Come on...to be IK
Group Blog
 
All blogs
 

@@@@ระหว่าง...คนสองคน@@@@>>>>>>JuSt Me & YoU

…คนสองคน
...ท่ามกลางความเหงา
…เปิดใจพูดคุย
…แลกเปลี่ยนรอยยิ้ม
…ผ่อนผลัดความเศร้า
…คนหนึ่งนอนเช้า
…คนหนึ่งนอนดึก
…อยู่ในส่วนลึก
…ยังนึกตรึกตรอง
…ปัญหาในใจ
…เก็บไว้ต่างกัน
…เหมือนกันและกัน
…เข้าใจมันดี
…สองคนต่างรู้
…เรื่องราวอีกฝ่าย
…เพียงเธอระบาย
…ฉันขอรับไว้
…แค่เธอสบายใจ
…ฉันรู้สึกดี
…ชีวิตที่ผ่าน
…เรื่องราวที่เกิด
…ต่างที่เนื้อหา
…กาลเวลาเดียวกัน
…สิ่งที่เกิดทุกอย่าง
…เธอกับฉันเข้าใจ
…ฉันบอกกับเธอ
…วันหนึ่งนานไป
…ความเศร้าจางหาย
…เธอจะพบใคร
…ที่รอสักคน
…เธอบอกกับฉัน
…จงตัดสินใจ
…บอกเขาออกไป
…สิ่งที่สงสัย
…เคลียร์หัวใจตัวเอง



…คนสองคน
…ต่างขาดอีกคน
…หวังเพียงสักวัน
…จะพบอีกคน
…พร่ำบอกออกไป
…คงนานเหลือทน
…ที่จะพบอีกคน
…ของกันและกัน
…ในใจส่วนลึก
…ความเหงาคืบคลาน
…เธอเป็นคนเปิดมัน
…ให้ลอยหายจางไป
…ดูเราเหมือนกัน
…บังเอิญเหมือนกัน
…หลายครั้งเหมือนกัน
…คิดเห็นเหมือนกัน
…เหมือนเลียนแบบกัน
…เธอว่าฉัน
…ฉันว่าเธอ
…สุดท้ายก็แค่ฉันและเธอ
…แค่คนสองคน



…เธอบอกฉันรู้
…ทุกสิ่งหมดแล้ว
…คงไม่ต้องบอก
…ความเป็นตัวตน
…และไม่อยากถาม
…อยากรู้เหตุผล
…ความเป็นตัวตน
…ของฉันเป็นไง
…ฉันบอกเข้าใจ
…ก็ไม่อยากให้
…รับรู้เช่นกัน
…อยากให้รู้สึก
…จากใจของฉัน
…จะเข้าใจมัน
…โดยไม่ต้องมอง
…ฉันบอกถ้าหาก
…ฉันขาดเธอไป
…จะคุยกับใคร
…เมื่อไม่มีเธอ
…เธอบอกกับฉัน
…วันหนึ่งเมื่อเผลอ
…ฉันคงปล่อยเบลอ
…ลืมเลือนเธอไป
…ฉันบอกว่าไม่
…เธอสิจะไป
…ที่ไหนสักวัน
…เธอบอกคงไม่
…หากฉันมั่นใจ
…ยังอยากคุยกัน
…เธอจะยังอยู่
…อย่างนี้ทุกวัน
…ไม่ตายจากกัน
…อีกห้าสิบปี
…ขอตลอดไป
…จะให้ได้ไหม
…ฉันขอแค่นี้
…เธอบอกตลอดไป
…อีกห้าสิบปี
…ถ้าไม่ตายก่อนหน้านี้
…ไม่อยากอยู่นาน



…คนสองคน
…ผ่านกาลเวลา
…กันมาช่วงหนึ่ง
…บางครั้งรู้สึก
…ถึงอะไรบางอย่าง
…สองหัวใจเหงา
…ยังมีเรื่องราว
…ลึกซึ้งเลือนลาง
…เหมือนเธอกับฉัน
…ยังเกิดช่องว่าง
…มีม่านบางๆ
…คั่นกลางเอาไว้
…กั้นระหว่างสองเรา
…ไม่รู้ทำไม
…ไม่อาจบอกไป
…จำต้องเก็บไว้
…อยู่ในความเงียบงัน




 

Create Date : 09 กันยายน 2549    
Last Update : 9 กันยายน 2549 15:11:48 น.
Counter : 578 Pageviews.  

***- - - - - ความลับของ อ ม ยิ้ ม สี แ ด ง - - - - -***

ชายหนุ่มคนหนึ่งเพ่งมองไปยังสิ่งที่อยู่ในมือของเขาอยู่เป็นเวลานานหลายนาทีแล้ว
. . .
แต่ … ก็… ไม่มี… ทีท่า… ว่า… จะ… หยุด !!!
. . .
มันมีรูปร่างคล้ายครึ่งวงกลม สีแดงใส และมีก้านยาวสีขาวเอาไว้จับ
. . .
มันคือ “ อมยิ้ม “
. . .
แต่เป็นอมยิ้มที่มีแค่ครึ่งเสี้ยวเท่านั้น
. . .
เขาได้มันมาตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นเด็ก
. . .
คุณยายบอกเขาว่าอมยิ้มนี้มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
. . .
เขาจึงไม่คิดที่จะกินมันตั้งแต่วันนั้น
. . .
จนถึงวันนี้… เขาก็ยังไม่อาจเข้าใจและค้นพบความหมายที่ยายของเขาต้องการบอกสักที
. . .
มันมีอะไรซ่อนอยู่กันนะ ?
. . .
เด็กคนหนึ่งยืนร้องไห้อยู่บนสะพานลอยเนื้อตัวสกปรกมอมแมม
. . .
แบมือขอสตางค์แม่ บอกว่าอยากกินขนม
. . .
ผู้เป็นแม่ก้มลงมองเศษสตางค์ในกระป๋องนมใบเก่าขึ้นสนิมที่ถืออยู่ในมือ
. . .
ตัดสินใจหยิบเหรียญห้าบาทส่งให้ลูกชายพร้อมกับกำชับว่ารีบไปแล้วให้รีบกลับ
. . .
เด็กน้อยรับสตางค์จากแม่แล้ววิ่งหายไปในทันที
. . .
หญิงสาววางกระป๋องลงแล้วอุ้มเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 3 ขวบนั่งลงบนตัก
. . .
ยกมือไหว้ มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมา
. . .
เด็กชายตัวน้อยวิ่งกลับมาพร้อมกับถืออมยิ้มอันหนึ่งกลับมาด้วย
. . .
เขานั่งลงข้างๆหญิงสาวผู้เป็นแม่แล้วจึงค่อยๆบรรจงแกะห่อกระดาษออก
. . .
เมื่อแกะกระดาษที่ห่อออกหมดก็พบอมยิ้มรูปทรงกลมมนสีแดงใส
. . .
เด็กชายตัวน้อยหันไปมองเด็กหญิงผู้เป็นน้องสาว
. . .
ก่อนจะกัดอมยิ้มออกไปครึ่งหนึ่งแล้วส่งส่วนที่เหลือที่มีด้ามจับให้กับน้องสาว
. . .
หญิงผู้เป็นแม่ยิ้มออกพร้อมทั้งน้ำตา
. . .
ผม
. . .
เจ้าของอมยิ้มสีแดงครึ่งเสี้ยวอีกอัน
. . .
เดินผ่าน
. . .
ผม
. . .
อมยิ้ม
. . .
วันนี้ผมเข้าใจแล้วว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่ในนั้น
. . .
ผม
. . .
เดินลงจากสะพานลอย
. . .
เห็นเด็กน้อยเนื้อตัวมอมแมมใส่เสื้อผ้าขาดๆยืนอยู่คนเดียว
. . .
มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมา
. . .
สายตาจับจ้อง
. . .
ผม
. . .
เรียก
. . .
“ ไอ้หนู “
. . .
ยื่นมือที่ถืออมยิ้มสีแดงส่งให้
. . .
ผม
. . .
ได้รับ
. . .







อมยิ้ม
. . .

. . .อันใหญ่กว่าใคร. . .




 

Create Date : 12 เมษายน 2549    
Last Update : 12 เมษายน 2549 16:54:58 น.
Counter : 338 Pageviews.  

+++ ก า ร เ ดิ น ท า ง ข อ ง แ ม ล ง วั น +++

ณ กองขยะหน้าปากซอยของชุมชนแออัดเล็กๆแห่งหนึ่ง
“ เฮ้ย! ทำไมเดือนนี้อากาศมันร้อนจังวะ ”
“ อ้าว… นี่มันหน้าอะไร หน้าร้อนโว้ย มันก็ต้องร้อนสิวะ ถามแปลกๆ “
“ เออว่ะ ถึงว่า เจ๊ไข่แกเอาเศษหมูมาให้เรามากขึ้นกว่าเดือนก่อนๆตั้งเยอะ “
“ แล้วไม่ดีรึไง “
“ มันก็ดี แต่ข้าเบื่อแล้วว่ะ เอ็งไม่เบื่อบ้างรึไง กิน ดม อยู่ได้แต่กับของเดิมๆ “
“ แล้วเอ็งจะให้ทำยังไง ญาติพี่น้องข้าก็อยู่ที่นี่กันมากี่รุ่นแล้ว จะให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น มันก็กะไรอยู่ “
“ เอ็งนี่ดีนะ ที่ยังมีญาติพี่น้อง ข้าสิ ไม่มีใครเลย “
“ เอ็งก็อย่าคิดมากไปเลยน่า.. อย่างน้อยเอ็งก็ยังมีข้าเป็นเพื่อนไง อย่าลืมสิ “
“ เออว่ะ ขอบใจนะ “

วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่จ๊อด พยายามเข้าไปในบ้านของเจ๊ไข่เพื่อสืบหาบางสิ่งบางอย่าง บางสิ่งที่จ๊อดเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร จ๊อดหวังเพียงว่าบางอย่างนั้นจะสามารถทำให้ชีวิตอันแสนน่าเบื่อหน่ายของจ๊อดเปลี่ยนไปได้ จ๊อดมักจะถามเขียดและใครๆอยู่เสมอว่า ทำไมบนโลกนี้ถึงได้มีสิ่งต่างๆที่แตกต่างไปจากตัวเรามากมายถึงเพียงนี้ ทำไมสิ่งมีชีวิตบนโลกต้องเกิดมาแตกต่างกัน มีการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมือนกัน บางพวกบอกว่ามันเป็นวัฏจักร เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเข้าใจและรับรู้ถึงสาเหตุความเป็นจริงได้ บางพวกก็ว่ามันเป็นปัญหาโลกแตกและพวกเขาก็ไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะสามารถตอบได้
จ๊อดจึงพยายามค้นหาคำตอบมาตลอด…
และวันนี้เองที่จ๊อดค้นพบบางสิ่ง สิ่งที่คิดว่ามันจะสามารถให้คำตอบกับคำถามที่เขาสงสัยมาตลอดชีวิตได้
“ เฮ้ย ไอ้เขียด ข้าเจอแล้วโว้ย ข้าเจอแล้ว ฮู้ว์… “
“ เจออะไรของเอ็งวะ โวยวายเสียงดังไปได้ “
“ ก็เจอสิ่งที่จะให้คำตอบกับชีวิตของข้าได้แล้วน่ะสิ “
“ อะไรของเอ็งอีกล่ะ เห็นหามาเป็นชาติจนข้าคิดว่าเอ็งเลิกหาไปแล้วนะ “
“ ก็นี่ไง… ที่นี่ไง ที่ที่ข้าจะค้นพบคำตอบทั้งหมด “
“ ไอ้ในใบปลิวเนี่ยนะ ที่เอ็งอยากจะไปนักหนา “
“ ใช่ ที่นี่แหละ เอ็งดูสิ มันแตกต่างจากบ้านเราขนาดไหน มีแต่สิ่งที่เราไม่เคยพบไม่เคยเห็นทั้งนั้น
ข้าจะไปที่นั่น ไปตามหาความฝันของข้า ไปจากที่ที่น่าเบื่อหน่ายนี่สักที “
“ แล้วเอ็งจะไปยังไง เอ็งรู้เหรอว่ามันอยู่ที่ไหน “
“ ข้าก็จะบินไปเรื่อยๆ ไปตามแผนที่นี้ ไม่กี่วันก็คงถึงหรอกเอ็ง “
“ แล้วเอ็งจะไปกับใคร ไปตัวเดียวเนี่ยนะ “
“ ก็ถ้าไม่มีใครไปเป็นเพื่อน ข้าก็คงต้องไปตัวเดียวนี่แหละ “
“ แล้วข้าจะปล่อยให้เอ็งไปตัวเดียวได้ยังไงล่ะ “
“ นั่นสิ ข้ารู้อยู่แล้วว่ายังไงเอ็งก็ต้องไปเป็นเพื่อนข้า ใช่ป่ะล่ะ…”
“ เอ็งนี่มันจริงๆ เลยนะ งั้นข้าขอไปลาพ่อกะแม่ก่อนแล้วกัน อ้อ! แต่เอ็งต้องสัญญากับข้าก่อนว่า ถ้าเอ็งไปแล้วไม่ได้คำตอบในสิ่งที่เอ็งต้องการ เอ็งต้องรีบกลับทันทีเลยนะเว้ย “
“ เออๆ ข้ารู้แล้วน่า เอ็งรีบไปลาพ่อแม่เถอะ “

และแล้วการเดินทางของแมลงวันสองตัวก็ได้เริ่มต้นขึ้น จ๊อดและเขียดบินไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่ได้บอกไว้ในแผนที่บนใบปลิว ผ่านคืนและวันจนทั้งสองเริ่มเหนื่อยล้า ทั้งสองจึงตัดสินใจไปหยุดพักที่บ้านหลังหนึ่ง พวกเขาตรงเข้าไปในครัวและก็ต้องตกใจเมื่อพบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งกินอุจจาระของตัวเองอยู่
“ เฮ้ย ! ไอ้เขียด เอ็งดูเด็กนั่นดิ มันทำอะไรของมันวะ “
“ เออว่ะ สงสัยมันจะไม่ปกติ มันกินของอย่างเดียวกะเราเลยว่ะ “
“ นั่นสิ ปกติพวกมนุษย์ มันจะไม่กินของพวกนี้เป็นอาหารนี่หว่า ขนาดของเสียของคนอื่น มันยังรังเกียจกันจะเป็นจะตาย แล้วมันนึกยังไงวะมากินของเสียของตัวเอง “
“ หรือว่าโลกมนุษย์ มันกลับตาลปัตรไปแล้ววะ “
“เออ ว่ะ “

“ กรี๊ดดดดดดดด….. หยุดนะวิลลี่ ทำไมมานั่งกินขี้ตัวเองอย่างนี้ มันน่าอับอายที่สุด นังแหววอุ้มคุณวิลลี่ขึ้นมาเดี๋ยวนี้ แล้วเอาไปอาบน้ำทำความสะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เดี๋ยวฉันจะพาไปออกงานกับฉันที่สมาคม เร็วๆด้วยล่ะ ฉันให้เวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้นนะยะ “

“ เฮ้อ… ข้าว่ายังไม่ทันไรก็เจออะไรแปลกๆเข้าให้แล้วว่ะ “
“ ข้าก็ว่างั้น ไปหาไรกินกันก่อนเหอะ หิวจะตายอยู่แล้ว “
“ ก็นี่ไง กองอยู่ตรงหน้าแล้ว เอ็งมองข้ามไปได้ยังไงวะ โคตรหอมเลย ขอข้าซัดก่อนละกันนะ “
“ เฮ้ยๆ ขอข้ามั่งดิ…”

หลังจากอิ่มหนำกับอาหารมื้อเย็นแล้ว จ๊อดกับเขียดจึงตัดสินใจติดตามคุณนายเจ้าของบ้านกับเด็กน้อยเข้าไปในงานเลี้ยงของสมาคม ในงานนี้เต็มไปด้วยบรรดาผู้คนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันตระการตา อะร้าอร่ามด้วยเครื่องเพชรที่ไม่สามารถนับมูลค่าได้ มีเด็กหญิงชายวิ่งกันไปมาในงานด้วยท่าทางสนุกสนาน และที่สำคัญก็คือ… ที่นี่ มีอาหารมากมายกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งงาน ทำให้จ๊อดและเขียดรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
“ โห… สุดยอดไปเลยว่ะไอ้จ๊อด อาหารทั้งนั้นเลย มีแต่ของดีๆด้วย อะไรจะโชคดีปานนี้วะเรา “
“ แต่ข้าว่า ถ้าจะให้ดีกว่านี้ต้องรออีกสักพักว่ะ รอให้คนมันกินเสร็จกันก่อนแล้วเราค่อยมาจัดการกันทีหลัง “
“ เออว่ะๆ ข้าเห็นด้วย งั้นตอนนี้เราไปบินดูรอบๆงานกันก่อนดีมะ เผื่อเอ็งจะได้คำตอบอะไรดีๆมาละลายความสงสัยของเอ็งได้บ้าง “
“ งั้นไปตรงนู้นดีกว่า ไปดูซิว่าสังคมของพวกมนุษย์แบบนี้ มันเป็นยังไงกัน “
“ เออ ไปดิๆ “

“ อ้าว…สวัสดีค่ะคุณหญิงเพชรรัศมี “
“ อุ๊ยต๊ายตาย…คุณหญิงแขฤจีนั่นเอง เป็นยังไงบ้างคะเนี่ย ไม่เจอกันตั้งนาน “
“ แหม…ก็สบายดีอ่ะค่ะ พอดีเพิ่งกลับมาจากบอสตันเมื่อ 2 วันนี้เอง ตามคุณชัยวัฒน์เขาไปดูงานอ่ะค่ะ ก็เลยถือโอกาสไปช๊อปปิ้งซะเลย โฮะ โฮะ โฮะ…“
“ อ้อเหรอคะ เดี๊ยนคิดว่ากลับไปเยี่ยมญาติพี่น้องที่หนองคายมาซะอีก โฮะ โฮะ โฮะ “
“ หึหึหึ เปล่าหรอกค่ะ ใครจะไปเหมือนคุณหญิงเพิ้ด เอ้ย ! คุณหญิงเพชรล่ะคะ ออกจะสำนึกรักบ้านเกิดซะขนาดนั้น เห็นว่ากลับไปเยี่ยมควายที่บ้านทุกปีเลยนี่ “
“ นี่…กรุณาอย่าเอาชื่อเก่าเดี๊ยนมาเรียกแบบนี้นะ เพราะถึงยังไงคุณก็ไม่ได้ต่างไปจากฉันซักเท่าไหร่หรอกค่ะ คุณหญิงแขดขมี “
“ อ๊าย…. เธอ…”
“ อ้าว… สวัสดีค่ะคุณหญิงเพชร คุณหญิงแข นึกว่าจะไม่มางานของดิฉันซะแล้ว “
“ แหม…งานของคุณหญิงจรัสพรทั้งที จะไม่มาได้ยังไงล่ะคะ ยังไงเดี๊ยนก็ต้องมาบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กๆอยู่แล้ว “
“ ใช่ค่ะ ดิฉันก็กะว่าจะบริจาคสัก 2 ล้าน เด็กๆจะได้มีอาหารกลางวันกินไปอีกนานๆเลยนะคะ “
“ เดี๊ยนก็เหมือนกันค่ะ เห็นเด็กพวกนี้แล้วสงส๊านนน สงสาร เทียบกะตาวิลลี่ลูกเดี๊ยนไม่ได้เลย วันๆได้กินแต่อาหารดีๆ นมนี่ยังต้องสั่งซื้อสดๆมาจากสวิสซ์เลยนะคะ เดี๊ยนเองก็อยากให้ลูกได้แต่สิ่งที่ดีที่สุดอ่ะค่ะ โฮะ โฮะ โฮะ “
“ โอ้ เหรอคะ แล้วนี่พาแกมาด้วยรึเปล่าล่ะคะ จะได้แนะนำให้รู้จักกันกับหนูหวาน จะได้เป็นเพื่อนเล่นกัน “
“ มาสิคะ มา ดิฉันปล่อยให้แกไปเล่นกับพวกเด็กๆที่มาจากสมาคมน่ะค่ะ เห็นว่าพวกเขาน่าสงสาร คงจะอยากได้เพื่อนที่มาจากอีกชนชั้นนึง ที่พวกเขาไม่เคยมีน่ะค่ะ เผื่อจะได้แลกเปลี่ยนของเล่นกันบ้าง ”
“ แหม… คุณหญิงเพชรนี่ จิตใจงดงามจริงๆเลยนะคะ ขนาดให้ลูกของตัวเองเอาของเล่นเก่าๆไปแลกเปลี่ยนกับของเล่นใหม่ๆที่เด็กๆได้จากสมาคม เพื่อที่เด็กๆจะได้แลกเปลี่ยนความสนุกสนานกัน ฮิฮิฮิ… “
“ ขอบคุณมากกกกก เลยนะคะ คุณหญิงแข ไม่ต้องชมกันขนาดนั้นก็ได้ “
“ ถ้างั้นดิฉันว่า เราไปดูเด็กๆเขาเล่นกันทางนู้นดีกว่ามั๊ยคะ ดิฉันจะได้ชวนหนูหวานไปด้วย “
“ ดีค่ะดี ไปกันเถอะค่ะ “

“ กรี๊ดดดดดดด…. ฮือๆๆๆๆ “
“ เกิดอะไรขึ้นคะหนูหวาน บอกแม่ซิ หนูร้องไห้ทำไมลูก “
“ ก็เด็กคนนี้สิคะ เขาปาอุจจาระของเขาใส่หนูหวาน แล้วก็ละเลงหยิบกิน จนสกปรกเลอะเทอะไปหมดเลยค่ะ ฮือๆๆๆ “
“ ตายแล้ว !!! วิลลี่ ทำไมทำอย่างนี้ละ อ๊าย…ยี้ สกปรกที่สุด นังแหววมาเอาออกไปเดี๋ยวนี้ กรี๊ดดดด….“

ณ กองขยะหน้าปากซอยของชุมชนแออัดเล็กๆแห่งหนึ่ง
“ เฮ้ย… ข้าขอถามอะไรเอ็งอย่างนึงดิ “
“ ถามไรวะ “
“ ทำไมเอ็งชื่อจ๊อดวะ “
“ แม่ข้าบอกว่าอยากให้ข้าชื่อเหมือนคน เผื่อว่าชาติหน้าข้าจะได้เกิดเป็นคน “
“ แล้วอย่างงี้ ข้าไม่ต้องเกิดมาเป็นเขียดหรอกหรอวะ “
“ เกิดมาเป็นอะไรก็ช่างมันเหอะ เอ็งก็รู้นี่ สุดท้ายมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย แมลงวันกินขี้ คนก็กินขี้
ไม่รู้ว่าเอาอะไรมาเป็นตัววัดความแตกต่าง สุดท้ายมันก็เหมือนกันนั่นแหละ… ไปเหอะ“
“ ไปไหนวะ “
“ ไปหานมจากสวิสซ์กินกัน “


…




 

Create Date : 07 มีนาคม 2549    
Last Update : 7 มีนาคม 2549 18:44:23 น.
Counter : 322 Pageviews.  

___มั น ม า กั บ ก ร ะ ป๋ อ ง !!! ___

นี่เป็นบทที่เขียนเล่นๆภายในเวลา 1 ชม.ค่ะ

เขียนสดๆติดต่อกันไหลไปเรื่อย โดยไม่ได้คิดพลอตไว้ก่อนเลย ในขณะที่นั่งรอเพื่อนๆสอบ ENG กัน

เนื่องจากก่อนเพื่อนๆเข้าห้องสอบคุยกันไว้ว่า

อยากทำหนังสั้น...

แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีเวลานำมันมาทำซักที

เลยหยิบเอามาให้อ่านกันเล่นๆค่ะ






ชายคนหนึ่ง ไม่มีอาชีพ ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง ไม่มี ไม่มี ไม่มี... ไม่มีอะไรเลย

วันหนึ่งในขณะที่เขาเดินอย่างล่องลอย เรื่อยเฉื่อยไปตามท้องถนน เหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น!!

เมื่อมีกระป๋องใบหนึ่ง ตกใส่ลงบนศีรษะของเขา บนกระป๋องมีข้อความระบุว่า " ลับสุดยอด ! (ห้ามเปิด) "

ชายผู้นั้นหยิบกระป๋องขึ้นมาและอ่านข้อความ พร้อมทั้งเปิดกระป๋องโดยไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น

แต่เขากลับพบว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น... ซึ่งก็คือกระดาษใบหนึ่ง บนกระดาษมีข้อความเขียนไว้ว่า
" จงทำตามที่เขียนไว้ทุกข้อ มิฉะนั้นจะมีอันเป็นไป "

เมื่อเขาพลิกกระดาษอีกด้าน เขาก็พบข้อความที่ได้เขียนระบุไว้เป็นข้อๆ ดังนี้
" 1. ต้องกินข้าวให้ครบ 3 มื้อ
2. ต้องนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 8-10 ชม. ต่อวัน
3. ต้องช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่เกี่ยงงอน
4. ต้องออกเดินทางไปเชียงใหม่และซื้อแคปหมูกลับมา
5. นำแคปหมูไปให้กับคนที่คุณอยากให้มากที่สุด "

เมื่อชายคนนั้นอ่านข้อความจบ เขาก็ขยำกระดาษและเดินตรงไปที่ถังขยะเพื่อที่จะทิ้ง แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น !!!


เขาเหยียบเปลือกกล้วยแล้วสลบไป 5 วัน !!!

เมื่อเขาตื่นขึ้นอีกครั้ง เขาก็พยายามรวบรวมความจำทั้งหมดให้กลับคืนมา เขาพบว่าในมือของเขากำกระดาษใบหนึ่งอยู่ เมื่อเขาดึงออกมาและคลี่ออกอ่าน เขาก็จำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทั้งหมดได้ และคิดว่าหากเขาไม่ทำตามที่กระดาษใบนั้นเขียนไว้ เขาจะต้องมีอันเป็นไปอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงเริ่มคิดหาวิธีที่จะทำตามข้อความในกระดาษใบนั้น


เริ่มจาก...เขากลับไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เขาเคยอยู่และขอเอกสารทุกอย่างที่มีเกี่ยวกับตัวเขา จากนั้นเขาก็ตามหาพ่อแม่ของเขาจนเจอ เมื่อเขาเจอพ่อแม่แล้ว เขาจึงนำใบปริญญาที่เขาได้รับทุนจนจบด๊อกเตอร์ด้านการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดออกมา และเริ่มหางานทำ

เขาได้งานเป็นนักวิจัยอาหารควาย... ทุกวันเขาจะต้องกินข้าวให้ครบ 3 มื้อ และนอนหลับพักผ่อนให้ได้อย่างน้อย 8-10 ชม.ต่อวัน

จนวันหนึ่ง... ในขณะที่เขากำลังเดินทางกลับบ้าน เขาก็พบกับเด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังร้องไห้เพราะสุนัขของเธอไม่ยอมกินอาหารที่เธอป้อน เด็กน้อยขอร้องให้เขาช่วย !!


เขาหนักใจมาก เนื่องจากเขามีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยอาหารควายมากกว่าอาหารหมา แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องช่วยเด็กคนนี้โดยมิอาจหลีกเลี่ยง...

เขากลับบ้านไปและคิดค้นนำสูตรอาหารควาย + อาหารจิ้งจก + อาหารคน ผสมกัน จนกลายเป็นอาหารสุนัขรสชาติเลิศ เมื่อเขาเอาไปให้เด็กน้อยและเด็กน้อยนำไปให้สุนัข สุนัขของเขาก็กินอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อย

เด็กน้อยดีใจและขอบคุณเขาพร้อมกับให้กาวตราช้างที่เธอนำไว้ติดชิ้นส่วนตุ๊กตากับเขาเป็นการตอบแทน เขายิ้มและเก็บมันใส่กระเป๋า...

หลังจากนั้น เขาก็ถูกบริษัทส่งตัวขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อไปประชุมเรื่องการวิจัยเป็นเวลา 3 วัน และเขาก็ไม่ลืมที่จะซื้อแคปหมูติดมันกลับมาด้วย เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาก็นั่งคิดนอนคิดว่าจะนำแคปหมูไปให้ใครดี...

เช้าวันต่อมา... ในขณะที่เขากำลังเดินทางไปทำงาน เขาก็พบผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางจะเป็นลม เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปประคองเธอไว้ และตั้งใจจะพาไปนั่งที่ป้ายรถเมล์ แต่แล้วก็ไปไม่ได้เพราะส้นรองเท้าของเธอติดเข้าไปในร่องระบายน้ำ มันหักคาร่อง...

เขาจึงถอดรองเท้าของเธอออกและดึงมันออกมา พร้อมกับประคองเธอไปนั่งที่ป้ายรถเมล์ เมื่อเธอตื่น... เขาจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เธอฟัง เธอตกใจ... พร้อมทั้งเล่าให้เขาฟังว่าเป็นเพราะเธอต้องรีบไปทำงานจึงลืมทานอาหารเช้าเลยป็นลม...

จากนั้น...เธอจึงนึกขึ้นได้ว่า เธอต้องรีบไปประชุม แต่เธอจะไปอย่างไรในเมื่อรองเท้าของเธอส้นหักอย่างนั้น ...

เธอร้อนรน...

เขานึกขึ้นมาได้ถึงกาวตราช้างที่เด็กน้อยให้เขาเป็นของตอบแทน ... เขานำมาติดส้นรองเท้าให้เธอ เธอขอบคุณและลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะรีบไปประชุม แต่เขานึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้กินข้าวเช้า เขาจึงรีบคว้าแขนเธอไว้พร้อมทั้งหยิบแคปหมูในกระเป๋าคล้องแขนไปให้เธอ

เธอยิ้มอย่างขอบคุณและวิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว...

เขายิ้ม... และขึ้นรถเมล์ไปทำงาน



หลังเลิกงาน ขณะที่เขากำลังเดินกลับบ้าน เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินถือถุงแคปหมูและน้ำพริกหนุ่มอยู่ในมือ

เขาจำได้ว่าเป็นเธอ... จึงรีบเข้าไปทัก


และก็เป็นเธอจริงๆ เธอบอกว่าเธอเดินไปปากซอย เพื่อหาซื้อน้ำพริกหนุ่มไปกินกับแคปหมู เธอชวนเขาไปที่บ้าน...

บ้านของเธออยู่ซอยเดียวกับเขานั่นเอง !!

เธอชวนเขาเข้าไปในบ้านและแนะนำน้องชายให้รู้จัก น้องชายเธอกำลังง่วนกับการทำอะไรสักอย่างอยู่...


เขาเดินเข้าไปและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นกองกระป๋องมากมายที่ข้างกระป๋องมีข้อความระบุว่า "ลับสุดยอด ! (ห้ามเปิด) "

เธอเดินออกมาพร้อมจานใส่แคปหมูและถ้วยน้ำพริกหนุ่ม พร้อมกับพูดว่า
" โทษทีนะคะ ไม่ทราบว่าเขาทำอะไรคุณรึเปล่า คือว่าน้องชายของฉันไม่ค่อยปกติน่ะค่ะ แกชอบเอากระป๋องปลากระป๋องที่แม่ทิ้งแล้วมาเขียนข้อความ แล้วก็ใส่ลงในกระป๋องเล่นอย่างนี้เสมอแหละค่ะ บางทีเวลาฉันกับคุณแม่พาเขานั่งเครื่องบินไปหาหมอที่เชียงใหม่ เขาก็ชอบแอบเอากระป๋องขึ้นเครื่องไปด้วยแล้วก็แอบเปิดช่องด้านล่างเอากระป๋องไปหย่อนเล่นลงบนท้องฟ้าเป็นประจำเลยค่ะ "

เธอพูดเสร็จ ก็เดินไปเก็บกระป๋องของน้องที่วางเกลื่อนกลาดอยู่ใส่ถุง ในขณะที่เขานิ่งไปสักพักหลังจากได้ฟังเธอ


เขานั่งยิ้มตลอดอาหารมื้อนั้นที่บ้านเธอ จนกลับถึงบ้าน...



จากที่เขาเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย จนถึงวันนี้ที่เขามีทุกอย่างที่มนุษย์บนโลกใบนี้พึงมี นั่นก็เป็นเพราะข้อความในกระป๋องบ้าๆใบนั้น

ข้อความบ้าๆ... ในกระป๋องบ้าๆ... จากคนบ้าๆ...
ทำให้เขาไม่กลายเป็นคนบ้า กลับกลายเป็นคนที่มีชีวิต มีความคิด และมี........ความรัก : )

เหมือนทุกๆคน...




 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2549 22:56:22 น.
Counter : 299 Pageviews.  

ชายผู้เป็นเจ้าของรองเท้าแตะ

น้ำ คือหญิงสาวอายุ 25 ผู้ที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยในชีวิตนี้ ทุกวันเธอต้องออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อที่จะฝ่ารถรามากมายที่ติดบนถนนไปทำงาน เธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร เธออยู่กับเงินทุกๆวัน เงินมากมายที่เธอไม่เคยฝันว่าอยากจะมีเช่นคนอื่นๆ แต่สิ่งที่เธอตามหาและใฝ่ฝันมาตลอดก็คือ การที่จะได้พบกับใครสักคน คนที่นำความรักมามอบให้เธอเหมือนดังเช่นหญิงสาวคนอื่นๆ

วันนี้เธอเดินทางกลับบ้านด้วยรถโดยสารประจำทางเป็นปกติดังเช่นทุกวัน แต่เธอกลับได้รับสิ่งผิดปกติบางอย่างที่ทำให้เธอต้องตกใจและสงสัยเป็นอย่างมากว่าใครเป็นผู้ส่งมันมาให้เธอ
รองเท้าแตะมากมายกองอยู่ที่หน้าบ้านของเธอ มันบดบังประตูทางเข้าบ้านจนมิด เธอพยายามค่อยๆหยิบมันโยนออกไปทีละข้าง เพื่อให้มีที่ว่างพอที่เธอจะสามารถเข้าไปไขกุญแจบ้านและกลับเข้าบ้านได้

หลังจากเธอเข้าบ้านได้แล้วเธอจึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดที่ทะมัดมะแมงมากขึ้นและกลับมาที่หน้าบ้านอีกครั้งพร้อมกับคิดหาทางที่จะจัดการกับกองรองเท้าแตะมากมายทั้งหมดนี้ เธอคิด...คิด...และคิด... คิดอยู่นาน คิดอยู่นานมาก จนตัดสินใจเดินไปที่บ้านอีกหลังหนึ่งที่อยู่ในซอยเดียวกับเธอ เพื่อนบ้านเพียงหลังเดียวที่เธอมีแต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะติดต่อหรือมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของบ้านเลยสักครั้ง

ออด... ออด... หญิงชราคนหนึ่งเดินออกมาจากภายในบ้าน และถามเธอว่ามีธุระอะไรกับเจ้าของบ้านหรือเปล่า ถ้าหากมีให้สั่งกับเธอไว้เพราะตอนนี้เจ้าของบ้านยังไม่กลับจากที่ทำงาน เธอนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจเขียนโน๊ตทิ้งไว้ให้กับหญิงชราคนนั้น และเดินกลับมาจัดการเก็บรองเท้าแตะมากมายเหล่านั้นเข้ามาไว้ในบ้านของเธอ

รุ่งเช้าของอีกวัน ในขณะที่เธอกำลังรีบร้อนกับการเตรียมข้าวของและเอกสารที่เธอต้องใช้ในการทำงานอยู่นั้นเสียงออดหน้าบ้านของเธอก็ดังขึ้น แอด... แอด..
เธอตกใจและรีบวิ่งออกไปหน้าบ้านทันทีเมื่อได้ยินเสียงนั้น เสียงที่ไม่ได้ดังมาตั้งแต่คราวที่คุณนายเจ้าของบ้านเช่ามาเก็บค่าเช่าที่เธอค้างไว้ตอนที่เธอเข้าโรงพยาบาลจากอุบัติเหตุรถชนเมื่อหลายปีก่อน แต่เธอกลับพบเพียงกล่องสีขาวใบหนึ่ง...

เธอเปิดมันออกและก็พบว่ามันเป็นรองเท้าแตะข้างหนึ่ง... รองเท้าแตะ... อีกแล้วเหรอ... นี่มันอะไรกันเนี่ย!! แต่ที่น่าแปลกและทำให้เธอต้องตกใจก็คือ มันคือรองเท้าแตะข้างขวา ซึ่งรองเท้าแตะมากมายที่เธอได้รับโดยไม่ทันคาดคิดจากหน้าบ้านของเธอนั้นมันเป็นเพียงรองเท้าแตะข้างซ้าย รองเท้าแตะที่ไม่ครบคู่... รองเท้าแตะเพียงข้างเดียว... เธอหยิบกระดาษโน๊ตภายในกล่องขึ้นมาอ่าน ในนั้นมีข้อความว่า " ขอโทษด้วยนะครับ หากการส่งรองเท้าแตะมากมายของผมต้องทำให้คุณตกใจ แต่ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากความผิดพลาดของทางการไปรษณีย์อย่างแน่นอน เพราะว่ารองเท้าแตะเหล่านั้น ผมส่งให้คุณทุกวันวันละข้างผมจึงไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงเพิ่งจะได้รับ และได้รับทีเดียวมากมายขนาดนี้ แต่อย่างไรแล้วผมก็รู้สึกยินดีมากที่เมื่อวานคุณได้ไปฝากโน๊ตไว้กับป้าพรที่บ้านผมด้วยตัวของคุณเอง ขอบคุณนะครับ อ้อ! และนี่คือรองเท้าอีกข้างครับ คุณคงจะได้ครบแล้วใช่มั๊ย ต่อไปนี้ผมคงไม่ต้องส่งให้คุณอีกแล้ว อย่าลืมใส่มันมาให้ผมดูบ้างนะ "

เมื่อหญิงสาวอ่านโน๊ตจบก็รู้สึกโกรธและโมโหมาก เธอรีบเดินออกจากบ้านตรงไปที่บ้านของชายผู้นั้นทันที เธอคิดว่าเขาต้องเป็นพวกโรคจิตอย่างแน่นอน เมื่อไปถึงหน้าบ้านเธอจึงกดออด ออด... ออด.. หญิงชราคนเดิมเดินออกมาจากตัวบ้าน เธอจึงชิงพูดก่อนอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าหญิงชราจะบ่ายเบี่ยงเธอเช่นครั้งแรก "เจ้าของบ้านอยู่มั๊ยคะ ช่วยเรียกให้หน่อย มีธุระด่วนมากค่ะ " หญิงชรายังไม่ทันได้ตอบอะไร จู่ๆก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังแทรกออกมา " ใครมาหรือครับป้าพร " เจ้าของเสียงเดินออกมาและทำสีหน้าเจื่อนลงทันทีที่เห็นหญิงสาว

"คุณใช่มั๊ยที่ส่งรองเท้าแตะบ้าบอนั่นมาให้ชั้น"

"เอ่อ...ใช่ครับ ผมเอง คุณจำผมได้มั๊ย" หญิงสาวพยายามนึกอยู่ครู่หนึ่งก็จำได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ก็คือหมอที่ดูแลรักษาเธอจากอุบัติเหตุคราวนั้นนั่นเอง

"แล้วทำไมหมอมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ แล้วส่งรองเท้าแตะมากมายมาให้ชั้นทำไม หมอโรคจิตรึเปล่า"
"ไม่ใช่นะครับ คือว่า... คราวก่อนที่คุณไม่สบายคุณจำได้มั๊ยว่าคุณได้ระบายอะไรให้ผมฟังบ้าง"

"อ๋อ...ตายแล้วคุณนั่นเอง ชั้นลืมไปจริงๆ"

"คุณบอกผมว่า... ไม่สบายอย่างนี้ถ้ามีใครสักคนมาคอยดูแลและห่วงใยอย่างที่คนอื่นๆเขามีกันบ้างก็คงจะดี ขาก็เจ็บต้องเข้าเฝือก ใส่รองเท้าก็ไม่ได้ ผมจึงไปหารองเท้าแตะข้างซ้ายมาให้คุณใส่ เพราะข้างขวาคุณเข้าเฝือกอยู่และก็บอกกับคุณไปว่า วันหนึ่งคุณก็จะได้พบกับคนที่จะมาสวมรองเท้าแตะข้างขวาให้คุณเอง คนที่เขาจะรักและจะคอยดูแลคุณตลอดไป คนที่จะพาคุณก้าวข้ามผ่านสิ่งต่างๆไปโดยมีเขาอยู่เคียงข้าง หลังจากวันนั้นอีก 1 เดือนผมจึงรู้ภายหลังว่าคุณอยู่บ้านในซอยเดียวกับผมนั่นเอง ผมจึงคิดที่จะส่งรองเท้าแตะข้างซ้ายให้คุณวันละหนึ่งข้าง เพื่อหวังว่าคุณจะจำในสิ่งที่ผมพูดได้แล้ววันหนึ่งคุณก็จะพบกับคนคนนั้นที่จะมอบรองเท้าแตะข้างขวาให้กับคุณ ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะกลายเป็นแบบนี้ เมื่อวานผมจึงตัดสินใจที่จะเป็นคนส่งรองเท้าแตะข้างขวาไปให้คุณเอง... ผมขอโทษด้วยนะครับ...แต่ผมอยากจะขอถามคุณสักอย่างก่อนที่คุณจะด่าว่าผมสำหรับเรื่องบ้าบอที่มันเกิดขึ้นทั้งหมดนี้ได้มั๊ยครับ"

"อะไรเหรอคะ"

"คุณจะรับรองเท้าข้างขวาจากผมได้มั๊ย"

หญิงสาวก้มลงมองรองเท้าที่เธอใส่เดินมาด้วยและเงยหน้าตอบกลับชายหนุ่มไปว่า ...

"ถ้าไม่รับข้างขวา แล้วชั้นจะใส่เดินมาได้ยังไงล่ะ มีข้างเดียวใส่ได้ที่ไหน ชั้นไม่ใช่คนบ้านะคะ...คุณหมอโรคจิต"



จบแย้ว




ปล. ลืมบอกไปว่าคุณหมอเป็นลูกค้าประจำของธนาคารสาขาที่น้ำทำงานอยู่ด้วยแหละจ้า..




 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2549 19:21:01 น.
Counter : 383 Pageviews.  


ikka
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ikka's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.