ศรัทธามั่น....นิรันดร์
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2559
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
25 พฤษภาคม 2559
 
All Blogs
 
มงคลชีวิต บทที่ 4,5,6





มงคล ที่ ๔ อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม

มงคลชีวิต 38 ประการ ฉบับทางก้าวหน้า

ต้นโพธิ์ต้นไทร หากปลูกไว้ในกระถาง

ถึงจะไม่ตาย ก็ต้องกลายเป็นไม้แคระแกร็น

แต่ถ้านำไปปลูกในที่ดินดี มีบริเวณกว้างขวาง น้ำท่าอุดมสมบูรณ์

ก็โตวันโตคืน กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ แผ่กิ่งก้านสาขาเต็มที่

เช่นกัน คนเราหากตกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เลว

ถึงจะมีความรู้ความสามารถ ก็ยากที่จะเอาดีได้

แต่ถ้าอยู่ในถิ่นที่เหมาะสมแล้ว

ก็สามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าได้โดยง่าย

ถิ่นที่เหมาะสมหมายถึงอย่างไร ?

            ถิ่นที่เหมาะสม หมายถึง ถิ่นที่สิ่งแวดล้อมดี ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่สุขภาพกายและใจ ยิ่งกว่านั้น ยังสนับสนุนให้ผู้อยู่อาศัยสามารถประกอบ กิจการงานในหน้าที่อันเป็นสัมมาอาชีพ ให้เจริญก้าวหน้าได้โดยง่าย และสร้างสมคุณงามความดีได้เต็มที่

            ถิ่นที่เหมาะสม มีความหมายกว้างครอบคลุมถึงถิ่นที่อยู่ทุกระดับ เช่น บ้านที่เราอาศัย โรงเรียนที่เราเรียน สถานที่ที่เราทำงาน หมู่บ้านชุมชนที่เราอยู่ ตำบลที่เราตั้งหลักฐาน  อำเภอ  จังหวัด  ประเทศ  ทวีป  เป็นต้น

วิธีอยู่ในถิ่นที่เหมาะสม

            ๑.        เลือกที่อยู่ที่เหมาะสมเราควรแสวงหาถิ่นที่เหมาะสม อยู่อาศัยให้ได้จึงจะเจริญ เช่น แสวงหาโรงเรียนดีๆ ที่ทำงานดีๆ ทำเลปลูกบ้านดีๆ จะบวชก็หาวัดดีๆ

            ๒.        พัฒนาที่อยู่ที่ทำงานให้เป็นถิ่นที่เหมาะสม ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ใดก็ตาม ต้องพยายามพัฒนาถิ่นที่เราอยู่ให้เป็นถิ่นที่เหมาะสมอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่เราอยู่สถานที่ที่เราทำงานหรือชุมชนที่เราอยู่อาศัยก็ตาม  โดยยึดหลักการพัฒนาให้เป็นถิ่นที่เหมาะสมดังนี้

มงคล ที่ 4 อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม  มงคลชีวิต 38 ประการ ฉบับทางก้าวหน้า

ลักษณะของถิ่นที่เหมาะสม

            ๑.        อาวาสเป็นที่สบาย หมายถึง เป็นที่ที่มีสภาพทางภูมิศาสตร์ดี เช่น ถ้าเป็นบ้าน  ก็ต้องให้มีต้นไม้ร่มรื่น  น้ำไฟสะดวก  ถ้าเป็นโรงเรียน  ก็ต้องมีสุข-ลักษณะดี มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีเสียงอึกทึก มีบริเวณกว้างขวาง มีสนาม กีฬา ถ้าเป็นที่ตั้งร้านค้า ก็ต้องเป็นบริเวณที่อยู่ในย่านชุมชน การคมนาคมสะดวก ถ้าเป็นจังหวัดหรือภาค ก็ต้องเป็นบริเวณที่สภาพภูมิศาสตร์ดี เช่น ไม่ลุ่มไม่ดอนเกินไป ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป เป็นต้น

            ๒.        อาหารเป็นที่สบาย หมายถึง เป็นบริเวณที่สามารถจัดหาอาหารได้สะดวก เช่น อยู่ใกล้ตลาด หรือบริเวณที่มีการเกษตรกรรมสามารถผลิตอาหารได้เองอย่างพอเพียง  และเป็นที่ที่สามารถประกอบธุรกิจการงานหารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ดี

            ๓.        บุคคลเป็นที่สบาย หมายถึง บริเวณที่อยู่นั้นต้องไม่มีนักเลงอันธ-พาล โจรผู้ร้ายไม่ชุกชุม คนส่วนใหญ่ในละแวกนั้นเป็นคนดี มีศีลธรรม มีวินัย ใฝ่หาความก้าวหน้า

            ๔.        ธรรมะเป็นที่สบาย หมายถึง ความดีงาม ความเหมาะสม ใน2ลักษณะ คือ

            -           ในทางโลก หมายถึง ในถิ่นนั้นมีโรงเรียน สถานศึกษาสำหรับให้ความรู้ได้อย่างดี ตลอดจนมีหลักการปกครอง การบริหารราชการบ้านเมืองที่ดีอีกด้วย                    -           ในทางธรรม หมายถึง ในถิ่นนั้นมีพระภิกษุ หรือฆราวาสผู้รู้ธรรม เป็นบัณฑิต สามารถให้การอบรมสั่งสอนศีลธรรมได้อย่างดี หรือถิ่นที่พระพุทธศาสนาแผ่ไปถึง สามารถให้ทาน รักษาศีล ฟังเทศน์ ทำสมาธิภาวนาได้เป็นนิจ

ลำดับความสำคัญของปัจจัย ๔ ประการ

            องค์ประกอบของถิ่นที่เหมาะสมดังได้กล่าวมาแล้วทั้ง ๔ ประการ จัดเรียงลำดับความสำคัญได้ดังนี้

            ธรรมะเป็นที่สบาย       สำคัญอันดับ ๑

            บุคคลเป็นที่สบาย       สำคัญอันดับ ๒

            อาหารเป็นที่สบาย       สำคัญอันดับ ๓

            อาวาสเป็นที่สบาย       สำคัญอันดับ ๔

            เพราะถึงแม้อาวาสจะไม่เป็นที่สบาย แต่ถ้ามีอาหารอุดมสมบูรณ์ก็ยังพออยู่ได้ หรือถ้าอาวาสและอาหารไม่เป็นที่สบาย แต่บุคคลเป็นที่สบายแล้ว ก็จะสามารถปรับปรุงอาหารและอาวาสให้เป็นที่สบายได้ แต่บุคคลจะเป็นที่สบายได้ก็ต้องมีธรรมะเป็นที่สบายอยู่ในจิตใจเสียก่อน

            ตัวอย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่น พื้นที่เป็นเกาะ มีภัยธรรมชาติจากลมพายุ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดอยู่บ่อยๆ พื้นที่ก็น้อย (อาวาสไม่เป็นที่สบาย) อาหารการกินก็ไม่เพียงพอ เลี้ยงตัวเอง (อาหารไม่เป็นที่สบาย) แต่เนื่องจากประชากรเขามีประสิทธิภาพ ขยันขันแข็ง มีวินัย ใฝ่หาความก้าวหน้า (บุคคลเป็นที่สบาย) และมีหลักในการปกครองประเทศที่ดี มีความรักชาติ (ธรรมะในทางโลกเป็นที่ สบาย) จึงเป็นผลให้ประเทศญี่ปุ่นพัฒนาเจริญรุ่งเรือง จนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกได้

            ส่วนประเทศไทยมีสภาพภูมิศาสตร์ที่ดีเยี่ยม ไม่มีภัยธรรมชาติที่รุนแรง (อาวาสเป็นที่สบาย) อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ (อาหารเป็นที่สบาย) แต่ที่ยังขาดอยู่คือ คนของเรายังขาดวินัย ยังมีความมานะพากเพียรไม่เพียงพอ (บุคคลไม่เป็นที่สบาย) แม้เราชาวไทยจะมีพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่ทว่าเรายังเห็นแก่ความสะดวกสบายส่วนตัวอยู่มาก นำพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประพฤติปฏิบัติเพียงบางส่วน เช่น มีน้ำใจ มีเมตตา แต่ขาดความพากเพียรและวินัย (ธรรมะเป็นที่สบายแต่บุคคลไม่สบาย) ทำให้แม้ประเทศไทยจะน่าอยู่กว่าหลายๆ ประเทศ ผู้คนมีความเอื้อเฟื้อต่อกัน แต่ความเจริญของเรายังล้าหลังประเทศอื่นอยู่

            ดังนั้น ถ้าพวกเราร่วมใจกันพัฒนาตนเองให้เป็นคนดี มีระเบียบวินัย มีความขยันขันแข็ง ใฝ่หาความก้าวหน้าอยู่เสมอโดยนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาประพฤติปฏิบัติ ก็เป็นที่หวังได้ว่า ชาติไทยของเราจะมีความรุ่งเรืองก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศทั้งหลายได้ในอนาคตอันใกล้นี้

ข้อเตือนใจ

            ในหลายๆ ประเทศมีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านวัตถุมาก ประชาชนได้รับความสะดวกสบายในเรื่องเครื่องอุปโภคบริโภค หางานทำได้ง่าย เก็บเงินทองได้มาก ดูเผินๆ แล้วน่าไปอยู่อาศัยมาก แต่เมื่อพิจารณาอีกที อาจจะคิดได้ว่า อย่าอยู่เลย เพราะธรรมะไม่เป็นที่สบาย โอกาสที่ผู้อยู่อาศัยจะสร้างความก้าวหน้าทางใจ โอกาสที่จะสร้างบุญบารมีมีน้อย ลองคิดดูซิ... คนอยู่ในประเทศเหล่านั้น ตื่นเช้าขึ้นมาก็นึกถึงแต่งาน ไม่เคยได้เวลาหรือมีโอกาสนึกถึงการทำบุญให้ทาน การรักษาศีล หรือการทำสมาธิภาวนาเลย หรือบางครั้งนึกถึงแต่ก็ไม่มีใครแนะนำให้ ดังนั้นถึงมีชีวิตอยู่ก็เหมือนคนที่ตายแล้ว คือตายไปแล้วจากคุณงามความดี

            ในประเทศไทยเรา แม้ความเจริญทางด้านวัตถุอาจจะยังล้าหลัง แต่ด้านธรรมะยังเจริญอยู่มาก เรายังมีโอกาสให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาได้เต็มที่ มีโอกาสสร้างบุญให้ยิ่งๆ ขึ้นไปได้

วิธีทำบ้านให้น่าอยู่

            ๑.        ดูแลบ้านให้สะอาด เป็นระเบียบ มีทางถ่ายเทอากาศได้สะดวก

            ๒.        เลือกซื้อเลือกทำอาหารให้ถูกหลักอนามัย เป็นแม่บ้านก็ต้องหัดทำอาหารให้เป็น

            ๓.        จูงใจคนในบ้านให้ มีความเคารพซึ่งกันและกัน ละเว้นอบายมุข มีความขยันหมั่นเพียร มีน้ำใจต่อกัน โดยเริ่มปรับปรุงที่ตัวเราเองให้ดีก่อน แล้วจึงชักชวน   ผู้อื่นให้ปฏิบัติตาม

            ๔.        ชักนำกันไปวัดทำบุญ รักษาศีล ฟังเทศน์ ฝึกสมาธิ เป็นประจำ จัดบ้าน ให้มีอุปกรณ์เครื่องเสริมสร้างทางใจ เช่น มีหนังสือธรรมะ มีห้องพระหรือหิ้งพระ กำจัดภาพและหนังสือที่ไม่เหมาะสมออกให้หมด เช่น ภาพหรือหนังสือลามกเป็นต้น  และชักชวนกันสวดมนต์เจริญสมาธิภาวนาที่บ้านอย่างสม่ำเสมอด้วย

อานิสงส์การอยู่ในถิ่นที่เหมาะสม

            ๑.        ทำให้ได้รับความสุขกายสุขใจเต็มที่

            ๒.        ทำให้ได้รับความเจริญก้าวหน้าทั้งทางโลกและทางธรรม

            ๓.        ทำให้มีโอกาสบำเพ็ญบุญเต็มที่  ทั้งทาน ศีล ภาวนา

            ๔.        ทำให้ได้รู้ลาภอันประเสริฐ คือได้ความศรัทธาในพระรัตนตรัย

            ๕.        ทำให้ได้ฟังธรรมอันประเสริฐ คือได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า

            ๖.        ทำให้ได้รู้พระสัทธรรม คือ ได้ศึกษาธรรมะ

            ๗.        ทำให้ได้การเห็นอันประเสริฐ คือได้เห็นพระรัตนตรัย  

           ๘.         ทำให้ได้การศึกษาอันประเสริฐ  คือได้ศึกษาศีล สมาธิ ปัญญา

            ๙.        ทำให้ได้การบำรุงอันประเสริฐ  คือได้บำรุงพระพุทธศาสนา

            ๑๐.      ทำให้ได้การระลึกอันประเสริฐ คือใจระลึกผูกพันอยู่กับพระรัตนตรัย

            ๑๑.      ทำให้ได้นิสัยไม่ประมาท โดยดูตัวอย่างจากผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย

            ๑๒.     ทำให้ได้ที่พึ่งอันสูงสุด  คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

            ๑๓.     ทำให้ได้อริยทรัพย์  คือหนทางสู่นิพพาน



มงคล ที่ ๕ มีบุญวาสนามาก่อน

มงคลชีวิต 38 ประการ ฉบับทางก้าวหน้า

 ผลไม้พันธุ์เลว ถึงจะใส่ปุ๋ยรดน้ำพรวนดินดีอย่างไรก็ตาม 

อย่างมากก็ทำให้มีผลดกขึ้นบ้าง แต่จะทำให้มีรสโอชาขึ้นกว่าเดิมนั้นยาก

ตรงกันข้าม ผลไม้พันธุ์ดี แม้รดน้ำพรวนดินเพียงพอประมาณ

ก็ให้ผลมากเกินคาด  รสชาติก็โอชา

เช่นกัน ผู้ที่ไม่ได้สั่งสมคุณความดีมาก่อน เมื่อประกอบกิจใดๆ

ถึงขยันขันแข็งสักปานไหน ผลแห่งความดีกว่าจะปรากฏเต็มที่

ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักและเสียเวลามาก

ส่วนผู้ที่สั่งสมคุณความดีมาก่อน เมื่อทำความดี

ผลดีปรากฏเต็มที่ทันตาเห็น ส่งผลให้มีความเจริญก้าวหน้า

เหนือกว่าบุคคลทั้งหลายได้อย่างน่าอัศจรรย์

บุญคืออะไร ?

            บุญ คือสิ่งซึ่งเกิดขึ้นในจิตใจแล้วทำให้จิตใจใสสะอาด ปราศจากความเศร้าหมองขุ่นมัว  ก้าวขึ้นสู่ภูมิที่ดี  เกิดขึ้นจากการที่ใจสงบทำให้เลือกคิดเฉพาะสิ่งที่ดี ที่ถูก ที่ควร ที่เป็นประโยชน์  แล้วพูดดี ทำดี ตามที่คิดนั้น

            บุญ เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมส่งผลปรุงแต่งใจของเราให้มีคุณภาพดีขึ้น คือ ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว บริสุทธิ์ผุดผ่องสว่างไสว โปร่งโล่ง ไม่อึดอัด อิ่มเอิบ ไม่กระสับกระส่าย  ชุ่มชื่นเบาสบาย  ผ่อนคลายไม่ตึงเครียด  นุ่มนวลควรแก่การใช้งาน  และบุญที่เกิดขึ้นนี้ยังสามารถสะสมไว้ในใจได้อีกด้วย

            คนทั่วไปแม้จะมองไม่เห็น “บุญ” แต่ก็สามารถรู้อาการของบุญ หรือผลของบุญได้ คือเมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้จิตใจชุ่มชื่นเป็นสุข เปรียบได้กับ “ไฟฟ้า” ซึ่งเรามองไม่เห็นตัวไฟฟ้าโดยตรง แต่เราสามารถรับรู้อาการของไฟฟ้าได้ เช่น เมื่อไฟฟ้าผ่านเข้าไปในหลอดไฟแล้วเกิดแสงสว่างขึ้น หรือเมื่อผ่านเข้าไปในเครื่องปรับอากาศแล้วเกิดความเย็นขึ้น เป็นต้น

มงคล ที่ 5 มีบุญวาสนามาก่อน มงคลชีวิต 38 ประการ ฉบับทางก้าวหน้า

คุณสมบัติของบุญ

            ๑.        ชำระกาย วาจา ใจ ให้สะอาดได้

            ๒.        นำความสุขความเจริญก้าวหน้ามาให้

            ๓.        ติดตามตนไปทุกฝีก้าว แม้ไปเกิดข้ามภพข้ามชาติ

            ๔.        เป็นของเฉพาะตน ใครทำใครได้ โจรลักขโมยไม่ได้

            ๕.        นำมาซึ่งโภคทรัพย์สมบัติทั้งหลาย

            ๖.        ให้มนุษย์สมบัติ ทิพย์สมบัติ นิพพานสมบัติ แก่เราได้

            ๗.        เป็นเกราะป้องกันภัยในวัฏฏสงสาร

            ๘.        เป็นปัจจัยให้บรรลุมรรคผลนิพาน

ประเภทของบุญในกาลก่อน

            บุญในกาลก่อนแบ่งเป็น ๒ ชนิด ได้แก่

            ๑.        บุญช่วงไกล คือคุณความดีที่เราทำจากภพชาติก่อน มาจนถึงวันคลอดจากครรภ์มารดา

            ๒.        บุญช่วงใกล้ คือคุณความดีที่เราทำในภพชาติปัจจุบันตั้งแต่คลอดจนถึงวันนี้

           บุญช่วงไกล การสั่งสมความดีมาแต่ภพชาติก่อน  ส่งผลให้เราเห็นใน         ปัจจุบัน เปรียบเสมือนผลไม้ที่คัดพันธุ์มาดีแล้ว รสโอชะของมันย่อมติดมาใน           เมล็ด เมื่อนำเมล็ดนั้นมาปลูก ต้นของมันย่อมให้ผลที่รสอร่อยทันทีโดยไม่ต้องทะนุบำรุงมาก คนเราก็เช่นกัน ถ้าในอดีตชาติสะสมความดีมามากพอ เกิดมาชาตินี้ก็เป็นคนใจใส ใจสะอาดบริสุทธิ์มาตั้งแต่เด็ก มีสติปัญญาดีมาแต่กำเนิด รูปร่างสง่างาม ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีโอกาสสร้างความดีได้มากกว่าคน  ทั้งหลาย ถ้าไม่ประมาทหมั่นสะสมความดีในปัจจุบันเพิ่มขึ้นอีก ก็จะเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว  แต่ถ้าประมาทไม่เอาใจใส่ในการทำความดีในปัจจุบัน ก็เปรียบเสมือนต้นไม้ยอดด้วน  ยากที่จะเจริญเติบโตต่อไปได้

            บุญช่วงใกล้ คนที่ทำความดีตั้งแต่เล็กเรื่อยมา เช่น ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ขยันหมั่นเพียร คบคนดีเป็นมิตร ฝึกใจให้ผ่องใสมาตั้งแต่เด็ก ความคิด คำพูด การทำงาน ย่อมดีกว่าบุคคลอื่นในวัยเดียวกัน เมื่อเติบโตขึ้น ย่อมมีความเจริญก้าวหน้ามากกว่าผู้อื่น

            เพราะฉะนั้นเราจึงควรสั่งสมบุญ  โดยทำความดีเสียตั้งแต่วันนี้  จะ ได้ส่งผลให้มีสติปัญญาดี มีความเฉลียวฉลาด มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตต่อไปในอนาคต ดังเช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งได้ทรงทำความดี     สร้างสมบารมีมามากนับภพนับชาติไม่ถ้วนในภพชาติสุดท้ายก็ทรงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนตั้งแต่ยังเยาว์ เมื่อทรงออกผบวชก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียรเจริญสมาธิภาวนาอย่างเติมที่ จึงสามารถตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เมื่อพระชนม์เพียง ๓๕ พรรษา

ผลของบุญ

            บุญเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็มีผลกับตัวเรา ๔ ระดับ คือ

            ๑.        ระดับจิตใจ เป็นบุญที่เกิดผลทันที คือทำความดีปุ๊บก็เกิดปั๊บ ไม่ต้อง รอชาติหน้า  เกิดขึ้นเองในใจของเรา  ทำให้

            -           สุขภาพทางใจดีขึ้น คือมีใจเยือกเย็น ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวต่อคำ     ยกยอหรือตำหนิติเตียน     มีใจที่ปลอดโปรง เบาสบาย เป็นสุข

            -           สมรรถภาพของใจดีขึ้น คือเป็นใจที่สะอาดผ่องใส ใช้คิดเรื่องราวต่างๆ ได้รวดเร็ว ว่องไว ลึกซึ้ง กว้างไกล รอบคอบ เป็นระเบียบ  และตัดสิน ใจได้ฉับพลันถูกต้องไม่ลังเล

            ๒.        ระดับบุคลิกภาพ คนที่ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา อย่างสม่ำ-เสมอ จะทำให้มีใจที่สงบ แช่มชื่น เบิกบาน ชุ่มเย็น นอนหลับสบาย ไม่มีความกังวลหม่นหมอง หน้าตาผิวพรรณจึงผ่องใส ใจเปี่ยมไปด้วยบุญ ไม่คิดโลภอยากได้ของใคร ไม่คิดสร้างความเดือดร้อนให้ใคร มีแต่คิดช่วยเหลือเขา จึงมีความมั่นใจในตัวเอง มีความองอาจสง่างามอยู่ในตัว ไปถึงไหนก็สามารถวางตัว ได้พอเหมาะพอดี  บุคลิกภาพย่อมดีขึ้นเป็นลำดับ

            ๓.        ระดับวิถีชีวิต วิถีชีวิตของคนเรา เกิดจากการสรุปผลบุญและผลบาปที่เราได้ทำมาตั้งแต่ภพชาติก่อนๆ จนถึงภพชาติปัจจุบัน  เป็นผลของบุญระดับจิตใจและระดับบุคลิกภาพร่วมกัน ชักนำให้เราได้รับสิ่งที่น่าปรารถนา ตอบสนองมาจากภายนอก เช่น ได้รับลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่การที่เราทำดี แล้ววิถีชีวิตของเราจะดีเต็มที่หรือไม่นั้น ยังขึ้นอยู่กับบุญเก่าหรือบาปในอดีตที่เราเคยทำไว้ด้วย  เรื่องการให้ผลบุญและบาป จึงเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน เช่นบางครั้งขณะที่เราตั้งใจทำความดีอยู่ แต่ผลบาปในอดีตตามมาทัน ทำให้ถูกใส่ร้ายป้ายสี หรือประสบเคราะห์กรรม บางคนเข้าใจผิด คิดว่าทำทำดีแล้วไม่ได้ดี ทำให้หมดกำลังใจในการทำความดี

            แท้จริงแล้ว ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในขณะนั้น ผลบาปที่เราเคยทำในอดีตกำลังส่งผลอยู่ แต่บุญที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบันย่อมไม่ไร้ผล เมื่อเราตั้งใจทำบุญ ไปโดยไม่ย่อท้อ และไม่ทำบาปนั้นอีก เคราะห์กรรมนั้นย่อมหมดสิ้นไป และได้รับผลของบุญคือความสุขความสำเร็จได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในที่สุด

            ๔.        ระดับสังคม เมื่อเราทำความดีมาแล้วอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะไปอยู่            สังคมใด บุญก็จะส่งผลให้เป็นบุคคลที่สังคมยอมรับนับถือ ได้เป็นผู้นำของสังคม นั้น และจะเป็นผู้ชักนำสมาชิกในสังคมให้ทำความดีตามอย่าง ทำให้เกิดความสงบร่มเย็น  และความเจริญก้าวหน้าขึ้นในสังคมนั้นๆ โดยลำดับ

ตัวอย่างผลของบุญ

            ผู้ที่มีอายุยืน                        เพราะในอดีตไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

            ผู้ที่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ             เพราะในอดีตไม่รังแกหรือทรมานสัตว์

            ผู้ที่มีพลานามัยสมบูรณ์       เพราะในอดีตให้ทานด้วยข้าวปลาอาหาร มามาก

            ผู้ที่มีผิวพรรณงาม                 เพราะในอดีตรักษาศีล และให้ทานด้วยเสื้อผ้า  เครื่องนุ่งห่มมามาก

            ผู้ที่มีอำนาจมีคนเกรงใจ       เพราะในอดีตมีมุทิตาจิต ใครทำความดีก็ อนุโมทนา ไม่อิฉาริษยาใคร                                       

            ผู้ที่ร่ำรวยมีโภคทรัพย์มาก       เพราะในอดีตให้ทานมามาก

            ผู้ที่เกิดในตระกูลสูง                เพราะในอดีตบูชาบุคคลที่ควรบูชามามาก

            ผู้ที่ฉลาดมีสติปัญญาดี           เพราะในอดีตคบบัณฑิต ฝึกสมาธิเจริญ ภาวนา มามากและไม่ดื่มสุรายาเมา  

วิธีทำบุญ

            การทำความดีทุกอย่างล้วนได้ผลออกมาเป็นบุญทั้งสิ้นแต่เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจและนำไปปฏิบัติ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแบ่งวิธีทำบุญออกเป็น  ๑๐  ประการ เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ได้แก่

            ๑.        ทาน     คือการบริจาคทรัพย์สิ่งของแก่ผู้ที่ควรให้

            ๒.        ศีล       คือการสำรวมกาย วาจา ให้สงบเรียบร้อย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น

            ๓.        ภาวนา คือการสวดมนต์ทำสมาธิ อ่านหนังสือธรรมะ ฯลฯ

            ๔.        อปจายนะ        คือการมีความเคารพอ่อนน้อมต่อผู้มีคุณธรรม

            ๕.        เวยยาวัจจะ     คือการขวนขวายช่วยเหลือในกิจที่ชอบ

            ๖.        ปัตติทานะ       คือการอุทิศส่วนบุญแก่ผู้อื่น

            ๗.        ปัตตานุโมทนา คือการอนุโมทนาบุญที่ผู้อื่นทำ

            ๘.        ธัมมัสสวนะ     คือการฟังธรรม

            ๙.        ธัมมเทสนา      คือการแสดงธรรม

            ๑๐.      ทิฏฐุชุกัมม์       คือการปรับปรุงความเห็นของตนให้ถูกต้อง

            บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ นี้  สรุปลงได้เป็น บุญกิริยาวัตถุ ๓   ได้ดังนี้

            -           ทาน     ได้แก่   ทาน   ปัตติทานะ ปัตตานโมทนาเป็นการฆ่าความ ตระหนี่ออกจากใจ

            -           ศีล       ได้แก่     ศีล  อปจายนะ เวยยาวัจจะ   เป็นการป้องกันตนไม่ให้ทำชั่ว

            -           ภาวนา ได้แก่    ภาวนา ธัมมัสสวนะ   ธัมมเทสนา   เป็นการฝึกตัวเองให้ฉลาด มีสติปัญญาดี

        ส่วน ทิฏฐุชุกัมม์   นั้น สงเคราะห์เข้าได้ทั้งใน  ทาน ศีล และภาวนา

หมายเหตุอรรถกถาและฎีกาบางแห่ง จัดทิฏฐุชุกัมม์ไว้ในภาวนา  ส่วนธัมมเทสนานั้น

                 อาจจัดจัดไว้ในทานก็ได้ โดยถือเป็นธรรมทาน

บุญวาสนาไม่ใช่อภินิหาร

            บุญวาสนาไม่ใช่อภินิหาร แต่สามารถอธิบายด้วยหลักเหตุผลได้ดังนี้ คนที่จิตสั่งสมแต่บาปหรือความชั่ว  จะทำให้ใจมืดมัว  กิเลสต่างๆ เข้ายึดครอง ใจได้ง่าย ทำให้เกิดผลร้ายต่อตนเอง เช่น เวลาโกรธจัด ความโกรธเข้ายึดครองใจ ทำให้หัวใจเต้นแรงผิดปกติ ระบบสูบฉีดเลือดผันแปร โลหิตมีการเผาไหม้มาก เกิดอาการร้อนผ่าวตั้งแต่หน้าอกจรดใบหน้า ความร้อนจะทำให้ผิวหยาบกร้าน ไม่มีน้ำมีนวล อาหารไม่ย่อย ท้องอืด เกิดความเครียดคนโกรธง่าย     จึงเป็นคนเจ้าทุกข์ หงุดหงิด พูดจาห้วนแบบมะนาวไม่มีน้ำ เวลาโกรธจะขาดสติ คิดอ่านการใดก็ผิดพลาดได้ง่าย

            ส่วนคนที่จิตสั่งสมแต่บุญหรือความดี จะทำให้ใจผ่องใสอยู่เป็นปกติ กิเลสต่างๆ เข้ายึดครองใจได้ยาก  เพราะมีสติคอยควบคุมใจไว้  สามารถสอนตนเองและตักเตือนตนเองไม่ให้ทำความชั่วได้ จึงมีจิตใจที่สงบเยือกเย็น สดชื่น ผ่องใส ระบบการทำงานของร่างกายก็เป็นปกติ มีผิวพรรณงาม เสียงไพเราะ      กิริยาน่ารัก  คิดอ่านการใดก็แจ่มใส  ส่งผลให้มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตได้ง่าย

ข้อเตือนใจ

            เมื่อทราบว่าการทำบุญเป็นการสั่งสมความดีไว้เพื่อตนเองแล้ว เราจึงไม่ควรประมาทในการทำบุญ ควรทำบุญเท่าที่กำลังความสามารถจะอำนวย ผู้ที่ได้สั่งสมบุญมาดีแล้วแต่เพิกเฉยในการทำบุญเพิ่ม เปรียบเสมือนชาวนาที่เก็บเกี่ยวผลิตผลแล้วแจกจ่ายขายกินหมด ไม่เหลือไว้ทำพันธุ์ต่อไปภายหน้าเลย เขาย่อมเดือดร้อนในฤดูกาลทำนาครั้งต่อไป

            ความดีทุกอย่างที่เราทำไว้ แม้จะไม่ให้ผลในปัจจุบันทันตาก็ไม่สูญเปล่า ความดีเหล่านั้นจะรวมกันเข้าปรุงแต่งจิตใจให้ดีขึ้น  สิ่งนี้แหละคือ บุญวาสนา

            เราจึงควรเร่งสร้างความดีเสียแต่บัดนี้ โดยหมั่นศึกษาวิชาการ ฝึกฝนตนเองทั้งทางด้านการปรับปรุงคำพูด ความขยันขันแข็ง ทำการงานให้ดีขึ้น และพยายามฝึกใจให้ผ่องใส ด้วยการหมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาอย่างสม่ำเสมอ  คนเช่นนี้จึงเป็นคนมีบุญวาสนาที่แท้จริง

หลักปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

            เราต้องเร่งสร้างบุญใหม่ตั้งแต่บัดนี้ จะได้เป็นบุญเก่าติดตัวไปในวัน  หน้า โดยยึดหลักว่า

            ๑.        เช้าใดยังไม่ได้ทำทาน  เช้านั้นอย่าเพิ่งทานข้าว

            ๒.        วันใดยังไม่ได้ตั้งใจรักษาศีล  วันนั้นอย่าเพิ่งออกจากบ้าน

            ๓.        คืนใดยังไม่ได้สวดมนต์เจริญสมาธิภาวนา  คืนนั้นอย่าเพิ่งนอน

            เราต้องอดทนฝึกตนให้สร้างความดีเรื่อยไป แม้จะต้องกระทบกระทั่ง            กับสิ่งใด มีอุปสรรคมากเพียงไหนก็ปักใจมั่นไม่ย่อท้อ กัดฟันสู้ทำความดีเรื่อยไป

“น้ำหยดทีละหยด ยังสามารถเต็มตุ่มได้ฉันใด

บัณฑิตหมั่นสั่งสมบุญทีละน้อย

ย่อมเต็มเปี่ยมด้วยบุญฉันนั้น”

ขุ. ธ. ๒๕/๑๙/๓๑

อานิสงส์การมีบุญวาสนามาก่อน

   ๑.        ทำให้มีปัจจัยต่างๆ พร้อม  สามารถทำความดีใหม่ได้โดยง่าย

            ๒.        อำนวยประโยชน์ทุกอย่างดังได้กล่าวมาแล้ว

            ๓.        เป็นต้นเหตุแห่งความสุขทุกประการ

           ๔.        เป็นเสบียงติดตัวทั้งภพนี้ภพหน้า  จนกว่าจะบรรลุมรรคผลนิพพาน



มงคล ที่ ๖ ตั้งตนชอบ

มงคลชีวิต 38 ประการ ฉบับทางก้าวหน้า

เรือที่ฝ่าคลื่นอยู่กลางมหาสมุทร

จะแล่นถึงฝั่งได้

นายเรือจะต้องตั้งจุดหมายปลายทางไว้ถูกต้อง

และรู้จักควบคุมหางเสือให้เรือวิ่งไปไม่ผิดทิศทางฉันใด

คนเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้

ก็จะต้องตั้งตนชอบฉันนั้น

ตั้งตนชอบหมายถึงอย่างไร ?

            ตั้งตนชอบ หมายถึง การตั้งเป้าหมายชีวิต ทั้งทางโลกและทางธรรมไว้ถูกต้อง แล้วประคับประคองตนให้ดำเนินชีวิตไปตามเป้าหมายนั้น ด้วยความระมัดระวัง

            การตั้งตนชอบเป็นสิ่งสำคัญมาก เป็นขั้นตอนแรกในการสร้างความสุข ความเจริญก้าวหน้าแก่ชีวิต เพราะถ้าใครตั้งเป้าหมายชีวิตไว้ผิด เช่น ตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นโจรที่ปล้นเก่งที่สุด หรือจะเป็นนักผลิตเฮโรอีนที่เก่งที่สุด แล้วพยายามดำเนินชีวิตไปตามนั้น  คนๆ นั้นก็ไม่มีทางที่จะมีความสุขความเจริญก้าวหน้าได้ ถึงจะไปเสาะแสวงหาความรู้ความสามารถได้มากเพียงไร  ก็ไม่เกิดประโยชน์ อันใด เพราะความรู้ความสามารถนั้นๆ ล้วนเป็นไปเพื่อยังความพินาศให้เกิดขึ้นแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งสิ้น

            ผู้ที่รักความก้าวหน้าทั้งหลาย จึงจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายชีวิตให้ถูกต้องก่อน จากนั้นจึงไปเสาะแสวงหาความรู้ความสามารถ พากเพียรพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายชีวิตที่ถูกต้องนั้นให้ได้

มงคล ที่ 6 ตั้งตนชอบ  มงคลชีวิต 38 ประการ ฉบับทางก้าวหน้า

อะไร คื อ เป้าหมายชีวิต ?

            เป้าหมายชีวิตของคนทุกคนแบ่งได้เป็น ๓ ระดับ ได้แก่

            ๑.        เป้าหมายชีวิตขั้นต้น คือการตั้งเป้าหมายชีวิตเพื่อประโยชน์ในชาตินี้ เป็นการตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องตั้งตัวตั้งฐานะให้ได้ ด้วยการประกอบอาชีพที่สุจริต ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม จะเป็นอาชีพอะไรก็ตามแต่ความถนัดของแต่ละบุคคล จะเป็นนักธุรกิจ แพทย์ วิศวกร ชาวนา ชาวไร่ หรืออื่นๆ ได้ทั้งนั้น ขอแต่เพียงให้เป็นอาชีพสุจริตก็แล้วกัน และเมื่อตั้งเป้าหมายชีวิตไว้แล้ว  ก็มุ่งมั่นฝึกฝนตนเองสร้างตัวให้บรรลุเป้าหมายชีวิตนั้นให้ได้

“หนูตัวเล็กๆ ยังสู้อุตส่าห์ขุดรูอยู่

นกกระจิบกระจอกยังสู้อุตส่าห์สร้างรัง

เราเกิดมาเป็นคนทั้งทีก็ต้องสร้างฐานะให้ดีให้ได้”

            ๒.        เป้าหมายชีวิตขั้นกลาง คือการตั้งเป้าหมายชีวิตเพื่อประโยชน์ในชาติหน้า เป็นการตั้งเป้าหมายชีวิตไว้ว่า นอกจากจะพยายามตั้งฐานะของตนให้ได้แล้ว ก็จะตั้งใจสร้างบุญกุศลอย่างเต็มที่ในทุกๆ โอกาสที่อำนวยให้ เพื่อสะสมเป็นทุนเป็นเสบียงในภพชาติต่อไป เพราะว่าสัตว์ทั้งหลายตายแล้วไม่สูญ ตราบใดที่ยังไม่หมดกิเลส  ก็ยังต้องเกิดใหม่อีกอยู่ร่ำไป

            คนบางคนคิดแต่จะหาประโยชน์เฉพาะในชาตินี้  โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ชาติหน้าเลย คิดแต่จะหาทรัพย์จะตั้งฐานะให้ได้ โดยไม่ประกอบการบุญการกุศล เราลองคิดดูว่า ชีวิตของคนประเภทนี้จะมีคุณค่าสักเพียงไร ตั้งแต่เกิดก็อาศัยพ่อแม่เลี้ยง พอโตขึ้นหน่อยก็เรียนหนังสือหาความรู้ ครั้นโตขึ้นอีกก็ทำงาน  มีครอบครัวเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน  ดิ้นรนหาสิ่งต่างๆ มาบำรุงบำเรอตน แล้วก็แก่เฒ่าตายไป ดูพวกนกกา ตั้งแต่เล็กมันก็อาศัยพ่อแม่เลี้ยง สอนบิน  สอนให้รู้จักหาอาหาร โตขึ้นก็แยกรังไปมีครอบครัว หาอาหารมาเลี้ยงลูกเลี้ยงตัว หาความสุขตามประสานกกา แล้วก็แก่เฒ่าตายไปเหมือนกัน ถ้าคนเราเกิดมาแล้วมีชีวิตอยู่เพียงเท่านี้  ก็มีคุณค่าไม่ต่างอะไรกับนกกา

            แต่นี่เราเป็นคน มีโครงร่างเหมาะแก่การใช้ทำความดีมากที่สุด ดังนั้น นอกจากความพยายามตั้งฐานะในชาตินี้ให้ได้แล้ว  เราทุกคนจึงควรที่จะรู้จักสร้างคุณค่าให้แก่ชีวิต  ด้วยการตั้งใจทำความดี  ประกอบการบุญการกุศลอย่างเต็มที่ เพื่อไว้เป็นเสบียงในการเดินทางข้ามภพข้ามชาติ และเป็นปัจจัยในการบรรลุถึงเป้าหมายชีวิตขั้นสูงสุด

            ๓.        เป้าหมายชีวิตขั้นสูงสุด คือการตั้งเป้าหมายชีวิตเพื่อเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ได้แก่ การตั้งใจปฏิบัติธรรมทุกรูปแบบเพื่อปราบกิเลสให้หมดสิ้นแล้วเข้านิพพานตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ทั้งหลาย จะได้มีแต่ความสุขอันเป็นอมตะ  ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป

            โดยธรรมชาติ ทุกชีวิตเมื่อยังไม่หมดกิเลส ก็ต้องทนรับทุกข์กันไป มากบ้างน้อยบ้างตามแต่กรรมที่ตนทำไว้ เราเวียนเกิดเวียนตายกันมานับภพนับชาติไม่ถ้วนแล้ว   ถ้ามีใครสามารถเอากระดูกของเราทุกชาติมากองรวมกันเข้าก็จะสูงท่วมภูเขา  ถ้าเอาน้ำตาของเราที่หลั่งไหลออกมาเพราะความทุกข์ทุกๆ ชาติมารวมกัน  ก็จะมากกว่าน้ำในมหาสมุทรเสียอีก  ใครสามารถเข้านิพพานได้ก่อนก็หมดทุกข์ก่อน ที่ยังอยู่ก็ต้องเวียนเกิดเวียนตายในทะเลทุกข์แห่งวัฏฏสงสารต่อไป

            แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดเช่นเดียวกับพวกเรา แต่พระองค์ตั้งเป้าหมายชีวิตไว้ถูกต้อง คือตั้งเป้าไว้ว่าจะกำจัดกิเลสในตัวให้หมดโดยเร็ว แล้วนำตนเองและผู้อื่นเข้านิพพานด้วย จากนั้นก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียร ฝึกฝนตนเองอย่างเต็มที่มานับภพนับชาติไม่ถ้วน แม้มีอุปสรรคหนักหนาสาหัสเพียงไรก็ไม่ย่อท้อ สละได้แม้เลือดเนื้อและชีวิตเพื่อรักษาเป้าหมายที่จะเข้านิพพานไว้ไม่ให้คลอนแคลน ในที่สุดพระองค์ก็ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  สามารถกำจัดกิเลสได้หมด  เข้านิพพานอันบรมสุขได้

            ส่วนพวกเรามัวเที่ยวเถลไถล เกะๆ กะๆ ไม่เอาจริง  ไม่ตั้งใจมุ่งมั่นในการทำความดี บ้างก็ยังไม่รู้เป้าหมายสูงสุดของชีวิตว่า คือการเข้านิพพาน บ้างก็รู้แล้ว แต่เกียจคร้านประพฤติย่อหย่อน ทำๆ หยุดๆ จึงต้องมาเวียนเกิดเวียนตายรับทุกข์อยู่อย่างนี้

            ฉะนั้น ถ้าใครฉลาดก็ต้องรีบแก้ไขตนเอง ตั้งเป้าหมายสูงสุดของชีวิตไว้ให้มั่นคงไม่ประมาทในการสร้างความดี หมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ชำระกาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์  เพื่อกำจัดกิเลสให้หมดจะได้พ้นทุกข์เข้านิพพาน ได้รับความสุขอันเป็นอมตะตามอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้าง

“จงอย่าประมาท เร่งเดินตามรอยบาทพระบรมศาสดา

ถึงจะทำประโยชน์ให้คนอื่นมากมาย

ก็ไม่ควรละทิ้งจุดหมายปลายทางของตน

เมื่อรู้ว่าอะไรคือจุดหมายปลายทางแล้ว ก็ควรใส่ใจขวนขวาย”

ข้อเตือนใจ

            คนบางคนเริ่มแรกก็ตั้งเป้าหมายชีวิตดีอยู่ เช่น ตั้งใจจะทำมาหากินโดยสุจริต แต่กำลังใจยังไม่เข้มแข็งพอ ครั้นทำไปนานเข้าเริ่มรู้สึกว่ารวยช้าไป ไม่ทันใจ เป้าหมายชีวิตชักเขว ลงท้ายเลยไปคดโกงคนอื่นเขา ต้องติดคุกติด  ตะรางไป หรือบางคนตั้งใจจะให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา แต่พอถูก   คนอื่นเย้าแหย่บ้าง ล้อเลียนบ้าง เจอสิ่งยั่วยุอยู่เรื่อยๆ เลยเลิกปฏิบัติธรรม ปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามอำนาจของกิเลส

            ทำอย่างไร เราจึงจะป้องกันตัวเราไม่ให้เป็นอย่างนั้นบ้าง?ทำอย่างไร จึงจะรักษาเป้าหมายชีวิตของเราไว้ให้มั่นคง

วิธีรักษาเป้าหมายชีวิตให้มั่นคง

        ๑. ฝึกให้เป็นคนมีศรัทธา ได้แก่ มีเหตุผล เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ การเชื่อมี ๒ แบบ คือ

        ๑.๑  เชื่ออย่างมีเหตุผล    ประกอบด้วยปัญญา   เรียกว่า    ศรัทธา

        ๑.๒     เชื่ออย่างไร้เหตุผล       ปราศจากปัญญา        เรียกว่า            งมงาย

            ศรัทธาขั้นพื้นฐาน ๔ ประการ คือ

-           เชื่อกรรม เชื่อว่ากรรมมีอยู่จริงไม่ว่างเปล่า เมื่อทำอะไรแล้วย่อมเป็น กรรม คือเป็นความชั่วความดีมีขึ้นในตน 

-           เชื่อในผลของกรรม คือเชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว โดยการทำดี               นั้นจะต้องทำให้ครบองค์ประกอบ ๓ ประการจึงจะได้ดี  คือต้องทำให้

                        ถูกดี     คือมีปัญญาสามารถทำถูกวัตถุประสงค์ของงานนั้น

                        ถึงดี     คือมีความพยายามที่จะทำงานนั้นให้เต็มตามความสามารถ

                    พอดี     คือมีสติดี ไม่ทำจนเลยเถิดไป เผื่อเหนียวมากไปจนเกิดความเสียหาย

-           เชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตน คือเชื่อว่าบุญและบาป อันเป็นผลของกรรมดีและกรรมชั่ว ย่อมติดตามบุคคลผู้ทำนั้นตลอดไป

            -           เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง  เชื่อในพระปัญญาการตรัสรู้ของพระองค์

            ๒.     ฝึกให้เป็นคนมีศีล อย่างน้อยศีล ๕ (รายละเอียดของศีล โปรดดูในมงคลที่ ๙)

            ๓.        ฝึกให้เป็นคนมีความรู้ เป็นพหูสูต คือหมั่นศึกษาหาความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม

            ๔.        ฝึกให้เป็นคนมีจาคะ  คือรู้จักเสียสละ เช่น

            ๔.๑     สละทรัพย์สิ่งของเป็นทาน       เป็นการกำจัดความตะหนี่ออกจากใจ จึงเป็นที่รักของคนทั้งหลาย

            ๔.๒     สละอารมณ์บูดเป็นทาน คือละอารมณ์โกรธพยาบาท ให้เป็นอภัยทาน ทำให้ใจเป็นสุขไม่ขุ่มมัว

            ๕.        ฝึกสมาธิเพื่อให้ใจผ่องใส เกิดปัญญา ซึ่งเป็นข้อที่สำคัญที่สุดเพราะจะเห็นได้ว่า สาเหตุที่ทำให้เป้าหมายชีวิตของเราคลอนแคลนนั้น เป็น เพราะใจของเราขาดความมั่นคง ทนต่อความยั่วยุไม่ได้ แต่การฝึกสมาธิภาวนาเป็นการฝึกใจโดยตรง ทำให้ใจของเรามีพลัง มีความหนักแน่นเข้มแข็งในการรักษาเป้าหมายชีวิตไว้ได้โดยสมบูรณ์และมีปัญญารู้จักวางเป้าหมายชีวิตไว้ถูกต้องรวมทั้งสามารถปฎิบัติตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ดีแล้วนั้น

            การฝึกทั้ง ๕ ประการนี้ นิยมเรียกว่า สารธรรม แปลว่า ธรรมที่เป็นแก่น ถ้าผู้ใดมีคุณธรรมทั้ง ๕ ข้อนี้ ชื่อว่า เป็นคนที่มีแก่นคนอย่างแท้จริง สามารถตั้งตนชอบได้

อานิสงส์การตั้งตนชอบ

          ๑.    เป็นผู้สามารถพึ่งตนเองได้

          ๒.    เป็นผู้ไม่ประมาท

          ๓.   เป็นผู้เตรียมพร้อมไว้ดีแล้วก่อนตาย

          ๔.  เป็นผู้มีความสวัสดีในทุกที่ทุกสถาน

        ๕.     เป็นผู้บูชาพระรัตนตรัยอย่างสูงสุด

         ๖.     เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ

        ๗.     เป็นตัวอย่างที่ดีแก่อนุชนรุ่นหลัง

         ๘.     เป็นผู้ป้องกันภัยในอบายภูมิ

     ๙. เป็นผู้มีแก่นคน  สามารถตักตวงประโยชน์จากชีวิตได้เต็มที่

          ๑๐.   เป็นผู้ได้รับสมบัติทั้ง ๓ โดยง่าย  คือมนุษย์สมบัติ  ทิพย์สมบัติ และ นิพพานสมบัติ                               

                                                         ฯลฯ

            “มารดาบิดา ก็หรือญาติเหล่าอื่น พึงทำเหตุนั้นให้ไม่ได้ แต่จิตที่บุคคลตั้งไว้ชอบแล้ว พึงทำเขาให้ประเสริฐกว่าเหตุนั้นได้”






Create Date : 25 พฤษภาคม 2559
Last Update : 26 พฤษภาคม 2559 19:25:35 น. 0 comments
Counter : 3291 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

miraclec
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน ยินดีรู้จักครับ จริงใจครับ
Friends' blogs
[Add miraclec's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.