ในอ้อมกอดแห่งขุนเขาที่ ลา ทอสคาน่า รีสอร์ท สวนผึ้ง

ช่วงนี้ดูราวกับว่าฝนหยาดสุดท้ายกำลังจะจางหายไปแปรเปลี่ยนเป็นลมหนาวพัดเข้ามาให้เริ่มรู้สึกได้บ้างแล้วเป็นบางวัน ช่วงที่อากาศเริ่มเปลี่ยนอาจทำให้หลายคนรู้สึกไม่สบาย ก็คงต้องดูแลสุขภาพกันเป็นพิเศษในช่วงนี้ ด้วยความห่วงใยครับ ส่วนผมเองก็ปฎิบัติเช่นนี้มาตลอดเพื่อที่จะได้ไม่พลาดหากมีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆโดยเฉพาะช่วงปลายปีที่เป็นห้วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและเดินทาง

เมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสแห่งสายลมหนาวระลอกแรก ทำให้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เป็นสิ่งย้ำเตือนให้นึกถึงบันทึกการเดินทางฉบับหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นที่สายลมหนาวหวลคืนมาในช่วงสั้นๆเมื่อครั้งก่อน อยากนำภาพบรรยากาศมาให้ชมเพื่อซึมซับกัน เป็นภาพบรรยากาศที่ ลา ทอสคาน่า รีสอร์ท สวนผึ้ง อีกหนึ่งจุดหมายของผู้คนที่เดินทางไปเยือน อ สวนผึ้ง...


ผมเดินทางไปถึงรีสอร์ทแห่งนี้ในช่วงบ่ายด้วยความหวังว่าจะได้พบกับอากาศที่หนาวเย็นแต่ไม่เป็นดังหวังอากาศที่สวนผึ้งวันนั้นไม่ต่างจากกรุงเทพฯเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ยังหวังในใจลึกๆว่าตอนกลางคืนคงจะเย็นลงกว่านี้

ทันทีที่ลงจากรถภาพอาคารในส่วนตอนรับและร้านอาหารซึ่งมีลานน้ำพุอันโดดเด่นตั้งอยู่ด้านหน้าติดกับถนนสายหลักที่ผู้ออกแบบต้องการจะสื่อให้เห็นรูปแบบของศิลปกรรมที่ละม้ายคล้ายคลึงกับศิลปกรรมแบบย่านเกษตรกรรมในแคว้นทัสคานี ในตอนกลางของประเทศอิตาลีก็ปรากฎแก่สายตา

ส่วนต้อนรับของรีสอร์ทจะเป็นอาคารที่นำรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบอิตาเลียนหลังแรกที่จะพบเห็นเนื่องจากอยู่ติดกับเส้นทางสายหลักที่ผ่านหน้ารีสอร์ทแห่งนี้


หลังจากจอดรถในลานจอดรถของทางรีสอร์ทที่อยู่ทางด้านข้างก็เดินเข้ามาสู่ส่วนต้อนรับทางด้านข้าง


ภายในในส่วนลงทะเบียนเข้าพักและล็อบบี้เป็นแบบเปิดโล่งอยู่บริเวณชั้นล่างของตัวอาคาร ไม่มีเครื่องปรับอากาศ อาศัยเพียงลมเย็นจากภายนอกเท่านั้น แต่ในวันที่อากาศเย็นบริเวณนี้ก็จะรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นเช่นกัน

บริเวณที่นั่งพักผ่อนภานในส่วนต้อนรับมีการใช้เฟอร์นิเจอร์หนังสีดำแบบโบราณเพื่อสร้างบรรยากาศแบบเมืองเก่า ผมเดินสำรวจไปรอบๆ ส่วนต้อนรับหลังจากลงทะเบียนเข้าพัก ได้รับรู้ถึงบรรยากาศดังกล่าวบ้าง แม้จะไม่ทั้งหมดแต่ก็มากพอที่จะทำให้เกิดความรู้สึกร่วมได้


ในส่วนของบ้านพักในวันนั้นผมเข้าพักบ้านแบบ การ์เดน สวีท ที่ชื่อ Scent ในสองคืนแรก ทันที่ที่มาถึงทางเข้าห้องพัก ภาพที่เห็นจากประตูรั้วด้านหน้ามองเข้าไปยังตัวอาคาร สร้างความรู้สึกร่วมถึงบ้านในชนบทได้ในความรู้สึกไม่มากก็น้อย

อาคารที่พักแห่งนี้มีสองชั้น ชั้นล่างเป็นห้องพักแบบการ์เดน สวีท มีอยู่ด้วยกันสี่ห้อง ส่วนชั้นสองจะเป็นห้องพักแบบ เพนเฮ้าท์ สวีท มีอยู่ด้วยกันสองห้อง


ห้องพักแต่ละห้องมีทางเข้าแยกเป็นอิสระจากกัน ทำให้แขกที่เข้าพักจะได้รับความเป็นส่วนตัว สภาพห้องพักแต่ละห้องเมื่อมองผิวเผินจากภายนอกดูเหมือนจะมีความคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของประตูทางเข้าและหน้าต่าง


แต่เมื่อมองลึกลงไปในรายละเอียด ก็จะเห็นความแตกต่างของสิ่งของที่นำมาตกแต่งเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ยังคงความละม้ายก้บรูปแบบบ้านชนบทแบบตะวันตกไว้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะผนังที่ทำจากอิฐก้อนสร้างความรู้สึกร่วมได้ไม่ยากเลยทีเดียว


ภายในแต่ละห้องมีการตกแต่งที่ไม่เหมือนกันเลย ภายในมีการนำเอาวัสดุที่เรามักจะพบเห็นตามท้องไร่ท้องนาหรือในฟาร์มมาประดับประดาเพื่อสร้างบรรยากาศ



เตียงนอนและข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องก็เน้นของใช้แบบเก่า ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบและสีสันที่ดูเหมือนของเก่าที่ผ่านการใช้งานมานาน แม้ภายในห้องพักจะมีการตกแต่งแบบบ้านเก่า แต่สิ่งอำนวยความสะดวกก็ยังครบครันตามมาตรฐานของรีสอร์ทชั้นนำทั่วไป

ภายในห้องน้ำมีอ่างแช่ทรงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะคัดลอกมาจากอ่างอาบน้ำแบบเก่าตามเมืองในชนบทดังกล่าวด้วยเช่นกัน นอกจากอ่างแช่แล้ว สุขภัณฑ์ต่างๆ ก็ยังเน้นข้าวของที่เป็นของเก่าที่มีความละม้ายคล้ายคลึงในยุคนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นฟักบัว ก็อกน้ำ ตลอดจนภาชนะต่างๆในห้องน้ำ




หลังจากเก็บสัมภาระเข้าที่พักก็ออกมาเดินสำรวจรอบๆบริเวณรีสอร์ทแห่งนี้เริ่มจากอาคารส่วนต้อนรับและร้านอาหารแหงนี้ สำหรับผู้ที่ไม่อยากเดินทางรีสอร์ทมีจักรยานไว้บริการแขกที่เข้าพักด้วยเช่นกัน
บริเวณใกล้ๆกับอาคารต้อนรับจะมีคอกสำหรับเลี้ยงแพะซึ่งได้รับความสนใจจากแขกที่เข้าพักมากพอควร มีการนำอาหารมาเลี้ยงแพะกันอย่างสนุกสนาน ผมเพิ่งทราบว่านอกจากที่สวนผึ้งจะมีแกะให้นักท่องเที่ยวได้ป้อนอาหารแล้วที่นี่ยังมีแพะอีกด้วยเช่นกัน


เนื่องจากเดินทางครั้งนั้นเป็นการเดินทางมาใช้บริการที่รีสอร์ทแห่งนี้ครั้งแรก ผมจึงอยากจะใช้เวลาส่วนใหญ่เดินดูรอบๆ ให้เห็นกับตาว่าสิ่งที่ผู้ออกแบบพยายามจะสื่อให้เห็นนั้นใกล้เคียงความเป็นจริงมากเพียงใด


ด้วยเหตุที่รีสอร์ทแห่งนี้เป็นรีสอร์ทที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ทำให้สามารถเดินเท้าไปได้ทั่วบริเวณ ไม่ว่าจะไปยังที่แห่งใดก็มีป้ายบอกทางที่ชัดเจน


แต่ละก้าวที่เดินไปรอบๆ รีสอร์ทแห่งนี้ในบางแห่งก็ทำให้อดคิดถึงบรรยากาศแบบชนบทในตะวันตกได้อยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อเห็นสิ่งของหรือสิ่งปลูกสร้างภายในบรรยากาศที่ห้อมล้อมด้วยขุนเขา ทำให้รู้สึกได้ในบางอารมณ์ว่าเราอยู่ในสถานที่เหล่านั้นจริงๆ


แต่สิ่งที่ยังดูขาดหายไปในยามนี้คือสายลมหนาวที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะพัดหวลมาเยือนดังความกล่าวของผู้คนที่มาเยือนที่มักจะได้สัมผัสกับอากาศอันหนาวเย็นทุกครั้งไป


ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกร่วมถึงเมืองชนบทในประเทศอิตาลีมากที่สุดเห็นจะได้แก่ภาพของอาคารสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ท่ามกลางแมกไม้และเทือกเขาที่ล้อมรอบในระยะไกล ภาพของบ่อน้ำที่เรามักจะพบเห็นในชนบทหรือภาพยนตร์ย้อนยุคก็สร้างบรรยากาศได้มากทีเดียว


ผมทราบมาว่าบ้านพักแต่ละหลังมีการใช้ชื่อเป็นภาษาอิตาเลียนโดยใช้คำที่สื่อความหมายถึงอาชีพต่างๆ เช่น Fiore Vino Artista และ Fattoria เป็นต้น


บ้านแต่ละหลังจะมีระเบียงและดาดฟ้าที่เป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับสร้างบรรยากาศการรับทานอาหารร่วมกันที่เป็นส่วนตัว บ้านส่วนใหญ่จะมีสองชั้นแยกจากกันซึ่งแต่ละห้องจะขายแยกกัน แต่ถ้ามาเป็นหมู่คณะหลายคนก็จะเหมาะมากเพราะจะได้อยู่รวมกันภายใต้บ้านขนาดใหญ่หลังเดียว

บ้านพักที่ผมมีโอกาสไปใช้บริการอีกแห่งคือบ้านแบบ ปาร์ตี้ สวีท ที่ชื่อว่า Veggie 2 ซึ่งอยู่ชั้นล่างในอาคารหลังนี้ เนื่องจากห้องอยู่ชั้นล่างจึงไม่มีดาดฟ้าส่วนตัว แต่มีส่วนนั่งเล่นอยู่ข้างๆห้องพักครับ


ภายในห้องพักก็มีการตกแต่งแบบบ้านในฟาร์มในชนบทห่างไกลอีกเช่นเดียวกัน สังเกตุได้จากสิ่งของที่นำมาประดับประดาจะเน้นของที่มักจะพบเจอได้ในฟาร์ม เตียงนอนขนาดใหญ่และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักครบครันตามมาตรฐานโรงแรมชั้นนำ เช่นกัน รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในห้องก็มีการนำเอาของเก่ามาตกแต่งเพื่อสร้างบรรยากาศด้วยเช่นกัน

ห้องน้ำพร้อมสิ่งของเครื่องใช้ครบครัน ห้องน้ำมีอ่างแช่แบบมีขา สร้างบรรยากาศย้อนยุคเหมือนที่เคยเห็นในภาพยนตร์ มองออกไปภายนอกเห็นสีเขียวขจีของแมกไม้ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติขณะที่ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำ


อาคารหลังนี้คืออาคารที่สร้างขึ้นใหม่ในภายหลังมีชื่อว่า Palazzo เพื่อรองรับจำนวนแขกที่เข้ามาพักที่นับวันจะมีจำนวนมากขึ้นจากกระแสของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่นับวันจะเติบโตมากขึ้นใน อ สวนผึ้ง

อาคารหลังใหม่แห่งนี้มีห้องพักอยู่ทั้งชั้นล่างและชั้นบน ชั้นล่างจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดหกห้อง เป็นห้องแบบดีลักซ์ สวีท และห้องบาร์ธ สวีท ส่วนชั้นบนมีอยู่ด้วยกันสี่ห้อง เป็นห้องพักแบบดีลักซ์ สวีทและพูล เทอเรส ตัวอาคารมีการออกแบบที่ผสมกลมกลืนกับอาคารห้องพักและบ้านพักที่มีอยู่เดิม


ห้องพักที่ผมย้ายมาพักในอาคารหลังใหม่หลังนี้เป็นห้องแบบ ดีลักซ์ สวีท มีชื่อว่า Ophelia ซึ่งอยู่ชั้นล่าง ภายในห้องมีการตกแต่งผนังโดยใช้สีสันโทนหวานอ่อนๆ ท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์แบบโบราณ รวมถึงเครื่องใช้ต่างๆภายในห้องก็ใช้ของเก่าอีกด้วยเช่นกัน มีสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักตามมาตรฐานรีสอร์ทชั้นนำทั่วไป รวมถึงมีบริการอินเตอร์เนตในห้องพักด้วยเช่นกัน

ส่วนในห้องน้ำ อ่างอาบน้ำก็ใช้อ่างแช่โบราณที่เคยเป็นที่นิยมในเมืองเก่าในชนบทอีกเช่นกัน รวมถึงสุขภัณฑ์ทุกอย่างในห้องน้ำ ห้องสุขาและห้องอาบน้ำแยกเป็นสัดส่วน


ผมได้ยินได้ฟังมาว่า เจ้าของต้องการสร้างที่พักให้มีความใกล้เคียงกับเมืองชนบทในประเทศอิตาลีนามว่า Tuscany เริ่มตั้งแต่ทำเลที่ตั้งของรีสอร์ทแห่งนี้ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึงสามร้อยเมตร มีการคัดเลือกที่ตั้งที่เลียนแบบเมืองชนบทโดยเน้นจุดเด่นของแมกไม้และทิวเขาที่ล้อมรอบเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการพักผ่อนในรูปแบบชุมชนในชนบทห่างไกล


นอกจากรูปแบบของสิ่งปลูกสร้างแล้วการให้สีสรรของผนังและอิฐแต่ละก้อนก็ต้องมีความละเอียดอ่อนในการจัดผลิตและคัดสรรเพื่อให้สีสันออกมาใกล้เคียงกับสถานที่จริงมากที่สุด ไม่เว้นแม้แต่บานประตูและหน้าต่างแต่ละบานตลอดจนสิ่งของที่นำมาเสริมแต่งตัวอาคารที่พัก


ด้วยเหตุนี้การตกแต่งทั้งภายนอกและภายในจะมีกลิ่นอายของเมืองชนบทไม่เว้นแม้แต่บริเวณสระว่ายน้ำด้วยเช่นกัน สระว่ายน้ำที่นี่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักอาจเป็นเพราะว่าแขกส่วนใหญ่ที่เดินทางมาพักผอนที่นี่จะเดินทางมาในช่วงฤดูหนาว คงจะมีส่วนน้อยที่จะมาใช้บริการสระว่ายน้ำ ทำให้การว่ายน้ำพักผ่อนดูจะเป็นกิจกรรมสันทนาการรองลงมาไม่เหมือนที่เรามักจะพบเห็นตามรีสอร์ทชายทะเลที่สระว่ายน้ำคือจุดเด่น จุดขายของรีสอร์ทตามชายทะเล


บริเวณสระว่ายน้ำยังมีร้านบริการเครื่องดื่มด้วยเช่นกัน สังเกตุเห็นมีขวดเครื่องดื่มวางเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อพิจารณาดูในระยะใกล้ปรากฎว่าเป็นเพียงขวดเปล่าที่นำมาวางตกแต่งสถานที่เท่านั้น และเท่าที่ทราบทางรีสอร์ทไม่ได้มีการเปิดบริการในส่วนนี้เลยตลอดเวลาที่ผมเข้าพัก เหตุผลน่าจะมาจากที่ผมกล่าวอ้างมาข้างต้นว่าผู้คนส่วนใหญ่ไม่นิยมมาพักผ่อนด้วยการว่ายน้ำที่รีสอร์ทแห่งนี้

ด้วยความที่รีสอร์ทแห่งนี้สร้างขึ้นโดยลอกเลียนแบบบรรยากาศเมืองชนบททางตะวันตก มีกลุ่มอาคารที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมละม้ายคล้ายคลึงกับอาคารแบบเก่าในแคว้นทัสกานี ทำให้นอกจากจะดึงดูดผู้มาใช้บริการพักผ่อนในวันหยุดแล้วยังมีดึงดูดผู้คนให้มาเที่ยวชมถ่ายภาพเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการถ่ายภาพก่อนวันแต่งงาน

ภาพที่พบเห็นจนชินตา ณ ที่แหงนี้คือ หนุ่มสาวที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ จะมาใช้สถานที่แห่งนี้ในการถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอยู่เนืองๆ

เนื่องจากมีมุมและสถานที่หลากหลายในแต่ละบรรยากาศให้เลือกถ่ายภาพค่อนข้างมาก

ตลอดเวลาที่พักผ่อนอยู่ในรีสอร์ทแห่งนี้ ต้องยอมรับว่าทำเลที่ตั้งของที่พักแห่งนี้ค่อนข้างจะอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งใน อ สวนผึ้ง
นอกจากจะแวดล้อมด้วยแมกไม้และทิวเขาน้อยใหญ่แล้ว สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นคือที่ตั้งที่อยู่ไม่ไกลจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้านที่มีสภาพป่าเขาที่อุดมสมบรูณ์เป็นแหล่งผลิตความหนาวเย็นได้เป็นอย่างดี


แต่บางครั้งก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปเพราะอากาศในคืนบางวันก็ไม่ได้หนาวอย่างที่คาดหวังแม้จะอยู่ในช่วงเวลาแห่งฤดูหนาวก็ตาม แต่ผมก็ยังมั่นใจว่าวันใดที่อากาศหนาวเย็นเข้าปกคลุม ที่นี่จะหนาวเป็นมากอันดับต้นๆ

ผมเชื่อว่าสิ่งที่ปัจจัยหลักในการดึงดูดผู้คนให้มีพักผ่อนใช้บริการที่พักแห่งนี้คงจะหนีไม่พ้นรูปแบบสถาปัตยกรรมของอาคารห้องพักและบ้านพักแต่ละหลังอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นภาพโดยรวมของตัวอาคาร ผนัง ช่องหน้าต่าง


บานประตู หน้าต่างแต่ละบาน ล้วนแต่ออกแบบให้มีความเหมือนจริง ทำให้เกิดความรู้สึกเสมือนหนึ่งว่าได้ไปเที่ยวในสถานที่จริง นอกเหนือจากงานสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้กันในการดึงดูดผู้คนมาที่นี่ก็คือบรรยากาศที่เกิดขึ้นในสถานที่จริง เป็นบรรยากาศที่อยู่ท่ามกลางความบริสุทธิ์ งดงามของธรรมชาติอันเขียวขจีของแมกไม้ที่ล้อมรอบอิงแอบแนบชิดกับตัวอาคารที่ความรู้สึกเสมือนจริง


ส่วนตัวแล้ว ผมเองก็ไม่แน่ใจนักว่าภาพสถาปัตยกรรมแบบบ้านชนบทในแคว้นที่ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศอิตาลีจะมีความเหมือนหรือต่างกับสถานที่จริงเช่นไร เพราะตัวผมเองยังไม่เคยมีโอกาสไปเที่ยวชมสถานที่จริงๆเลยแม้สักครั้ง

หรือแม้แต่บรรยากาศรอบข้างที่มีมวลหมู่ไม้น้อยใหญ่และขุนเขาเป็นองค์ประกอบจะมีลักษณะภูมิประเทศเหมือนของจริงเพียงใดก็ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปาก สิ่งที่เห็นจากสถานที่จริงอาจจะเหมือนกันหรือแตกต่างกันโดยสินเชิง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบสถาปัตย์หรือบรรยากาศ ล้วนแล้วแต่เป็นไปได้ทั้งสองทาง

แต่ถ้าลองหลับตานึกภาพดู ผมก็คิดว่างานก่อสร้างและการออกแบบในทำเลที่ตั้งแห่งนี้น่าจะมีความใกล้เคียงในระดับหนึ่ง


หรืออย่างน้อยก็ทำให้เรารู้สึกได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีความต่างจากสถานที่พักตากอากาศหรือโรงแรม รีสอร์ทแห่งอื่นๆ อีกหลายแห่ง

ภาพบรรยากาศรอบๆตัว ที่แลเห็นด้วยสายตาทำให้ผมรู้สึกว่าการมาพักผ่อน ณ ที่แห่งนี้ สามารถหลีกหนีความจำเจได้ในชั่วขณะหนึ่ง เพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของผู้คนที่ตัดสินใจมาใช้บริการพักผ่อน นอนค้างคืนยังสถานที่แห่งนี้
สำหรับผู้คนที่ยังไม่เคยไปทดลองใช้บริการ ผมคิดว่าการหาโอกาสไปสัมผัสด้วยสายตาตัวเองและทดลองใช้บริการพักค้างคืนสักครั้งหนึ่งก็น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีไม่น้อย

เมื่อแสงสุดท้ายของวันเริ่มลาลับขอบฟ้า ความหนาวเย็นก็เริ่มปกคลุม ก่อเกิดความรู้สึกประหนึ่งว่าเราอยู่ท่ามกลางบรรยากาศชนบทในแถบประเทศทางตะวันตก หาใช่ทางตะวันตกของประเทศไทยไม่

บรรยากาศยามค่ำคืน ณ รีสอร์ทแห่งนี้ บริเวณส่วนต้อนรับยามค่ำคืน

บริเวณนี้คือจุดลงทะเบียนห้องพัก แม้จะเป็นสถานที่เดียวกับเมื่อตอนกลางวันแต่เมื่อมีแสงไฟเข้ามาช่วย ทำให้ได้อารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างอย่างชัดเจน

ภายใต้แสงไฟโทนอุ่นในยามค่ำคืนเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมความสมจริงของสถานที่ได้เป็นอย่างดี


บริเวณโถงส่วนต้อนรับมีระเบียงนั่งพักผ่อนชมทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้า ในวันที่อากาศดี บริเวณนี้น่าจะเป็นที่ที่ผู้ที่มาพักใช้บริการมานั่งเล่นพักผ่อนตามอัธยาศัย

เพราะเป็นตำแหน่งที่นอกจากจะชมทิวทัศน์ของภายในรีสอร์ทแล้วยังมองออกไปเห็นทิวทัศน์ที่กว้างไกลถึงทิวเขาที่อยู่เบื้องหน้าเลยทีเดียว

ชั้นสองเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร Cucina มีอาหารอิตาเลียนและอาหารไทยบริการ และเป็นที่รับทานอาหารเช้าที่มักจะรวมอยู่ในราคาห้องพักด้วยเช่นกัน
ห้องอาหารแห่งนี้มีที่นั่งให้เลือกทั้งภายในและริมระเบียงชมทิวทัศน์รอบๆบริเวณภายในรีสอร์ทแต่หากเป็นวันที่มีลมพัดแรง ประกอบกับอากาศหนาวเย็นจะไม่ค่อยได้รับความสะดวกสบายเท่าไหร่
แต่สำหรับผมสิ่งที่เป็นข้อด้อยที่เห็นได้ชัดเจนก็คือรายการอาหารที่ร้านอาหารในรีสอร์ทที่ค่อนข้างจำกัด และเวลาปิดทำการที่ค่อนข้างเร็วทำให้แขกที่ต้องการนั่งดื่มด่ำบรรยกาศที่ร้านอาหารในช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเป็นไปได้ยาก


ผมเข้าใจว่าไม่ใช่แต่ร้านอาหารในรีสอร์ทแห่งนี้ที่ปิดบริการเร็ว ร้านอาหารแห่งอื่นๆในอำเภอสวนผึ้งส่วนใหญ่จะปิดบริการค่อนข้างเร็ว คงเป็นเพราะที่นี่ไม่เน้นเรื่องสิ่งบันเทิงยามค่ำคืนเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง

ช่วงเวลาสี่คืนที่ผมได้มีโอกาสไปใช้บริการที่รีสอร์ทแห่งนี้ ผมได้ดื่มด่ำบรรยากาศของแมกไม้และขุนเขาท่ามกลางลมหนาวอย่างเต็มอิ่ม โดยรวมถือว่าได้รับความประทับใจจากการบริการในช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง


แต่โดยรวมแล้วสำหรับผู้ที่ต้องการแสวงหาวันพักผ่อนที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ภายใต้บรรยากาศแห่งการจำลองสถานที่ย่านชนบท เกษตรกรรมในแคว้นทัสกานี ทางตอนกลางของประเทศอิตาลี ที่นี่น่าจะเป็นคำตอบได้ไม่มากก็น้อย

สำหรับผมถ้ามีโอกาสได้กลับไปเยือน อ สวนผึ้ง อีกครั้ง รีสอร์ทแห่งนี้น่าจะเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ก็เป็นได้
แต่ถ้าอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อลดความจำเจกับสถานที่เดิมๆ ผมว่าในสวนผึ้งก็นังมีรีสอร์ทที่น่าสนใจในรูปแบบและบรรยากาศที่แตกต่างไว้เป็นทางเลือกอีกเช่นกัน

แต่ถ้าอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อลดความจำเจกับสถานที่เดิมๆ ผมว่าในสวนผึ้งก็นังมีรีสอร์ทที่น่าสนใจในรูปแบบและบรรยากาศที่แตกต่างไว้เป็นทางเลือกอีกเช่นกัน

อำลาด้วยภาพสุดท้าย ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียน พูดคุย และเป็นแรงใจเสมอมา

Create Date : 29 กันยายน 2557 Last Update : 29 กันยายน 2557 19:14:39 น. Counter : 13587 Pageviews.		31 comments
Share Tweet