บทสัมภาษณ์ 'ต้องห้าม' ทักษิณ - จอม 'ตัวจริง ชัดเจน' บทสัมภาษณ์"ต้องห้าม" "ทักษิณ"เปิดดีล"สมัคร-เติ้ง" ที่มาภาพ : //news.sanook.com/politic/politic_237784.php หมายเหตุ - บทสัมภาษณ์ชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ที่นายจอม เพ็ชรประดับ อดีตผู้ดำเนินรายการ "ตัวจริง/ชัดเจน" ทางสถานีโทรทัศน์ "ทีไอทีวี" ไปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2550 เดิมทีจะออกอากาศคืนวันที่ 2 มกราคม 2551 แต่เนื่องจากอยู่ในช่วงถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ จึงงดออกอากาศ และเตรียมจะออกในวันที่ 16 มกราคม 2551 แต่เนื่องจากกรมประชาสัมพันธ์ได้สั่งยุติการออกอากาศของทีไอทีวี เพื่อเปลี่ยนเป็นสถานีทีพีบีเอส เทปนี้จึงไม่มีโอกาสได้ออก (อ่านฉบับเต็มใน "มติชนออนไลน์" //www.matichon.co.th) บทสัมภาษณ์นี้ตัดตอนมาเพียงส่วนหนึ่ง จากการสัมภาษณ์นานกว่า 3 ชั่วโมง ทั้งเรื่องแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การสร้างความสมานฉันท์ การแก้ปัญหาภาคใต้ บทเรียนชีวิตของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกปฏิวัติ และต้องระเห็จระเหินอยู่ในต่างประเทศ และแนวทางการดำเนินชีวิตของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังกลับประเทศไทย พร้อมทั้งคำยืนยันว่า จะวางมือทางการเมืองร้อยเปอร์เซ็นต์ ฯลฯ จอม : คุณทักษิณ มองเงื่อนไข 5 ข้อ ของพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินในการเข้าร่วมรัฐบาลอย่างไรบ้าง ทักษิณ : เงื่อนไข 5 ข้อ ของชาติไทยและเพื่อแผ่นดิน ฟังแล้วรู้สึกสะดุ้ง แต่ชาติไทยแถลงว่าเป็นแนวทางทำงานร่วมกันไม่ใช่เงื่อนไข แต่ทุกพรรคการเมือง คนไทยทุกคน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว จอม : เงื่อนไขข้อที่ 2 ละครับ คิดอย่างไรที่ระบุว่า ห้ามก้าวก่าย หรือแตะต้อง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทักษิณ : เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายตระหนักว่าเป็นข่าวลือ บางคนอ้าง พล.อ เปรม สั่งให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทำให้คนตกใจกลัว เอาไปพูดจากัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควร จริงๆ ประธานองคมนตรีเป็นประธานที่ปรึกษาของพระเจ้าอยู่หัว จะไม่ยุ่งกับการเมืองอยู่แล้ว เมื่อท่านไม่ยุ่งการเมือง ก็ไม่ควรไปแตะต้อง ข่าวลือที่กล่าวหาท่านต่างๆ นานาต้องยุติ จอม : ถ้าพรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาลต้องไม่ยุบ คตส.เห็นด้วยหรือไม่ ทักษิณ : คนไม่เข้าใจ ถ้ายุบ คตส. คดีทั้งหลายก็ยังไม่ยุติ เพราะต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ต่อไป จอม : หมายความว่าถ้า คตส.ยุบ คดีก็จะให้ ป.ป.ช.ไปดำเนินการต่อ ทักษิณ : ใช่ครับ แต่ไม่ทราบนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐบาล แต่โดยข้อกฎหมาย ถ้า คตส.ยุบ คดีต่างๆ ก็ต้องส่งให้ ป.ป.ช. แล้ว ป.ป.ช.ก็ดำเนินการต่อไป จอม : คิดว่า พรรคพลังประชาชนจะยุบ คตส.ไหม ทักษิณ : ผมไม่ทราบ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ทุกฝ่ายต้องทำให้ดี แต่ประเด็นที่นำมาต่อสู้ในสนามเลือกตั้งที่ผ่านมา เพราะว่า กรรมการ คตส.ส่วนใหญ่มีอคติทางการเมืองต่อผม ตั้งมาเพื่อเล่นงานผมคนเดียว และครอบครัวผม และวิธีการสืบสวนไม่ถูกต้องตามกฎหมาย วิธีพิจารณาความ การต่อสู้ทางการเมืองจึงต้องใช้วิธีนี้ แต่วิธีทำจริงๆ คณะกรรมการกฤษฎีกาต้องไปดู ไม่ควรจะบุ่มบ่ามว่า เมื่อเข้ามาแล้วจะยุบ คตส.ไปเลย ผมคิดว่าไม่ใช่ แต่ผมไม่ได้เป็นรัฐบาล ถามผมไม่ได้ จอม : แล้วอีกเงื่อนไขหนึ่งคือจะต้องไม่มีการล้างแค้นใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ คมช. ทักษิณ : คนไทยด้วยกันทั้งนั้น มองไปข้างหน้าดีกว่า แม้จะไม่มาคบหากัน ไม่กินข้าวกัน ไม่กินเหล้ากัน เอาแค่นั้นก็พอ แต่จะมาบอกว่า มาแก้แค้นกัน มาล้างแค้นกัน มันไม่ยุติ เมื่อมันไม่จบ มันไม่มีความสุข แน่นอน ถามว่าผมเจ็บไหม เจ็บ โกรธไหม โกรธ แต่ถามว่าถ้าขืนล้างแค้นกันต่อไปจบไหม ไม่จบ ถ้าเราไม่ทำอะไรผิด ไม่ต้องกลัว เราพิสูจน์ความผิดให้ประชาชนเข้าใจเรา เราก็มีความสุข ความเจ็บต่างๆ ก็หายไป เจ็บก็แล้วไป แต่อย่าไปแค้น แค้นมันได้ทุกข์กับตัวเอง เจ็บก็ให้เจ็บแค่นั้น แต่ถ้าทั้งแค้นทั้งเจ็บทั้งปวด เอาแค่เจ็บก็พอนะ (หัวเราะ) จอม : ข้อเสนอในการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคชาติไทย ดูเหมือนคุณบรรหาร ศิลปอาชา เองอยากเป็นนายกรัฐมนตรี คิดอย่างไร ทักษิณ : ไม่จริง ผมรู้จักท่านบรรหารดี แม้ช่วงที่ผ่านมา 1 ปีกว่า ไม่ได้มีโอกาสคุยกัน ท่าน 37 เสียง และพรรคพลังประชาชน 233 ท่านก็เคารพเสียงประชาชนว่าตัดสินให้พลังประชาชนเป็นรัฐบาล ท่านจะไปแย่งเป็นนายกรัฐมนตรีทำไม นั่นคือสิ่งที่ท่านเป็นสุภาพบุรุษพอ จอม : ครั้งสุดท้ายได้คุยกับคุณบรรหารเมื่อไหร่ ทักษิณ : เมื่อไม่นานนี้ครับ ได้คุยกับท่านบ้าง คุยกันหลังเลือกตั้ง ก็ทักทายสารทุกข์สุกดิบ ท่านทักทาย ผมเป็นยังไงบ้าง ผมบอกสบายดี ก็บอกท่านว่า อยากกลับบ้าน พอผมบอกอยากกลับบ้าน ท่านก็เลยสะอึกนิดหน่อย ในฐานะคนที่ชอบพอกันมาก่อน จอม : สะอึก หมายถึง รู้สึกสะเทือนใจแทน ทักษิณ : ก็ในทำนองนั้นละครับ ของอย่างนี้ถ้าไม่โดนกับใครคงไม่รู้หรอก ถ้าโดนแล้วจะรู้ที่ต้องออกมาระหกระเหินจากบ้าน จากช่อง จากครอบครัว และถูกกล่าวหาต่างๆ มากมาย มีชีวิตอยู่เมืองนอกด้วยความลำบากในการเคลื่อนไหวต่างๆ จอม : ถ้าอย่างนั้น การฟอร์มรัฐบาลชุดนี้ คนเป็นนายกฯต้องเป็นคุณสมัคร สุนทรเวช แน่นอน แต่ด้วยบุคลิก อารมณ์ร้อน วาจาที่ดุดัน จะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นหรือไม่ ทักษิณ : ผมเชื่อว่าเมื่อท่านเป็นนายกฯ แล้ว ท่านจะใจเย็นลง เพราะปัจจัยรอบด้านที่ท่านต้องรับผิดชอบ ทั้งในด้านของบ้านเมืองซึ่งมีเยอะ และท่านจะต้องบริหารพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีหลายพรรค ผมเชื่อว่าท่านจะต้องเย็นลงแน่นอน และอีกอย่างช่วงเลือกตั้ง กับช่วงหลังเลือกตั้งมันคนละเรื่องกัน จอม : การที่ท่านเลือกคุณสมัคร เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ถือว่าเหมาะสมกับสถานการณ์และเหตุการณ์อย่างแท้จริงใช่หรือไม่ ทักษิณ : ก็ตรงไปตรงมานะครับ ผมถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม หาว่าไม่เคารพสถาบัน ไม่จงรักภักดี ซึ่งถือเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงและเจ็บปวดสำหรับผม เพราะฉะนั้นคนที่ผมแนะนำ สำหรับมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่ได้แนะนำเพื่อนๆ จะต้องเป็นคนที่ทำงานถวายเบื้องพระยุคลบาท และถวายความจงรักภักดีอย่างชัดเจน ซึ่งคุณสมัครคือหนึ่งในนั้น ผมก็เสนอไปพรรคพวกก็บอกว่า เออ ใช่ เลย ก็ไปเชิญท่าน ท่านก็รับ จอม : ถึงแม้ว่าคุณสมัคร จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่หลายคนมองว่าคุณสมัครยังไม่ใช่ตัวจริง แต่ตัวจริงและชัดเจนคือตัวท่าน ทักษิณ : อืม....ตัวจริง ชัดเจน คือ คุณจอม ไม่ใช่ผม (หัวเราะ) จอม : ท่านจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร คุณสมัครไม่ใช่ตัวจริง แต่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง ทักษิณ : ไม่หรอก.. คืออย่างนี้ ผมเคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาเกือบ 6 ปีแล้ว มี ส.ส.ในพรรคพลังประชาชน และพรรคอื่นที่จะมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ถ้ามีอะไรก็มาปรึกษาผม อย่างคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ว่างๆ ก็มานั่งคุยกับผม ปรึกษาแนวทางกัน ว่าจะฟื้นฟูประเทศไทย ผมก็ให้ความคิดไป เมื่อผมมีประสบการณ์ ผมก็แนะนำเขาไป ในเรื่องที่เป็นประโยชน์ในฐานะคนมีประสบการณ์ จอม : มีคำแนะนำอย่างไร โดยเฉพาะการฟอร์มรัฐบาล ทักษิณ : คืออย่างนี้ เราต้องเข้าใจก่อนว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ได้ทำให้การเมืองย้อนยุค ต้องการเห็นพรรคการเมืองไม่เข้มแข็ง เริ่มตั้งแต่อนุญาตให้มี งูเห่านอกกฎหมาย และลักษณะโครงสร้างการเลือกตั้ง ก็ต้องมาจบด้วยความเป็นรัฐบาลผสม เพราะฉะนั้น การเมืองค่อนข้างจะอ่อนแอ ดังนั้นการบริหารบ้านเมืองนับจากนี้ไป จะต้องบริหารการเมืองไปพร้อมๆ กับการบริหารบ้านเมือง ไม่สามารถบริหารบ้านเมืองโดยไม่สนใจการบริหารการเมืองไม่ได้อีกแล้ว ถ้าไม่บริหารการเมือง บ้านเมืองจะล้มได้ ถ้าบริหารการเมืองให้ดี รัฐบาลไม่ล้ม ก็เดินหน้าได้ แต่จะเดินหน้าด้วยความเร็วสูงได้ไหม ไม่มีทาง เพราะต้องบริหารบ้านเมืองและการเมืองไปพร้อมกัน จึงวิ่งด้วยความเร็วสูงไม่ได้ จอม : มี 2 กระทรวงที่กำลังถูกจับตามอง เพราะมีผลกับตัวท่าน นั่นคือ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงยุติธรรม มองใครอยู่และมีคำแนะนำสำหรับ 2 กระทรวงนี้อย่างไร ทักษิณ : เวลานี้สังคมเปิด สื่อมวลชนขณะนี้เหมือนสปริงที่ถูกกดไว้นาน คอยดูซิว่า รัฐบาลประชาธิปไตยเกิดขึ้นเมื่อไหร่ สปริงเด้งปรึ้งเลย เพราะถูกกดมานานปีกว่าๆ เพราะฉะนั้นใครจะทำอะไร ต้องเข้าใจว่าการตรวจสอบต้องมีอย่างเข้มข้นแน่นอน ไม่มีใครกล้า โฉ่งฉ่าง ทำอะไรที่ไม่ถูกต้องได้แล้ว จอม : ช่วงระหว่างเลือกตั้งมีข้อกล่าวหามากมายว่า ท่านเป็นท่อน้ำเลี้ยง ทักษิณ : อายัดทรัพย์ผมไปแล้ว ไม่พอใจอีกเหรอ อายัดทรัพย์ผมอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งๆ เป็นทรัพย์ที่ทำมาหากินมาตลอดชีวิต ในยามที่ผมลำบาก ผมไม่เคยไปร้องขอใคร แต่ยามที่ผมสร้างเนื้อสร้างตัวมา และอาสาเข้ามารับใช้บ้านเมือง ก็โดนเล่นงาน ตอนนี้ปรากฏชัดว่า ทรัพย์สินที่อายัดเป็นทรัพย์สินที่ครอบครัวได้ขายหุ้น ซึ่งได้ประกาศไปแล้วล่วงหน้าตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ในปี 2534 ตอนนั้นผมเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ตอนนั้นครอบครัวผมมี 6 หมื่นกว่าล้าน นี่คือความร่ำรวยผิดปกติเหรอ แล้วผมอยู่เมืองนอก ผมก็ลำบากมาก การที่ผมซื้อทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ ผมต้องใช้เงินซื้อตัวนักเตะ ใช้เงินบริหาร ตรงนี้พอผมถูกอายัดเงิน ผมต้องยืมเงินเพื่อนทั้งคนไทยและต่างประเทศ ผมไม่เคยคิดว่า จากที่เคยมีเงินรวมกันแล้ว 7 หมื่นกว่าล้านบาท ยังต้องไปยืมเงินคนอื่น ในยามนี้ (น้ำตาคลอ) แล้วผมจะเอาเงินที่ไหนไปส่งเป็นท่อน้ำเลี้ยง ในเมื่อผมยังยืมตังค์คนอื่นเขาอยู่เลย จะเอาเงินที่ไหนส่งไป แต่ถามว่าอาจจะมีคนบางคน เพื่อนฝูงผมที่ไปช่วยสนับสนุนกัน เพราะเป็นเพื่อนกัน อันนี้ผมไม่รู้ จอม : หลายคนวิเคราะห์ตรงกันว่าอายุรัฐบาลใหม่ไม่ยืดยาว ท่านคิดอย่างไร ทักษิณ : ผมว่าอย่าแช่ง พอแช่ง แล้ว ความเชื่อมั่นหรือนักลงทุน ผู้บริโภคก็ดี มันก็จะลดลง แต่ควรให้กำลังใจกันดีกว่า แทนที่จะมาแช่ง พวกเราควรที่จะเอาใจช่วยนะ เพื่อจะได้ร่วมกันแก้ปัญหาของบ้านเมืองให้มันจบลงเสียที อย่างนี้ไม่ดีหรือ คือปรับทัศนคติกันสักนิดหนึ่ง ขอเปลี่ยนใหม่เป็นว่า ขอให้อยู่กันยาวๆ นะ เหมือนเราไปพูดให้พรกับคู่บ่าวสาวนั่นแหละนะ รัฐบาลกำลังเป็นรัฐบาลผสม ช่วยกันทุ่มเทเพื่อบ้านเมืองนะ อวยพรอย่างนี้ดีกว่า มันจะต้องเปลี่ยนทัศนคติ ที่มาข่าว : //matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0106210151&day=2008-01-21§ionid=0101   Create Date : 21 มกราคม 2551 3 comments Last Update : 21 มกราคม 2551 14:48:36 น. Counter : 3022 Pageviews. Share Tweet

ต้องเปลี่ยนทัศนคติ เห้ออออออออออออออออออ ทำใจให้เปลี่ยนไม่ได้ ไม่อยากได้นายกที่กินไปบ่นไป แหะ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เหมือนที่เคยได้ผู้ว่าที่เคยชิมไปบ่นไป ไปดีกว่า เด๋วโดนดังตีหัวเอา   โดย: ความเจ็บปวด 21 มกราคม 2551 21:58:10 น.

D: na ka...Khun Samak ..D.D.D....kaaaaaaaaa   โดย: Opey (Opey ) 22 มกราคม 2551 0:27:04 น.

อิอิ ทักษิณ เล่น สั่ง ให้คนที่ เป็นนายก เป็นประธานสภา ผุ้แทน แบบนอมินี แทนเขา ที่เจ็บปวด จริงๆ น่าจะหานอมินี ที่ภาพพจน์ดีกว่านี้ หน่อยจริง แม้น้องเขย ท่าน คุณสมชาย วงสวัสดิ์ เป็นนายก ผมว่าภาพดีกว่านี้ อย่างน้อยก็เป็นอยู่แวดวงผุ้พิพากษา ปลัดกระทรวงยุตธรรม อย่างไงๆ ก็ต้องมีส่วนที่สำนึก ดีอยู่บ้างในส่วนที่ มีการอบรม หรือหน้าที่การงานมา คงไม่กระทำอะไรที่ประเจิดประเจ้อ ต่อหน้าสื่อให้เสียภาพลักษณ์มากนัก อย่างน้อย อารมย์วุติภาวะ ต่อหน้าสื่อ ควบคุมได้ หรือคุณ ชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภา ก็น่าจะดูดีกว่า ยงยุทธ ครับ เพราะอย่างน้อยที่สุด คุณชัย ก็เป็นนักการเมืองอาวุโส ที่ครำหวอด ทางการเมืองมาอย่างยาวนาน แม้ เป็นภาพลูกทุ่ง แต่ก็พอยอมรับกันได้ แทบไม่มีอะไร เสียหาย ในภาพการเป็น สส. เท่าไหร่ จะเสียในหายเรื่อง เกี่ยวครอบครัวหรือชื่อเสียง ที่เป็นลักษณะตระกูลอยู่ บ้างๆ เพื่อดูในหน้าที่การงาน ผมเองก็ยอมรับว่า คุณชัย เป็น สส.ที่ดี คนหนึ่ง ในการทำหน้าที่ เป็นตัวแทนประชาชนครับ คือผม พูดตรงๆครับ ในพรรค พปช.เองก็มีนักการเมือง ทีดี อยู่พอสมควร หลายเช่นกัน ที่พอรับได้ ครับไม่ใช่ว่าไม่fดีไปทั้งหมด หาดีไม่ได้สักคนหนึ่ง ทั้งพรรคครับ คือผมก็มองแบบเป็นธรรม ที่สุดกับพรรค พปช.แล้วครับ ภาพลักษณ์นั้น สำคัญเช่นกันต่อความน่าเชื่อถือ ต่อความร่วมมือ ในการบริหารงานการประสานงานกันทำงานบริหาร ไม่ประสานงาน ไม่ใช่ ประสานงา ครับ   โดย: ล่างฟานหวิน 22 มกราคม 2551 2:50:00 น.