า..

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยสำหรับผู้ที่มีอาชีพวิศวกรควรจดจำเป็นบทเรียนราคาแพง หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมาเมื่อใด ชื่อเสียง เกียติยศที่เคยมี จะเปลี่ยนและกลับกลายมาเป็นคำว่า " ฆาตกร " ในทันที
จาก
//www.thaiengineering.com/article/general/engieer_risk_prison.asp
ทั้งหมดนี้ผมให้อ่านเพื่ออยากบอกว่าผมคิดผิดเพราะอยากเท่แต่ตอนนี้ผมไม่อยากทำงานด้านนี้เลยเรียนก็ยากทำงานก็ยากจบมาทำไมก็ไม่รู้




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2548    
Last Update : 19 ธันวาคม 2548 17:49:21 น.
Counter : 439 Pageviews.  


ninjav
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ninjav's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.