แสงทองเบิกฟ้า ณ ไร่แสงอรุณ

ไม่เคยคิดเลยแม้สักครั้งว่า แสงแรกของวัน ที่โผ่ลพ้นขอบฟ้า ณ ไร่แสงอรุณ งดงามยิ่งในช่วงเวลาแห่งเหมันตฤดู ได้ประจักษ์แก่สายตาในวันนั้น วันแห่งการเดินทางตามรอยสายน้ำโขง

วันที่ได้เห็นการเดินทางอันยาวไกลของสายน้ำแห่งอารยธรรมมายังดินแดนเหนือสุดของสยาม ภายใต้ตะวันส่องเรืองรองเบิกฟ้าวันใหม่ ไม่มีวันใดที่จะไม่จดจำภาพเหล่านั้น

ชีวิตคือการเดินทางเหมือนดั่งสายน้ำ ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใด แต่ดินแดนแห่งสามอารยธรรมแห่งนี้ก็ยังคงเป็นจุดหมายของการเดินทางลำดับต้นๆ ของผมอยู่เสมอไป

ช่วงเวลาที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ณ ไร่แสงอรุณ สิ่งที่สามารถสังเกตุเห็นได้พร้อมกันในยามรุ่งสางของแต่ละวันคือแสงแรกของตะวันอันเจิดจ้าในยามเช้า และแสงจันทร์ที่กำลังเริ่มโรยราในยามรุ่งอรุณที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าอีกด้านหนึ่ง ดั่งทิวากับราตรีที่ต้องพลัดพลากจากกันชั่วนิรันดร์

ทิวเขาและสายน้ำโขงอยู่เคียงกันอย่างลงตัวจริงๆ คำบรรยายที่พยายามจะสื่อ คงจะเทียบไม่ได้กับภาพที่ต้องหาโอกาสไปชมด้วยตาตนเอง

ที่ไร่แสงอรุณแห่งนี้ ในยามเช้าแสงแรกของวันขึ้นตรงเส้นขอบฟ้าตัดขุนเขาสลับซับซ้อน แสงแรกที่ส่องสะท้อนน้ำโขง ในช่วงฤดูหนาวงามเหนือคำบรรยาย และเป็นที่มาของนาม "ไร่แสงอรุณ"
ช่วงเวลาอาหารเช้า ท่ามกลางสายหมอก ลมหนาว ที่พัดผ่านขุนเขาและสายน้ำเบื้องหน้า เป็นช่วงเวลาที่วิเศษสุดเมื่อเริ่มวันใหม่ กาแฟร้อนๆสักแก้ว กับภาพที่เห็นเบื้องหน้า คงเพียงพอกับการนั่งอยู่ตรงนั้นนานๆ

พาใจเลื่อนลอยไปกับธรรมชาติรอบข้าง

ในช่วงสายเมื่อสายหมอกจางหายไป เผยให้เห็นความงดงามของสายน้ำโขง แมกไม้ และขุนเขาเบื้องหน้า เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อาหารเช้าถูกนำออกมาจัดวางบริการ

อาหารที่จัดก็คือผลิตผลจากไร่แห่งนี้ มาที่นี่ต้องทานผักสดๆ จากไร่ เมนูเพื่อสุขภาพ



ไลน์อาหารแม้เพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอที่จะทำให้เราอิ่มเอมในบรรยากาศระหว่างมื้ออาหาร

ผลสตรอบอรี่สดจากไร่แสงอรุณก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องลิ้มรส

ร้านอาหารของอาหารของรีสอร์ท ริมแม่น้ำโขง บริการอาหารธรรมชาติด้วยพืชผักสด สะอาดด้วยสารอินทรีย์ บนระเบียงอาบแดดริมแม่น้ำโขงท่ามกลางแสงแดดอุ่นในยามเช้า


แสงแดดสาดส่องให้ความอบอุ่นในยามสาย ช่วยให้คลายความหนาวเย็น ยามเมื่อมองไปรอบด้าน ภาพเอกลักษณ์อันโดดเด่นของวัฒนธรรมภาคเหนือ ปรากฎให้เห็นแก่สายตา กลิ่นอายแห่งล้านนาลอยล่องเข้ามาในหัวใจอีกคราหนึ่ง


ขนบธรรมเนียมแห่งล้านนาเป็นสิ่งที่มีความละเอียดอ่อน แฝงด้วยมนต์เสน่ห์อย่างน่าหลงใหล คงเป็นเพราะเหตุนี้เอง ผู้คนที่เดินทางมาสัมผัส น้อยคนที่จะไม่กลับมาอีก

มวลหมู่พฤกษานานาพันธุ์ ที่แลเห็นอยู่รอบบริเวณ คืออีกสิ่งหนึ่งที่แต่งแต้มสีสรรให้กับสถานที่แห่งนี้ แม้เป็นเพียงดอกไม้เล็กๆ แต่ก็มากพอที่จะทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยชีวิต แม้ผมเองจะไม่มีความสันทัดเรื่องดอกไม้ ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าหมู่มวลพฤกษาเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของภาพทุกภาพที่ได้ประจักษ์ในวันนั้น รู้สึกได้ไม่ยากถึงคำว่า ดอกไม้บานในหัวใจจริงๆ

ณ สถานที่แห่งนี้ จะได้ชมแปลงสวนผักปลอดสารพิษ และแปลงสวนผลสตรอบอรี่ที่ออกผลสีแดงสดใสมองเห็นเด่นชัด ซึ่งผลผลิตจากแปลงเกษตร ทางรีสอร์ทนำไปปรุงอาหารให้กับแขกที่มาพักได้เลือกรับประทานกันแบบสดจากไร่
สดชื่นกับความหวานหอมของพืชผักปลอดสารพิษที่สดใหม่ ที่แทบจะไม่มีโอกาสได้สัมผัส ในสังคมเมือง


บ้านพักริมโขง 1 คือห้องพักที่ผมสำรองไว้สำหรับการเดินทางไปพักผ่อนที่ไร่แสงอรุณ ในความเห็นของผม บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด สามารถเห็นทิวทัศน์รอบด้าน ของสายน้ำโขงและเทือกเขาฝั่งลาวได้อย่างชัดเจน

ภายในห้องพักขนาดกระทัดรัด แต่ก็ไม่เล็กจนเกินไป เตียงนอนที่อิงแอบกับขุนเขาและสายน้ำ

เปิดม่านหน้าต่างทุกบาน มองวิว 360 องศา รุ้สึกเหมือนห้องจะหมุนได้จริงๆ รู้สึกว่าตัวเราอิงแอบอยู่กับธรรมชาติ แมกไม้ ขุนเขา และสายน้ำ

ที่สำคัญประเทศเพื่อนบ้าน ฝั่งลาวอยู่ห่างจากห้องนอนออกไปแค่ใจเอื้อม

ระเบียงบ้านที่ออกแบบเน้นความเป็นส่วนตัว ชมทัศนียภาพรอบๆ และฟังเสียงกระแสธาราที่รินใหล คลอเคล้าด้วยเสียงหมู่มวลวิหค ช่างเป็นบรรยากาศแห่งการพักผ่อนในวันที่ไร้ความมั่วหม่นในจิตใจจริงๆ

จากห้องพักริมโขง สามารถชมแสงสุดท้ายของวันได้อย่างสวยงาม

แม้ในคืนมืดมิดไร้แสงดาว มีจันทราทอประกายอยู่เบื้องบน ยามค่ำคืนนั้น ห้วงเวลาก้าวข้ามศักราชใหม่ เป็นคืนเดือนเพ็ญ พระจันทร์ทอแสงอาบลำน้ำโขงแปรเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามตา

ผมเฝ้ารอด้วยหัวใจที่เงียบงันไม่ต่างจากบรรยากาศรอบข้างไร้เสียงผู้คน มีเพียงบทเพลงแห่งธรรมชาติสายน้ำใหลรินเท่านั้นเอง มีเพียงเหตุผลเดียวที่นำผมกลับมาเยือนที่แห่งนี้อีกครา นั่นคือความงดงามของน้ำโขงอาบแสงจันทร์

อาจฟังดูเพ้อฝัน แต่ถ้าใคร ได้มีโอกาสใช้ช่วงเวลาหนึ่ง ณ บ้านริมโขง 1 คงรู้สึกไม่ต่างไปจากผม

สู่รุ่งอรุณของวันใหม่ ท่ามกลางละอองหมอกขาวนวล เป็นเช้าอีกวันหนึ่งที่อยากหยุดจันทราไว้ที่ปลายฟ้านั้น หยุดสายน้ำมิให้ใหล หยุดเวลาให้อยู่นิ่ง เพื่ออยู่กับเวลานั้นให้นานเท่านาน

เส้นทางสู่ไร่แสงอรุณ จากสามเหลี่ยมทองคำ อ เชียงแสน จ เชียงรายที่มีอาณาเขตติดกับสายน้ำโขง ลัดเลาะไปยัง อ เชียงของ ตามเส้นทางหลวงชนบทสายเก่าที่เลียบไปตามแม่น้ำโขง เส้นทางก็ขึ้นลงเนินเขาสลับกันไป เป็นเส้นทางที่สวยงามมาก

ไร่แสงอรุณได้ถูกก่อตั้งขึ้นด้วยแรงบันดาลใจที่ต้องการผสมผสาน การท่องเที่ยวเชิงเกษตรกับรีสอร์ทเพื่อสุขภาพท่ามกลางธรรมชาติที่แสนสวยงาม เจ้าของรีสอร์ทเป็นผู้ออกแบบด้วยตัวเอง ด้วยใจรักในความเป็นธรรมชาติ การออกแบบจึงดำเนินควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและวิถีชีวิตของชาวเขา พื้นที่เดิมที่เป็นนาข้าวของชาวเขาก็ยังคงอยู่ การปลูกผักทำนาทำไร่ก็ยังคงเหมือนเดิมเช่นกัน โดยการก่อสร้างสะพานไม้คล่อมไปบนนาข้าว เพื่อใช้เป็นทางเข้าออกไปยังที่พักเนินเขา
ในทุกช่วงของปีไม่ว่าจะช่วงปลูกข้าว เกี่ยวช้าว นักท่องเที่ยวจะสามารถเก็บเกี่ยวบรรยากาศวิถีชนบทได้อย่างเต็มอิ่ม เป็นบรรยากาศที่นับวันจะเข้าไปสัมผัสได้ยากจริงๆ

ข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้วจะถูกนำมาเก็บไว้ในยุ้งแห่งนี้ เพื่อรอการนำไปสีที่โรงสีตามหมู่บ้าน โดยทางรีสอร์ทจะว่าจ้างชาวบ้านในระแวกนั้นทำการสีข้าว และนำมาหุงหาบริการแขกของรีสอร์ทนั่นเอง

บ้านพักของรีสอร์ทแห่งนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนริมโขง และส่วนเนินเขา ซึ่งต้องเดินไปตามสะพานทางเดินที่สร้างคล่อมท้องทุ่งนาไป ทุกย่างก้าว ตุง ยังคงเป็นสิ่งย้ำเตือนการเดินทางมาเยือนถิ่นล้านนา

เมื่อเดินจนสุดทาง จะเห็นทางขึ้นเขาเป็นขั้นบันได เดินตามทางขึ้นไปอีกราว 500 เมตร ระว่างทางมีจุดแวะพักเป็นระยะ บ้านพักทุกหลังของ ไร่แสงอรุณ จะซ่อนตัวในแนวไม้และป่าไผ่ กลมกลืนกับพงไพร

สถาปัตยกรรมของรีสอร์ทที่พัก มีการจัดสร้างและตกแต่งโดย วัสดุที่เรียบง่ายจากธรรมชาติ โครงสร้างบ้านทำด้วยไม้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้เก่าที่นำมาใช้ใหม่ เพื่อไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ หลังคาบ้านมุงด้วยหญ้าคาโดยกรรมวิธีพื้นถิ่นอันเป็นภูมิปัญญาของชนพื้นเมืองภาคเหนือ ตำแหน่งที่ตั้งของบ้านได้รับการพิจารณาเลือกสรร ให้ผู้มาพักผ่อนได้สัมผัสความงดงามของทิวทัศน์ได้เต็มตา บริเวณเนินเขามีความสูงไม่มากนัก แต่ก็สูงพอที่จะเห็นทัศนียภาพรอบด้านได้


ด้านบนยอดเขาจะเป็นที่ตั้งของบ้านแสงอรุณ และยังมีลานกางเต้นท์พักแรม สำหรับผู้ที่นิยมการพักแรมแบบแค้มปิ้ง ในยามเช้าของช่วงฤดูหนาวจะได้สัมผัสทะเลหมอกโดยมีขุนเขาเป็นฉากหลัง

บ้านพักแต่ละหลังของไร่แสงอรุณสร้างเป็นส่วนตัวห่างกันพอสมควร เป็นบรรยากาศที่ส่วนตัวมาก

บริเวณนี้คือส่วนต้อนรับและร้านอาหารของรีสอร์ท

บริเวณนี้คือร้านขายของที่ระลึก

ไร่แสงอรุณเป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก ห่างจากสนามบินเชียงรายประมาณ 90 กม ที่นี่ โดดเด่นเรื่องการเชื่อมโยงธรรมชาติ เข้ากับกิจกรรมต่างๆ ตลอดปี ไม่ว่าจะเป็น การเรียนวาดภาพสีน้ำกิจกรรมฟูลมูนไนท์ การพาเที่ยวหลวงพระบาง

ทิวทัศน์จากหน้าห้องประชุมสัมนา โขงอาบจันทร์ สามารถรองรับคณะบุคคลได้ถึง 50 คน จากคำบอกเล่าทราบว่าในฤดูน้ำหลาก ระดับน้ำได้ท่วมถึงพื้นห้องประชุมเลยทีเดียว

อีกวันหนึ่งกำลังจะผ่านพ้นไป สิ่งหนึ่งที่ผมทำทุกค่ำคืน ที่ได้มีโอกาสไปพักผ่อนในช่วงเวลาที่ดี ณ ที่แห่งนั้น คือการนั่งมองแสงจันทร์ยามค่ำคืน แหงนมองจันทร์แล้ว ต้องยอมรับว่าไม่เคยเห็นพระจันทร์ดวงกลมโต ลอยเด่น สวยงามที่ใดมาก่อน
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว ราวกับสายน้ำที่รินใหล ความรู้สึกนี้ยังคงมีอยู่จริง เวลาสามคืนที่ไร่แสงอรุณ รู้สึกเหมือนสามชั่วโมงจริงๆ

อยากให้บ้านเรามีท้องฟ้า มีสายน้ำมีภูเขา เหมือนอย่างที่แห่งนั้น คงจะดีไม่น้อย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ช่วงเวลาที่เราอยู่บ้านคงเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด

Create Date : 17 มิถุนายน 2554 Last Update : 17 มิถุนายน 2554 10:22:47 น. Counter : 10100 Pageviews.		6 comments
Share Tweet