ยินดีต้อนรับค่ะ..ไม่ได้เข้ามาอัพบ่อยๆแต่รักบล๊อคนี้ม๊ากๆๆนะ..จุ๊บๆๆ
Group Blog
 
All blogs
 

เที่ยวนครสวรรค์และขากลับแวะเขาใหญ่ วันที่ 17-18/09/2553







ได้ติดสอยห้อยตามพี่ชายไปนครสวรรค์ค่ะ เริ่มออกเดินทางกัน เกือบเที่ยงวันที่ 17/09/2553
ขาไปเดินทางผ่านปราจีนบุรี นครนายก สระบุรี ลพบุรี ชัยนาท และไปสิ้นสุด เข้าพักที่นครสวรรค์
ขาไปนั้นไม่ไม่ได้แวะเที่ยวที่ไหนเลย..เพราะไปถึงก็เย็นมากๆแล้ว..เลยเช็คอินเข้าพักก่อนที่ เบเวอลี่ ฮิลล์ ปาร์ค พักเลยสองคืนมีอาหารเช้าให้ด้วยค่ะ..หลังจากเช็คอินเรียบร้อยก็พากันขับรถออกมาเพื่อไปชมวัด คีรีวงศ์ ค่ะ







...............................@@@@@@@@@@@@@......................................

@@วัดคีรีวงศ์@@


@@ทางเข้าวัดแล้วค่ะ@@



@@เมื่อมองจากถนนทางเข้าก่อนขึ้นไปบนวัด@@



@@พระจุฬามณีเจดีย์..ถ่ายรูปกันก่อนจะเข้าไปภายในค่ะ@@



@@สวยอลังการมากๆ@@



@@พระพุทธรูปบนวัด..องค์ใหญ่มาก@@



@@ทิวทัศน์โดยรอบเมืองนครสวรรค์เมื่อมองจากบนวัด@@



ข้อมูลวัดคีรีวงศ์ ดังนี้ค่ะ

วัดคีรีวงศ์ เดิมเป็นวัดร้างกลางป่าเขาสร้างสมัยปลายกรุงสุโขทัย มีพระธุดงค์แสวงบุญมาพบเมื่อปี 2504 ปัจจุบันเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดนครสวรรค์ มีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาปฏิบัติกิจกรรมทางพุทธศาสนาเป็นประจำ ภายในบริเวณวัดประกอบด้วย พระอุโบสถ สมเด็จพระพุทธโคดมจำลอง ศาลาพุทธานุภาพ วิหารหลวงพ่อโต และพระจุฬามณีเจดีย์ ที่สร้างขึ้นตรงฐานเจดีย์เก่าซึ่งสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19 ปลายกรุงสุโขทัยเมื่อประมาณ 600 ปีมาแล้ว โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโก)
วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ เป็นผู้ตั้งชื่อให้ และแนะนำให้สร้างพระจุฬามหาเจดีย์ไว้บนยอดเขา

พื้นที่ของวัดคีรีวงศ์ ทั้งบนเขาและที่ราบ ประมาณ 280 ไร่ มีลักษณะเป็นภูเขา ด้านเหนือด้านตะวันออกและด้านตะวันตกเป็นภูเขา มีทางเข้าด้าน ทิศใต้ทางเดียว มีลักษณะคล้ายฮวงจุ้ย เดิมชื่อเขาใหญ่ ปัจจุบันชื่อ เขาดาวดึงส์ เพราะตั้งอยู่ ตรงถนน ดาวดึงส์และอยู่เมืองนครสวรรค์ เมื่อขึ้นไปถึงฐานพระเจดีย์ชั้น 4 จะมองเห็นภูมิทัศน์อันสวยงามของเมืองนครสวรรค์
ในระยะไกลประมาณ 10 กิโลเมตร ถ้ามองไปทางทิศตะวันออกจะมองเห็นเขากบ บึงบอระเพ็ด และตลาดปากน้ำโพ หากมองไปทางทิศใต้ จะเห็นอุทยานสวรรค์ ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ และเขาจอมคีรีนาคพรต หันไปทางทิศตะวันตก จะเห็นภูเขาน้อยใหญ่ ทอดตัวตระหง่านอยู่เป็นช่วง ๆ โดยมีภูเขาหลวงเป็นฉากกั้น ยามพระอาทิตย์อัสดง
จะเป็นภาพที่งดงามชวนให้หลงใหลในภาพที่ธรรมชาติตกแต่งขึ้น

ภายในองค์พระเจดีย์ชั้น 4 มีพระพุทธรูปจำลองที่สำคัญของประเทศไทยไว้ให้สักการะบูชา 4 องค์ คือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) พระพุทธชินราชจำลอง พระพุทธโสธรจำลอง และพระพุทธรูปหล่อพ่อวัดไร่ขิง และภายในโดมเจดีย์ ได้วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพระพุทธประวัติไว้ให้ชมด้วย วัดคีรีวงศ์ เป็นที่ตั้งศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา จังหวัดนครสวรรค์ ในความอุปถัมภ์ของ กรมการศาสนา เป็นที่ตั้งอุทยานการศึกษา ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ และเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดแห่งที่ 1 วัดคีรีวงศ์มี เจ้าคุณพระวิกรมมุนี (พระมหาบุญรอด ปญฺญาวโร ป.ธ.5) รองเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ เป็นปฐมเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 ถึงปัจจุบัน

การเดินทางไปยังวัดคีรีวงศ์
วัดคีรีวงศ์ ตั้งอยู่ถนนมาตุลีและถนนดาวดึงส์ ตรงข้ามวิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์และ บริษัทถาวรฟาร์ม ในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์
จากสะพานเดชาติวงศ์ ใช้ถนนสายนครสวรรค์-พิษณุโลก ถึงสี่แยกเลี้ยวขวา ประมาณ 800 เมตร อยู่ด้านซ้ายมือ

กิจกรรมที่น่าสนใจในวัดคีรีวงศ์
ไหว้พระ เที่ยวชมวัด ชมทิวทัศน์

สิ่งน่าสนใจอื่นๆในวัดคีรีวงศ์
พระจุฬามณีเจดีย์

ประเพณีที่น่าสนใจของวัดคีรีวงศ์
ตรงกับวันแรม 2 ค่ำ เดือน 11 งานประเพณีตักบาตรเทโว บนยอดเขาดาวดึงส์ วัดคีรีวงศ์ อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์

ช่วงเวลาที่เหมาะสม สำหรับการมาท่องเที่ยววัดคีรีวงศ์
ตลอดทั้งปี

หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวจังหวัดนครสวรรค์ อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ โทร. 0-5622-1602, 0-5622-1034, 0-5622-1656 ต่อ 114 โทรสาร 0-5623-1841, 0-5622-162 ต่อ 111
สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคกลาง เขต 7 ถนนรอบวัดพระธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี (รับผิดชอบจังหวัดลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท อุทัยธานี นครสวรรค์) โทร. 0
-3642-2768-9
โทรสาร 0-3642-4089
วัดคีรีวงศ์ จ.นครสวรรค์ โทร. 0 5622 2009, 0 5622 6199 หรือ //www.kiriwong.net

เครดิตข้อมูลจาก //www.siamfreestyle.com/travel-attraction/nakornsawan

.....................................@@@@@@@@@@........................................


หลังจากกลับจากวัดคีรีวงศ์ ได้มาแวะ อุทยานสวรรค์ ต่อค่ะ








@@ฝนก็ใกล้จะตก@@



@@ประวัติอุทยานสวรรค์มีดังนี้ค่ะ@@

เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ในเขตเทศบาลนครสวรรค์มีผู้นิยมไปพักผ่อนหย่อนใจกันมาก มีเนื้อที่ ๓๑๔ ไร่ ใกล้ทางแยกสายเชียงใหม่-พิษณุโลก ติดกับถนนสายเอเชีย

อุทยานสวรรค์เดิมเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ เรียกว่า "หนองสมบุญ" มีถนนวงแหวน ๒ ชั้นล้อมรอบ ตรงกลางเป็นเกาะมีเนื้อที่ ๔ ไร่ มีสวนหย่อม สนามหญ้า น้ำพุ เวทีกลางแจ้ง น้ำตก ริมฝั่งน้ำภายในอุทยานจัดเป็นสวนสุขภาพ ด้านหน้าของสวนสาธารณะสร้างอย่างสวยงาม มีห้องน้ำ ห้องแต่งตัวบริการแก่นักท่องเที่ยว

เครดิตข้อมูลจาก //www.oceansmile.com/

................................@@@@@@@@@@@@@@@@.......................

วันที่ 2 (18/09/2553) ไม่ได้ออกไปไหนเลย เนื่องจากฝนตกเกือบจะทั้งวัน นอนทั้งวันอยู่ในโรงแรมนั่นแหละ แต่ได้ออกไปทานข้าวข้างนอก...ชื่อร้านอาหารบ้านอีสาน เราไปฝนก็ตกปรอยๆ..ร้านค่อนข้างใหญ่และคนแน่นมาก แต่รออาหารไม่นานมากเท่าไรค่ะ ตอนสั่งอาหารกันไม่ได้ดูละเอียดและสั่งตอนหิวมากๆพออาหารมาเท่านั้นแหละ สองคนกินกันแทบไม่หมด

อาหารที่สั่งจานแรก อร่อยสุดๆไปเลย


@@ส้มตำไทยปู@@

สำหรับเราอร่อยมาก ไม่เคยกินที่ไหนที่รสชาติถูกใจอย่างนี้มาก่อน ราคาประมาณ 30 บาท


ต่อมาเป็น@@ต้มแซบซี่โครงหมู@@

เราสั่งซี่โครงกับตับหมู แต่ตอนมาเสริฟมีแค่ซี่โครงอย่างเดียว ที่สำคัญเหนียวมากๆพี่ชายบอกก็ไม่ใช่อาหารขึ้นชื่อของที่นี่นี่นา (แต่เราดันอยากกิน) ที่เราเคยกินมา น้ำต้มแซบไม่ใช่อย่างนี้นี่นา ราคาหม้อละประมาณ 100 บาท


จานที่สาม @@ปลาช่อนลุยสวย@@หรือลาบปลาช่อนอะไรซักอย่าง



ตอนสั่งเราก็ลืมว่ามากันแค่สองคน ดันไม่ได้บอกน้องที่รับออเดอร์ว่าขอเป็นจานเล็กหรืออะไร เค้าเลยเสริฟมาเป็นตัวเลย มาอ่านราคาที่หลัง จานละ 250 รสชาติอร่อยดีเหมือนกันค่ะ เป็นปลาที่ทอดมาเนื้อกรอบๆราดด้วยน้ำยำ แบบรสลาบ มีกลิ่นข้าวคั่วด้วย

จานที่สี่และห้า เป็นทอดมันปลากรายและไส้หมูทอด (มาทีหลังที่เริ่มอิ่มแล้วเลยลืมถ่ายรูปกันซะงั้น)
ทอดมันปลากราย รสชาติดีมาก เหนียวนุ่ม ไม่เค็มกินเล่นๆเพลินกันเกือบหมดจาน สี่หรือห้าชิ้นนี่แหละ จานละ 100
ไส้หมูทอด กรอบๆเค็มๆมันๆเคี้ยวเพลินดี จานละ 60 บาท

นอกนั้นก็เป็น เป๊ปซี่ น้ำแข็ง ข้าวเหนียว 1 กระติ๊บเล็กๆ ข้าวสวย 1 จาน
รวมราคาทั้งหมดเบ็ดเสร็จ 635 บาท (อิ่มกันท้องแทบแตก)

ข้อมูลร้านอาหาร
บ้านอีสาน
ที่อยู่ 119/12 หมู่ 4 ถ.นครสวรรค์-โกรกพระ, ต.นครสวรรค์ตก, อ.เมือง, นครสวรรค์
เบอร์โทรศัพท์ 0 5633 1190

............................@@@@@@@@@@@@..............................

ขากลับ ทานอาหารเช้าและเช็คเอาร์กันประมาณ 09:00 น. กลับกันทางลพบุรี สระบุรี แวะซื้อของฝาก มีขนมปังสังขยาของอุทัยธานี เห็นบอกราคาว่า กล่อง 70 บาท นึกในใจทำไมแพงจัง แต่พอมาเปิดกล่อง
ดูที่บ้านและลองชิม..โอววว คุ้มค่ามั๊กๆ หวาน นุ่มนวล สังขยาเต็มๆอร่อยสุดๆที่ซื้อมาเป็นแบบรวม สังขยาและสังขยานมสด

นอกนั้นก็ซื้อโมจิ รสชาติก็ตามธรรมดาที่เค้าเคยซื้อฝากๆกัน ข้าวเกรียบปลากราย อันนี้รสชาติไงไม่รู้ยังไม่ได้ลองชิม และไข่เค็มดินสอพอง (กล่องละ 40 .-)

ปากช่องขึ้นไปเขาใหญ่ ได้แวะซื้อข้าวโพดหวานและน้ำองุ่น..ชื่อไร่สุวรรณ ข้าวโพดหวานอร่อยมาก น้ำองุ่นก็รสชาติดีแต่สำหรับเราหวานไปนิดนึง และซื้อไส้กรอกหมู อันนี้ก้ยังไม่ได้ลองชิม ได้แวะเข้าไปในโบนันซ่า ผ่านร้านอาหารหลานย่า หรืออะไรซักอย่างเห็นรถจอดเยอะดี
ฝนก็ตกหนักมากๆ..เลยพักรถกินสเต็กหมูกัน สต็กหมู ( 200 .-) เค็มโคดๆเหมือนทำเกลือหกลงไปครึ่งขวด และสั่งตำไทยปูอีก รสชาติก็พอไปได้..กุ้งแห้งก็เค็มโคดอีก..มื้อนี้สุดๆไปเลย

ไม่ได้เก็บภาพของฝากและสเต็กที่ไปกินนะคะ ซื้อๆรีบๆฉุกละหุกกันมากมายได้ถ่ายภาพกันเมื่อเริ่มขึ้นเขาใหญ่แล้ว

เก็บบรรยากาศบนเขาใหญ่หลังฝนตกมาให้ดูค่ะ สดชื่นมากๆ




ตอนนี้หมอกกำลังลอยสวยพอดีเลย



มีคนจอดรถเพื่อถ่ายรูปกันใหญ่เลยค่ะ..เพราะบรรยากาศดีมากๆ





ตอนนี้หมอกเริ่มลงเยอะเกินจนคนเริ่มกลับกันหมดแล้ว..เด๋วขับรถแล้วจะอันตราย



คู่นี้ถ่ายรูปกันไปๆมาๆ..น่ารักดี




ก่อนหมอกลงและหลังหมอกลงค่ะ














 

Create Date : 20 กันยายน 2553    
Last Update : 24 กันยายน 2553 17:23:31 น.
Counter : 4205 Pageviews.  

พิจิตร 28 กพ 2553 (แต่ไม่มีรูปในพิจิตรเลย..มีที่อื่นแทนค่ะ)






วันที่เราไปเนื่องจากไปทำบุญให้ญาติผู้ใหญ่ที่จังหวัดพิจิตร แล้วก็เลยไปนครสวรรค์ไปเที่ยวบึงบอระเพ็ดและขากลับแวะผ่านทางสระบุรีค่ะ มีภาพมาฝากด้วยค่ะ

อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ดเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550

อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำทรงเรือกระแชงแห่งเดียวในประเทศไทย ขนาดกว้าง 35.5 เมตร ยาว 105 เมตร มี 2 ชั้น

อาคารชั้นที่ 1 ประกอบด้วย
ตู้แสดงพันธ์ปลาน้ำเค็ม 3 ตู้ จัดแสดงปลาฉลามคลีบดำ,ปลาการ์ตูนชนิดต่างๆ หลากหลายสี,ปลาขี้ตังเป็ดน้ำเงิน ฯ ตู้ปลาเสือตอ จัดแสดงปลาเสือตอสัญลักษณ์ประจำบึงบอระเพ็ด
บ่อปลา Touch Pool สามารถสัมผัสกับสัตว์ทะเลได้อย่างใกล้ชิด
อุโมงค์ปลา (Big Tank) เป็นอุโมงค์ปลาที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ความยาว 24 เมตร จัดแสดงปลาน้ำจืดที่สวยงามและหายาก อาทิเช่น ปลาราหูดำ ปลากระโห้ไทย ปลาเทพา ปลาสะตือ ปลาหว้าหน้านอ เป็นต้น

อาคารชั้นที่ 2 ประกอบด้วย
ห้องเกียรติคุณ จัดแสดงรายนามผู้ร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์
ห้องนิทรรศการ ประกอบด้วยสวนนกจำลองแสดงถึงพันธุ์นกภายในบึงและนกอพยพที่พบบ่อยในบึงบอระเพ็ด
ชมวิวรอบเรือ มีกล้องส่องนกบริการ(หยอดเหรียญ 10 บาท)

อควอเรี่ยม วันธรรมดาเปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00 น. - 18.00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.30 น. - 18.00 น.


ชมการดำน้ำให้อาคารปลาได้ทุกวัน !
วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 15.00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 11.00 น. และ 15.00 น.

อัตราค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท
นักศึกษาในเครื่องแบบถูกต้อง 50 บาท
นักเรียนในเครื่องแบบถูกต้อง 40 บาท


อควอเรี่ยมเปิดให้บริการทุกวัน ไม่มีวันหยุด !

ติดต่อสอบถามรายละเอียด
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบึงบอระเพ็ด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์
ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
60000
โทร 0-5627-4525

ขอบคุณข้อมูลจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ //www.nakhonsawanpao.go.th








@@ทางเข้าอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ดเฉลิมพระเกียรติ@@



@@ประตูทางเข้าเพ้นลายสวยดี..เลยถ่ายมาด้วยค่ะ@@



@@ปลาในตู้กระจก@@


4



@@ปลาการ์ตูนปลอมๆน่ารักดี@@



@@โลกใต้น้ำ@@



@@สวนบริเวณรอบๆอาคาร@@










วัดนี้แวะตอนขากลับใช้เวลาเดินๆถ่ายรูปๆไม่ถึงครึ่งชั่วโมงค่ะ บางรูปขอยืมจากในเวปนะคะ(เพราะเค้าถ่ายมาสวยกว่าเรา)

วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร

ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม แผ่นดินกรุงศรีอยุธยา ปรากฏว่า มีพระภิกษุสงฆ์ชาวไทยคณะหนึ่ง เดินทางไปยังลังกาทวีป ด้วยหวังจะสักการบูชาพระพุทธบาท ณ เขาสุมนกูฏ การไปคราวนั้นเป็นเวลาที่พระสงฆ์ชาวลังกาทวีปกำลังสอบประวัติ และที่ตั้งแห่งรอยพระพุทธบาททั้งปวงตามที่ปรากฏอยู่ในตำนานว่ามีเพียง ๕ แห่ง ภายหลังสืบ ได้ความว่าภูเขาที่ชื่อว่า สุวรรณบรรพตมีอยู่ในสยามประเทศ ครั้นเมื่อได้พบกับพระภิกษุสงฆ์ชาวไทยในคราวนั้น ต่างพากันสอบถามว่ารอยพระพุทธบาท ที่มีอยู่ ๕ แห่ง ในสถานที่ต่างๆ กันนั้น ปรากฏว่ามีที่เขาสุวรรณบรรพตแห่ง ๑ ก็ภูเขาลูกนี้อยู่ในประเทศไทย แต่ไม่พยายามสืบไปนมัสการ กลับพากันไปลังกาทวีป เมื่อพระภิกษุสงฆ์ไทยคณะนั้นได้รับคำบอกเล่า เมื่อกลับมาสู่ประเทศไทย จึงนำความขึ้นถวายสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีท้องตราสั่งบรรดาหัวเมืองทั้งปวง ให้เที่ยวตรวจตราค้นดูตามภูเขาต่างๆ ว่าจะมีรอยพระพุทธบาทอยู่ ณ ที่แห่งใด ครั้งนั้น เจ้าเมืองสระบุรี สืบได้ความจากนายพรานบุญว่า ครั้งหนึ่งออกไปล่าเนื้อในป่าใกล้เชิงเขา ยิงถูกเนื้อตัวหนึ่งเจ็บลำบากหนีขึ้นไปบนไหล่เขา ซุกเข้าเชิงไม้หายไป พอบัดเดี๋ยวก็เห็นเนื้อตัวนั้น วิ่งออกจากเชิงไม้เป็นปกติอย่างเก่า นายพรานบุญนึกประหลาดใจ จึงตามขึ้นไปดูสถานที่บนไหล่เขาที่เนื้อหนีขึ้นไป ก็พบรอยปรากฏอยู่ในศิลา มีลักษณะเหมือนรูป รอยเท้าคน ขนาดยาวประมาณสักศอกเศษ และ ในรอยนั้นมีน้ำขังอยู่ด้วย นายพรานบุญเข้าใจ ว่าบาดแผลของเนื้อตัวที่ถูกตนยิง คงหายเพราะดื่มน้ำในรอยนั้น จึงวักน้ำลองเอามาทาตัวดู บรรดาโรคผิวหนังคือ กลากเกลื้อน ซึ่งเป็นเรื้อรังมาช้านานแล้ว ก็หายหมดสิ้นไป เจ้าเมืองสระบุรี จึงสอบสวนความจริงดู ก็ตรวจค้นพบรอยนั้น สมดังคำบอกเล่าของนายพรานบุญ จึงมีใบบอกแจ้งเรื่องเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม จึงเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไป ณ ที่เขานั้น ทอดพระเนตรเห็นรอยนั้นแล้ว จึงทรงพระราชวิจารณ์ตระหนักแน่นพระราชหฤทัยว่าคงเป็นรอยพระพุทธบาท เพราะมีลายลักษณ์กงจักร ประกอบด้วยอัฏฐุตตรสตมหามงคลร้อยแปดประการ ตรงกับเรื่องทีชาวลังกาทวีปแจ้งเข้ามาด้วย เกิดพระราชศรัทธาปราโมทย์โสมนัสเป็นกำลัง โดยทรงพระราชดำริเห็นว่ารอยพระพุทธบาทย่อมจัดเป็นบริโภคเจดีย์แท้ เพราะเป็นพุทธบทวลัญช์อันเนื่องมาแต่พระพุทธองค์ ย่อมประเสริฐยิ่งกว่าอุเทสิกเจดีย์ เช่น พระสถูปเจดีย์ สมควรจะยกย่องบูชาเป็นพระมหาเจดียสถาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ช่างก่อเป็นคฤหหลังน้อย สวมรอยพระพุทธบาทไว้เป็นการชั่วคราวก่อนแล้ว ครั้นเสด็จพระราชดำเนินกลับมายังราชธานี จึงทรงสถาปนายกที่พระพุทธบาทขึ้นเป็นเจดียสถานเป็นการสำคัญ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระมณฑปยอดเดี่ยวสวมรอยพระพุทธบาทกำหนดเป็นพุทธเจดีย์ และสร้างอารามวัตถุอื่นๆ เช่น พระอุโบสถ พระวิหาร ให้เป็นที่สำหรับพระภิกษุอยู่แรม เพื่อทำการบริบาลพระพุทธบาท ทรงพระราชศรัทธาอุทิศเนื้อที่โยชน์หนึ่ง โดยรอบรอยพระพุทธบาทถวายเป็นพุทธเกษตรต่างพุทธบูชา บรรดากัลปนาผล ซึ่งได้เป็นส่วนของหลวงจากเนื้อที่นั้นให้ใช้จ่ายเป็นค่าบำรุงรักษาพระมหาเจดียสถานที่พระพุทธบาท ทรงยกที่พุทธเกษตรส่วนนี้ให้เป็นเมืองชั้นจัตวา ชื่อเมืองปรันตปะ แต่นามสามัญเรียกกันว่า เมืองพระพุทธบาท ขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยา โปรดเกล้าฯ ให้ชายฉกรรจ์ทุกคนที่ตั้งภูมิลำเนาอยู่ในเขตที่พระพุทธบาทพ้นจากหน้าที่ราชการอย่างอื่นสิ้น ตั้งให้เป็นพวกขุนโขลนเป็นข้าปฏิบัติบูชารักษาพระพุทธบาทแต่หน้าที่เดียว พระราชทานราชทินนามบรรดาศักดิ์ประจำตำแหน่งผู้รักษาการพระพุทธบาท หัวหน้าเป็นที่ขุนสัจจพันธ์คีรีรัตนไพรวัน เจติยาสันคามวาสี นพคูหาพนมโขลน รองลงมาเป็นที่หมื่นสุวรรณปราสาท หมื่นแผ้วอากาศ หมื่นชินธาตุ หมื่นศรีสัปบุรุษ ทั้ง ๔ คนนี้ เป็นผู้รักษาเฉพาะองค์พระมณฑป ตั้งนายทวารบาล ๔ นาย เป็นที่หมื่นราชบำนาญทมุนิน หมื่นอินทรรักษา หมื่นบูชาเจดีย์ หมื่นศรีพุทธบาล โปรดเกล้าฯ ให้สร้างคลังสำหรับเก็บวัตถุสิ่งของที่มีผู้นำมาถวายเป็นพุทธบูชา ให้ผู้รักษาคลังเป็นที่ขุนอินทรพิทักษ์ ขุนพรหมรักษา หมื่นพิทักษ์สมบัติ หมื่นพิทักษ์รักษา ให้มีผู้ประโคมยามประจำทั้งกลางวันกลางคืนเป็นพุทธบูชา ตั้งเป็นที่หมื่นสนั่นไพเราะ หมื่นเสนาะเวหา พันเสนาะ รองเสนาะ ทรงกำหนดเทศกาลสำหรับให้มหาชนขึ้นไปบูชารอยพระพุทธบาทเดือน ๓ ครั้ง ๑ และเดือน ๔ ครั้ง ๑ เป็นประเพณีตั้งแต่นั้นมา

การเดินทาง
จากกรุงเทพมหานคร เดินทางโดยใช้ถนนพหลโยธิน เมื่อถึงช่วงกิโลเมตรที่ 136 มีทางเลี้ยวซ้าย (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3020) แล้วให้ตรงไปเพื่อเข้าวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร

ข้อมูลทั่วไป
ชื่อสามัญ พระพุทธบาทสระบุรี
ประเภท พระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษชนิดราชวรมหาวิหาร
นิกาย เถรวาท มหานิกาย
ความพิเศษ สถนที่ประดิษฐานพระพุทธบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย





@@ทางขึ้นวัดค่ะ@@
ตอนที่เราไปแดดไม่ค่อยออก วัดดูอลังการและขลังมากๆ(ในความรู้สึกเราเอง)..สองรูปนี้ขอยืมมาจากในเวปค่ะ






@@ภายในวัดค่ะ..ในส่วนที่เหนือรอยพระพุทธบาทค่ะ@@



@@รอยพระพุทธบาท@@





@@บริเวณรอบๆวัด..มีระฆังเรียงราย@@













 

Create Date : 13 มีนาคม 2553    
Last Update : 13 มีนาคม 2553 14:02:20 น.
Counter : 1826 Pageviews.  

เลี้ยงส่งรุ่นน้องที่ ร้านปากอ่าวบางปะกง ซีฟู๊ด วันที่ 30 ตุลาคม 2552






วันนี้น้องที่ทำงานเค้าลาออกค่ะ..หลังจากเรียบจบโท ก็ได้งานใหม่ พูดแล้วก็ใจหายอ่ะ เพราะน้องการเงินคนนี้โอนย้ายมาพร้อมกับเราเลย...จะว่าไปเราก็โอนย้ายมาบริษัทนี้ได้ 10 เดือนแล้ว (ตั้งแต่ กรกฎาคม 2551 ) ไม่ค่อยสนิทกับน้องมากเท่าไรเพราะอยู่คนละแผนก แต่ก็ใจหายอ่ะ...
อยู่บริษัทนี้มา 10 เดือน มีคนลาออกแบบว่าได้งานใหม่ไปแล้ว 4 คน...เฮ้อ..เราคงได้แก่ตายคาบริษัทนี้แหละ...พูดแล้วเซ็ง...ดีแล้วละน่าที่มีงานทำ มีเงินเดือนก็ดีแล้วเนอะ(ปลอบใจตัวเอง)มากินข้าวแก้เซ็งดีกว่า ไปเลี้ยงส่งน้องที่ '' ร้านปากอ่าวบางปะกง ซีฟู๊ด '' ตามที่อยู่ร้านเค้าอยู่ที่บางปะกง
ฉะเชิงเทราค่ะ..เข้าไปทางแยกศูนย์ฝึกอบรมของการไฟฟ้ามั๊ง..เข้าไปลึกพอสมควร..น่าจะประมาณสองกิโลเมตร อยู่ติดริมแม่น้ำบางปะกง บรรยากาศก็คล้ายร้านอาหารริมแม่น้ำทั่วไป...เห็นพี่คนอื่นๆบอกว่าใครลาออกก็มักไป
เลี้ยงส่งกันที่นี่ค่ะ

@@ป้ายหน้าร้าน@@



@@รูปประดับในร้านเป็นรูปสมัยสร้างสะพานแม่น้ำบางปะกงใหม่ๆ@@



@@รูปเมื่อสมัย พศ.2469 เมื่อแปดสิบกว่าปีที่ผ่านมาของสี่แยกเฉลิมไทย ชลบุรี..ซึ่งตอนนี้รถติดมากเลย@@



@@ริมแม่น้ำบางปะกง..บรรยากาศจริงสวยกว่าในรูปนี้นะ..รูปนี้แม่น้ำหมองเชียว@@





ระหว่างที่นั่งรอให้สมาชิกมาครบ....อาหารก็ทยอยมาเสริฟค่ะ


@@กุ้งผัดไข่เค็ม 100 บาท@@


เราไม่ได้ชิมอ่ะ...เห็นหน้าตานึกว่าผัดเปรียวหวาน..แต่คงจะจืดๆอ่ะ..เพราะไม่เห็นมีใครชิมเลย


@@กุ้งอบวุ้นเส้น 150 บาท@@


อันนี้ก็เหมือนกุ้งอบวุ้นเส้นร้านอื่นๆ รสชาติก็พอได้ค่ะ


@@ข้าวผัดทะเล 120 บาท@@


อร่อยใช้ได้ค่ะ..


@@ต้มยำทะล 150 บาท@@


ก็โอเคค่ะ..แต่ไม่มีใครกินปลาหมึกเลยอ่ะ..มันเหมือนเคี้ยวหนังยางรึเป่าน้า..อิอิ


@@ปลากระพงราดน้ำปลา 180 บาท@@

อร่อยดีค่ะ..เห็นพี่เค้าว่ากันว่าทอดไม่เหลืองเท่าไรนะ..แต่สำหรับเราอร่อยใช้ได้ค่ะ

@@ผัดฉ่าทะเล 150 บาท@@


จานนี้เราชอบมาก..เผ็ด รสจัดดี..แทบเอาน้ำมาคลุกข้าวกิน 555


@@ยำไข่ปู@@


อันเนี๊ย..เราว่าไม่คุ้มเล้ย..มีแต่มะม่วงมาให้อ่ะ..ไข่ปูไม่มีเลย..เอ..รึใครแอบกินไข่ปูไปแล้วฟะ


@@หมึกกระเทียมกรอบ 100 บาท@@


โอวว..จานนี้อร่อยมาก..กระเทียมกรอบมาเชียว ปลาหมึกที่ทอดมาก็กรอบค่ะ เหมือนเค้าจะเอาปลาหมึกไปหมักเครื่องก่อนแล้วมาชุบแป้งทอดค่ะ..อร่อยๆๆๆ


มีอีกจานเป็นลาบปลากระพง 200 บาท
จานนี้ก็อร่อยค่ะ..ดันไม่มีรูปซะงั้น..เป็นกระพงทอดกรอบมาทั้งตัวแล้วเอาเครื่องลาบโรยลงไป

คิดค่าเสียหายทั้งหมดก็โต๊ะละ 7 คน 4 ชุด ค่าอาหารประมาณ 1250 บาทไม่รวมเครื่องดื่มต่อโต๊ะ..ก็ราคาพอใช้ได้เนอะ









 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2552 11:04:11 น.
Counter : 5703 Pageviews.  

เที่ยวลำพูน..จะว่าไป..ไปทำธุระแล้วเลยได้เที่ยวนิดนึงตะหาก..





จังหวัดลำพูนหรือเดิมเรียกว่า "นครหริภุญไชย" เป็นจังหวัดที่มี ประวัติความเป็นมาอันยาวนานที่สุดในภาคเหนือ มีอายุการก่อสร้างเมืองเป็นเวลา 1300 ปีเศษ ลำพูนเป็นแหล่งรวมประเพณีวัฒนธรรม ล้านนา โบราณสถานอันเก่าแก่ และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอันสวยงาม มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ เกษตรกรรม มีลำไย และกระเทียมเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ อีกทั้งยังมี ความสามารถในการผลิตหัตถกรรมที่ต้องใช้ ศิลปะและฝีมือที่ปราณีต ละเอียดอ่อน

ลำพูนเป็นจังหวัดเล็ก ๆ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยความเป็นเมืองเล็ก ๆ จึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายในตัวเมืองมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก จึงพบเห็นวัดวาอาราม ถึกเก่า เรือนแถวโบราณ รายเรียงอยู่สองข้างทาง

ถึงแม่จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานที่สุดในแผ่นดินล้านนา อาณาจักรหริภุญไชยเป็นอาณาจักรพระพุทธศาสนาที่เจริญรุ่งเรืองมากว่า 600 ปีก่อน ก่อนที่พญาเม็งรายจะสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้น

ลำพูนเหมาะแก่การเที่ยวชมวัดวาอาราม ศิลปวัฒนธรรม และงานหัตถกรรม โดยเฉพาะความเก่าแก่ในเขต อ.เมือง ส่วนมากมีความเป็นมาย้อนหลังไปไกลถึงพุทธศตวรรษที่ 16-17








วันที่เราไปลำพูนเนื่องจากไปทำธุระตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3/7/2552 แล้วค่ะ..แต่เพิ่งมาอัพบล๊อคเนื่องจากติดอ่านหนังสือสอบอันนั้นอันนี้เยอะแยะไปหมด..แต่มาอัพไว้เพื่อบันทึกไว้ในความทรงจำค่ะ

ไปเย็นวันศุกร์ที่ 3/7/2552 ถึงเช้า วันเสาร์ที่ 4/7/2552 นั่งขนส่งมวลชน NCE ค่า..เมื่อยคอมาก..ช่างหลับไม่สบายเลย...แต่ส่วนมากเราไม่ค่อยได้หลับหรอก..มองนั่นๆนี่ๆแม้ว่าข้างทางจะมืดก็ตาม...แบบว่าไม่เคยมาทางเหนือเลยตื่นเต้น555

ธุระไม่ต้องพูดถึง..เสร็จธุระแล้วมีเวลาครึ่งวันกว่าๆก็จัดการนั่งรถสามล้อปั่น...ปั่นไปเที่ยวรอบๆเมืองเลย...คุณลุงคนปั่นรถสามล้อ..แกท่าทางชินกับการต้อนรับนักท่องเที่ยว..แกก็ปั่นไปอธิบายประวัติวัดแต่ละแห่งไป..น่ารักจริงๆ


@@วัดที่ไป..วัดพระธาตุหริภุญชัย@@



@@ภายในวัด@@



@@บรรยากาศในวัดพระธาตุหริภุญชัย@@



@@ขัวมุงท่าสิงห์ ซื้อของฝาก@@
ของฝากส่วนมากก็เป็นลำไยอบแห้งค่ะและผลิตภัณที่ตัดเย็บจากผ้าต่างๆ..เช่น กระเป๋า เสื้อผ้า ผ้าม่าน

เราซื้อของนิดหน่อย..ก็เดินข้ามกลับมาฝั่งวัด..ทานข้าวซอยกันข้างวัดนั่นแหละ..ข้าวซอยไก่..อร่อยดีค่ะ..ก็ไม่ค่อยได้ทานบ่อย..เลยไม่รู้จะเปรียบเทียบกับเจ้าไหนยังไง..


@@วัดพระยืน@@



@@วัดพระนางจามเทวี@@


เสร็จแล้วก็มารถกลับประมาณห้าโมงกว่าๆค่ะ..นั่งรถต่อมาถึงอีกทีเช้าวันอาทิตย์ที่ 5/7/2552...ปวดคอแทบตาย..แต่ก็ดีใจจังได้ไปทางเหนือ..อิอิ









 

Create Date : 20 สิงหาคม 2552    
Last Update : 22 สิงหาคม 2552 11:12:39 น.
Counter : 832 Pageviews.  

เที่ยวตลาด 100 ปี ตลาดคลองสวน แปดริ้ว





วันนี้( เสาร์ที่ 14 มีนาคม 2552 ) ไปทานข้าวเที่ยงกัน..ทานข้าวเสร็จคุยกันไปๆมาๆ..สรุปไปตลาด 100 ปี คลองสวนแปดริ้ว กันเฉยเลย..ไอ้เราตอนแรกก็ไม่อยากจะไปเท่าไร..เพราะรู้อยู่แล้วว่าไปก็จะอดซื้อของไม่ไหว..แล้วก็จริงๆด้วย..ซื้อขนม น้ำพริกและของเล่นของลูกแก้ว..ค่าเสียหายหมดไปประมาณ 300 บาทค่ะ...มาดูบรรยากาศกันนะคะ..วันที่เราไปแดดไม่ออกค่ะ..เดินกันเพลินเลย..แล้วก็กลับมาทำงานต่อ..พอดีเราไม่ได้เอากล้องไป..เลยเสริชหารูปจากในเวปมานะคะ

( รูปขอยืมมาจากใน เวป Thaiscooter กลุ่ม MAHA RACE และ ภาพจาก pantown ของคุณอึ้งย้ง ค่ะ..ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ )




























 

Create Date : 14 มีนาคม 2552    
Last Update : 14 มีนาคม 2552 17:05:59 น.
Counter : 731 Pageviews.  

1  2  3  

Look at all
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




@@...เริ่มเขียนบล๊อคเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2551..@@

♥ ขอบคุณโค๊ดและตุ๊กตาน่ารักๆแต่งบล๊อค จากคุณKungGuenter คุณรักษ์บ้านเกิด และคุณHawaii_Havaii ค่ะ♥
Friends' blogs
[Add Look at all's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.