รีวิว clinique clarifying lotion 2 เอาล่ะ ช่วงนี้รักคลินิกข์เป็นพิเศษ มาที่ตัวนี้ก่อนเลยนะคะ clinique clarifying lotion อันอื้อฉาว ในแง่ที่มันเป็นแอลกอฮอล์ ที่มีคนพูดถึงบ่อยๆว่าไม่ดีเพราะทำให้หน้าแห้ง เรารู้จักกับมันตั้งแต่สมัยสิบกว่าปีที่แล้ว สมัยยังเรียนมัธยมปลายอยู่น่ะค่ะ แม่เอาของแถมมาให้ เป็นตัวขัดผิวจากคลินิกข์ กับโลชั่นเช็ดหน้าตัวนี้นี่แหละค่ะ สมัยนั้นตามประสาวัยรุ่นกำลังฮอร์โมนคลั่ง สิวเราเพียบเลยว่ะค่ะ แบบเป็นพดๆๆๆทั่วทั้งหน้าจนน่ากลัว น่ากลัวจนตอนนั้นแม่ยอมทุ่มทุนพาไปหมอสิว ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ แพงนะคะ แต่แม่ไม่เชื่อในคลินิกสิวทั่วไปน่ะ เค้าคงเคยชินกว่าด้วยล่ะ หมอก็จัดยาทาเป็นครีมแล้วก็โลชั่นแบบมีแอลกอฮอล์มาให้ใช้ โดยกำกับว่าใช้น้ำเปล่าล้างหน้าก็พอแล้ว ตอนนั้นเราเถียงว่าหน้าเรามัน น้ำเปล่าอย่างเดียวคงไม่ได้ หมอก็ทำหน้าเซ็ง (เป็นผู้ชายอายุมากนะคะ) แล้วชี้หน้าตัวเองบอกว่า "คุณดูหน้าผมละกัน คุณว่าหน้าหมอเป็นยังไง หมอไม่เคยใช้สบู่ล้างหน้าเลย ใช้แต่น้ำเปล่านี่แหละ" โอ้ว ตะลึงค่ะ เพราะหน้าหมอเนียนมากจริงๆ อมชมพูด้วยอ่ะ แบบว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้เลยนะเนี่ย นั่นแหละ ไม่ค่อยเกี่ยวสักเท่าไหร่หรอกค่ะ เข้าเรื่องดีกว่า หลังจากนั้น หน้าก็หายขาดเลยค่ะ ไม่มีสิวอีกต่อไป ต่อมา ยาหมด สิวมาบุกอีกรอบ (นี่หลายเดือนหลังจากนั้นนะคะ) ทีนี้มานิดๆหน่อยๆ ก็ไม่ได้คิดมากไร จนได้โลชั่นของคลินิกข์มา ก็ใช้ๆไปยังงั้นแหละค่ะ ปรากฏว่าสิวหายฟ่ะ! หายหมดเลย เวลาเช็ดทีเนี้ยนะ หูวววว สำลีดำปี๊ดเลย ขนาดล้างหน้ามาก่อนแล้วนะเนี่ย เลยใช้เรื่อยๆจนมันหมดค่ะ มันหมดสิวก็เริ่มมาอีกครั้ง แล้วหน้าหมองๆอ่ะง สังเกตตัวเองแล้ว ถ้าไม่ได้ใช้นานๆ สิวจะกลับมาเยือนค่ะ โดยที่ทุกอย่าง เครื่องสำอางค์ตัวอื่นที่เราใช้อยู่ไม่เปลี่ยนไปนะคะ เพื่อจะได้มั่นใจว่าผลการทดลองเที่ยงธรรมโดยแท้ สรุปเลย เราว่าเราชอบไอ้โทนเนอร์ตัวนี้แหละค่ะ ถึงคนจะบอกว่ามันไม่ดียังไง มันทำให้หน้าแห้ง เราก็ยังชอบค่ะ เพราะเราเองก็กลัวหน้าแห้งนะคะ ถึงส่วนตัวเราจะผิวมันหน่อย (ตอนนี้เราใช้สีม่วงเบอร์สองค่ะ) มันถูกกับหน้า แต่มีข้อแม้ว่าหลังทาเสร็จ เราจะโปะโลชั่นบำรุงผิวที่เน้นความชุ่มชื้นตามลงไปทันที (ก็กลัวหน้าแห้งเหมือนกันนี่หน่า) ราคา พันสอง สำหรับขวดใหญ่สุด 400 mL ใช้กันเป็นปีอ่ะค่ะ เพราะเราไม่ได้ใช้ทุกวัน ทุกครั้ง แค่นานๆที ประมาณอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง เอาไว้เวลารู้สึกว่าหน้าตูนี่มันเขรอะจริงๆ เช่น หน้ามันสุดๆ สิวบุก ไปเที่ยวต่างจังหวัดมา แล้วเจอฝุ่นโบกสุดยอด หรือแต่งหน้าอย่างลิเก ล้างหน้าออกแล้วก็โรคจิตใช้สำลีชุบเช็ดหน้าอีกรอบให้มันหมดจด......... สำหรับเรามันกลายเป็นของสามัญประจำบ้านไปแล้ว คือจะขาดก็ไม่ได้ เพราะเคยแล้วอ่ะ เวลาฉุกเฉิน เช่นสิวมา ไปข้างนอกเจอฝุ่นแบบเว่อร์มากๆ มันจะรู้สึกขาดอะไรไป เคยใช้ยี่ห้ออื่นแทน มันแทนกันไม่ได้ (อันที่ไม่ใช่คลินิกข์ ทำแทนก็คงม่ายด้ายยย) มันไม่เหมือนกัน ขนาดของคลินิกข์เองที่ไร้แอลกอฮอล์ เช็ดออกมาสำลียังไม่ดำเลยค่ะ เลยจะว่าม้นนานาจิตตังเน้อ บางคนไม่ชอบ แต่เราลองเอง ใช้เอง เราก็ว่าเราชอบนะ ขาดบ่ได้ ให้ 8/10 จ้า   Create Date : 09 กันยายน 2551     1 comment Last Update : 9 กันยายน 2551 15:29:53 น.     Counter : 840 Pageviews.   Share Tweet

รีวิว clinique dramatically different moisturizing gel เราเป็นพวกที่บ้าพวิกโลชั่นบำรุงผิวมากเลยล่ะค่ะ มากพอๆกับพวกครีมอาบน้ำกับโลชั่นทาผิวกาย มีมากกว่าเครื่องสำอางค์แต่งหน้าอีกนะคะ เพราะเรารู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญทีสุดไม่ใช่การปกปิดจุดด้อยของหน้า แต่ควรจะเป็น "ของแท้" ที่อยู่ข้างในมากกว่า นั่นก็คือสุขภาพผิวค่ะ ความงาม เรานิยามว่า เป็นคนที่ผิวดี ละเอียด สวย มีริ้วรอ้ยน้อย (จะให้ไม่มีเลยก็เป็นการโกหกธรรมชาตินะคะ เพราะเราว่ามีเส้นบางๆบ้างนิดๆ มันทำให้หน้าดูสมบูรณ์สวยอย่างอ่อนโยนกว่าหน้ากระเบื้องน่ะค่ะ มันมีชีวิตชีวาดี) ไม่มีสิวใดๆ สีผิวสม่ำเสมอค่ะ แม้ไม่แต่งหน้าก็ยังสวย นี่คือผิวที่เพอร์เฟ็คท์ในแบบฉบับของเรา เราเลยเน้นบำรุงมากกว่าตกแต่ง ลองมาหลายยี่ห้อเหมือนกัน แต่พอมาลองของ Clinique แล้ว ต้องบอกว่าติดใจเลยค่ะ โดยเฉพาะ DDM Gel เนี่ยนะ ใช่คำตอบเลยอ่ะ เพราะ 1. ไม่เหนอะเลยค่ะ สภาพผิวเราแห้งใน มันนอก เป็นอาการของคนขาดน้ำ ......... หน้านี้มันเยิ้มเลย พอล้างหน้าใหม่ๆ หน้าตึงนะคะ แต่สักพักมัน แล้วก็......... เหงื่อค่ะ เหงื่อออกเยอะมาก (จะเยอะเกินไปหรือเปล่าวะเนี่ยเรา) เลยไม่ชอบอะไรที่มันเหนอะหนะ เหนียวๆนี่ลาจาก ทั้งๆที่บางคนก็ใช้พวกครีมหรือน้ำมันได้ดีมาก แต่กับเรา ไม่เลยอ่ะ มันอาจจะดีจริง แต่พอใช้ไปสักพัก จิตใจจะแอบต่อต้านเล็กๆ แบบว่า......... ต้องทาอีกแล้วหรอ ว้า......... แบบเนี้ย แต่พอมาลองใช้อันนี้แบบเจล ซึ่งอ่านรีวิวจากหลายที่นะคะ เค้าบอกว่าดีกว่าตัวโลชั่นอีกในแง่ของคุณค่าต่างๆ เราก็ชอบค่ะ ไม่เหนอะ ซึมเร็วมากๆ 2. เป็นขวดปั๊มค่ะ อันนี้แหละ รักมาก เรารักทุกอย่างที่เป็นขวดปั้มค่ะ เพราะไม่ชอบเอานิ้วล้วงเข้าไปจ้วงครีมใดๆ มันติดเล็บต้องมาแคะอีก แล้วมันเทอะทะ ลำบาก แต่นี่เล้ยยย.......... พอเป็นขวดปั้ม ใช้ง่าย มือไม่เลอะ แค่ปั้มสองปั้มก็ใช้ได้ทั่วหน้าแล้ว เร็วดีค่ะ เราชอบทำแบบนี้....... ปั้มสักสองที แล้วก็มาถูๆในมือ จากนั้นก็เอามือทั้งสองข้างทาหน้าไปเลยทีเดียวค่ะ เร็วดี แต่ต้องไม่ตะบี้ตะบันจนหน้าเหี่ยวหมดนะคะ ลูบๆเอา ให้ทั่วหน้า แล้วก็อย่าลืมร่องข้างจมูกด้วย ตรงนี้แหละที่คนมักลืมแล้วมันจะแห้งเป็นขุยๆ น่าเกลียดเชียว แล้วก็ใต้คาง จนมาถึงคอด้วย เพราะฉะนั้นพอเป็นขวดปั้มแล้วจะใข้ง่ายค่ะ ไม่ต้องพะว้าพะวงกับการต้องปิดฝาก่อนแล้วค่อยทาหน้า หรือว่าตอนกำลังทาหน้าแล้วฝากระปุกเปิดอยู่ เครื่องสำอางค์เราจะเสื่อมไม๊น๊า นี่เลยแบบขวดปั้ม แค่ปั้มก็เสร็จแล้วค่ะ ถึงได้ชอบมากเลย 3. ปริมาณเยอะค่ะ 125 mL เยอะทีเดียว! สำหรับราคาประมาณพันห้าร้อยกว่าบาท เพราะยี่ห้ออื่น แค่ 50mL ก็ตั้งพันแปดแล้วล่ะค่ะ ชอบตรงที่มันเยอะมาก จนทำให้เราไม่งก เราก็ใช้มันได้บ่อยๆเลย ไม่ต้องยั้ง เวลาหน้าแห้งมากๆ เราก็ใช้วิธีทาบางๆซ้ำๆ โดยซ้ำตรงแก้มหรือที่แห้งเป็นพิเศษจนกว่าผิวจะฉ่ำเย็นๆนิ่มๆ ตรงไหนหน้ามันอยู่แล้วก็ไม่ต้องทาก็ได้ ที่สำคัญเราชอบกดมาเติมใส่ขวดเล็กขนาด 15 mL พกเอาไปด้วยเวลาไปข้างนอก 4. เค้าบอกว่าไม่มีน้ำหอม แต่เรากลับชอบกลิ่นอ่อนๆของมันนะคะ ทำให้นึกถึงเบบี๋ดี มันนุ่มๆบางๆ อ่อนๆน่ะค่ะ ไม่มีฉุน ไม่มีไรแบบเนี้ยเลย 5. เนื้อเจลนิ่ม หอมอ่อนๆจนแทบไม่ได้กลิ่น เนื้อบางเบา ไม่มีน้ำมัน เวลาทาใหม่ๆ ตอนแรกมันจะเป็นเมือกๆหน่อยนะคะ ไม่ต้องตกใจ เพราะลองเองเลยก็ได้ พอทาเสร็จปุ๊บ นับหนึ่งไม่ถึงห้า มันก็ซึมลงไปจนเกลี้ยง เหลือแค่ความรู้สึกผิวนิ่มๆไม่มัน ฉ่ำๆสบายดีค่ะ เบาๆ เหมาะกับคนผิวมันมาก มันซึมเร็วมาก เพราะอย่างนี้ถึงได้รักคลีนิกข์ DDM Gel ไงล่ะค่ะ ราคาน่าคบหา คุณภาพดี ใช้ง่ายเป็นขวดปั้ม ไม่มีกลิ่น ปริมาณเยอะ ไม่เหนอะ ทำให้เรารักไอ้ตัวนี้มากเลยค่ะ กิกิ ^^ เอาไปเลย 9/10 ที่ไม่ให้เต็มสิบก็เพราะหวงคะแนนค่ะ ถ้ามันทำอะไรได้มากกว่าแค่ให้ความชุ่มชื้นอย่างที่มันกำลังทำอยู่ได้อย่างดีเยี่ยมแล้วล่ะก็ เช่น ทำให้หน้าสว่างขึ้น มีกันแดดในตัว ไรเงี้ย ก็อาจได้เต็มสิบค่ะ แต่ในแง่ของจุดประสงค์เพียวๆของมัน ก็ถือว่าสุดยอดดดแล้วล่ะ!   Create Date : 09 กันยายน 2551     4 comment Last Update : 9 กันยายน 2551 15:00:24 น.     Counter : 824 Pageviews.   Share Tweet