กานต์ : นิวส์ : วัน
Group Blog
 
All blogs
 

ชี วิ ต ลิ ขิ ต เ อ ง

ผมเขียนเรื่องนี้ตอนที่กำลังนั่งดูผู้เข้าแข่งขันรายการค้นฟ้าคว้าดาว เดอะสตาร์ ปี 4 ครับ

และก็เป็นปีที่ 4 ที่ผมต้องเสียน้ำตาให้กับผู้เข้าแข่งขัน (บางท่าน)

หรืออาจเป็นเพราะผมเป็นโรค “แพ้น้ำตา” ทุกครั้งที่ได้เห็นหยดน้ำใสๆ ที่รินออกมาจากดวงตากลมแบ๊วสีดำและขาวสองข้างบนใบหน้าสลับกัน บวกกับเรื่องราวของเขาและเธอเหล่านั้นที่ประกอบกันขึ้น มันทำให้ผมอินไม่น้อย

หลายคนมีปัญหาครอบครัว ร้องเพลงเป็นอาชีพ เป็นกำลังหลักในการใช้เสียงแลกเงิน

อีกคนต้องดร๊อปเรียนเพื่อเดินตามความฝันของตัวเอง

หลายคนพื้นฐานครอบครัวดีไม่มีปัญหา ติดตรงที่ว่า พ่อแม่ไม่มีปัญญาพาลูกเป็นศิลปินได้เพราะของแบบนี้ ต้องใช้พื้นฐานส่วนบุคคล ต่อให้มีเงินล้นฟ้า ถ้าคนฟังจะไม่รับทำยังไงก็ไม่รับ

หนึ่งคนเสียน้ำตาเพราะเกรงว่าจะทำได้ไม่ดีเท่าที่ตั้งใจไว้ แต่ถ้าไม่เดินหน้าต่อก็คงแพ้ เพราะอย่างน้อย การได้มายืนอยู่ตรงนี้ท่ามกลางคนอีกเป็นล้านมันไม่ใช่เรื่องง่าย

ดังนั้นทำมันให้เต็มที่ ทำมันให้ดีที่สุด

ก้าววันละก้าว ดีกว่าไม่ได้สักก้าว ... แค่หยุดฝันก็ไปไม่ถึง

วินาทีที่คนคนนั้นตัดสินใจกรอกใบสมัครและก้าวมาเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน นั้นย่อมแสดงว่าบทเรียนชีวิตบทใหม่กำลังเริ่มต้น เพื่อนำไปสู่ก้าวต่อไปของชีวิตที่เราลิขิตเอง

ผมยังจำภาพวันที่ไปสมัครเข้ารับการทดสอบการเป็นผู้ประกาศหรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าสอบใบผู้ประกาศเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้วได้ ครั้งนั้นมีการสัญจรมาที่จังหวัดลำปางและตอนนั้นผมเรียนอยู่ชั้น ม.6 อายุเพิ่งจะ 18 และมีคุณสมบัติที่จะสมัครสอบได้

แต่เจ้าหน้าที่ที่รับสมัครผม ปฏิเสธผมอย่างไม่มีเยื่อใยว่า “ยังเด็กไป-ไม่รับ”

พร้อมกับสำทับประโยคสุดท้ายไว้ว่า “ถึงสอบไปก็ใช่ว่าจะได้ทุกคนนะคะ”

ไม่ถึงเสี้ยววินาทีผมสวนกลับด้วยน้ำเสียงชวนหมั่นไส้ แกมอ้อนว่า “แต่ผมมั่นใจว่าผมสอบผ่านครับ”

ถ้าอย่างนั้นจะติดต่อกลับมาอีกที-เจ้าหน้าที่บอก

ก่อนวันสอบไม่กี่วัน มีคนสละสิทธิ์ เจ้าหน้าที่รับสมัครโทรมาถามอีกครั้งว่ายังสนใจอยู่หรือเปล่า ผมตอบรับและอาจารย์ที่ปรึกษาขณะนั้น ได้ออกเงิน 800 บาทเป็นค่าสมัคร ค่าเอกสารและค่าใช้จ่ายในการอบรมให้ ผมไม่เคยลืมในพระคุณอาจารย์มาจนถึงวันนี้

4 วันของการสัมมนา แบ่งเป็น 2 วันสำหรับฝึกอบรมเรื่องการออกเสียงและอีก 2 วันสำหรับการสอบ ผมไม่ได้เข้ารับการอบรมเพราะติดเรียน และแน่นอนครับผมสอบเป็นลำดับสุดท้ายของวันสุดท้าย

หลายคนหาว่าผมบ้า ที่นิยมอ่านออกเสียงอะไรก็ตามแต่ที่เปล่งออกมาเป็นคำพูดได้ ป้ายโฆษณา ถุงกล้วยแขก ชื่อโรงเรียน หรือข้อความใดก็ตามที่ผ่านตา ผมตั้งหน้าตั้งตาอ่านหมด

คิดแค่ว่าลิ้นคนเราในตอนเด็กนั้นยังอ่อน อ่านไปเยอะๆ แล้วคล่องปาก ไม่มีปัญหาเรื่องลิ้นแข็งออกเสียงยาก โดยที่ใครจะรู้ว่ามันเป็นการปูทางไปสู่อาชีพที่ต้องใช้ปากในการทำมาหากิน อิอิ...

เกณฑ์การให้คะแนนในขณะนั้นคือต้องได้ไม่ต่ำกว่า 50% หรือเกินครึ่ง จากการทดสอบการอ่านข่าวแบ่งเป็นข่าวในพระราชสำนัก ข่าวทั่วไป ข่าวต่างประเทศ บทความท้ายข่าวและคำกลอนสอนใจ

คะแนนของผมที่ได้รับคือ 53 ผมจำตัวเลขนั้นได้ดี พร้อมกับคอมเม้นท์ของคณะกรรมการว่า ออกเสียง ท ธ ไม่ชัด

แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว สำหรับความตั้งใจในก้าวแรกที่ทุลักทุเลพอสมควร

และบัตรประจำตัวผู้ผ่านการทดสอบการเป็นผู้ประกาศจากกรมประชาสัมพันธ์ ก็กลายเป็นแบบฝึกหัดที่จะให้ผมผ่านไปสู่หน้าต่อไป

ณ จุดนี้ที่ยืนอยู่กับการเป็นผู้ประกาศของสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของผม ASTV News1 ที่แลกมาด้วยการฝึกฝน ทุ่มเท ยืนหยัด ตั้งมั่น และอดทน

บางคนบอกว่า ความสามารถสำคัญกว่าโอกาส อีกคนบอกโอกาสไม่มา ถึงมีความสามารถก็ไม่มีประโยชน์

จะด้วยอะไรก็ตามแต่ การขยันหาบททดสอบความสามารถของชีวิตให้พร้อมอยู่เสมอ เพื่อรอวันที่จังหวะและโอกาสมาถึง นั่นคือสิ่งสำคัญ

เมื่อจังหวะมาถึง คว้าไว้ให้มั่นแล้วประทับตราให้ครบทั้งช่องโอกาสและความสามารถ จากนั้นนำมันไปแลกเป็น “ตั๋วชีวิต” เพื่อนำไปสู่ความฝันที่ตั้งไว้

“…อย่ารอให้ฟ้าหรือใครลิขิต อยากมีชีวิตที่ใฝ่และฝัน ตั้งแต่วันนี้ นี่คือชีวิตลิขิตของเรา…”




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2551 13:45:21 น.
Counter : 1026 Pageviews.  

"ทิศทางละครเวทีปีหนูไฟ"

ปี 2550 ที่ผ่านมา น่าจะถือได้ว่าเป็นปีแห่งการฟื้นคืนอารยธรรมอีกครั้ง หลังจากซบเซาและเงียบหายไปนานหลายปี ซึ่งการก่อกำเนิดของรัชดาลัยเธียเตอร์ และโรงละครขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วทุกมุมเมืองโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร นั้น ย่อมเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ดีว่า ในปีหนูปีนี้ ละครเวทีไทยน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีขึ้น ซึ่งนั่นก็หมายถึงอารยธรรมของประเทศนี้ที่จะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น สอดคล้องกับคำพูดของประดิษฐ ประสาททอง หรือ ตั้ว มะขามป้อม แห่งมูลนิธิสื่อชาวบ้านที่เห็นว่า ขนาดของโรงละครหรือแหล่งศิลปะนั้นไม่ได้เป็นดัชนีชี้วัดความก้าวหน้าทางศิลปะ แต่หากวัดกันจากจำนวนทางเลือกที่ยิ่งมากก็ยิ่งดี

หากจะพูดถึงความเคลื่อนไหวอันน่าสนใจที่เกิดขึ้นในวงการศิลปการแสดงร่วมสมัยของไทยโฟกัสกันไปที่แวดวงละครเวทีในรอบปีที่ผ่านมาแล้ว นอกจากการเกิดขึ้นของรัชดาลัยเมืองไทยเธียเตอร์ โรงละครมาตรฐานบรอดเวย์แห่งแรกของไทย ที่เปิดฉากด้วยบัลลังก์เมฆ ลูกคุณหลวง และฟ้าจรดทราย รวมไปถึงการอิมพอร์ตละครเพลงระดับบอร์ดเวย์ เรื่องแคทส์ แล้ว ปีที่ผ่านมานับว่าเป็นปีแห่งการแจ้งเกิดของคณะละครเล็กๆ อีกหลายแห่ง อาทิ 8 คูณ 8 // โรงละครช้าง // พระจันทร์เสี้ยว // crescent moon space // บี ฟลอร์ เป็นต้น จนนำไปสู่การขับเคลื่อนเทศกาลละครเวทีกรุงเทพ ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 6 ติดต่อกันแล้ว

ตั้ว มะขามป้อม บอกถึงภาพรวมของเทศกาลละครเวทีกรุงเทพ ทั้ง 6 ปีที่ผ่านมาว่า หลายคณะละครมีพัฒนาการมากขึ้นเรื่อยๆ มีการเรียนรู้ที่จะจัดการแสดงให้เข้ากับพื้นที่ เพราะเทศกาลละครกรุงเทพนั้น นอกจากจะแสดงที่เวทีกลางบริเวณสวนสาธารณสันติชัยปราการแล้ว ยังจะกระจายไปแสดงตามร้านรวงต่างๆ บนถนนพระอาทิตย์ด้วย นอกจากนี้ยังขยายไปไกลกว่านั้นด้วยการจัดแสดงตาม Theatre Box ของคณะละครต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ด้วย ซึ่งแม้จะกระจัดกระจายกันไป แต่ผู้ชมก็ให้ความสนใจตามไปชมกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกที่ทุกปี นี่จึงน่าจะเป็นสัญญานตอบรับที่ดีจากคนดูละครเวทีที่มุ่งหวังให้เป็นความบันเทิงแถวหน้าเทียบเท่าละครทีวี ภาพยนตร์ คอนเสิร์ต ซึ่งนั่นก็จะหมายถึงอารยธรรมที่จะมีมากขึ้นตามไปด้วย

ในฐานะแกนนำของเทศกาลละครกรุงเทพ ได้เผยแผนที่จะผลักดันดิ้นรนตนเองของคณะละครกลุ่มเล็กๆ เหล่านี้ให้มีเครือข่ายที่กว้างขวางขึ้น อย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายการเรียนรู้กระบวนการทำละครเวทีไปตามสถานศึกษาต่างๆ การพยายามให้แต่ละคณะละครมีโรงละครเพื่อโชว์ผลงานของตนเอง ตลอดจนการผนึกกำลังกันเพื่อต่อกรกับละครเวทียักษ์ใหญ่ที่มีทุนหนา สายป่านยาว โดยจะเน้นการสร้างสรรค์คุณภาพให้มากขึ้น

ซึ่งยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้มากระทุ้งเตือนวัฒนธรรมการชมละครเวทีของคนไทยก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ซีเนริโอและเอ๊กซ์แซ็ก ของคุณหนูบอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ นั่นเอง หลังจากควักกระเป๋ากว่า 500 ล้านเนรมิตชั้น 4 ของศูนย์การค้าเอสพลานาดให้กลายเป็นโรงละครขนาดความจุ 1,455 ที่นั่ง เทียบชั้นบอร์ดเวย์แล้ว ก็เรียกว่า ไม่ได้ทำให้คนดูและคนทำละครผิดหวังค่ะ เห็นได้จาก 52 รอบของการเปิดการแสดงเรื่องฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล ที่ทำรายได้จากขายตั๋วหมดเกลี้ยงทุกรอบ ก่อนจะส่งไม้ต่อมาให้บัลลังก์เมฆเดอะมิวสิคัล รีเทิร์นมาโกยเงินจากคนดูไปอีกระลอก

ขณะที่ปีนี้ บอย ถกลเกียรติ เตรียมส่งละครเวทีซิทคอมเบาสมองออกมาเรียกน้ำย่อยคนดูกันก่อน ด้วยฐานคนดูที่ต่อยอดมาจากการชมโทรทัศน์ที่เหนียวแน่น นำมาสู่ "ก่อนจะถึงบางรักซอย 9" ที่เข็นมามุขฮาที่การันตีมาแล้ว มาเป็นวิกเก็บตังค์กันอีกครั้ง

จากนั้น ก็จะถึงคราวละครเวทีฟอร์มยักษ์ตามสไตล์ที่ถนัด โดยเลือกหยิบยกเอาเรื่องราวของคุณหญิงกีรติกับนพพร อย่างเรื่อง ข้างหลังภาพ ซึ่งสร้างจากนวนิยายอมตะผลงานของ "ศรีบูรพา" มาประยุกต์นำเสนอในรูปแบบละครเวที โดยเบื้องต้นวางตัว “สินจัย เปล่งพานิช” หรือปานรุ้ง จากบัลลังก์เมฆ มาประกบกับลูกชายคนเล็กที่เป็นลูกรักของคุณหนูบอย อย่าง "บี้" สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว” มาประชันกัน ขณะที่ละครเวทีอิมพอร์ตมาจากเมืองนอกอย่าง แคทส์ นั้น ยังไม่ได้วางแผนว่าจะมีอีกหรือไม่ แต่เบื้องต้นคิดว่าน่าจะมีอยู่

บอย ถกลกียรติ มองว่า ปี 2550 เป็นปีแห่งจุดเริ่มต้นของละครเวทีเท่านั้น เพราะมีผู้ประกอบการเริ่มจัดแสดงละครเวทีหลากหลาย และไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่งกันแต่อย่างใด ซึ่งหากจะว่ากันตามจริง นับจนถึงตอนนี้ ละครเวทีในประเทศไทยยังอยู่ในยุคทดลองในการนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นละครเพลง หรือละครแนวรัก ซึ่งหากจะทำให้ละครเวทีแจ้งเกิดในประเทศไทยได้อย่างเต็มตัวนั้น ต้องขึ้นอยู่กับ 3 องค์ประกอบหลัก ประกอบด้วย คนทำ คนเล่น และคนดู ที่จะต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกัน

ผู้บริหารรัชดาลัยเธียเตอร์ ขยายความต่อไปว่า องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของละครเวที คือ คนดู ถ้าไม่มีคนดู ละครเวทีก็ไม่เกิด ตลอดจนความสำคัญของ ตัวสินค้า ซึ่งในที่นี้หมายถึงรูปแบการแสดง ตัวนักแสดง บุคลากรด้านละครเวที ผนึกกำลังกันสร้างชิ้นงาน เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่คนดู

ในความเป็นจริงแล้ว ละครเวทีเป็นมหรสพที่ทุกกลุ่มคนสามารถชมได้ ตั้งแต่ระดับล่างถึงบน เด็กหรือผู้ใหญ่ ผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ทุกวันนี้กลุ่มคนดูละครเวทียังจำกัดอยู่เฉพาะในเมืองหลวง เพราะด้วยข้อจำกัดสถานที่โรงละครเวทีและด้วยราคาบัตรที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นการทำละครเวทีสักเรื่องจะต้องรู้จักผู้ชม ทำขอให้ถูกใจและประทับใจ จับกลุ่มคนดูได้ถูกจุดไหม เป็นสิ่งที่ทีมงานต้องทำการบ้านอย่างหนัก ด้วยเหตุนี้ ทุกเรื่องของรัชดาลัยเธียเตอร์ที่ออกมาน่ารับประกันได้ว่า ผ่านมาทำการตลาดมาอย่างเข้มข้น

เช่นเดียวกับเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด (มหาชน) ที่เล็งเห็นอนาคตของสมรภูมิรบละครเวที ปีที่ผ่านมาจึงได้รุกคืบด้วยการจับมือกับดรีมบ๊อกซ์ที่มีฐานที่มั่นอยู่ที่โรงละครกรุงเทพเมโทรโพลิส จัดสร้างละครเพลงฟอร์มไม่ใหญ่นัก โปรดักชั่นไม่หรูหรา แต่ทว่าผ่านการผสมสูตรเชิงศิลปะกับพาณิชย์เข้ามา ท่ามกลางแนวคิดที่มองว่าละครเวทีจะเป็นสินค้าที่ชนชั้นกลางของสังคม ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้และกำลังซื้อค่อนข้างสูงให้การตอบรับ ขณะที่โรงภาพยนตร์จะเป็นกำลังซื้อที่เด็กลงไป และจากนี้ธุรกิจบันเทิงของชนชั้นกลางในเมืองไทย จะมีการขยายตัวมากขึ้น ทั้งในส่วนของรสนิยมและวัฒนธรรมบันเทิงที่มีความหลากหลาย ซึ่งตั้งใจจะนำละครเวทีมาต่อยอดการทำซีอาร์เอ็มของสินค้าต่างๆ ที่บริษัทมีอยู่ โดยเบื้องต้นได้วางงบประมาณไว้ 10 ล้านบาท กับละครเพลง 3 เรื่อง เรื่องแรก คู่กรรม เดอะมิวสิคัลได้เปิดการแสดงไปแล้วเมื่อช่วงสุดท้ายของปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็เตรียมจะเปิดการแสดงละครเพลงอีกสองเรื่อง คือ "แม่นาค เดอะ มิวสิคัล" และ "สามเกลอ เดอะ มิวสิคัล"

ด้านตัวแทนของคนละครตัวเล็กๆ มองว่า เป็นการนำประเด็นเรื่องการตลาดเรื่องเงินทุนมาเป็นเข็มทิศในการทำงานของโรงละครขนาดใหญ่มาจำกัดการสร้างสรรค์ละครเวทีมากเกินไป แตกต่างจากการทำละครของคณะเล็กๆ ที่เน้นการทำงานตามใจคนทำ ถูกใจ คนดู เป็นการทำละครเวทีแบบพอเพียง

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เมื่อฐานคิดของยักษ์ใหญ่ในวงการละครเวทีไทยคิดได้อย่างนั้น แจ็คอย่างคณะละครเล็กๆ ที่รอคิวผุดอย่างดอกเห็ดในปีนี้จะมีพื้นที่เหลือพออีกหรือไม่ หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็ทำได้แค่มาเจอกันปีละครั้งในเทศกาลละครกรุงเทพเท่านั้น...




 

Create Date : 22 มกราคม 2551    
Last Update : 22 มกราคม 2551 11:28:28 น.
Counter : 654 Pageviews.  

ยายฉัน-พ่อฉัน-แม่ฉัน

-1-
ทุกวันอาทิตย์ฉันจะมีอ่านข่าวเบรคเช้า จบเบรคก็มักจะเดินมาหาอะไรทานช่วงสายๆ แถวๆ ที่ทำงาน

อ่อ! ฉันทำงานอยู่ที่ ASTV ทำเลดี๊ดี บนถนนพระอาทิตย์

ฉันชอบเวลาเดินทอดน่อง มองดูผู้คน ธรรมชาติแวดล้อม วิถีชีวิตบนถนนพระอาทิตย์แห่งนี้

สมชื่อกับถนนสายศิลปวัฒนธรรมจริงๆ

ใครที่ได้มาสัมผัสรับรองว่าติดใจกลับไปทุกราย (ยิ่งใครเคยดูหนังกลางแปลงริมน้ำเจ้าพระยาตอนหน้าหนาว รับรอง...)

เลยโค้งจากป้อมพระสุเมรุก่อนจะตรงไปแยกบางลำพู จะมีศาลอยู่แห่งหนึ่ง

ทุกคนที่เดินผ่านต่างยกมือไหว้เพื่อให้ “ท่าน” ที่ปกปักรักษาผู้คนละแวกนี้ได้คุ้มครองให้ชีวิตได้อุ่นใจ ยิ่งกว่าประกันภัยชั่น 1

กลิ่นละมุนของเครื่องหอมโบราณ ระคนกับกลิ่นมาลัยดอกไม้พวงใหญ่น้อยที่ผู้คนนำมาถวาย ช่างทำให้นึกถึง “ยาย” ของฉันจริงๆ

-2-
ตอนเด็กๆ ฉันชอบไปนอนกับยาย ชอบกลิ่นห้องนอนยายที่ใครหลายคนในบ้านบอกว่ามันฉุนๆ อับๆ แต่สำหรับฉันแล้วมันแฝงด้วยความอบอุ่นแบบลึกลับ ที่บอกไม่ถูก

กลิ่นที่โชยมาจากศาลย่านพระอาทิตย์ ทำให้ฉัน “คิดถึงยาย”

ยายจากพวกเราไปเมื่อสัก 3-4 ปีก่อน

ญาติพี่น้องมักบอกว่า ยายรักหลานชายมากกว่าหลานสาว

เห็นจะจริง เพราะฉันมักจะได้ตังค์ไปโรงเรียนจากยายมากกว่าลูกพี่ลูกน้องอีกคนที่เป็นผู้หญิง ประมาณ 20 กับ 5 บาท
แต่ตอนยายเสีย เรากลับไม่ได้ทำอะไรให้ยายมากไปกว่า การส่งยายไปสู่สวรรค์ด้วยความอาลัยยิ่ง

ทั้งๆ ที่ตอนยายยังอยู่ เรากลับไม่ค่อยได้ดูแลยายมากเท่าที่ควร

ยอมรับว่าฉันก็คนหนึ่ง ที่เอาแต่บ้างาน บ้าเรียน บ้ากิจกรรม ติดเพื่อน ชอบสังคมนอกบ้าน

แต่กับในบ้านแล้ว ต่างคนต่างอยู่

-3-
กลิ่นหอมของเครื่องหอม ทำให้นึกขึ้นได้ว่า นอกจากยายที่เคยอยู่กับพวกเราที่บ้านแล้ว

ที่บ้านของฉันยังมีคนที่ฉันรักและรักฉันอยู่ที่บ้านอีกหลายคน

ที่ฉันต้องแบ่งเวลากลับไปหา ไปดูแล ก่อนที่จะสายเกินไป

พ่อก็คนหนึ่งล่ะ แม้ว่าใครจะว่าพ่อหรือไม่รักพ่อเพราะฝังใจว่าพ่อไม่รักปานใด

แต่ในฐานะที่เป็นลูก เรามีหน้าที่ดูแลบุพการีให้ดี ถ้าจะดีกว่านั้นก็ต้องให้ถึงที่สุด

ท่ามกลางระยะทางที่นับหลักกิโลเมตรได้ 599 ต้น

ฉันคงทำได้ในตอนนี้แค่ส่งเงินให้พ่อใช้ เท่าที่พ่ออยากใช้ เท่าที่พ่ออยากได้ ซื้อในสิ่งที่อยากซื้อ ไปในสิ่งที่อยากไป

ฉันละไม่ค่อยชอบเวลาสมพรบอกว่า นี่แม่ฉัน นั่นพ่อแก

ทั้งที่ตอนแม่หรือยายอยู่ ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครดูแลได้ดีเท่าที่ควรจะเป็น

แม้ตอนนี้ทั้งสองจะไปสบายแล้ว แต่คนที่อยู่ก็ยังไม่มีใครดูแลใครได้ดีเท่าที่ควรจะเป็น

ไม่ว่าจะเป็นพ่อฉัน หรือพ่อแกก็ตาม...




 

Create Date : 13 มกราคม 2551    
Last Update : 13 มกราคม 2551 15:25:59 น.
Counter : 436 Pageviews.  

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระผู้ต่อลมหายใจ "นาฏยศาลา"

มหรสพหุ่นละครเล็กห่างหายจากวิถีชีวิตของคนไทยไปนานเกือบ 50 ปี กว่าจะได้ปรากฏสู่ความรับรู้และความเข้าใจของสาธารณชนอีกเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2525 โดยมีครูสาคร ยังเขียวสด หรือครูโจหลุยส์ เป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์และปรับประยุกต์หุ่นละครเล็ก เพื่อถ่ายทอดศาสตร์และศิลปะการแสดงหุ่นละครเล็กแก่คนรุ่นหลัง

ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี พ.ศ.2528 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ขอร้องให้ครูโจหลุยส์ จัดการแสดงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ครูโจหลุยส์จึงตัดสินใจทำพิธีบูชาพ่อครูแกรเจ้าของหุ่น เพื่อขออนุญาตจัดทำหุ่นเพิ่มเติม ในงานนี้ครูโจหลุยส์ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณแสดงหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ณ สวนอัมพร และแสดงสาธิตหุ่นละครเล็กที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ.2530

ในปี พ.ศ.2547 หุ่นละครเล็กโจหลุยส์ได้เปลี่ยนชื่อเป็น นาฏยศาลาหุ่นละครเล็ก โดยชื่อที่เปลี่ยนนั้นเป็นชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งได้คัดเลือกมาจากสมาชิกหุ่นละครเล็กโจหลุยส์และผู้ทรงคุณวุฒิทั่วประเทศรวมใจตั้งขึ้นมาหลายร้อย โดยสุดท้ายได้คัดเหลือ 5 ชื่อ ได้แก่ชื่อ
1.นฤตยสถาน ละครเล็ก
2.นาฏลักษณ ละครเล็ก
3.วัฒนศาลา ละครเล็ก
4.นฤมิตศาลา ละครเล็ก
และสุดท้าย นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก หมายถึง สถานที่จัดการแสดงหุ่นละคนเล็ก และนำชื่อทั้ง 5 ชื่อ จากการคัดเลือกทั้งหมดหลายร้อยชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ทรงพระราชทานชื่อใหม่ นอกจากนี้ หุ่นละครเล็กได้รับพระมหากรุณาธิคุณ รับเข้าเป็นมูลนิธินาฏยศาลาหุ่นละครเล็ก ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อให้สมกับเป็นศิลปะที่เปรียบเสมือนสมบัติของชาติไทย

นาฏยศาลาหุ่นละครเล็ก นับเป็นมูลนิธิสุดท้ายในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2547

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เคยเสด็จพระดำเนินมาทอดพระเนตรการแสดงของนาฏยศาลาหุ่นละครเล็กทั้งสิ้น 4 ครั้ง พระองค์ทรงโปรดการแสดงเรื่องกูรมาวตาร ตำนานพระราหูมากเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นการแสดงที่นาฏยศาลาได้นำไปเข้าร่วมการประกวดหุ่นโลก ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเชค เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2549 ซึ่งก่อนการเดินทางไปแสดง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงอวยพรให้คณะประสบความสำเร็จและนำพาชื่อเสียงมาให้กับประเทศชาติให้ได้ ซึ่งหุ่นละครเล็กก็ไม่ได้ทำให้พระองค์และคนไทยผิดหวังเมื่อสามารถนำพารางวัลการแสดงทางวัฒนธรรมยอดเยี่ยม กลับมาได้

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ ประดิษฐาน ณ นาฏยศาลา ซึ่งนับกรุณาธิคุณสูงสุด

นาฏยศาลาหุ่นละครเล็ก ได้เตรียมจัดการแสดงถวายอาลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เรื่องกำเนิดพระคเณศ เนื่องจากเป็นเรื่องที่สมบูรณ์แบบที่สุดในตอนนี้และเป็นชุดการแสดงที่เตรียมจะนำไปประกวดหุ่นโลกในปีนี้ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ก็ทรงทราบว่าจะมีแสดงเรื่องนี้

นอกจากการแสดงหุ่นละครเล็กเรื่องกำเนิดพระคเณศ เพื่อถวายอาลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ นาฏยศาลาหุ่นละครเล็ก ยังจะได้จัดแสดงนิทรรศการ พระราชประวัติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตลอดจนพระกรุณาธิคุณในการรับอุปถัมภ์นาฏยศาลา เบื้องต้นได้กำหนดการแสดงในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้ ที่นาฏยศาลา 2 รอบ ซึ่งเป็นการเก็บค่าเข้าชมตามปกติ จากนั้น การแสดงหุ่นละครเล็กเรื่องกำเนิดพระคเณศ จะไปจัดแสดงที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยต่อไป ซึ่งจะเป็นการแสดงรอบการกุศล โดยจะเป็นการบริจาคตามอัธยาศัย

ทั้งนี้รายได้ทั้งหมดจะมอบให้กับนาฏยศาลา เพื่อนำไปสมทบเพื่อก่อสร้างโรงละครแห่งใหม่ เนื่องจากการเช่าสถานที่ปัจจุบันที่สวนลุมไนท์บาซาร์จะสิ้นสุดสัญญาในอีก 3 ปีข้างหน้า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงมีดำริให้จัดหาสถานที่ก่อสร้างโรงละครแห่งใหม่ พระองค์ทรงห่วงเรื่องสถานที่ของโรงละครเนื่องจากสถานที่เดิมค่อนข้างคับแคบ ประกอบกับสถานการณ์ของโรงละคร ณ ตอนนี้ สามารถเลี้ยงตัวเองได้แต่ไม่ถึงกับดีนัก แต่เรื่องเนื้อหาการแสดงนั้นไม่ทรงแสดงความเป็นห่วงแต่อย่างใด

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเป็นแรงบันดาลใจใจทำให้วัฒนธรรมในการแสดงหุ่นละครเล็กกลับขึ้นมาอีกครั้ง และบุคลากรของนาฏยศาลาหุ่นละครเล็ก ได้ยึดมั่นพระองค์เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต




 

Create Date : 09 มกราคม 2551    
Last Update : 9 มกราคม 2551 23:09:32 น.
Counter : 569 Pageviews.  

“สนธิ” เปิดใจคดีหมิ่น “แม้ว”–ยันไม่ท้อพร้อมเดินหน้าสู้เพื่อความถูกต้อง

นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและเอเอสทีวี ให้สัมภาษณ์ “กานต์ จอมอินตา” ผู้ประกาศข่าวเอเอสทีวี ถึงกรณีศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา คดีหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมเปิดใจถึงแนวทางการต่อสู้เพื่อความถูกต้องในอนาคต

สนธิ - เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เมื่อมีคดีความก็อยากชนะ แต่ผมก็น้อมรับคำพิพากษา เพราะว่า ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า คำพิพากษาของศาลนั้นไม่เหมือนกัน บางองค์คณะพิพากษากรณีลักษณะเดียวกันแบบหนึ่ง อีกองค์คณะหนึ่งก็พิพากษาแบบหนึ่ง ประเด็นสำคัญที่ผมพยายามที่จะทำความเข้าใจกับมันก็คือว่า เป็นเพียงแค่ศาลชั้นต้น ก็ยังคงมีศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ต่อไป เพราะผมเป็นคนที่พูดมาตลอดเวลา ว่า ผมเป็นคนที่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาลสถิตยุติธรรม เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อผมไม่พอใจคำพิพากษาศาลชั้นต้นผมก็ต้องอุทธรณ์ต่อไป

กานต์ - เป็นการใช้กระบวนการยุติธรรม

สนธิ - ถูกต้อง ในทำนองเดียวกัน หลายคดีที่ผมชนะ ฝ่ายที่เขาแพ้ผมเขาก็อุทธรณ์เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วเป็นเรื่องปกติธรรมดา ผม แน่นอนทุกคนที่ขึ้นศาลก็อยากให้ตัวเองชนะ แต่ถ้าไม่ชนะก็ต้องทำความเข้าใจกับมัน องค์ประกอบของการตัดสินคดีความแต่ละคดีความนั้นมีอยู่มากมาย เยอะแยะไปหมด อย่าให้ผมพูดออกไปเลย เอาเป็นว่า ในขั้นต้นนั้นจบแล้ว ส่วนในการที่จะมีข้ออ้างอิงอะไรนั้นก็รอการอุทธรณ์ก็แล้วกัน

กานต์ - คุณสนธิ ยืนยันที่จะยื่นอุทธรณ์

สนธิ - 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่า อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าไม่มีใครยอมแพ้หรอกครับ ทุกคนก็ต้องบอกว่า ตัวเองถูกต้อง แน่นอนที่สุด

กานต์ - ถ้าเป็นอย่างนั้น ยังมีบางประเด็นที่ยังติดใจในคำพิพากษาของศาล

สนธิ - มีมากครับ มีมาก มีหลายประเด็น ผมจะไม่เอ่ยในที่นี้ก็แล้วกัน มีหลายประเด็น ซึ่งหลายๆ ประเด็นผู้ที่อยู่ในแวดวงกฎหมายก็ยังงงเป็นไก่ตาแตก แต่ว่า ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าผมน้อมรับคำพิพากษาก็แล้วกัน แต่ผมขอใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์ไป แล้วก็ ถ้าผมชนะอุทธรณ์ โจทก์เขาก็ต้องฎีกา ก็ไปตัดสินกันที่ศาลฎีกา ส่วนฎีกาจะตัดสินอย่างไรก็เป็นไปตามอย่างนั้น ถ้าศาลฎีกาบอกผมต้องติดคุกผมก็ติด ผมไม่ออกมาร้องแรกแหกกระเชอแล้วผมไม่หนีไปอยู่ต่างประเทศ เพราะผมเป็นคนเชื่อมั่นในระบบ

กานต์ - คนที่ทำผิดหรือคิดว่าจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ควรกลับมาต่อสู้กันในกระบวนการยุติธรรมจะดีกว่า

สนธิ - มันเป็นกรณีที่เปรียบเทียบให้เห็นว่า คุณทักษิณจริงๆ ไม่ควรจะไปหลบอยู่ต่างประเทศ แล้วก็ใช้วิถีทางหลายๆ วิถีทางเพื่อก่อให้เกิดกระแส แล้วพรรคพวกตัวเองได้รับเลือกตั้งเข้ามา จะด้วยวิธีใดก็ตาม จะด้วยถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ผมไม่ขอออกความเห็น แล้วในที่สุดแล้ว ก็เอาพวกนี้เข้ามาปัดกวาด ทำให้ถนนหนทางมันไม่ขรุขระ เขาจะได้เดินกลับมาง่ายๆ

กานต์ - ไม่ถึงขั้นปูพรมแดง

สนธิ - ไม่ถึง เอาแค่ไม่ให้ขรุขระก็พอใจแล้ว อย่างเช่น ผมเชื่อว่าพรรคพลังประชาชนเองก็ต้องการกุมตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ทั้งหมดนั้นเกี่ยวพันกับคุณทักษิณหมดเลย

กานต์ - อย่างนี้ในแง่กำลังใจที่จะเดินต่อสู้บนถนนสายนี้ต่อไปจะเป็นอย่างไร

สนธิ - ผมมีความเชื่อมั่นอย่างหนึ่งว่า ผมเชื่อในคุณงามความดี ที่ดีมาตั้งแต่ต้น ดีไปตรงกลาง แล้วก็ดีให้ถึงที่สุด สังคมไทยวันนี้เป็นสังคมไทยน่าสงสาร แล้วก็ บางครั้งผมมานั่งดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วหลังเลือกตั้ง ผมเห็นความโลภของคน ผมเห็นคนบางคนซึ่งเคยยืนอยู่ข้างประชาชน ต่อต้านคุณทักษิณ วันนี้ยกพรรคพวกเข้าไปอยู่กับคุณทักษิณ

กานต์ - เพียงไม่กี่วัน

สนธิ - เพียงไม่กี่วันเท่านั้นเอง เพียงเพราะว่าตัวเองต้องการลาภ ต้องการอะไรก็ตามที่เข้ามา คนบางคนสู้คุณทักษิณก็เพราะว่าตัวเองนั้นถูกรังแกมาก่อน พอวันนี้รู้ว่าตัวเองพ่ายแพ้หมด ก็เสนอตัวเข้าไปร่วมกับคุณทักษิณ พูดในทำนองที่เรียกว่า คือผมเข้าใจการเมืองชอบพูดคำว่า ก่อนที่จะเลือกตั้งก็จะทะเลาะกัน ไม่รวมไม่ร่วม พอเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อย ตัวเองไม่มีข้อต่อรอง ตัวเองจะบอกว่า ร่วมกับพรรคไหนก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้วสังคมไทย อุดมการณ์ทางการเมืองมันไม่รู้อยู่ที่ไหน ส่วนผมนั้น อุดมการณ์ของการเป็นคนดีแล้วต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองนั้น จากวันแรกที่ผมตัดสินใจเดินมา ผมเสียสละแล้วหมดทุกอย่าง ผมเอาธรรมนำหน้า ผมบอกกับตัวผมเองว่า คุณกานต์ คงจำได้ว่า ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง คำว่า ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง มันมีนัยที่ลึกซึ้งมาก คือว่า ผมมองว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องอนิจจังทุกขังอนัตตา ทุกอย่างไม่แน่นอน ทุกอย่างเป็นทุกข์หมด พอจบไปแล้วก็ไม่มีอะไร เพราะฉะนั้นแล้ว คำว่า ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง ก็คือว่า เมื่อตัดสินใจทำงานให้ชาติบ้านเมืองแล้ว ต้องยอมเสียสละหมดทุกอย่าง ถึงแม้จะต้องถึงแก่ชีวิตก็ต้องยอม ถึงแม้ว่าจะหมดทรัพย์สมบัติไปก็ต้องยอม เพราะว่าเรามีศรัทธาในสิ่งที่เราทำ และสิ่งที่เราทำนั้นเราทำเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เราทำด้วยความถูกต้อง บางครั้งการกระทำของเรานั้น เราต้องเจอวิบากกรรม อย่างในขณะนี้ต้องถือเป็นวิบากกรรม

กานต์ - เป็นมารผจญ

สนธิ - มารผจญ แม้กระทั่งการที่ผมไปบวชคราวที่แล้วก็ยังมีมารมาผจญ เพราะฉะนั้นแล้วเราต้องไม่สติแตก เราต้องสติมั่นคง อยู่กับตัวเราเอง อันหนึ่งซึ่งผมอยากจะเรียนให้คุณกานต์ทราบนิดหนึ่ง ว่า ในขณะนี้สังคมไทยของปลอมเยอะ เยอะมาก หลายๆ คนที่เข้ามาร่วมกระบวนการกับเราตั้งแต่ต้น วันนี้แปรเปลี่ยนไปหมดแล้ว จำนวนคนที่ยังคงยืนหยัดอยู่เหมือนเดิม น้อยลง คนที่มาเอาประโยชน์กับเราได้ไปเยอะ หลายๆ คน คมช.ก็ได้ประโยชน์ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกฯ ขึ้นมาก็เพราะว่าพวกเราเป็นคนทำ

กานต์ - หลายๆ คน รัฐมนตรีหลายคนมาจากเรา

สนธิ - มาจากเราทั้งนั้น แต่คนพวกนี้เข้ามาร่วมพวกเราเพียงเพราะเห็นว่าเรามีกำลังจะโค่นคุณทักษิณได้ พอเราโค่นคุณทักษิณเสร็จเขาก็มาฉกฉวยผลประโยชน์ที่เขาต้องการจะได้ตั้งแต่ต้นเอาไป ที่เราพูดเช่นนี้ไม่ใช่เพราะว่าเราเห็นว่าเราไม่ได้มีประโยชน์อะไรแล้วเราก็มาทำตัวเป็นองุ่นเปรี้ยว ไม่ใช่ ที่เราพูดเช่นนี้เราต้องการชี้ให้พี่น้องและประชาชนเห็นสัจธรรมของชีวิต โชคดีอย่างหนึ่งที่ อุดมการณ์ผมไม่เคยเปลี่ยน แล้วผมยัง

กานต์ - เป็นสิ่งสำคัญ

สนธิ - สำคัญมากคุณกานต์ คนเราตอนนี้ มีคนถามผมวันนี้ว่าผมจะท้อใจไหมในการต่อสู้ต่อไป ผมไม่ท้อหรอก ผมเป็นนักรบคุณกานต์ เมื่อผมเป็นนักรบ อย่ามาเรียกผมขุนพลแล้วกัน ผมไม่ใช่เป็นขุนพลของใคร ผมเป็นนักรบ ผมรบในสิ่งที่ผมเชื่อ และศรัทธา คือ สัจธรรมแห่งคุณงามความดี ผมเชื่อในเรื่องนี้ เมื่อผมเชื่อในเรื่องนี้ ถ้าผมจำเป็นต้องบาดเจ็บ บางครั้งบาดเจ็บเล็กน้อย บางครั้งบาดเจ็บสาหัส ผมก็ต้องทน คุณกานต์ผมเคยโดนคดีหนึ่งที่ คุณภูมิธรรม เวชชยชัย ฟ้องผม แล้วท่านผู้พิพากษาท่านพิพากษาจำคุกผม 2 ปี 1 กรรม 1 กรรม 2 ปี ไม่มีรอลงอาญา ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ของวงการศาลในเมืองไทย ไม่เคยมีมาก่อน ผู้พิพากษาส่วนใหญ่ตกตะลึง และงงไปหมด เกิดอะไรขึ้น เพราะธรรมดา 1 กรรม จะจำคุก 1 ปีแล้วให้รอลงอาญา หรือบางครั้ง อย่างกรณีหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดยคดีหมิ่นประมาท ศาลจำคุก 6 เดือน ให้รอลงอาญา แต่ถ้าเป็นผู้จัดการแล้วจะไม่มีรอลงอาญา

กานต์ - จำคุกเลย

สนธิ - หรือตัวผม ซึ่งผมไม่ได้มาตัดพ้อต่อว่า ผมกำลังเล่าให้คุณกานต์ฟังว่า คนเราถ้าอดทนต้องอดทนให้ถึงที่สุด พูดง่ายๆ ว่า ถ้าบาดเจ็บสาหัสแล้วอย่าร้อง ร้องไม่ได้คุณกานต์ ไม่มีสิทธิร้อง ที่ไม่มีสิทธิร้องก็เพราะว่า เรามีความศรัทธา ความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ เหมือนเราเชื่อในพระพุทธเจ้า เราเชื่อในพระธรรมคำสั่งสอน เราจะบอกตัวเราเองว่า ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าธรรม หรือตอนที่เราสู้กับคุณทักษิณ เราก็พูดตลอดเวลาว่า ไม่มีใครที่หนีกรรมได้พ้น ด้วยเหตุนี้เมื่อเรามีความเชื่อ มีศรัทธาแล้ว อย่าไปหวั่นไหวกับมัน บาดเจ็บสาหัสแน่นอน วันนี้คนเยอะเลยลืมไปหมดแล้วว่าผมเคยสู้อะไรมาบ้าง

กานต์ - ทั้งๆ ที่เวลาผ่านไปไม่ถึง ปีกว่าๆ เท่านั้น

สนธิ - ถูกต้อง วันนี้ผมเดินขึ้นศาล ผมโดนพิพากษาอย่างนี้ คนก็เฉยๆ แต่เขาไม่รู้ เขาไม่ได้หยุดคิดเลยว่า สิ่งซึ่งผมโดนวันนี้คือสิ่งซึ่งผมสู้ในอดีต เพื่อให้พวกเขาได้มีวันนี้กัน

กานต์ - นี่คือสิ่งที่คุณสนธิต้องการจะบอก

สนธิ - ผมก็ไม่เชิงต้องการบอก ผมต้องการเล่าให้ฟังว่า คนเรา คือผมมี 2 ความคิด ความคิดหนึ่ง ผมยอมรับ คนเราขี้ลืม

กานต์ - โดยเฉพาะคนไทย

สนธิ - โดยเฉพาะคนไทย ผมว่าชาติอื่นขี้ลืมเหมือนกัน แต่ว่า อีกมิติหนึ่งผมกำลังจะบอกว่า ถึงเขาจะขี้ลืม ผมควรหรือไม่ลืมไปตามเขา เพราะวันนี้ถ้าผมไปคุยกับคุณทักษิณ ชินวัตร ในทำนองว่า มาร่วมมือกันทำอะไรก็ได้แล้วลืมความหลังครั้งเก่าๆ ผมก็เสียแล้ว ผมเสียศรัทธาคนที่จะมารุมด่าผม แต่ในขณะเดียวกัน ที่ผมมารับเคราะห์รับกรรมเพราะคุณทักษิณอย่างนี้ คนเขาจำไม่ได้ว่าผมเคยทำอะไรมา เพราะฉะนั้นแล้ว มันเป็นเรื่องที่ เป็นเรื่องปัจเจกบุคคลจริงๆ ที่เอามาเป็นตัวอย่างให้ทุกๆ คนทำตามคงไม่ได้ ผมคงไม่มีสิทธิที่จะไปหวังว่าทุกคนคงจะคิดเหมือนผม ทำเหมือนผม แต่ผมมีสิทธิที่จะทำในสิ่งที่ผมเชื่อมั่นและศรัทธา และผมต้องไม่เปลี่ยนแปลงในจุดยืนของผม เพราะอันนี้สำคัญที่สุด เพราะอันนี้คือคุณค่าของความเป็นคน และที่สำคัญ คุณค่าของความเป็นคนที่ต้องการทำความดี ไม่ใช่แค่พูดแต่ปาก โดนแล้วก็ไม่บ่น มีใครบ้าง มีใครเจออย่างผมบ้าง วันนี้ผมโดนไป 3 ปี ไม่รอลงอาญาเลย ผมรู้สึกเฉยๆ นี่พูดด้วยความสัตย์จริง ผมไม่ได้ตื่นเต้นอะไรทั้งสิ้นเลย เพราะผมเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว

กานต์ - เข้าใจในสัจธรรม

สนธิ - ข้อที่ 1 ข้อที่ 2 คุณกานต์ ทุกคดีที่เขาฟ้องผมตอนนี้ คุณกานต์รู้ไหมเขายื่นฟ้องผมตอนที่เขามีอำนาจ คุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วให้ลูกน้องมาฟ้องผม การที่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วทะเลาะกับผมตอนนั้น หาเรื่องผมตอนนั้น เขาบริหารระบบทั้งระบบใช่ไหม เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในระบบแต่ละระบบจะเกรงใจเขา

กานต์ - จะเป็นไปตามประตู ตามทาง

สนธิ - ประตู ตามทางที่เขาวางเอาไว้ ผมก็ต้องไม่บ่น ไปดูได้ ยอมรับ ไปดูได้เลยทุกคดี ไปดูได้เลย ทุกคดี คุณทักษิณดำเนินคดีกับผมในช่วงที่คุณทักษิณมีอำนาจเต็มๆ เลย เพราะฉะนั้นแล้วมันต้องยอมไป ก็เพียงแต่หวังว่า ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ท่านจะมีเมตตา ท่านจะเข้าใจ ว่าสิ่งที่ผมสู้มา แล้วสิ่งที่ผมต่อสู้มาแล้วไม่ได้รับการหยิบยกมาพิจารณานั้น ท่านอาจจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาก็ได้ แต่ว่า อย่างที่ผมเรียนให้ทราบคุณกานต์ ผมน้อมรับคำพิพากษาทุกประการ เป็นเพียงแต่ว่า ผมขออนุญาตไม่เห็นด้วย และผมขออนุญาตใช้สิทธิของผมในการอุทธรณ์และฎีกาต่อไป

กานต์ - คำพูดที่เราทุกคนชาวพันธมิตรฯ ใส่เสื้อ เราจะสู้เพื่อในหลวง อันนี้คือหลักการใหญ่ อุดมการณ์ใหญ่ที่คุณสนธิบอกว่า นี่คือสิ่งซึ่งทำเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

สนธิ - ถูกต้องครับ แล้วผมยังยืนยันอยู่ทุกวันนี้ แล้วในบางครั้งหลายคนน้อยอกน้อยใจแทนผม บอกคุณสนธิคุณจะสู้ไปทำไม คุณสู้ไปแล้วคุณได้อะไร คุณได้แต่คดีความบ้าๆ บอๆ มา คนอื่นเขาไปตักตวงผลประโยชน์ มีความสุขกันหมดทุกคน ผมบอก อย่าไปคิดอย่างนั้นซิ ดีต้องดีให้ตลอด แล้วดีต้องดีให้ตลอดจริงๆ นะ อย่าไปดีแล้วแอบชั่วแล้วสร้างภาพว่ายังดีอยู่ มีอยู่หลายคนตอนนี้ ดีแล้วแอบชั่ว แล้วสร้างภาพให้ตัวเอง ให้คนอื่นเห็นว่า ตัวเองยังดีอยู่ ดีต้องดีทั้งเปิดเผยและลับหลัง

กานต์ - นี่คือสิ่งที่ คุณสนธิยึดหลักการนี้แล้วทำมาโดยตลอด

สนธิ - ถูกต้องครับ แล้วผมยังทำอยู่ต่อไป บทบาทหน้าที่ผมคงไม่ถดถอยออกไป เป็นเพียงแต่ว่าผมอาจจะเปลี่ยนทิศทางใหม่

กานต์ - เสียกำลังใจ

สนธิ - ไม่เสีย ไม่เสีย ผมกลับมองในมุมกลับว่าทำให้ผมมีกำลังใจมากกว่าเก่า

กานต์ - แรงฮึด

สนธิ - มันไม่ใช่แรงฮึดอย่างเดียวคุณกานต์ ผมมีความรู้สึกว่า ผมต้องทำอะไรแล้วมันได้ผลแน่นอน เขาถึงต้องมาเล่นงานผมอีก คือ วัตถุประสงค์ทั้งหมดต้องการจะปิดปากผมนะ ไม่ให้ผม

กานต์ - ถ้าคุณสนธิไม่อยู่สักคนหนึ่งทุกอย่าง

สนธิ - ถ้าผมไม่อยู่ ถ้าผมไม่อยู่เสียคนหนึ่งทุกอย่างราบรื่นหมด แล้วเขาเคยพูดมาตลอดเวลา เขาพูดตลอดเวลา เขาบอกทหารเขาก็ซื้อได้ นักการเมืองเขาซื้อได้ ข้าราชการแน่นอน เขามีอำนาจทุกคนยอมเขาหมด ไม่ว่าจะเป็นหน่วยไหน เขาบอกเหลืออยู่คนเดียวที่มันไม่ยอมผม ก็คือ สนธิ ลิ้มทองกุล

กานต์ - สุดท้ายครับ คุณสนธิ ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า นอกจากระบวนการทางยุติธรรมที่เราต้องดำเนินต่อสู้ต่อแล้ว กระบวนการทางจิตใจ ร่างกาย หลายคนเป็นห่วงกลับคุณสนธิจะถอดใจ

สนธิ - ผมคงไม่ถอดใจหรอกครับ มันไม่คง ผมไม่ถอดใจแน่นอน แต่สิ่งที่ผมจะทำในที่สุด คือ ผมยังคงเดินหน้าต่อไป แต่ปีใหม่ 2551 บทบาทผมจะเปลี่ยนไป ผมกำลังจะชวนพ่อแม่พี่น้องประชาชนให้ฟังเรื่องที่ผมพูด แล้วถ้าหลายคนเห็นด้วยให้เข้ามาร่วมกระบวนการกับผม ผมคิดว่าเราจะเริ่มประมาณต้นปี คงจะได้เห็นกันครับ ขอบคุณมากครับคุณกานต์




 

Create Date : 25 ธันวาคม 2550    
Last Update : 26 ธันวาคม 2550 10:55:05 น.
Counter : 543 Pageviews.  

1  2  3  4  

KANTJOURNAL
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Google
Friends' blogs
[Add KANTJOURNAL's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.