MINI: โฮ่งที่ไม่ธรรมดา

เสร็จซะ...เผด็จศึก พร้อมสรรสาระของมินี่

กลับมาอีกครั้งหนึ่งนะคะ หลังจากหายไปหลายวัน ตอนนี้หนูโตขี้นได้สองขวบกับสี่เดือนแล้ว ความแสบซ่าของหนูก็มีหลากหลายขึ้น พวกซนเล็กน้อยอย่างกัดรองเท้าหรือคอยงับโน้นงับนี้ก็ไม่ค่อยมีแล้ว แต่หนูไปหันไปอาละวาดอย่างอื่นแทน (หึ หึ อย่าดีใจไป...) อย่างเรื่องศึกชิงตั่งนั่งเมื่อหลายเดือนก่อนระหว่างลุงและหนูนี่ก็ใช่ย่อย ทั้งคนทั้งหมาอดทั้งคู่...เรื่องนี้ยังโจษจันกันยังไม่หายเลยค่ะ...คือเรื่องมีอยู่ว่า พลบค่ำวันหนึ่งลุงไปซื้อไส้กรอกอีสานเสียบไม้มา แล้วก็เดินเฉิบ ๆ เข้ามาในครัว โดยมีหนูคอยเลียบเคียงข้าง ปรากฏว่าไม่รู้อีท่าไหน ลุงอาจประมาทหรือประหม่าก็ไม่รู้ ขณะรูดไม้ออก ไส้กรอกหล่นลงพื้น กลิ้งหลุน ๆ ลงไปในท่อระบายน้ำด้านข้าง หนูงี้พยายามตะปบ ลุงก็ใช้เท้าแหย่เรียกว่าสวมวิญญาณกองหลังทีมชาติน่ะค่ะ เฮ้อ ไม่รู้จะแย่งหนูทำไม ทั้ง ๆ ที่ตกพื้นแล้ว ไม่รู้แกคิดจะเอาขึ้นมาล้างแล้วทานต่อหรือเปล่า สรุปเลยอดทั้งคู่ (สมน้ำหน้ามั๊ยล่ะนี่) หลังจากนั้นอีกหลายวัน น้องแย้มฝากคนในบ้านซื้อไส้กรอกอีสานมา ก็ใจดีให้ลุง (ชดเชยกับที่ไม่ได้กินวันก่อน เฮอ เฮอะ)

หรือพูดถึงการกินอีกเรื่องหนึ่ง ท่านผู้อ่านคงทราบแล้วว่าหนูเอ็นจอยอร่อยกับอาหารแทบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ขนม เวลาที่พี่ ๆ ทานข้าวกัน หนูขอมีส่วนร่วมที่โต๊ะอาหารด้วยคน คือนั่งใต้โต๊ะและขออาหาร ปกติหนูจะรอตรงพี่แย้มนั่ง เพราะพี่แย้มมักมีอะไรให้หนูทาน เช่น แอ๊ปเปิ้ลเย็นเจี๊ยบหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ส่วนถ้าเวลานายน้อยมาทานในครัวและมีอาหารญี่ปุ่นมาด้วยล่ะก็ ลาภปากของหนูก็คือไข่หวานย่างเหยาะซีอิ๊ว (อร่อยเหาะอย่าบอกใครเชียว) หนูจะออกฤทธิ์ทีละน้อยถ้าไม่ได้ดั่งใจ (หมายความว่าได้กินช้าเกินเหตุ) อย่างแรกก็จะเอาจมูกไปดุน ๆ ที่ขาของเป้าหมาย ถ้าซักพักยังไม่ได้ผล ก็มีมาตรการที่สองตามมาคือเห่าดัง ๆ เรียกร้องความสนใจของทุกคน รับรองได้ว่าไม่มีใครทนกินได้อย่างเป็นสุขขณะฟังหนูแผดเสียงค่ะ

ช่วงนี้คุณนายพ่อและคุณนายแม่ไม่อยู่ ทิ้งให้นายน้อยและพี่สาวอยู่บ้านกันเอง โดยมีหนูและพี่ ๆ เป็นบอดี้การ์ด (เสียงแบบแข็งขัน) คุณนายแม่ก็มอบหมายให้พี่ ๆ ทำงาน เช่นล้างกำแพงบ้าน ทำความสะอาดบ้านที่ยังไม่มีคนเช่า ทุกคนก็ทำกันตามคำสั่งกันดี หนูก็เป็นหัวหน้าคอยดูความเรียบร้อยอีกที (อันนี้แต่งตั้งเองค่ะ) อ้าว...ก็จริง ๆ นะคะ ระหว่างที่พี่ ๆ ทำงาน หนูก็วิ่งไปมาสำรวจว่าทุกคนทำงาน ไม่อู้ แต่ถ้าหนูเหนื่อย หนูก็ขอนอนงีบ แล้วก็ค่อยตื่นมาตรวจงานกันใหม่ อันนี้เป็นอันรู้กันค่ะ

มาพูดถึงสรรสาระของหนูกันบ้างดีกว่า หนูมีของเล่นประเทืองปัญญาหลายชิ้นเลยค่ะ นายน้อยหนูพยายามหาของที่หนูชอบมาให้บ่อย ๆ มีตั้งแต่ทำจากยาง หนัง เชือก มีหลายรูปทรง แบบกลม รักบี้ ยาว หรือทำเลียนแบบอวัยวะคน ของใช้ หรือสัตว์ต่าง ๆ เช่นเท้าคน รองเท้า จานร่อน ดัมเบลล์ กบ แล้วก็มีทั้งผิวเรียบและขรุขระไว้นวดเหงือกและฟัน

ส่วนอาหารเสริมที่หนูทานนอกจากวิตามินบำรุงขนแบบวิตามินรวม และแคลเซียม หนูก็ไม่ได้ทานอะไรเป็นพิเศษค่ะ เพราะที่บ้านให้หนูทานอาหารสดปรุงเสร็จใหม่มื้อต่อมื้อ มีกระดูกเทียมและขนมสำหรับสุนัขที่หนูจะได้ในบางโอกาสแบบนาน ๆ ครั้ง

สำหรับปัญหาสุขภาพที่หนูมีก็เล็กน้อยค่ะ คือที่ผิวหนังบริเวณหูด้านในอักเสบเล็กน้อยเพราะหมาBeagleอย่างเรามีจุดอ่อนอย่างหนึ่งก็อยู่ตรงนี้แหละค่ะ เพราะหูเราพับ ไม่ตั้งชันเหมือนสุนัขพันธุ์อื่น เพราะฉะนั้นโอกาสที่มันจะอับชื้นจึงมีได้มากกว่า คุณหมอพบปัญหานี้ตั้งแต่แรก ๆ ที่เป็น จึงให้ยามาทาพร้อมน้ำยาล้างหู แล้วก็นัดให้ไปดูหูทุกอาทิตย์ ประมาณ 3 ครั้ง หูทั้งสองข้างหนูก็หายเป็นปกติค่ะ

สำหรับปลอกคอของตกแต่งให้หนูดูสวยงาม นายน้อยหนูไม่ได้พิถีพิถันเหมือนกับเจ้าของสุนัขคนอื่นในเรื่องราคาว่าต้องแพงหรือสไตล์ต้องโฉบเฉี่ยว แต่เขาดูว่าหนูน่าจะใส่สบาย ขนาดกำลังดีคือไม่กว้างและไม่ยาวเกินไป (ประมาณ ½ นิ้ว และยาวประมาณ 16-17นิ้ว) เค้ามักจะเลือกที่เป็นผ้าไนลอน ทำให้ไม่หนักคอหนู แห้งง่ายและไม่เหม็นถ้าเปียกน้ำ แล้วก็เป็นแบบหัวเข็มขัดไม่ใช่แบบล็อคพลาสติก เพราะเค้ากลัวตัวล็อคมันครูดขนที่คอ หนูสังเกตว่าช่วงหลังนายน้อยมักซื้อพื้นสีแดงเป็นหลักตามคำแนะนำของพี่แย้ม เพราะเขาว่าหนูใส่แล้วดูสวยกว่าสีอื่น อืมม์...แต่มีปลอกคออันหนึ่งที่เข้าข้อยกเว้นว่าไม่ใช้พื้นสีแดงและเป็นแบบล็อค แต่นายน้อย พี่แย้ม (และหนู) ว่าสวยและอนุญาตให้หนูใส่ได้ คืออันที่หลานแป้งซื้อมาฝากจาก Nagoya ตอนไปเที่ยวช่วงปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมากับคุณตาคุณยาย

ว่าแต่ก่อนจะจบตอนนี้ หนูยังมีวีรกรรมที่หนูเพิ่งทำเป็นครั้งแรก (และคงมีอีกหลายครั้งภายหลัง ทุกคนตั้งรับให้ดีละกัน...) หนูย่องเข้าไปในบ้านแล้วก็ไปปลดทุกข์บนพรมหน้าบันไดขึ้นชั้นสองค่ะ อ๊ะ...อ๊ะ ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ทุกข์แบบเบา ๆ เหมือนครั้งก่อน ๆ ครั้งนี้แบบหนัก แต่โชคยังดีเข้าข้างคนเก็บโกย มันเป็นก้อนค่ะ ไม่เละเทะ หนูว่าถ้าคุณนายแม่รู้ มีหวังสลบแน่ คุณนายพ่อต้องโกรธ ทำโทษหนูแน่เลย (หนูก็อยากรู้เหมือนกันว่าโทษที่ว่าคืออะไร) แต่ทางที่ดีอย่าให้ทั้งสองท่านรู้ดีกว่านะคะพี่ ๆ ขา




 

Create Date : 23 ธันวาคม 2550   
Last Update : 23 ธันวาคม 2550 12:30:04 น.   
Counter : 333 Pageviews.  

โลกใบเล็ก (นอกกะลา) ของหนู

คิดอยู่ตั้งนานว่าหนูจะเล่าอะไรให้ท่านผู้อ่านฟัง ชีวิตของหนูในแต่ละวันไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างกันมาก นอกจากบางวันที่พิเศษจริง ๆ และตอนนี้หนูก็คิดออกแล้วค่ะว่าจะนำเสนอสิ่งที่พิเศษนั้นให้ท่านผู้อ่าน เอาแบบฟรีสไตล์หนูคิดอันไหนได้ก่อนก็อันนั้นละกันนะคะ...

เช้าวันหนึ่งวันนั้น นายน้อยหนูขับรถบรื๋อออกจากบ้านไปทำงาน หนูถูกจับตามองไม่ให้วิ่งทะเล่อทะล่าออกนอกประตูบ้านเราไป เหมือนกับเด็กเล่นบัลลูนหรือเล่นตี่จับที่ต้องแตะฝ่ายตรงข้ามน่ะค่ะ แต่ฝีเท้าอย่างหนูซะอย่าง คนที่ไหนจะห้ามอยู่...ปกติ หนูจะถูกจับอยู่กับที่หรืออยู่ในอ้อมกอดของพี่ ๆ ก่อนรถจะเคลื่อนตัว แต่วันนี้เป็นข้อยกเว้นค่ะ...หนูวิ่งจี๋ตามท้ายรถออกปากประตูบ้านไป แล้วตีวงเลี้ยวขวาแบบมั่นใจเข้าไปในซอยตันซึ่งมีบ้านคนอีกประมาณ 3-4 หลัง

อะฮ้าวิ่งพอหอมปากหอมคอ หนูได้เจอพรรคพวก Soi Dog อีก 3 ตัว ยืนขวางเป็นพี่ใหญ่คุมซอยอยู่ ต่างฝ่ายต่างวิ่งหากัน พี่แย้มและนายน้อย ซึ่งตอนนั้นได้หยุดรถแล้วเพราะได้ยินเสียงร้องโหวกเหวก ต่างพากันร้องเรียกชื่อหนู...หนูก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าพวกเค้าตกใจอะไรกันนักหนา หนูแค่วิ่งเล่นในซอยและจ๊ะเอ๋กับเพื่อนใหม่เท่านั้นเอง...ณ เวลาเดียวกัน พี่วัฒน์ซึ่งก้มหน้าก้มตาพิทักษ์ความสะอาดที่ท้ายซอยเราอยู่ก็ได้ใช้ไม้กวาดเป็นอาวุธกันหนูออกจากบรรดา Soi Dog ที่ทั้งเห่าและแยกเขี้ยวใส่หน้าหนูกันใหญ่ หนูชักเริ่มตกใจและรู้ถึงอันตรายใกล้ตัวแล้ว เลยหันหลังใช้สี่ตีนโกยกลับหาอ้อมกอดของพี่แย้มที่คอยหนูอยู่หน้าบ้าน หัวใจหนูงี้เต้นไม่เป็นจังหวะ รัวอย่างกับปืนกล หนูหันกลับไปดูด้วยว่าเหล่า Soi Dog จะตามมาอาฆาตหนูหรือเปล่า แต่ไม่มีใครตามหนูมา เฮ้อ ค่อยยังชั่ว...สนุกก็สนุก แต่ไม่น่าเจอมะหมาพวกนั้นเลย น่ากลัวพิลึก...หนูได้ยินคนในบ้านพูดถึงความโชคดีที่หนูไม่ถูกหมาเหล่านั้นกัด ไม่งั้นหนูต้องเจ็บตัวและแถมต้องไปฉีดยา เช่นโรคกลัวน้ำด้วย ท่านผู้อ่านคงเดาได้เลยใช่ไหมคะว่านับแต่วันนั้นมาหนูเลยต้องอยู่ในความควบคุมของคนอย่างใกล้ชิดเวลามีรถเข้าออกที่บ้าน...ทุกวันนี้ อย่างดีหนูได้แต่นั่งเฝ้าริมประตูดูผู้คนผ่านไปมา ก็เพลินไปอีกแบบค่ะ กลิ่นแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน คนผู้ชายจะกลิ่นตุ ๆ แรงกว่าผู้หญิง (ไม่รวมพวกใส่เครื่องหอมนะคะ) การแต่งตัวบางคนก็เชยสนิท แต่บางรายก็มาเหมือนอยู่เดินบนแคทวอล์ก (แต่ไม่ยักมีแมวจูงด้วย) คนใส่รองเท้าแตะ ก็มักมีกลิ่นฉุย ๆ โชยมาตามลมมากกว่าคนใส่ถุงเท้ารองเท้า บางคนมาเป็นกลุ่มคุยกันอย่างกับยกพวกตีกันก็มี แต่ก็มีมากที่กระหนุงกระหนิงเดินเป็นคู่ หรือเดินคนเดียวแต่โยกหัวส่ายตัวเหมือนถูกสะกดจิต แล้วก็พวกขับรถมาจอด มาทำธุระ มากลับรถในซอย มีตั้งแต่รถจะพังแต่ยังพยุงให้เคลื่อนไปได้ หรือรถใหม่ออกจากโชว์รูมหมาด ๆ...

ตัวหนูเองก็มีกิจกรรมกับรถยนต์กับเค้าค่ะ เช่น การนอนอยู่ในบ้านเคลื่อนที่ของหนูแล้วก็วางไปในรถอีกทีหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นรถของที่บ้าน หรือพี่ ๆ แท็กซี่หลากสีหลายเวอร์ชั่น ที่หนูได้เป็นผู้โดยสารไปหาคุณหมอ หรืออีกกรณีหนึ่งคือนายน้อยหนูจะรับหนูนั่งเป็นผู้โดยสารข้างหน้าคู่กับเขาตอนกลับจากที่ทำงานหน้าประตูบ้านแล้วเคลื่อนช้า ๆ เข้าจอดในบ้านค่ะ...ก็ใช่นะคะ ถึงแม้จะเป็นระยะทางนิดเดียว แต่หนูก็ชอบ เพราะหนูได้นั่งเบาะนิ่ม ๆ ตากแอร์เย็น ๆ มันโชยผ่านจมูกชื้นของหนู...บรรยากาศน่านอนแล้วก็ได้อยู่กับคนที่หนูรักด้วย

ช่วงนี้ยังไม่เข้าหน้าหน้าร้อน แต่หลายส่วนของเมืองไทยก็เริ่มร้อนหูดับตับแล่บกัน โดยเฉพาะเวลากลางวัน หนูว่าอาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้ทั้งคนและสัตว์เลยมีอาการแปลก ๆ เช่น คนก็ทะเลาะกันไม่เลิก ไม่มีใครยอมให้ใคร ต่างคนต่างคิดว่าความคิดตัวเองเจ๋ง (อย่างเช่น “นัก???” หลาย ๆ “นัก???”) หรือ"สุนัข”อย่างหนู เมื่อคราวไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลสัตว์เล็กจุฬาฯ ครั้งก่อน คุณหมอผู้ชายถามว่าหนูเป็น Beagle แท้หรือเปล่า คนตอบก็บอกว่าแท้ แต่ยังต้องถามกลับว่าทำไมเหรอคะ หนูมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า คุณหมอเลยเฉลยที่มาของคำถามว่าเพราะหนูค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ซนเหมือนบรรดา Beagle ทั่วไป...




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2550   
Last Update : 18 ธันวาคม 2550 12:04:19 น.   
Counter : 219 Pageviews.  

มาคุยเรื่องหนุก ๆ ตอนใหม่กับ MINI กันเถอะ

มามะมามามา...แบบมะม๋า (ล้าสมัยไปหน่อยนะคะ) คุยเรื่องหนุก ๆ คลายเครียดกับหนูที่นี่กันดีกว่า เริ่มต้นที่ว่ายามเย็นวันก่อน พระอาทิตย์คล้อยไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว หนูเจอเพื่อนเล่นตัวใหม่...นอกจากบรรดากบ คางคก อึ่งอ่าง (ทั้งของแท้และของเทียม) เปลือกหอยทรงต่าง ๆ ที่วางประดับในสวนสนามหญ้าของคุณนายแม่ และเหล่าแมวสุดแสบที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของหนู เรียกว่าเจอกันตรงไหน ต้องมีการขู่กันดังสนั่นบ้านไปหมด...สงสัยแล้วใช่ไหมคะว่าคืออะไร บอกใบ้ให้ก่อนจะเฉลยในวรรคต่อไปว่า ภาษาอีสานบ้านเฮาเรียกว่า “กะปอม” หรือกิ้งก่าในภาษากลางน่ะค่ะ

ตอนที่หนูพบเจอน้องกะปอมตัวรีหางยาวครั้งแรกนั้น มันเกาะนาบอยู่กับกำแพงหลังบ้าน ติดกับครัว ใกล้กับไม้ม็อบที่พี่ ๆ ตากไว้ สีผิวงี้กลืนไปกับไปอิฐสีเทาเลยค่ะ มันไม่ยักตื่นเต้นหรือตกใจกับเสียงเห่าของหนูเลย มีแต่ลูกตาที่กลอกไปมา นิ้วทั้งหลายที่กางออกเป็นผืนที่ตีนทั้งสี่ไม่ไหวติง หนูจำได้ว่าวันนั้นหนูเห่าจนเหนื่อยจนพี่แย้มพรากเราจากกัน (เพราะหนูต้องเข้าบ้านนอนตอนพระอาทิตย์ตกดิน) น้องกะปอมตัวนั้นก็ยังไม่มีทีท่าเขยื้อนไปไหน หนูสงสัยว่ากะปอมมีหูหรือเปล่า อย่าว่างั้นว่างี้เลยค่ะหนูน่ะอยากเข้าไปตะปบจริง ๆ แต่น้องอยู่สูงเกินกว่าหนูกระโดดถึงราวหนึ่งช่วงไม้ม็อบ...อีกหลายวันต่อมา หนูได้เจอกะปอมตัวอื่นเพ่นพ่านในสนามหญ้า ปรากฏว่าต่างกับน้องกะปอมน้อยตัวแรกชนิดฟ้าดิน เพราะไม่มีตัวไหนหยุดให้หนูทักทายด้วย ทุกตัวฝีเท้าจัดจ้านทั้งนั้น หนูว่าหนูวิ่งเร็วอย่าบอกใครแล้ว ยังแพ้กะปอมพวกนี้อีก ไม่สนุกเลยที่มีความรู้สึกว่าแพ้ หนูเลยหันมาเล่นกับเพื่อนสี่ขาอย่างอื่นดีกว่า

อ้อ เพื่อนแก้เซ็งที่หนูเล่นด้วยบ่อย ๆ อีกพวกหนึ่งก็คือ เหล่านกน้อยที่หนูแอบอิจฉาความสามารถ เพราะนอกจากเดินได้แล้วยังบินร่อนไปมาได้อีกต่างหาก นกพวกนี้หนูไม่ถือเป็นเพื่อนสนิทมิตรซู่ซ่าเหมือนเหล่าเพื่อนที่เล่ามาตอนแรกซักเท่าไรนักค่ะ เพราะมันมักใช้ความได้เปรียบกับหนูบ่อย ๆ จนหนูชักเบื่อ ก็ท่านผู้อ่านคิดดูสิคะ นกน่ะชอบเกาะแต่เกาะบนที่สูงหรืออย่างน้อยก็ที่ที่หมาอย่างหนูเอื้อมไม่ถึง อย่างมากก็ได้แต่เห่าทักทายหรือขู่ตามเรื่อง จะมีบินโฉบต่ำมาหาอาหารหรือทำธุระส่วนตัวนาน ๆ ทีเท่านั้น แล้วก็รีบบินหนีไป หลายครั้งหนูก็ชอบนั่งดูพี่น้องฝูงนกทั้งหลายค่ะ มันลากพาความคิดของหนูล่องลอยไปด้วย...มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หนูอายเหมือนกันที่มีคนในบ้านแอบเห็นหนูเดินย่องไปหานกน้อยที่เกาะกินน้ำอยู่ในกระถางบัว หนูพยายามเดินให้เบาที่สุด ทั้งห่อตัวและลงฝ่าเท้าด้วยอุ้งเท้าทั้งสี่ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ นกน้อยก็ยังไหวตัวทันแล้วบินหนีไป หนูนะเจตนาดี (แต่ประสงค์ร้ายหรือเปล่า อันนี้ไม่บอกค่ะ) อยากเล่นด้วยเฉย ๆ ต่างหาก แล้วก็มีอยู่อีกครั้งหนึ่งที่หนูเห็นนกตัวหนึ่งขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ไปกว่านกกระจอก แต่ตัวออกสีเทาหม่น ขนกระจุกเป็นหย่อม ๆ ตายอยู่ที่พื้นหน้าครัว ทุกคนในบ้านพยายามไม่ให้หนูเข้าใกล้ ทั้งส่งเสียงดังและตบมือไล่ให้หนูไปไกล ๆ (เหมือนกับในหนังไหมคะ ที่ตำรวจกันฝูงชนออกจากที่เกิดเหตุ) หนูเห็นคนเอามือใส่ถุงพลาสติกหยิบนกที่ตายห่อแล้วเอาไปทิ้ง แล้วรีบล้างมือฟอกสบู่ พลางบอกว่ากลัวมันตายเพราะหวัดนก แล้วคุยกันใหญ่ถึงความร้ายแรงของโรคภัยชนิดนี้ แล้วพลอยพูดถึงอาหารการกินประเภทสัตว์ปีก เช่นไก่และไข่ ว่าต้องซื้อของที่ได้มาตรฐานและปรุงสุกเท่านั้น โดยเฉพาะคุณนายแม่ที่กังวลมาก ๆ กับเรื่องนี้...ส่วนของหนูนั้นหายห่วงค่ะ เพราะอย่างที่บอกในตอนก่อนหน้านี้ว่าอาหารจานโปรดหนูเป็นพวกปลาต้มกับผักและผลไม้ต่าง ๆ เป็นของว่าง...

มีเพื่อนของนายหนูหลายคนถามว่า “หมาเธอจับพวกหนู แมลงสาบหรือเปล่า” คำตอบจากบรรดานายของหนูก็จะเป็นในรูปปฏิเสธ

นายน้อยหนูเขาตั้งฉายาสัตว์พวกนี้ว่า “เหล่าอันธพาลที่ไม่พึงประสงค์” ซึ่งหนูไม่รู้จักนักค่ะ เพราะมีคนมาคอยกำจัดทุกเดือน รวมทั้งมดและปลวก มีแบบรมควันและฉีดยาฆ่าเหล่าอันธพาลฯ นี้ ไล่ตั้งแต่พื้น ซอกตู้ ท่อน้ำของบ้านเรา ทุกครั้งที่เขามาปฏิบัติหน้าที่ หนูจะถูกกักตัวในบ้านของหนู หลับไปหลายตื่นก็ยังไม่เสร็จ เรียกว่าเอาจนทั่วจริง ๆ ค่ะ ถ้าถามถึงกลิ่นเหรอคะ ก็ไม่ฉุนเท่ายาฉีดฆ่ายุงบางยี่ห้อ เพียงแต่ได้กลิ่นก็รู้ว่าเป็นน้ำยาบางอย่าง แต่พักเดียวก็ค่อยยังชั่วน่ะค่ะ (ไม่รู้ว่าชื่ออะไร ไม่งั้นจะได้โฆษณาให้ท่านผู้อ่านใช้บริการ แล้วขอเป็นค่าขนมซะหน่อย หวานเรา ฮิฮิ)

ติดตามเรื่องของหนูตอนต่อไปผ่านทาง chadging นะคะ หนูจะเอาเรื่องสนุก ๆ มาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังอีก




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2550   
Last Update : 12 ธันวาคม 2550 14:43:51 น.   
Counter : 236 Pageviews.  

แสนรู้แสนซ่าแสนซน...และอีกหลายแสนที่แสบแสน

จะแอบบอกท่านผู้อ่านดัง ๆ ว่าหนูไม่อยากให้ chadging เอ่ยนำชื่อเรื่องของหนูแบบนี้เลย เพราะที่จริงแล้ว หนูน่ะทั้งน่ารักและน่าทะนุถนอม (หยั่งกะปุยนุ่น อะไรจะเว่อร์ปานนั้น) แต่ทำยังไงได้ เพราะหนูพูดกับท่านผู้อ่านไม่รู้เรื่อง ต้องอาศัยคุณ chadging เป็นคนถ่ายทอดข้อความนี่นา ตอนนี้ก็เป็นตอนที่สามแล้วที่หนูปรากฏตัวต่อท่านผู้อ่านนะคะ หนูขอถือโอกาสไม่โชว์ตัวในครั้งนี้ละกัน มาฟังหนูฝอยเรื่องแสน (ล้าน) รู้ของหนูดีกว่าค่ะ วันก่อนนี้และอีกหลาย ๆ ครั้ง ที่หนูสนุกกับการคาบรองเท้าคนโน้นคนนี้ไปกัด โดยที่บรรดานาย ๆ ของหนูรวมทั้งแขกที่มาเยี่ยมที่บ้านต้องคอยวิ่งไล่บ้าง หรือคุณนายพ่อต้องวิ่งตามตะครุบหนู แต่หนูไม่รอท่าให้ใครจับหนูได้หรอกค่ะ หนูล่อหลอกไปมาจนทุกคนเหนื่อย (อันนี้เรียกว่าไม่ใช่หมาหอบแต่เป็นคนหอบ) สนุกมาก ๆ ขอย้ำ แต่หนูนะไม่รู้เป็นยังไง พอเห็นคุณนายแม่ พูดกับหนูดี ๆ เพราะ ๆ ว่า “มินี่จ๋า ขอรองเท้าคืนนะจ๊ะ” เท่านั้น หนูรีบคาบมาคืนให้ถึงที่เลย ไม่อยากให้นายแม่เสียแรง เรียกว่าช่วงนี้หนูกับคุณนายแม่เป็นพันธมิตรกัน เราฮักกันค่ะ คุณนายแม่ก็มีไมตรีให้รางวัลหนู เป็นขนมปังกรอบบ้าง หรือกล้วยน้ำหว้าบ้าง หวานปากหนูเลย

พูดถึงเรื่องของกิน หนูอดต่อว่าพวกนาย ๆ ไม่ได้อยู่อย่างหนึ่ง คือชอบให้หนูทำนู้นทำนี้ซะจนเมื่อยกว่าจะได้รางวัล โอ้โห บางครั้งเหนื่อยมาก เหนื่อยจนถึงทีสุด กับหนึ่งชิ้นรางวัล ถ้าหนูว่ามันเกินไป หนูจะหยุดทำและเห่าแบบกรรโชก (อืมม์ ถ้าภาษาคนก็คงตรงกับคำว่าทะเลาะหรือเถียงนี่แหละค่ะ) กิจกรรมที่ให้หนูทำน่ะเหรอคะ ก็มีตั้งแต่ง่าย ๆ เช่น นั่งลง สวัสดีหนึ่งขาหรือสองขา ลุกขึ้นยืน ยืนสองขาเหยียดขาตรง (จนหนูบิดขี้เกียจได้ ฮาฮาฮ่า) แล้วบางทีก็มีแบบหมุน ๆ หรือนอนแอ้งแม้งค่ะ

ส่วนตอนเย็น อย่างหนึ่งที่หนูจะพยายามไม่พลาด คือการดักรอนายของหนูกลับจากที่ทำงานค่ะ โดยเฉพาะถ้าวันไหนที่เขาสบายดี ไม่ปวดท้อง หรือไม่ต้องไปโรงพยาบาล เค้าจะมาเล่นกับหนูเสมอ เราจะนั่งคุยกัน (จริง ๆ นายหนูเขาคุยฝ่ายเดียวและหนูเป็นคนฟังน่ะค่ะ) บางทีใช้เวลานานพอสมควรทีเดียว ร่วม 5-10 นาที เขาก็จะถามสารทุกข์สุกดิบของหนูในวันนั้น หนูทำอะไรบ้าง ไปแกล้งใครหรือเปล่า แล้วก็ดูเหงือก ดูขี้หูของหนู แล้วก็เล่าเรื่องของเขาให้หนูฟังว่าเขาทำอะไรบ้าง โดนนายดุหรือเปล่า มีงานทำเยอะไหม ได้ไปช็อปปิ้งที่เต็นท์แถวตึกที่ทำงานหรือเปล่า รวมถึงการปวดท้องของเขาน่ะค่ะ (เรียกว่า “แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน” ใช่ไหมคะ ถ้าเป็นศัพท์หรู ๆ เนี่ย) หนูชอบนะกับสิ่งที่นายหนูเขาทำ มันแสดงถึงความห่วงและอาทร ถึงแม้หนูจะไม่ใช่คนแต่เป็นแค่สิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่งในโลกนี้ หนูก็ภูมิใจมาก ๆ เลยค่ะที่นายหนูเขาให้ความรักหนูอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้เขาจะไม่ได้เอาหนูไปกอดจูบหรือไปนอนด้วย แต่นี่ก็เพียงพอแล้ว

อืมม์ พูดถึงเรื่องความซนสนุกสนานของหนูกับสิ่งมีชีวิตรอบตัวอื่น ๆ บ้าง หนูมีอยู่เป็นประจำค่ะ ยิ่งช่วงค่ำ ๆ ก่อนเข้านอนเป็นช่วงพิเศษของวันของหนูเลยค่ะ คือการที่หนูได้เล่นกับกบและคางคกค่ะ อย่างที่ท่านผู้อ่านอาจได้อ่านไปแล้วในตอนแรกว่าหนูชอบเล่นกับสัตว์ประเภทนี้ นายของหนูก็เพียรพยายามเอาใจหนู โดยการไปซื้อกบยางสีเขียว (แถมมีลิ้นสีแดง) ตัวเบอเริ่มมาให้ แต่หนูไม่ค่อยชอบค่ะ เพราะมันไม่มีกลิ่น และเคลื่อนไหว กระโดดไปมาเหมือนของจริงไม่ได้ หนูเลยคาบมันไปไว้เล่นแก้เซ็งในบ้านของหนูแทน (เอาไว้เวลานอนไม่หลับ หรือเวลาตื่นแล้วแต่รอคนมาเปิดประตูบ้านให้หนูน่ะค่ะ) นอกจากกบเทียมแล้ว ในบ้านหนูก็ยังที่ขัดฟันสีม่วงอื๋อ รองเท้าแตะทั้งแบบหนังและไม่หนัง แปรงขัดพื้น และผ้าขนหนูไว้สำหรับแทะเล่นอีกต่างหากค่ะ เรียกว่ามีเพียบแบบกระเป๋าโดเรมอน




 

Create Date : 05 ธันวาคม 2550   
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 19:36:58 น.   
Counter : 223 Pageviews.  

เรื่องของนายน้อยและของฉัน...มินี่

ไชโย๊ ไชโย เสียงปิ๊น ๆ ที่คุ้นหูดังขึ้นแล้ว และที่สำคัญคือ มีคนที่หนูรอตั้งนานนั่งมาข้างหลังคู่กับนายแม่ ช่ายแล้วค่ะ...นายน้อยของหนูนั่นเอง เค้าหายไปจากบ้านเราตั้งแต่วันพุธจนวันนี้ก็สามวันพอดี ตอนไปนี่ หนูใจหายแว๊บเลย ไม่น่าเชื่อเลยว่าเค้าแทบไม่มีแรงเดิน ต้องมีคนหิ้วสองข้าง ถูลู่ถูกังพากันขึ้นรถ แล้วลุงบุญมีก็เร่งเครื่องออกรถพาไปโรงพยาบาล บ่ายวันนั้นไม่มีใครสนใจหนู ทั้งที่หนูวิ่งไปมา (อันนี้น้อยใจนิดหน่อยค่ะ) หนูมานึกได้อีกทีก็คงเป็นเพราะนายน้อยหนูเขาไม่สบายมาก ๆ ใครต่อใครเลยพากันเอาใจเขาเป็นพัลวัน หนูได้ยินคนในบ้านเขาพูดกันว่าลำไส้เค้าหยุดทำงานอีกแล้ว แก๊สเต็มท้อง ภาพเอ็กซ์เรย์ถ่ายออกมาเห็นเป็นสีดำปื๊ดไปหมดโดยเฉพาะตรงลำไส้ด้านขวาล่าง เราพากันสันนิษฐานกันว่าคงเป็นเพราะอาหารที่เขากินก่อนหน้านั้นซึ่งแปลกกว่าทุกวัน คือขนมปังฝรั่งเศส 2 อัน เป็นไส้ผักโขมหนึ่งและอีกหนึ่งคือไส้ผักรวม แถมมีเนยแข็งเป็นส่วนประกอบ มันคงไปทำปฏิกิริยาอะไรไม่ดีกับไส้ เช่นไปอุดตันทำนองนี้น่ะค่ะ เฮ้อ...อะไรจะโป๊ะเชะขนาดนี้ก็ไม่รู้ นายหนูนี่ก็ช่างสรรหาของกิน เขาอ้างว่าที่กินอันผักโขมเพราะเขาไปหาหมอเสร็จแล้วหิว ก็เลยไม่รู้จะกินอะไรดี มองซ้ายแลขวาเห็นอันนี้เข้าท่าสุดก็เลยตัดสินใจซื้อซะเลย ส่วนผักรวมนั่นเป็นเพราะขัดศรัทธาไม่ได้ คนที่ทำงานเขาซื้อเลี้ยง ก็ต้องกิน เดี๋ยวเขาเสียใจ แล้วแถมวันนั้นยังไม่ถ่าย ทานผักซะหน่อยน่าจะช่วยทำให้ลำไส้ทำงานคล่องขึ้น ฮ่า ทานไป ได้เรื่องเลยหงะ คุณหมอให้เขานอนอยู่โรงพยาบาลซะเลย ซ่านักนี่ ได้ทานอาหารอ่อนและน้ำเกลือแทน

ว่าแต่ต้องท้าวความกันนิดหนึ่งว่าอาการที่นายน้อยหนูเป็นเนี่ยภาษาคุณหมอเขาเรียกว่า Gastrointestinal Dysmotility หรือลำไส้ไม่ทำงานน่ะค่ะ คือเส้นประสาทและกล้ามเนื้อในลำไส้มันทำงานไม่ปกติเหมือนชาวบ้านเขา มันไวต่อของเสียและไม่มีแรงที่จะเก็บของเสียไว้ได้เยอะ ๆ แถมลำไส้ใหญ่เขาถูกตัดไปเกือบหมดแล้ว ความสามารถในการดูดน้ำกลับที่ของเสียก่อนจะไปถึงทวารหนักก็มีน้อยลง ผลก็คือเขาถ่ายบ่อยและเป็นเหลว ๆ (คล้ายคนท้องเสีย) และในทางตรงข้าม บางครั้งเขาอาจไม่ถ่ายเลย เพราะลำไส้มันอุดตันที่ใดที่หนึ่ง แต่ก็ยังโชคดีนะคะที่เป็นอาการที่ไม่ร้ายแรงถึงตายหรือทำให้อายุสั้น (คุณหมอว่าอย่างนั้น) มีแต่ทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันยากขึ้น บางครั้งถึงกับต้องวางแผนว่าจะเอายังไงดี เช่นนั่งรถไปที่ต่าง ๆ หรือออกต่างจังหวัด ก็ต้องเตรียมกระดาษเปียกไว้เช็ดก้นและคอยมองหาห้องน้ำ (เพราะอึไง) หรือเรื่องกินนี่ก็เรื่องใหญ่ไม่แพ้กัน อย่างตอนนี้นายน้อยหนูเขาได้แต่ทานอาหารที่ที่บ้านทำ ไปกินข้างนอกไม่ได้ ทั้งกลัวเรื่องความสะอาด และส่วนประกอบ คุณหมอแนะนำให้เขาทานอาหารเหมือนตอนอยู่โรงพยาบาล เพราะตอนนอนที่โรงพยาบาลท้องไม่เสีย แถมยังมีการทดสอบความอดทนอีกอย่างคือ เขาทานได้ 2 มื้อ (เหมือนหนูเลย) คือมื้อเช้าและเย็น เพราะต้องทิ้งช่วงให้กระเพาะและลำไส้ได้ย่อยนาน ๆ เนื่องจากลำไส้เขาทำงานช้ากว่าคนปกติน่ะค่ะ มาถึงบรรทัดนี้ท่านผู้อ่านคงนึกภาพออกใช่ไหมคะว่าเขาก็ได้แต่ดูคนอื่นเอ็นจอยความอร่อยขณะที่ตัวเองก็ได้แต่กลืนน้ำลาย...เกลื๊อก ๆ... ความไม่สนุกก็มีประการหละฉะนี้ค่ะ

พูดถึงเรื่องหนูบ้างดีกว่า...เดี๋ยวนายน้อยหนูเขาได้เป็นพระเอกคนเดียว...เมื่อวานหนูได้ที่ขัดฟันอันใหม่สีส้มสดใสแทนอันสีม่วงอี๋อ ขอบมันเป็นพลาสติก ส่วนตรงกลางมันเป็นคล้าย ๆ ยาง หนูชอบมากเลยค่ะ เหมาะสำหรับการกัดและขัดฟันอันคมกริบของหนูเลย นายน้อยของหนูเขาดีมากเลย ไม่บ่นว่ามันแพง (ปกติเขามักจะขี้ตืด เงินไม่ค่อยกระเด็นออกจากกระเป๋าสตังค์) หรือเขาไม่ทันสังเกตก็ไม่รู้ เพราะซื้อพร้อมแคลเซียมและวิตามินบำรุงขน ทุกครั้งนายน้อยหนูก็ไปซื้อผลิตภัณฑ์สุนัขแถวถนนพระรามสี่ ใกล้ที่ทำงานและออกกำลังกายเขาน่ะค่ะ เค้าว่าร้านใหญ่ มีของให้เลือกเยอะพอสมควร และที่สำคัญคือสะดวกเขาค่ะ...หนูเลยได้ของฝากบ่อย ๆ

ส่วนเรื่องแปรงสีฟัน หนูขอเอามันไปห่าง ๆ เลยนะคะ หนูไม่ชอบนี่นา หนูเคยแปรงฟันตอนเล็ก ๆ อายุได้สักประมาณหกเดือน นายหนูเขาป้ายยาที่นิ้วเขาก่อน แล้วอีกทีหนึ่งก็ที่แปรง แปรงครั้งละนิดละหน่อย หนูจำได้ว่าหนูสะบัดหัวสุดแรง ความรู้สึกเหรอคะ...มันไม่เจ็บ แต่ออกไปทางจักกะจี๊ที่เหงือกด้วยซ้ำ นายหนูเขาทดลองแปรงให้หนู 3-4 ครั้ง ก็เลยไม่ฝืนหนูอีกค่ะ หนูละดีใจ๊ดีใจ

วันก่อนหลานสาวสุดเลิฟของนายน้อยเขามาเยี่ยมบรรดานาย ๆ และมาเล่นกับหนู เชื่อหรือไม่คะ แค่อยู่ประถมห้า แต่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของสุนัขตัวจริงเสียงจริงเลยหละค่ะ ตอบได้ทุกคำถามเกี่ยวกับสุนัขแทบทุกสายพันธุ์ รอบรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ ของเล่น อาหารสุนัข มีหนังสืออะไรเกี่ยวกับสุนัขนี่ ต้องรีบคว้าหามาอ่าน พักหนึ่งเค้าว่าจะเรียนเป็นสัตวแพทย์จะได้อยู่กับสุนัขหลายตัวในวันหนึ่ง ๆ...ตอนนี้เปลี่ยนแนวเล็ก น้อยคือ อยากเป็นเจ้าของฟาร์มเพาะพันธุ์สุนัขขาย...ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะว่าในที่สุดจะเป็นอะไร แต่คงต้องมีน้องหมาอย่างหนูเกี่ยวข้องกับชีวิตเขานี่หละค่ะ ว่าแต่วันหนึ่งวันนั้นที่น้องหนูคนนี้




 

Create Date : 05 ธันวาคม 2550   
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 19:36:10 น.   
Counter : 524 Pageviews.  

1  2  

chadging
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add chadging's blog to your web]