ไฮสคูลที่อเมริกา ต่างกับโรงเรียนมัธยมในไทยยังไง มาดูกัน!





เมื่อถึงวัยที่ลูกจะเข้าโรงเรียน คนเป็นพ่อเเม่ต้องเตรียมหาเงินมาให้ค่าเทอมลูก เทอมนี้รอดเเล้ว เเต่เทอมหน้าที่จะย่างเข้ามา ต้องกระเหม็ดกระเเหม่รัดเข็มขัดกันเเน่นทั้งพ่อทั้งเเม่ทีเดียว ไม่ใช่หาเงินเฉพาะค่าเทอมอย่างเดียว เเต่ต้องหาเงินค่าเรียนพิเศษ, ค่าชุดพละ,ค่าชุดลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด,ค่ารถรับส่งโรงเรียนลูก, ค่าอาหารกลางวัน, รวมทั้งค่ากระดาษสอบ, ค่าธรรมเนียมเเรกเข้า ค่าโน่นนี่นั่น กว่าลูกจะเรียนจบพ่อเเม่หนักหนาสาหัสเอาการเลย

เรามีลูก 2คน พาลูกบินลัดฟ้าไปอยู่อเมริกาขณะที่ลูกคนโตเรียนอยู่ ป.1 ส่วนลูกคนเล็กอายุเพียง 9 เดือน เราเดินทางไปอยู่รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เราถึงอเมริกาวันนี้ วันรุ่งขึ้นเราพาลูกไปสมัครเรียนทันที กลัวจะเสียเวลาเรียน



การสมัครเรียนของเด็กเล็กที่อเมริกา ต้องให้คนรับรองพาไปสมัครเรียน เขตใครเขตมัน หลักฐานที่คนรับรองต้องมำมาเเสดงคือ ID เเละ proof of residence ส่วนเอกสารของเด็กได้เเก่ ใบเกิด, ใบฉีดวัคซีน เเละใบวุฒิบัตรจากโรงเรียนเก่า  เด็กๆที่อเมริกาจะได้เรียนฟรีทุกคน จนกระทั่งเรียนจบไฮสคูล มีอาหารกลางวันฟรี, มีรถรับส่งจากบ้านไปโรงเรียนฟรี, อุปกรณ์การเรียนฟรี, ทัศนศึกษาฟรี, เเต่งชุดธรรมดาไปโรงเรียน ช่วงเปิดเทอม ทางโรงเรียนก็จะเเจกอุปกรณ์การศึกษาเเก่เด็กๆฟรีเช่นกัน



การเรียนในไทยเน้นให้นักเรียนอ่านหนังสือมากกว่า เช่นวิชาเคมี เด็กไทยจะนั่งท่องเรื่องแร่ ลิเทียม,โซเดียม,โปแตสเซียม แล้วจินตนาการว่าถ้ามันผสมกันจะระเบิดยังไง โดยไม่เคยได้ทดลองจริงเลย อาจมีบางโรงเรียนที่ให้ทำการทำลองบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเน้นเรียนทฤษฎีมากกว่า แต่ที่อเมริกา ให้ทำการทดลองทุกวันจริงๆ
 








ส่วนลูกคนเล็ก เราพาเขามาตั้งเเต่อายุ 9 เดือน มาโตที่อเมริกา จึงไม่มีปัญหาเรื่องภาษา, อาหารเเละการปรับตัว

รัฐจอร์เจียที่เราอยู่ ส่วนใหญ่เป็นถิ่นของคนผิวสี มีทั้งชาวอพยบมาจากแอฟริกา เเละชาวแอฟริกัน-อเมริกัน เราอาศัยอยู่รัฐนี้ 8ปี จึงย้ายไปอยู่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เเละอาศัยอยู่ที่นี่จนถึงปัจจุบัน











ที่เมืองไทย ม.ปลายเรียน 3ปี คือ ม. 4-6 เเต่ที่อเมริกา เรียน 4 ปี เด็กที่เข้าเรียนไฮสคูลปีเเรก เขาจะเรียก Junior พอเรียนไฮสคูลปีสุดท้าย เขาเรียก Senior คือเด็ก ม. 6 นั่นเอง

ที่ไทยเลือกโปรเเกรมในการเรียน  เช่นโปรเเกรมวิทย์วณิต,โปรเเกรมศิลป์ภาษา, โปรเเกรมเกษตร เป็นต้น ส่วนเด็กที่อเมริกา จะเลือกวิชาเรียน เช่นเลือกเรียนวิชาชีวะด้วย เลือกเรียนวิชาฝรั่งเศสด้วยก็ได้

การเรียนในเเต่ละวันของเด็กก็จะต่างกันไปด้วย ขึ้นอยู่กับว่าเด็กลงทะเบียนเรียนวิชาอะไรบ้าง ดังนั้นคนที่เรียนอยู่ชั้นปีเดียวกันก็ไม่ได้เรียนด้วยกันเสมอไป เพื่อนกันก็มักจะได้เจอกันแค่ตามทางเดินเวลาเปลี่ยนคาบกับตอนพักกลางวันก็มี  จึงต้องมีชมรมเกิดขึ้นเพื่อให้นักเรียนแต่ละคนได้มาพบปะ ทำอะไรร่วมกันหลังเลิกเรียน โรงเรียนที่นี่เข้าเรียน 7.45 เลิกเรียนประมาณ 3.00 น.




 

จำนวนนักเรียนแต่ละห้องของอเมริกาน้อยมาก ส่วนมากมีนักเรียนต่ำกว่าสามสิบคน บางห้องเรียนกันอยู่แค่สี่ห้าคนก็มี ส่วนที่ไทย ห้องหนึ่งมีตั้งห้าสิบคน อบอุ่นมาก อาจารย์ดูแลไม่ทั่วถึง มีการแบ่งแยกเด็กหน้าห้อง,กลางห้อง เเละหลังห้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก ที่อเมริกานิยมจัดการสอนแบบอภิปรายกลุ่ม เเลกเปลี่ยนความคิดเห็น ต่างจากของไทยที่อาจารย์จะเป็นคนบรรยายให้ฟัง ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับนักเรียนของที่อเมริกาและไทยต่างกันออกไปด้วย




ที่อเมริกา มีวิชาให้เด็กเลือกเรียนเยอะมาก ๆ สมมุติเทอมนี้เรียน 5 วิชา เราอาจเลือกเรียนวิชาเคมีที่เป็นวิชาแนววิทย์ ร่วมกับวิชาถ่ายภาพที่เป็นแนวอาร์ต และวิชาประสานเสียง ปรัชญา เเละวรรณกรรมอังกฤษ ซึ่งเป็นหมวดมนุษย์ศาสตร์ เเล้วเรียนทุกอย่างที่ว่ามานี้พร้อมกันได้ในหนึ่งเทอม ซึ่งที่ไทยเราเลือกปะปนแบบนี้ไม่ได้เลย

วิชาอื่น ๆ นอกจากที่ว่ามาก็ยังมี วิชาดนตรีออเคสตร้า, แบรนด์ มีเครื่องดนตรีจริง เรียนจริง เอาเครื่องดนตรีกลับมาฝึกที่บ้านได้ทั้งเทอม พวกวิชาเวิร์กชอปต่างๆ เช่น ถ้าเลือกวิชางานไม้ ก็จะได้ทำเก้าอี้ โต๊ะ หรือกล่องใส่ของเล็กๆ ทำจิ๊กซอว์ เครื่องบิน หรือพวกงานฝีมือต่างๆ มีอุปกรณ์จริง ลงมือทำจริง เสร็จแล้วให้เป็นของขวัญได้เลย





บุคลากรมีความสามารถหลากหลายกว่า สาเหตุที่อเมริกาเปิดวิชาได้มากมายในโรงเรียน เพราะมีอาจารย์ที่หลากหลาย คุณครูไม่ได้จบเเค่เอกของตัวเองเท่านั้น เเต่ครูที่อเมริกาจบในสาขาอื่นๆ มาก่อน แล้วค่อยมาสมัครเป็นครูที่ไฮสคูลภายหลัง นักเรียนจึงได้เรียนรู้จากผู้คนที่หลากหลาย

มีวิชาในระดับสูงให้เลือกเรียนด้วย อีกสิ่งที่วิชาเรียนในอเมริกาต่างจากไทยก็คือ มีวิชาระดับยากให้เลือกเรียนด้วย ซึ่งต่างจากวิชาทั่วไป เช่น วิทย์พื้นฐาน อังกฤษพื้นฐาน วิชาระดับสูง หรือ AP (Advance Placement) เป็นวิชาที่เอาไปยื่นตอนเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อพาสชั้นได้ เพราะมีระดับความยากพอๆ กับการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยจริงๆ นอกจากช่วยประหยัดเวลาเรียนแล้ว แต่ละคนยังได้รู้ระดับความสามารถของตัวเองอย่างชัดเจนด้วยว่าตัวเองอยู่ขั้นไหน และยังมีที่ยากขึ้นไปกว่านี้อีกกี่ขั้น ทำให้วางแผนการเรียนได้ตั้งแต่อยู่ม.ปลาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ 



โรงเรียนที่อเมริกาจะจัดห้องเรียนของวิชาต่างๆ เป็นหมวดหมู่ใกล้ๆ กัน เช่น จัดห้องวิชาวิทย์อยู่ใกล้ๆกัน หมวดวิชาภาษาอังกฤษ อาจารย์ที่สอนวิชาแบบเดียวกันก็จะอยู่ห้องใกล้ ๆ กันหมด ถ้าเราลงวิชาหมวดภาษาอังกฤษก็ไปหาห้องได้จากตรงนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะอาจารย์จะได้ไม่ต้องเหนื่อยแบกสื่อการสอนไปมา ปล่อยให้เด็กๆ ที่ยังมีแรงเดิน ไปหาห้องกันเองดีกว่า






เด็กฝรั่งเดินเรียน ส่วนที่ไทย ครูเดินมาสอนถึงห้อง







โรงเรียนของอเมริกามีทุกอย่างรวมอยู่ในตึกเดียวกัน เช่นห้องยิม, ห้องเรียน, โรงอาหาร, ห้องประชุม เพราะเมื่อถึงฤดูหนาว อากาศจะหนาวมาก! แต่ที่ไทยจะแยกอาคารเป็นตึก1, ตึก2 เเละตึก3 สนามกีฬา ห้องประชุม ก็จะอยู่คนละที่  และเนื่องจากเป็นตึกเดียวโรงเรียนที่อเมริกาเลยติดแอร์และฮีตเตอร์ทั้งหมดในตึกได้ง่าย ซึ่งถ้าย้อนกลับมาดูประเทศไทยแล้ว เราก็จะเห็นว่า บางวันที่ร้อนจัดโรงเรียนก็ยังไม่มีแอร์เลย บางโรงเรียนอาจมีแอร์ให้เฉพาะห้องพักครูเท่านั้น






ทางโรงเรียนจัดสอนขับรถเเก่เด็กไฮสคูลทุกคนด้วย สอนจริง พาออกถนนใหญ่จริง สอนจนขับเป็น

ที่อเมริกา ครูจะไม่ตีนักเรียน ไม่มีการหยิก หรือเรียกเด็กมาตีหน้าเสาธงเหมือนเมืองไทย การทำเช่นนี้ในอเมริกา ถือเป็นการทำร้ายร่างกาย ผิดกฏหมายอย่างร้ายเเรง ซึ่งกฏหมายที่อเมริกาเเรงมาก พ่อเเม่ตีลูกไม่ได้, ครูไม่ตีนักเรียน สามีภรรยาตบตีกัน ถือเป็นการทำร้ายร่างกาย

วิธีปราบเด็กดื้อของครูที่นี่คือ การเเยกเด็กนักเรียนออกมาจากกลุ่ม ให้ไปยืนหลังห้อง หรือให้ออกไปนั่งนอกห้อง เท่านี้ถือว่าเป็นการลงโทษนักเรียนเเล้ว

ช่วงนี้ลูกสาวคนเล็กได้รับจดหมายจากมหาวิทยาลัยหลายที่ เชิญไปเป็นนักศึกษา เเต่ลูกยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเรียนอะไร ที่ไหน ลุ้นๆค่ะ



เมื่อลูก2คนเรียนจบ ซิงเกิ้ลมัมอย่างเราคงถึงเวลาสบาย ตลอดเวลาที่ไปอยู่อเมริกา เราทำงานตลอด เหนื่อยเเระดูออก!^^



ขอบคุณทุกท่านที่เเวะมาเยี่ยมบบล้อกนะคะ




Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2564
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2564 14:21:56 น. 3 comments
Counter : 3499 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณJC2002


 
พี่คะ หนูมีหลานกำลังจะ 3 ขวบ ถ้าน้อวสาวหนู(แม่ของหลาน) อยากพาลูกไปเรียนที่อเมริกา แล้วคุณพ่อคุณแม่ของหลานทำวีซ่าติดตามไปได้มั้ยคะ หรือกลับกัน พ่อแม่ของหลานทำวีซ่าอะไรได้บ้างเพื่อพาลูกไปเรียนไปเติบโตที่อเมริกาค่ะ ขอบพระคุณค่ะ


โดย: Paeng IP: 124.122.110.90 วันที่: 31 กรกฎาคม 2564 เวลา:16:58:21 น.  

 
ให้มองหาโรงเรียนที่ต้องการจะไปเรียน
ติดต่อรายละเอียดกับโรงเรียน
ทางโรงเรียนจะเป็นฝ่ายออกวีซ่านักเรียนให้ค่ะ


โดย: สมาชิก 3661152 IP: 65.79.154.114 วันที่: 4 สิงหาคม 2564 เวลา:0:02:27 น.  

 
สวัสดีค่ะ พอดีพาลูกมาที่รัฐเทนเนสซี่ ลูก 3 ขวบ จะเอาไป day care แต่ไม่ได้เอาใบวัคซ๊นมา ต้องทำอย่างไรค่ะ


โดย: ณฐิกา IP: 51.81.85.242 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:2:20:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3661152
Location :
ชิคาโก United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Single Mom in USA.
ไดอารี่ออนไลน์ของ"ซิงเกิ้ลมัม"ในสหรัฐอเมริกา
ปี 2003 อยู่เมือง Rex รัฐจอร์เจีย
ปี 2010 ย้ายไปอยู่เมือง Elon รัฐนอร์ทแคโรไลนา
ปี 2012 ย้ายไปอยู่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ จนถึงปัจจุบัน
ปี 2020 เขียนไดอารี่ออนไลน์ bloggang



Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2564
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
28 กุมภาพันธ์ 2564
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 3661152's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.