ตลุยแดนภารตะ ตอนที่2 เมื่อตกอยู่ในอวน หมูอย่างเราต้อง...???

       นมัสเต ( नमस्ते )  สวัสดีกันอีกครั้งครับ การแชร์ประสบการณ์สำหรับ การท่องเที่ยว  ในประเทศอินเดียของผม อาจจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางสักเท่าไหร่ เนื่องด้วยเหตุการที่เจอ ทำให้ตอนนี้ตกอยู่ในอวนเรียบร้อยแล้ว
แต่เรื่องสำหรับวันที่ผ่านมาเป็นเป็นเพียงส่วนนึงเท่านั้นครับ หลังจากนี้ ผมจะนำประสบการณ์ ที่ได้เจอกับ กลเม็ด 108 1009 สำหรับเรียกเงินในกระเป๋าของเราแบบเกินจำเป็น มาตีแผ่ เพื่อเป็น วิทยาทาน หรือ ข้อมูลสำหรับการ

รับมือเหล่าผู้ที่มีความประสงค์จะเชือดเรา(นักท่องเที่ยว ตาดำๆ) 10 วันที่เหลือจากนี้ จะมีทั้ง ความประทับใจ ความตื้นเต้น ความปวดใจ และอื่นๆอีกมากมายแต่ก็ไม่ได้ทิ้ง ภาพบรรยากาศ วิถีชีวิต ที่น่าสนใจ ของดินแดนแห่งนี้ไปซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลายทางสังคม และความเป็นอยู่

      เช้าวันใหม่กับ ที่พักอันแสนสะบาย หลังจากที่ต้องเจอเหตุการณ์ อะไรๆตั้งมากมายในวันที่ผ่านมา ในการซื้อ private trip มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมาย (เสียเงินเยอะกว่าที่ควร) สำหรับที่พักในคืนที่ผ่านมาคือ Hotal Agra Mahal เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่ผมไม่ค่อยจะชินกับอาหารเช้าเท่าไหร่ (เมนูคือ นม น้ำส้ม ขนมปัง เนย แฮม ไข่ดาว มะละกอ) มันไม่ได้เหมือนกับอาหารตามรีสอร์ท หรือ โรงแรมทั่วๆไปนะครับ

ประมาณว่า อาหารที่ขายในโรงเรียนประถม (มันน้อยๆ ดูไม่มีศิลปะ) เหมือนว่าใส่ปากแบล้วอิ่มท้องก็พอ ผมเลยกินได้ไม่มากเท่าไหร อากาศเย็นๆ ถึงหนาวแต่มีแดด

        เราออกเดินทางจากที่พักเพื่อไปที่หมายแรกคือ ทัชมาฮาล ผมเองก็ไม่เคยไปเที่ยวแบบ private trip มาก่อนก็เลยรู้สึกว่าการเดินทางไปไหนมันช่างสะดวกสะบายเหลือเกิน อยากไปไหนแค่บอก สารถี เค้าจัดให้ครับ โอะนะกะโบ้งขับพาเราไปยัง ทัชมาฮาลเป็นที่แรกสำหรับวันนี้

      ผ่านไปสัก 10 นาที โอะนะกะโบ้ง จอดรถแล้วหันมาบอกเราว่า จอดรอไกด์สักครู่ครับ (อ้าวมีคนเพิ่ม คิดว่าคนขับรถจะเป็นไกด์ให้) เราก็จำได้ว่าที่ออฟฟิตบอกไว้แล้วว่า ราคาที่เราจ่ายรวมค่าไกด์แล้ว ก็เลยไม่เป็นไรเสียเงินไปแล้วนิจะมากี่คนก็ไม่เป็นไร สักครู่เดียว ไกด์ก็มา กล่าวสวัสดี และ แนะนำตัว (ผมจำไม่ได้เค้าชื่ออะไร) เรียกว่าไกด์แล้วกัน อิอิ  ระหว่างเดินทางไปทัชมาฮาล ไกด์ได้แนะนำ อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับการเที่ยวชมทัชมาฮาล

            สรุปโดยรวมคือ เราต้องการซื้ออะไรให้บอกเค้า รวมไปถึงตั๋วเข้าชม เค้าจะซื้อให้(แปลกๆมั๊ย) แต่เป็นไปได้อย่าซื้ออะไรเพราะแพง(เหมือนจะเป็นห่วงเรา) ถ้าอยากถ่ายรูปเค้าจะถ่ายให้ได้ ไม่คิดเงิน ถ้าเป็นคนอื่นการถ่ายรูปให้เราเค้าจะคิด

เงิน(อันนี้ฟังดูดีหน่อย) อยากนั้งเกวียนเทียมอูฐ ให้บอกเค้าเค้าจะจัดการให้ (จะหักค่าหัวเราอีกหรือป่าว) ในนั้นจะมีคนเข้ามาหาเรามากมาย แต่ไกด์เองพูดอะไรไม่ได้ถ้าเรา ไม่ปฏิเสท ถ้าเราปฏิเสทเมื่อไหร่เค้าถึงจะมาไล่คนพวกนั้นให้เรา (อาจจะ

เป็นมารยาทของคนชาติเดียวกันหรือป่าว) และอะไรอีกมากมาย ที่คล้ายๆกับว่า ให้เราใช้เค้า เค้าจะเป็นผู้รับใช้ให้ทุกอย่าง(อย่างกะเราเป็น ราชาเลย แต่คงเสียเงินแน่ๆ 555)

    พอถึงที่จอดรถ โอะนะกะโบ้ง มีหน้าที่ขับรถเท่านั้นจึงรอที่รถ เราจึงไปกับไกด์เพียง3คน จากทางเข้าเราต้องเดินไปอีกสัก 500 เมตร หรือมากกว่าทางเข้ามี รถกอล์ฟ สามารถนั่งได้แต่ไกด์บอกว่าขาเข้าเสียเงิน ขาออกฟรีถ้าเรามีตั๋วเข้าชม ทัชมาลฮาล คนรอก็เยอะ เราเลยเดินดีกว่า แฟนผมเป็นเรื่องปกติที่เธอมักจะอยากนั่ง

อะไรๆ ที่ไม่มีในญี่ปุ่น เธอเห็นเกวียนเทียมอูฐ ก็เหมือนกับเด็กเห็นไอติม ผมเลยถามราคาว่าเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่จำไม่ได้แล้ว แต่ราวๆ 100 กว่าบาท สำหรับ2คน ไกด์ฟรี เราเลยตกลงนั้งเกวียนเทียมอูฐ

ระหว่างทางที่เรานั่งเกียว เราห็นชาวอินเดียมากมายที่กำลังจะเข้าไปชมด้านในเหมือนกัน(เยอะมาก) ส่วนใหญ่จะเป็น ผู้หญิง กับ คนแก่ และสองข้างทางก็จะมีคนขายของ ที่ละลึกมากมาย ดูวุ่นๆอยู่เหมือนกัน นั่งได้แป็ปเดียวต้องลง เดินต่อเพื่อ

ไปซื้อตั๋วเข้า ราคาตั๋วทีแรกผมคิดว่าคงต้องโดนบวกอีก แต่ไกด์เก็บเงินเราเท่ากับราคาที่แฟนผมหาข้อมูลมา (ราคาต่างชาติ) แถมไม่ต้องรอนานเพราะน่าจะเป็นไกด์เลยได้สิทธิพิเศษในการลัดคิว ถ้าเราซื้อเองอาจต้องงงก่อนเพราะคนเยอะมาก

   ไกด์ส่งตั๋ว พร้อมน้ำดื่มเป็นของแถม ให้ผมและแฟน ทายสิครับ ผมกล้ากินน้ำมั้ย ผมรับมาและเก็บใส่กระเป๋า บอกตามตรงครับ ผมไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว
พอได้ตั๋วก็เข้าไปในช่องตรวจตั๋ว ทางเข้คล้ายกับสวนสนุกน่ะครับ ที่เป็นรั้วกันให้

เดินวนไปวนมา(คนเยอะ) ผมเห็นแถวแล้วเหนื่อยใจเลย จะเยอะไปไหน
แต่ด้วยสิทะิพิเศษ อีกแล้ว ไกด์พาเราเข้าช่องทางด่วน หรืออาจจะเป็นช่องนักท่องเที่ยวผมก็ไม่แน่ใจ แต่ว่างผ่านตลอด ตั๋วตั๋วและ ตรวจอาวุท


ผมถูกตรวจนานมาก และเค้าก็พูดภาษาฮินดู ผมไม่เข้าใจ ไกด์เดินมาเคลียให้ ไกด์บอกว่ากระเป๋าสะพายผมช่องเยอะ(ผมใช้กระเป๋าสะพายข้าง บีบีกัน) ลึกลับซับซ้อน เค้าเลยต้องใช้เวลานาน แต่เค้าไม่ได้ว่าอะไร แค่พูดแบบคำๆว่าไม่เคยเจอแบบนี้ ทำไมมีช่องเยอะ น่าสงสัย แต่ก็ผ่านไปด้วยดี เดินเข้าไปอีกพักนึงก็ถึงทางเข้า ประตูสุดท้ายก่อนถึงตัว ทัชมาฮาล ไกด์ก็ทำหน้าที่ะธิบายต่างๆนานา บอกตามตรง ผมฟังรู้เรื่องแค่ 20 % แต่ก็ทำเป็นเข้าใจไป(ภาษาอังกฤษ สำเนียงของชาวอินเดีย ฟังยากมาก) รู้บ้างไม่รู้บ้างเป็นว่าผมขอแค่ถ่ายรูปก็พอ อิอิ


    พอผ่านประตูเข้ามาก็พล ทัชมาฮาล อุสรณ์สถานแห่งความรัก เป็นสิ่งเดียวที่รู้จักในประเทศอินเดีย 555 ในนั้นจะมีช่างภาพรับจ้างมากมาย คิดค่าบริการถ่ายถาพถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะรูปละ 100-200 RP. ราคานี้ต่อรูป แต่กล้องเรานะครับ เรื่องนี้ผมไม่มีปัญหาไกด์บอกไว้ตั้งแต่แรกว่าเค้าถ่ายให้ได้ ฟรีด้วย ผมเลยถามย้ำอีกครั้งว่าฟรีใช่มั้ยเค้าบอกว่าฟรี ไกด์พาเราไปถ่ายในมุมต่างๆ ที่นิยมถ่ายกัน และจัดท่าทางการโพสให้อีกต่างหาก แต่ละท่าไม่ใช่แนวผมเลย

ดูมันออกตุ๊ดๆอ่ะ แต่เราก็ทำๆไป เพราะดีกว่าถ่ายเสียเงิน ที่ดีกว่านั้น ไกด์ไม่รู้ได้สิทธิพิเศษอะไร ในทุกๆที่ๆเราจะไปถ่าย ถ้ามีชาวอินเดีย ขวางอยู่ หรือ ถ่ายกันอยู่ เค้าจะไปไล่ชาวอินเดียออกก่อน ผมก็งงๆว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น ทั้งๆที่เราก็ไม่น่า

จะมีสิทธิพิเศษอะไร แต่การสนทนาของไกด์กับ นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ผมฟังไม่รู้เรื่องนะครับ แต่น่าจะไม่สุภาพ แต่ชาวอินเดียเค้าก็หลบให้เราถ่ายก่อน ผมนี้รู้สึกไม่ดีเลย แต่ไกด์บอกว่า ไม่เป็นไร

หลังจากถ่ายรูปด้านนอกเสร็จ ไกด์พาเราชมด้านใน ไกด์ส่งถุงหุ้มรองเท้ามาให้ เพื่อใส่เดินด้านบน แล้วก็เล่าประวัติความเป็นมา การก่อสร้าง ความสูญเสีย อะไรๆมากมาย ที่คุณๆสามารถหาอ่านได้เองตามเว็บไซท์ ในทุกๆครั้งที่ทางปิดห้ามผ่าน ไกด์เปิดให้เราผ่านได้ แถวยาว ลัดคิว ดูเหมือนว่าอะไรๆจะสะดวกสะบายไปซะหมด



ไกด์พาเที่ยวชม จนเราพอใจ หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องไปที่อื่นต่อ ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไร ที่บั่นทอน ความรู้สึกเราเลย บอกตามตรงนะตอนนั้นผมแฮปปี้มาก ระหว่างที่กำลังเดินทางออกจาก ทัชมาฮาล ไกด์ คุยกับผมว่า แฮปปี้มั้ย ผมก็บอกว่าใช่ เค้าก็บอกว่าเราต้องจ่าย ค่าเซอร์วิสชาร์จ ให้เค้า เอาแล้วไง (ไหนบอกว่ารวมค่าไกด์แล้วไง) ผมเลยถามว่าเท่าไหร่......
...........   ไกด์ตอบมาว่า แล้วแต่เราจะให้ (โล้งใจอย่างบอกไม่ถูก) ความรู้สึกของผมที่มีต่อ ทัชมาฮาล นะครับ ผมไม่ได้มองไปถึงความรักของผู้สร้างที่ มีต่อคนรัก แต่ผมกลับมองถึงความยิ่งใหญ่ ของKing ในสมัยนั้น เป็นสิ่งปลูกสร้างที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ช่างฝีมือจำนวนมาก และ อะไรๆอีกหลายอย่างที่ดูไม่ใช้เรื่อง

ง่ายเลย ที่จะสร้างสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ด้วยเทคโนโลยี่ในสมัยนั้น ได้เห็น ได้สัมผัส บอกตามตรงครับ
สมแล้วที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก (ต้องมีมนุษย์ต่างดาวช่วยสร้างแน่ๆ)

          การเดินทางกลับ ไปที่จอดรถ หรือที่ถนนด้านนอก อย่างที่บอกครับ เรามีตั๋วเข้าชม ทัชมาฮาล สามารถนั่งรอกอล์ฟได้ฟรี แต่คนก็เยอะอีกตามเคย ไกด์อีกแล้วครับ อำนวยความสะดวกให้เรา แต่คราวนี้ไม่ใช่ ชาวอินเดียนะครับ ไกด์เราเข้าไป

คุยกับคนขับแล้วให้เราไปนั่งโดยไม่ต้องรอคิว แซงคิวฝรั่งหัวดำหัวแดง มองกันเป็นแถวครับว่าเราเป็นใคร ผมเองเดินตัวลีบเลยครับ (ละอายจริง) แต่คิดว่ามันน่าจะเป็นวิถีของเค้าครับ ก็เลยตามๆเค้าไป อิอิ

           มาถึงรถ โปรแกรมต่อไปไกด์ บอกเราว่าจะพาไปพบลูกหลาน ตระกูลช่างที่เป็นผู้สร้างทัชมาฮาล เค้าบอกว่าเป็นการสืบทอดวิชาการ แกะสลักหินอ่อน (อะไรจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้) บอกตามตรงผมเฉยๆนะครับ แต่แฟนผมสิครับ ตื้นเต้นมาก 555 ไปก็ไปผมไม่มีไอเดีย อะไรอยู่แล้ว แค่ไม่เสียเงินก็พอ

         พอไปถึงก็เป็นอาคารชั้นเดียว (ตกลงผู้สืบทอด อันยิ่งใหญ่ทำไมอยู่บ้านแบบนี้อ่ะ) ตลกที่ด้านหน้ามี จุดแรกเงิน (เริ่มกลิ่นไม่ดี) ไกด์พาเราเข้าไปในบ้าน ก็น่าจะเป็นการจัดฉากไว้ต้อนรับหมูอย่างเราไว้แล้ว มีชายสามคนอยู่ในห้องที่ไม่ใหญ่

มาก น่าจะสัก 2X4 M สองคนกำลังทำงานฝีมือ ที่เกี่ยวกับหินอ่อน อีกคน คือผู้บรรยาย ไกด์ส่งเราในห้องแล้วก็ออกไป (ตอนนั้นผมงงๆ คิดว่าจะมาสถานที่แบบประมาณ พิพิธภัณฑ์ แล้วนี้คือ...)

        ชายที่เป็นผู้บรรยาย(ผมแทนตัวเค้าว่า นายเหลี่ยม แล้วกัน) พูดอะไรตั้งมากมายที่ผมไม่ได้อยากรู้ โดยรวมประมาณว่า ตระกูลของเค้าเป็นตระกูลนึงที่ร่วมสร้าง งานฝีมือ(แกะสลัก ทำสี หินอ่อน) ที่ประดับในทัชมาฮาล สืบทอดกันมาหลายรุ่น (แต่ที่ผมเห็นเหมือนว่าลูกจ้างจะเป็นคนทำนะ)  ก็โชว์ เครื่องมือ โน้นนี้

นั้น ในการทำงาน ประมาณว่าเป็นภูมิปัญญาในสมัยนั้น แล้วก็ให้เราลองทำ (ผมดูเฉยๆกลัวเสียเงิน) นายเหลี่ยมก็ใช้เวลาไม่นานนัก ดูเหมือนว่าเราจะไม่สนใจเลยบอกว่า จะพาไปดูแกลอรี่ ดูอย่างเดียไม่เสียเงิน (ผมก็ดูมาเยอะแล้วนะที่ ทัชมาฮาล)

     พอเข้าไปที่ห้องแกลอรี่ โอ้วแม่เจ้านี่มัน ร้านขายของที่ระลึกนิ 555 ผมกับแฟนก็ดูอย่างเดียว แต่นายเหลี่ยมก็พยายาม พรีเซ็นสิ้นค้าต่างๆนานา
ดูเหมือนว่าถ้าเราไ่ซื้ออะไรเลยคงออกลำบาก แฟนผมเลยบอกว่าซื้ออันเดียว ถูกๆก็ได้ แฟนผมเลือก ทัชมาฮาล ที่นายเหลี่ยมพรีเซ็น ว่าแกะสลักจาก หินอ่อน ขนาดไม่ใหญ่มาก มาพร้อมกับ กล่องอย่างดี ไม่ทำให้แตกหัก ราคาก็ 1500 RP. ผมขอต่อราคา ต่อไปต่อมาได้ราคา 1000 RP.

พอจะจ่ายเงิน นายเหลี่ยมบอกว่า 1000 ค่าของยังไม่รวม ภาษีอีก 10% ผมบอกว่าตกลงจ่ายแค่ 1000 ถ้า1100 ผมไม่เอา สุดท้ายก็ จ่ายแค่ 1000 RP. (แอบซะใจนิดๆ ลดไปตั้ง 500) นายเหลี่ยมได้เงินเรา เราได้ของ กิจกรรมที่นี้จึงสิ้นสุด (ในตอนท้ายของวันนี้ จะพบความจริงที่แสนเจ็บปวดเกี่ยวกับที่นี้ ตอนนี้ผมติดไว้ก่อน)

       ออกจาก พิพิธภัณฑ์ ขายของที่ระลึก ของผู้สืบทอดตระกูลในตำนาน ไกด์ถามเราว่าหิวหรือยัง (จะบ่าย2แล้ว) ก็หิ้วสิเมื่อเช้ากินอะไรได้ไม่มาก เลยตกลงไปร้านอาหาร (กำลังจะโดนเชือดอีก) เป็นร้านอาหารห้องแอร์ ด้านในมีนักท่องเที่ยวฝรั่ง รับประทานอยู่2โต๊ะ (คงเป็นหมูเหมือนเรา)
เราสั่งชุดใหญ่ ประมาณ รวมมิตร อาหารอินเดีย มีทุกอย่าง ราคาถ้าผมจำไม่ผิด น่าจะ  700 RP. เราเคยทานอาหารอินเดียในไทย ราคาแพงกว่านี้

อีกราคานี้สะบาย น้ำเปล่าที่นี้ได้ยินมาว่าไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ ผมเลยสั่ง น้ำผลไม้ น้ำผลไม้ที่นี้แปลกกว่าบ้านเราตรงที่ ไม่ใส่น้ำแข็ง น้ำปั่นก็มีน้ำแข็งไม่เยอะ พอให้รู้ว่าปั่นมากับน้ำแข็ง (น้ำแข็งค่อนข้างหายาก หรืออาจเพราะชาวอินเดียไม่ค่อยจะกินน้ำแข็ง...ก็...เป็น...ได้) พอได้อาหาร ผมถามพนักงานว่า มี WiFi มั้ย พนักงานถามกันไปมาแล้วตอบว่ามีแต่ใช้ไม่ได้ (ตอนนั้นผมคิดว่าคงเสีย) ไม่เป็นไร เช็คบิลไป 1000 นิดๆ แฮปปี้กับอาหารพื้นเมือง

            แฟนผมบอกให้ โอะนะกะโบ้ง พาไปที่ Itimad-ud-daula's : Tomb (Baby Taj) แฟนผมดูจากหนังสือที่เตรียมมาด้วยว่าน่าสนใจดี อย่างที่บอกผมไม่รู้จักอะไรเลยที่อินเดีย นอกจาก ทัชมาฮาล ไปไหนก็ไปครับ เดินทางพักเดียวก็ถึง ไกด์ไม่เข้าไปด้วยครับรออยู่ที่รถ เสียค่าเข้านิดหน่อย
เข้าไปด้านใน 555 มีคนอยู่สองสามคน แต่ก็ดีครับจะได้ถ่ายภาพไม่ติดคนอื่น อิอิ ใช้เวลาอยู่ที่ไนี้ไม่ถึง ครึ่งชม. ก็จะไปต่ออีกที่คือ ไปชมการแสดง แสงสีเสียงที่ The Agra Fort



             ไกด์บอกกับเราว่าเค้าไม่ไปด้วย แต่การแสดงจะมีตอน ทุ่มกว่าๆ(ภาษาอังกฤษ) แต่ตอนนี้ ยังมีเวลาอยากไปไหนก่อนหรือป่าว ผมบอกว่าอยากใช้ อินเตอร์เน็ต มีร้านเน็ตคาเฟ่มั้ย เค้าบอกว่าถ้าต้องการใช้ WiFi มีร้านที่ใช้ WiFi ได้ ชม.ละ 100 RP. เราจึงตกลงที่จะไปกัน รู้มั้ยครับไปที่ไหน..........สุดยอดครับกลับมาที่ ร้านอาหารที่เราทานอาหารกลางวันกัน 555 (ผมว่าผมถามแล้วนะว่ามี WiFi หรือป่าว)

ไกด์เข้าไปติดต่อพนักงาน แล้วก็บอกเราว่า เชิญด้านในอีกครั้ง ทำไมคราวนี้ ใช้ WiFi ล่ะ งง พอเรานั้งพนักงานก็เข้าเอาเมนูมาให้อีก (จำกันไม่ได้หรือ)        แต่สุดท้ายก็เลยสั่งน้ำผลไม้มาแก้เขิน 1 แก้ว กินกันสองคน555 ได้เช็คอิน อัพโหลดรูป โน้นนี้นั้น พอสมใจ เราก็เช็คบิล แต่ทำไมไม่มีค่าเน็ตล่ะ    ผมก็คิดว่าเราสั่งเครื่องดื่ม หรือป่าวเลยใช้ได้ฟรี แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร (เรื่องนี้มันกระจ่างในเช้าของอีกวันครับ ผมติดไว้ก่อน)

      ก็ออกเดินทางไปยัง The Agra Fort ไกด์คนดีของเราขอลงกลางทาง ผมจ่ายเซอร์วิสชาร์จ ไป 500 RP. สำหรับการอำนวยความสะดวกในวันนี้ ไม่รู้ว่ามากหรือน้อยนะครับตอนนั้น ผมคิดเป็นเงินไทย ว่าน่าจะให้ ซัก 300-400 บาท ไกด์บอกลาแล้วก็จากไป (ผมประทับใจมากกับการ ดูแลเรา ในทุกสิ่งอย่าง และอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวในวันนี้) มาถึงก่อนเวลาเกือบชม. โอะนะกะโบ้งบอกเราว่าจะรออยู่ที่จอดรด 

และให้เบอร์โทรเราไว้ ถ้าหลงกัน (แล้วจะโทรเป็นมั้ยนิ) แต่ผมกันลืมเลยถ่ายทะเบียนรถไว้ เพราะมีรถแบบเดียกันหลายคัน 555 เราไปซื้อตั๋ว แต่ก็ยังมีเวลามาก ก่อนที่จะเริ่มมีการแสดง ด้านหน้าฝั่งตรงข้าม มีตลาดนัดย่อมๆ ของกินของใช้ ของที่ระลึกมากมาย เราจึงไปเดินเล่นกัน

           มีของฝาก ของที่ระลึกมากมาย ที่สำคัญมี ทัชมาฮาล แบบที่เราซื้อมาด้วย ผมเดินดูผ่านไปไม่ได้สนใจอะไรเพราะไม่ได้อยากได้อะไร
แต่อยู่ดีๆต้อมจับผิดผมก็เริ่มทำงาน ผมบอกกับแฟนว่า ทัชมาฮาลที่เราซื้อมา อยากรู้ว่าที่นี้ขายเท่าไหร่ ที่เราซื้อมาเป็นที่ผลิตน่าจะถูกกว่าที่นี้
เพราะที่นี้ขายอยู่ทางเข้าที่ท่องเที่ยว น่าจะแพงกว่า (แค่อยากซะใจที่เราซื้อมาถูก) แต่ถ้าที่นี้ถูกกว่าก็คงจะเจ็บใจมาก  

      ผมเดินหาอันที่มีขนาดใกล้เคียงกับอันที่ซื้อมา ผมถามพ่อค้าว่าเท่าไหร่ คำตอบที่ผมได้ยินรู้มั้ยครับว่า เท่าไหร (หน้าชา ไปถึงเท้าเลย)
พ่อค้าบอกว่า 300 RP. ราคานี้ยังไม่ได้ต่อเลยนะ ผมลองต่อว่า 200 ได้มั้ย พ่อค้า

รีบใส่ถุงเลย ผมยอมซื้ออีกอันทั้งๆที่ไม่อยากได้ แต่แค่อยากซื้อ ให้อันที่1มันถูกลง สองอัน 1200 ตกอันล่ะ 600 ดีกว่าผมซื้อ อันเดียว 1000 RP. จริงๆแล้วอาจจะถูกกว่านี้อีก เพราะผมต่อแค่ครั้งเดียวพอค้าใส่ถุงเลย

      ผมคิดย้อนไปว่า ไกด์ผู้แสนดีของเรา เล่นเราซะแล้วพาเราไปเชือด กับร้านของนายเหลี่ยม แต่ถ้ามองโลกในแง่ดีจริงๆแล้ว ทัชมาฮาล อาจจะไม่ได้แพงก็ได้ แต่แพงที่กล่องใส่อย่างดีของนายเหลี่ยม เพราะตอนกลับมาถึงไทย อันที่อยู่ในกล่องของนายเหลี่ยมไม่เสียหายอะไรเลย แต่กล่องกระดาษที่ใส่อันที่สอง หลุดเป็นชิ้นๆ ดีนะที่ยังซ่อมได้ ไม่งั้นอันเดียว 1200    

      พอได้ความจริงก็เดินดูอีกนิดหน่อย ผมซื้อ ทัชมาฮาล ที่เป็นพวงกุญแจ มาอีก 12 อัน ราคาที่เด็กขาย(เด็กเดินขาย) อันละ 30 RP. ผมต่อราคาแบบกวนๆ ว่า 12 อัน 100 ผมเอา ในมือเด็กมีอยู่ 7-8 อัน เด็กน่าจะฟังผมไม่เข้าใจ วิ่งไป เอาจากคนอื่นมาอีก รวมได้ 12 อัน บอกผมว่า 12 อัน 360 RP. ผมบอกอีกครั้งว่า ทั้งหมดนี่ 100 ผมซื้อ เด็กลดให้เหลือ 300 ผมบอกอีกครั้งว่า 100 เท่านั้น เด็กส่ง ทัชมาฮาลพวงกุญแจ มาให้ทั้งหมด ผมจ่าย 100 เด็กรับไป แล้วขอเงินผมอีก ไม่เกี่ยวกับการซื้อขายแล้วนะครับ อันนี้อาชีพเสริมคือขอเงิน ผมบอกไม่ให้แล้วก็กลับ ไปที่ทางเข้าชมการแสดง (นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มีเงินอย่างเดียว ไม่พอต้องโง่ด้วย ถึงจะได้ของแพง มาเป็นเจ้าของ 555)


    การแสดง แสง และ เสียง เล่นได้ดีมากแฟนผมหลับ ผมหลับไม่ลงเพราะยุงเยอะมาก ไม่รู้ว่ามาดูเพื่ออะไร 555 การแสดงเป็นการเล่าประวัติความเป็นมา ไฟสีๆฉายไปที่ ประตูบ้าง หน้าต่างบ้าง เสาบาง ชั้นหนึ่งบ้าง ชั้นสองบ้าง ทุกๆครั้งที่ไฟส่องไปก็จะมีเสียงบรรยาย เหมือนกับ สิ่งปลูกสร้างคุยกันอยู่ ไม่มีคนแสดงแม้แต่คนเดียว 555 แต่ไม่ว่ากันครับ อาจจะเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นก็ได้ อิอิ ผมให้อาหารยุง จนมันน่าจะอิ่มกันทั้งฝูง
ก็เดินทางกลับที่พักครับ วันนี้พักที่เดิม ก็พรุ่งนี้เดินทางตอนเช้าเพื่อไปต่ออีกเมืองที่ Jaipur วันนี้ก็แค่เบาะ พอทำให้เจ็บๆคันๆในใจ หลังจากนี้ยังมีอีกเยอะ ติดตามวันที่ 3 ได้เร็วๆนี้ครับ อิอิ 



Create Date : 26 เมษายน 2557
Last Update : 26 เมษายน 2557 4:02:41 น.
Counter : 738 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Imuchan
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ประสบการณ์ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องหาเอง
เมษายน 2557

 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
27
28
29
 
 
All Blog