ลุยปราสาท (ต่อ)
ห่างหายจากครั้งที่แล้วไปนานรู้สึกว่าขนจะขึ้นมาเพียบ แหะๆ ปราสาทที่เขมร เขามักจะสร้างให้ประตูตรงกันมองดูแล้วมันซ้อนกันเป็นมิติ สวยดีอันนี้ที่ไหน ก็ชักจะจำไม่ได้ซะแล้วขอยืมภาพมาจากน้อง มีร่า นะจ้ะ ขอบใจนะสำหรับภาพสวยๆ ต่อไปก็เป็นปราสาทบายนล่ะ ไฮไลท์ของตอนเช้านี้เลยทีเดียวขอบอกว่า คนเยอะมั่กๆ ถ่ายรูปไปทางไหนก็เห็นแต่คน ต้องแหงนขึ้นฟ้าอย่างเดียวแต่มีมือถ่ายรูปฝีมือดีในคณะด้วย ไม่ว่าคนจะเยอะยังไง พ่อคุณก็เสกให้คนหายไปได้เยี่ยมจริงๆ พ่อช็อคโกแลตหนึ่งและก็ขอยืมภาพน้องซุ๋ย มาอีกรอบนะจ้ะเดี๋ยวขอโชว์ภาพนี้หน่อย สาวๆ ที่ไปด้วย ขอถ่ายรูปแบบนี้กันทุกคน ชอบจริ๊งชอบมุมนี้อีกเช่นกัน เห็นหน้าของพระเจ้าชัยวรมัน 7 ตั้ง 6 หน้าแน่ะ มุมนี้คิวยาวมาก แถมต้องรอให้คนไปก่อนอีกต่างหาก เพราะเป็นทางเดินที่ใครๆ ก็ต้องเดินมาพวกเราก็ออกมาจากปราสาท โดยมีไกด์มะลิ เร่งแบบเนียนๆ ว่า"ตามมะลิมาน๊ะ ทางนี้มีสวยๆ อีกเยอะเลย"แล้วพวกเราก็ตามไปออกมาข้างนอก จำไม่ได้ว่าใครเสนอความคิดให้ถ่ายภาพแบบนี้ เป็นที่ติดอกติดใจกันถ้วนทั่ว เอามั่งล่ะ ไม่ยอมน้อยหน้า ฮ่าๆๆๆมีอีก 2 สาว กระโดดกันได้น่ารักจริงๆ เลย ทีนี้ก็มาดูภาพสำคัญที่ปราสาทตาพรม ภาพนี้ตื่นตะลึงกันทั้งน้าน มาได้ไงน๊อ ยืมภาพมาจากน้องซุ๋ยอีกแล้ว แหะๆ พี่ตัวเป็นขนอีกแล้ว แหะ ๆ ไม่รู้ว่าสมัยนั้นมีไดโนเสาร์หรือไงนะไกด์มะลิบอกว่า ช่างในสมัยนั้นจะแกะสลักภาพจากสิ่งที่เห็น งั้นก็หมายความว่าสมัยนั้นมีไอ้เจ้าตัวนี้เหรอ 800 กว่าปีเองนะ หรือ เขาขุดพบโครงกระดูกของเจ้าตัวนี้ แต่ถ้าขุดพบจริง รูปที่แกะสลักก็ไม่น่าจะชัดเจนขนาดนี้ แปลกมั่กๆ มาดูกันต่อ ปราสาทตาพรม เป็นปราสาทที่มีต้นไม้เจริญเติบโตขึ้นในตัวปราสาทมาก จนไม่สามารถบูรณะโดยการโค่นมันออกไปได้ ดูจากภาพ ไม่ต้องบรรยายเลยนี่แค่ครึ่งวันเช้าเองนะเนี่ย ลุยเข้าไป 4 ปราสาทแล้ว ต่อจากนั้นเราก็ไปหม่ำข้าวกลางวันกันที่ ภัตตาคารเจ้าพระยาอาหารอร๊อย อร่อย พวกเรากินกันอย่างหิวโซ สุดๆ ต่อจากนั้นพวกเราก็ไปลุยปราสาท นครวัด ปราสาทที่มีชื่อเสียงไปก้องโลกทัวร์มาลงเยอะที่สุด มะลิจัดให้ไปบ่าย เพราะคนจะน้อยกว่าไปตอนเช้า นี่ขนาดเราไปบ่ายแล้ว ยังเจอฝูงชนคราคร่ำ ทั้งหัวแดง หัวเหลือง และหัวดำ เต็มไปหมดระหว่างเดินทางไปปราสาทนครวัดก็พบว่า เจ้าฟ้ากาง นอนหลับอย่างเมามันบนรถ พอไปถึงไกด์มะลิก็ปลุกให้ลงได้ พ่อคุณก็รีบลงไปโดยไม่ได้หยิบตั๋วเข้านครวัดไปด้วยเดือดร้อนมะลิอีก ต้องให้มะลิโทร.ตามคนขับรถ ให้ตีรถย้อนมา เนื่องจากว่าคนขับรถเขาจะเอารถไปทำยาง อีก 2 ชม. จะมารับพวกเรา ดังนั้นระหว่างรอฟ้ากางไปเอาตั๋ว พวกเราก็ทำหน้าที่นางแบบกันอีกแล้ว ดูพอเป็นน้ำจิ้มก่อน เดี๋ยวคราวหน้ามาต่อใหม่
วันนี้ลุยปราสาทอย่างมันส์ (2)
หุหุ... แล้ววันนี้ก็ตื่นกันแต่เช้า ไกด์มะลินัด 5-6-7งง... มั้ยล่ะ ... code 5 คือ ตื่นตี 5 code 6 คือ กินข้าว 6 โมงcode 7 คือ ออกเดินทาง 7 โมงเช้านี้ทางโรงแรมโทร.มาปลุก แม่มดจิ๋วก็เดินมาปลุกกลัวไม่ตื่นกัน เพราะเมื่อคืนดึกนะเนี่ย แล้วพวกเราก็มาพร้อมกันตอน 7 โมง (ก่า ๆ ตามเวลาไทย) อิอิโปรแกรมวันนี้มีการเปลี่ยนจากเดิม จะต้องไปเกาะแกร์ ปราสาทกรอฮอม ปราสาทบึงมาลา แต่เราจะสลับเอาโปรแกรมวันที่ 4 คือนครธม ตาพรม บันทายศรี นครวัด ขึ้นมาแทน เหตุผลก้อคือ ถ้าเราไปเที่ยวตามโปรแกรมเดิม แรงจะหมดไปเสียก่อน พอถึงปราสาทท้ายๆ จะไม่มีแรงลงแล้วจะร้องไม่เอาแล้ว อันนี้เป็นประสบการณ์จากไกด์มะลิ เขาก็เลยสลับโปรแกรมให้เรา วันแรกๆ ยังมีแรงเที่ยว ก็ให้เที่ยวกันอย่างเต็มที่ มะลิจึงบอกให้พวกเราต้องใส่เสื้อผ้าสีสดๆ มาน๊ะ เดี๋ยวถ่ายรูปไม่ซ๊วย อย่าใส่สีดำน๊ะ พวกเราก้อเชื่อมะลิกันน๊ะ สาวๆ แต่ละคนใส่สีสันกันสุดๆ เรามาถึงบันทายสรี แต่เช้าประมาณ 8 โมงได้ คนยังไม่ค่อยเยอะ ไกด์มะลิบอกว่าเราจะไปกันแบบหลบคน เช้าๆ แบบนี้คนจะไปนครวัดกัน เราเลี่ยงมาที่นี่ก่อน แล้วค่อยไปนครวัดตอนบ่ายที่แรกที่เราไปคือ ห้องน้ำ เจ้าค่ะ ห้องน้ำอย่างหรู สะอาด มีคลาสมาก แถมมีสระบัวอีกต่างหาก พวกเราเลยแวะถ่ายรูปกันเพียบ ห้องน้ำที่นี่เราจะเข้าฟรีก็ต่อเมื่อเราซื้อตั๋วของเขาเข้าชมปราสาทนั้นๆ ถ้าไม่ได้ซื้อต้องจ่ายเงินต่างหาก 20 บาท ค่าเข้าห้องน้ำ นั่นไงล่ะ... ของที่นี่เขาแพงจริงๆ จากนั้นก็ไปต่ออีกนิด ก็ถึงแล้ว บันทายสรี แรกๆ พวกเราก็ตามไกด์ดีอยู่หรอกนะ หลังๆ พอเจอความสวยของปราสาทเข้า ชักแตกแถวมะลิบอกว่าเรามาเจอกันตอนแปดโมงห้าสิบน๊ะ แต่ก็อีกตามเคย นิสัยคนไทย ไม่เลทไม่ใช่ไทย จนมะลิต้องทำเป็นเดินนำ เพื่อเร่งเวลา แล้วพวกเราก็เดินออกมา โดยสวนกับคณะรถทัวร์ที่เข้ามาอีกหลายสิบคัน เราโชคดีกันจริงๆ ที่ออกมาก่อน ไม่งั้นคงจับภาพงามๆ มาไม่ได้ขนาดนี้ ปราสาทในช่วงเช้า หลังจากที่ไปบันทายศรีแล้ว ก็ต่อด้วยปราสาทพระขรรค์ ซึ่งไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว และปราสาทตาพรหม และ ปราสาทบายน แต่ในวันนี้เราไปหลายปราสาทมาก จนชักสับสนว่ารูปไหนเป็นปราสาทอะไร ก็จะให้ดูโดยรวมๆ รูปนี้ที่เห็นเป็นรูๆ จะเป็นช่องสำหรับสมัยก่อนที่เก็บเพชรพลอย ซึ่งแต่ละรูนั้น ใหญ่ขนาดเท่ากำปั้น สมัยก่อนนี้เพชรใหญ่จริงๆ เพชรปลอมขนาดใหญ่จึงเป็นสินค้าโอทอปที่นั่นด้วย เล่าเรื่องปราสาทนี้กันต่อ รู้สึกว่าปราสาทแห่งนี้จะอยู่ที่ปราสาทตาพหม ภายนอกปราสาทจะทาด้วยสีทอง ดังนั้นปราสาทนี้จะแวววาวตลอดเวลาแต่ตอนนี้เหลือแบบที่เห็นนี่แหละ
เที่ยววันแรก โตนเลสาป (1)
เรามาถึงที่ด่านปอยเปต ข้ามแดนประมาณแปดโมงครึ่งได้ ใช้เวลาในการข้ามแดนประมาณครึ่งชั่วโมง เดินผ่านคาสิโนหลายแห่งมาก และที่กำลังก่อสร้างก็อีกเยอะ พวกเราก็ต้องรีบไปต่อพอผ่านพิธีการข้ามแดนเสร็จก็มีไกด์เขมรชื่อมะลิ มารับพวกเรา เธอเป็นไกด์ที่พูดไทยได้ชัด มีเสียงเหน่อๆ เล็กน้อย เป็นเสน่ห์ไปอีกแบบเราก็เริ่มออกเดินทางกัน ประมาณ 10 โมงเช้าได้ ก่อนหน้านี้ก็มีเพื่อนๆ ในห้อง ppu นี่แหละบอกเรื่องถนนที่นั่งกันทีเอวเคล็ด เราก็เตรียมตัวเตรียมใจอยู่แล้ว ไกด์มะลิบอกว่า พวกเรามาโชคดีมาก ถนนเขาเพิ่งจะเกลี่ยเสร็จ แล้วก็ไม่ใช่หน้าฝนด้วย เพราะถนนจะแย่กว่านี้มาก บางครั้งกว่าจะไปถึงเสียมเรียบก็ประมาณ 3 ทุ่มแต่ถนนที่ว่าเพิ่งจะเกลี่ยเสร็จ ก็เล่นเอาแข้งขาของบางคนเคล็ดไปเลย เพราะถนนที่นั่งมา อย่างแย่เลย และสะพานแทบทุกสะพานทำใหม่หมด ต้องใช้ทางเบี่ยงทุกครั้งที่มีสะพานแต่ไม่ว่าถนนจะแย่ขนาดไหน เราก็ยังคงหลับได้ เพื่อนในรถถามเราว่าหลับได้ไงเนี่ย ถนนแย่ขนาดนี้ หุหุ แล้วก็แวะให้พวกเราได้กินข้าวกลางวันกันที่ ร้านอาหารบึงชุก จ.ศรีโสภณ ซึ่งเป็นร้านอาหารเดียวที่เปิดบริการในย่านนี้ ที่เขมรเขาเอาใจนักท่องเที่ยวกันมากเลยนะ ทั้งๆ ที่ไปถึงเขมร แต่ก็มีอาหารไทยไว้บริการนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา อาหารที่เขาทำมาให้ เป็นปลาซะส่วนใหญ่ เพราะบ้านเขาขึ้นชื่อเรื่องปลา เนื่องจากมีทะเลสาปแห่งใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งปลานานาชนิดถึง ร้อยห้าสิบกว่าสายพันธ์ จากเมื่อก่อนมีเป็น ห้ารอ้ยกว่าชนิดพอกินเสร็จก็มานั่งเขย่ากันต่อในรถ เราก็ฟังเรื่องประเทศกัมพูชา ฟังไปฟังมา ชักเพลินแหะ หลับเลย เหมือนฟังนิทานก่อนนอนยังไงยังงั้น เสียดายจริงๆ เราพลาดโอกาสฟังเรื่องเขมรแดง ในความคิดของคนกัมพูชา เราได้ยินแว่วๆ แต่ไม่มีแรงที่จะฟัง ง่วงสุดๆ เลยเรามาถึงโรงแรม ตอนบ่ายสามโมง ตรงกับหมายกำหนดการพอดี มะลิย้ำแล้วย้ำอีก เดี๋ยวมาเจอกันสี่โมงเย็นน๊า ห้ามหลับน๊า พวกเราก็พร้อมกันตรงเวลาไทย (แหะๆ เลทไปนิ๊ดหน่อยเอ๊ง) ได้เวลาไปโตนเลสาปกันแล้วเข้าเขตโตนเลสาปแล้วต้องเสียค่าธรรมเนียม ไกด์มะลิ ก็ทำหน้าที่ลงไปซื้อตั๋วให้พวกเรา ระหว่างนี้พวกเราก็รอไป ถ่ายรูปไปบริเวณโตนเลสาป จะมีร้านอาหารเยอะมาก คงจะคล้ายๆ บ้านเราที่สถานที่ท่องเที่ยว บรรยากาศดีๆ มักจะมีร้านอาหารเช่นกัน แต่ที่แปลกกว่าบ้านเราก็คือ ร้านอาหารที่นี่ จะมีผูกเปลญวนไว้ทุกร้าน นั่นคือนอนไกวเปลไปกินข้าวไป คงจะเป็นวัฒนธรรมบ้านเขา แล้วพวกเราก็ขึ้นเรือเพื่อไปชมทะเลสาปแห่งประเทศกัมพูชา อันลือชื่อ ไกด์มะลิบรรยายว่า คนที่อาศัยอยู่บริเวณทะเลสาบนี้ มีทั้งเขมร และ เวียดนามซะส่วนใหญ่ แต่เท่าที่เราเห็น จะเป็นคนเวียดนามมากกว่า เพราะหน้าตาเด็กๆ หนุ่มๆ สาวๆ เหล่านี้ ออกแนวอาหมวยอาตี๋ทั้งนั้นคนแถวนี้พายเรือกันเป็นตั้งแต่เด็กๆ เด็กตัวเล็กตัวน้อยพายเรือเป็นหมด และอาชีพคนแถวนี้ ก็ขายผลไม้ ซึ่งเป็นกล้วย และน้ำดื่มพวกน้ำอัดลม แต่กระป๋องละ 1 ดอลแน่ะ แพงอ่ะ แล้วไกด์ก็พาไปที่เรือนแพซึ่งเป็นร้านอาหารแห่งหนึ่งในอีกหลายๆ ร้านในทะเลสาปแห่งนี้ ร้านนี้นอกจากจะขายอาหารแล้ว ยังขายของที่ระลึก และเลี้ยงจรเข้อีกด้วย ซึ่งเขาเลี้ยงไว้ส่งออกไปประเทศจีน เวลาใครอยากจะกินเนื้อจระเข้ต้องมาเลือกแล้วซื้อไปทั้งตัว เขาไม่ขาย แต่ระยะหลังๆ รัฐบาลกัมพูชาไม่ได้สนับสนุนในเรื่องนี้ ทำให้เจ้าชาละวันเหล่านี้ตัวก็โตมากขึ้นเรื่อยๆ ปกติเราเห็นจระเข้บ้านเราที่เลี้ยงไว้ขาย จะมีแต่ตัวเล็กๆ แต่ที่นี่จระเข้ถูกดองจนตัวโตมาก ที่เห็นในกระชังสีฟ้า นั่นแหละคือที่เลี้ยงจระเข้ ข้างในมีจระเข้หลายตัวมาก น่ากลัวอ่ะหลังจากพวกเราถ่ายรูปบรรยากาศในโตนเลสาปแล้ว ก็ได้เวลากลับ เพื่อไปกินข้าวต่อที่ร้านอาหาร ไทยสวัสดี อาหารอร่อยมาก และที่ขาดไม่ได้ก็ปลาทอดนั่นเองอ้อ! เมนูอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เช่นกัน จะต้องมีไข่เจียวทอด แล้วแต่จะใส่หมูสับหรือไม่ใส่หมูสับร้านอาหารไทยที่ทางทัวร์คัดเลือกมา อย่างอร่อยเลย คนไทยมากินเยอะมากๆๆๆ จนไม่นึกเลยว่าอยู่ต่างประเทศ นึกว่าอยู่ในเมืองไทย เพราะเสียงคนพูดภาษาไทยดังเต็มร้านไปหมดแล้วพวกเราก็เดินทางกลับสู่ที่โรงแรม ANGKOR HOTEL ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว คงจะนึกล่ะซิว่าพวกเราไปถึงโรงแรมแล้วจะนอน เมินซะเถอะ พวกเราไปอาบน้ำ แล้วกลับมารวมตัวกันที่ห้อง 3 หนุ่ม 3 มุม เพราะเป็นห้องที่กว้างที่สุด มีโต๊ะให้พวกเราได้เม้าท์ และนั่งดูรูปที่ถ่ายกันมา ฟ้ากางเอาnotebook มาด้วย พวกเราดูรูปกันไปวิจารณ์กันไป อย่างสนุกปาก เฮฮาปาจิงโกะกันสุดๆ กว่าจะกลับห้องนอนก็เกือบเที่ยงคืน นี่ขนาดพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ ไม่มีวิตกกันเลย
เมื่อรู้ว่าจะไปต่างประเทศ (0)
ตายเลยล่ะ สร้างblog นี้ไว้ตั้งนาน นึกว่ากด publish ไว้แล้วซะอีก เพิ่งมาเห็นว่ายังเป็น draft อยู่ ว้า... แย่เลย มิน่าล่ะ ทำไมไม่มีใครเข้ามาแม้แต่เราเอง เหอๆๆๆกัมพูชาประเทศที่เราอยากไปตั้งแต่สมัยเรียน แต่ก็ไม่ได้ไปเพราะบ่จี๊ ต้องรอมาทำงานนี่แหละถึงได้ไปเรื่องของเรื่อง เจ้าแม่โปรเจ็ค ดาริ มาสะกิดสะเกา พี่ๆ หนูจะจัดทริปไปเขมร ไปไหมคะ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน นู้นแน่ะหูย จะพลาดได้ไงล่า กัมพูชา อยากไปตั้งนานแล้ว ไม่รีรอ OK ทันที แล้วดาริก็ไปล่ารายชื่อมาได้อีก 10 คน พร้อมที่จะลุยกันแล้วดาริบอกว่าไหนๆ เราก็จะไปกันแล้ว และคงไม่ได้ไปกันบ่อยๆ เราไปกัน 5 วันเลยฟังครั้งแรกสะดุ้งโหยงเลย ทำไมมันหลายวันจัง ใครจะทำงานแทนเราล่ะเนี่ยแต่เอาฟร่ะ พร้อมลุย เที่ยวมาก่อน งานไว้ทีหลัง (เจริญจริง) แล้วดาริ ก็เอาโปรแกรมมาให้ดู พร้อมถามสมาชิกว่าจะไปทุ่งสังหารมั้ย รีบปฏิเสธเลย ม่ะอาว ไปแล้วมันหดหู่ สมาชิกคนอื่นก็เห็นด้วยว่าไม่ไปหรอก ไปดูปราสาทสนุกกว่า สวยกว่าด้วยเรารู้จักเขมรนั้น น้อยเหลือเกิน รู้แต่ว่ามีนครวัด นครธม อันสวยงาม ที่เราเคยเห็นในภาพในหนังสือท่องเที่ยวหลายๆ เล่ม เพื่อนๆ ร่วมก๊วนบางคนก็ไปงานหนังสือแห่งชาติ แล้วไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับเขมรเตรียมตัวไปเที่ยวกันเชียว แต่เราไม่มีเวลาอ่านเลยไม่ได้ซื้อ แต่ก็ไปคอยลุ้นเอาเองว่าแต่ละที่จะเป็นไง เดี๋ยวไม่หนุก หุหุ ข้ออ้างเยอะจริงๆ เรา แต่พวกเราก็ช่วยๆ กันหาข้อมูลไว้บ้างนะ เช่น ดาริ เธอถามทัวร์ซิ อากาศบ้านเขาเป็นไง กลัวหนาวจริงๆ ... ดาริก็ไปถามให้ บ้านเมืองเขาร้อนค่ะพี่ ดาริ เธอถามทัวร์ซิ ที่นู้นเขาใช้เงินไทยได้ไหม .... ดาริ ก็ไปถามาให้อีก ที่นั่นใช้เงินดอลส่วนใหญ่ค่ะดาริ เธอถามทัวร์ซิ .... อีกสารพัดคำถาม ถามทีก็ตอบที แหะๆ ชักเกรงใจดาริ อีก 3-4 วันก่อนจะไปเขมร เราก็เตรียมกระเป๋า ของบางอย่างก็โยนลงกระเป๋าไปก่อนก็ได้ ดาริบอกว่ารถออกตี 4 ที่สวนลุม เราก็เลยต้องแย๊บๆ ไป เผื่อจะมีเวลานอนมากขึ้น ให้ดาริไปถามอีกแระ รถวิ่งผ่านเส้นไหน จะได้ไปดักรอ ไม่ต้องเข้าไปถึงในเมือง ดาริก็เลยไปขอให้เป็นกรณีพิเศษ เขาวิ่งผ่านบางนาให้ เราก็เลยได้อภิสิทธิ์คนเดียว ไม่ต้องไปที่สวนลุม ขอบใจมากนะจ้ะ เจ้าดาริและแล้วก็ถึงวันที่เราต้องออกเดินทาง เรากะว่าจะนอนแต่หัวค่ำ เพื่อจะได้ตื่นเช้า แต่ปรากฎว่า กว่าจะทำงานเสร็จก็ปาไปเที่ยงคืน ถึงบ้านเที่ยงคืนครึ่ง อาบน้ำเก็บกระเป๋าต่อ กว่าจะเสร็จตี 2 ทำมายชีวิตเศร้าเช่นนี้ ว่าจะไม่นอน แต่ม่ายหวายอ่ะง่วงมั่กๆ นอนสักชั่วโมงก็ยังดี กลัวไม่ตื่นก็กลัว แต่ก็ตื่นแหะ แล้วยังมีดาริโทรมาปลุกอีกด้วย น่ารักจริงๆ เจ้าแม่บริการทุกระดับประทับใจจริงๆรถมารับเราที่หน้าเซ็นทรัลบางนา ตอนตี 4 เศษๆ รถวิ่งจากสวนลุมมาถึงบางนานี่ 15 นาทีเอง เร็วจริงๆ หลังจากขึ้นรถไปได้ ดาริก็ชวนคุย เราก็คุยเล็กน้อย เล็กน้อยจริงๆ เพราะง่วงที่สุด เราหลับไปไม่รู้เลยว่าไม่ได้คุยกะดาริไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หลับยาวจนถึงร้านอาหารบ้านสวนรีสอร์ท ต้องไปกินข้าวเช้าแล้วซินะ เป็นข้าวต้มที่อร่อยมาก ข้าวต้มปลาหมึกกะกุ้ง กินไปซะ 2 ถ้วยเต็มๆ เพราะอาหย่อย เอาล่ะเดี๋ยวพวกเราต้องเตรียมตัวข้ามชายแดนแล้วซินะ เล่ามาตั้งยาว ลืมบอกชื่อสมาชิกที่ร่วมก๊วนอ่า1 ดาริ2 ฟ้ากาง3 ฟองฟ้า4 มีร่า5 ไวสยานี6 แม่มดจิ๋ว (รายนี้ตัดสินใจว่าจะไปก็อีก 3-4 วันจะไปนะเนี่ย)7 เพื่อนดาริ8 amilan9 เหนือพุ10 chocolatemoose11 ข้าพเจ้าเอง ... ภคิน ...พร้อมลุยล่ะ