ยังไงก็ไม่ชิน
Group Blog
 
All Blogs
 

จากกระทู้ปิดบัญชี "ยังไงก็ไม่ชิน" โดย *bonny -- ตอนที่ ๓

11) มีคนบอกว่า คุณ*bonny กับเม่ยเอาความดีความชอบของคุณดอกฟ้ากับหมาวัดไปหมด เธอทำงานหนักคนเดียวในหนังสือเล่มนี้จริงหรือ?

เธอควรจะให้เกียรติทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำหนังสือนะ การพูดว่า หนังสือเล่มนี้ดอกฟ้าทำงานหนักที่สุด ทำคนเดียว เป็นการฉกฉวยผลประโยชน์ใส่ตัวอย่างน่าละอายที่สุด

ลำพังแค่ภาพถ่าย + จัดงานเลี้ยง ทำให้เกิดหนังสือไม่ได้หรอกครับ และโครงการนี้ก็ไม่ได้จำกัดแค่ทำหนังสือจบเท่านั้น

หนังสือสำเร็จได้ เพราะทุกคนมีส่วนร่วมต่างหาก ตั้งแต่คุณเก็ตถวา น้องออฟ คุณอ้อ เม่ย และผม รวมทั้งนักเขียนบทความทุกคน ต้องได้รับคำชื่นชม
หนังสือเล่มนี้ คนซื้อเพราะสาระของบทความนะครับ ไม่ใช่เพราะภาพถ่าย คุณดอกฟ้าต้องจดจำไว้

คนที่ทำงานหนักที่สุดไม่ใช่ดอกฟ้าครับ แต่เป็นน้องเม่ย
ส่วนคนที่เจ็บปวดจากหนังสือเล่มนี้มากที่สุดก็ไม่ใช่ดอกฟ้าอีกเช่นกัน แต่เป็นผม

งานทำหนังสือเล่มหนึ่ง ถ้าตัดเรื่องงานเขียน งานอาร์ต งานพิมพ์ ออกไปแล้ว เหลืองานไม่เยอะหรอกครับ จะว่างานหนักคงไม่ใช่ แต่น่าจะเป็นอาการหนักใจมากกว่า

หลังจากคุณดอกฟ้าลาออกไป น้องเม่ยต้องเป็นคนส่งหนังสือให้กับสมาชิกที่สั่งจองด้วยตัวเองหมด ผมบอกว่าจะช่ายเธอยังไม่ยอมเลย ความจริงผมมีลูกน้องที่ทำงานที่คุ้นเคยกับการทำเรื่องเช่นนี้มาหลายครั้ง แต่เธอยืนยันว่า ไม่หนักหนาอะไร นอกจากนี้ยังต้องทำบัญชีรับจ่ายทั้งหมดดังที่ปรากฏ
น้องเม่ยยังต้องทำเรื่องส่งเงินบริจาคไปยังองค์กรการกุศลต่างๆ ให้ด้วย ล่าสุดหอบหนังสือหลายร้อยเล่มไปบริจาคให้กรมราชทัณฑ์ และกระทรวงศึกษาจนแล้วเสร็จ

ผมบอกให้เม่ยเบิกค่าพาหนะต่างๆ ที่จ่ายไปแล้วจำนวนมาก ทั้งค่าแท็กซี่ รถไฟฟ้า จยย.รับจ้าง แต่เธอบอกว่า ไม่เอา กลัวเป็นขี้ปากให้คนนินทา

ที่พูดมาไม่ใช่ว่า คุณดอกฟ้าไม่มีผลงานนะครับ เธอก็เป็นคนที่ทุ่มเทให้หนังสือเล่มนี้อย่างมากด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่ทุ่มเทนั้นผิดหลักการทำงานร่วมกัน เธอรวบงานบางอย่างไปทำคนเดียวเพราะความหวาดระแวง เกลียดและกลัวครอบงำจิตใจ

เธอลืมไปว่า โครงการนี้ผมเป็นเจ้าของโครงการ เมื่อเริ่มแล้วผมก็ต้องทำจนจบ เริ่มที่ผมก็ต้องจบที่ผม ไม่ใช่จบที่คุณดอกฟ้าหรือใครๆ ต่อให้เธอทำงานคนเดียว 100% ยังไงก็มีสถานะผู้ร่วมงานไม่ใช่เจ้าของโครงการนี้ เว้นเสียแต่ผมยกโครงการนี้ให้เธอไปทำ ซึ่งก็ไม่ใช่อีก ดังนั้น..เธอจะตัดผมออกจากความรับผิดชอบไม่ได้
โดยเฉพาะเธอบอกว่า เธอหลงหรือหลวมตัวมาทำงานนี้เพราะถูกคนยุ งานอาสาสมัครนะคุณดอกฟ้า ถ้าหลวมตัวเข้ามาแล้วเห็นว่า ไม่ดี คุณลาออกเมื่อไรก็ได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ไปทำลายคุณค่าโครงการของเขา สุดท้ายจัดงานเลี้ยงแล้วเปิดหมวกอำลาเอง มาบอกว่า หลวมตัว เสียค่าโง่ไปแล้ว ทำไมความรู้สึกของคุณช้าจัง

12) คุณดอกฟ้าบอกว่า เธอออกเงินค่าเลี้ยงดูทีมงาน และคนนอก และออกค่าใช้จ่ายงานเลี้ยงเปิดตัวหนังสือเองทั้งหมด เป็นความจริงหรือไม่?

เป็นความจริงครับ แต่ผมไม่ถือเป็นผลงานในโครงการนี้แต่เป็นเรื่องส่วนตัวที่เธอเสนอตัวทำเอง

หนังสือการกุศลหารายได้ให้เด็กๆ แต่นัดพบปะพูดคุยทำความรู้จักกันที่ห้องอาหารในโรงแรมโซฟีเทล เซ็นทรัล (หลายครั้ง) ผมถือว่า เป็นการอวดศักดาและบารมีส่วนตัว ทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่า เธอมีบารมีทางการเงิน หาใช่แนวทางของการทำหนังสือของผมไม่

การจัดงานเลี้ยงเปิดตัวหนังสือ ผมจำได้ว่า เดิมจะใช้ร้านบารนีของคุณอังศนา มีน้ำท่า ชากาแฟนิดหน่อย คุณอังศนายินดีให้บริการ แต่เธอเปลี่ยนเป็นโชว์เมนูที่เธอลงมือทำเอง หมดเงินไปเยอะ ถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่เธอมีพาวเวอร์จะทำได้ คุณเธอก็ได้หน้าได้ตาได้รับคำนิยมชมชอบไปหมดแล้ว ผมไม่คัดค้านใดๆ แต่ถือเป็นบุญคุณกับหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ มันไม่ใช่แนวทางของผม คุณดอกฟ้ากำหนดแนวทางเองหมด เหมือนกับที่เธอทำงานกับผม คือ พยายามควบคุมทุกส่วนเอาไว้ในมือ เพื่อทำตามอำเภอใจและลงความเห็นว่า นี่คือผลงานที่ทุ่มเท

งานเปิดตัวหนังสือทั่วๆ ไปที่สำนักพิมพ์จัดขึ้น ยอดพิมพ์เป็นหมื่นเล่ม เขาเลี้ยงแค่ชา กาแฟ และคุ้กกี้ เท่านั้น นั่นเขาทำเพื่อหากำไรจากหนังสือนะ แต่เราไม่ใช่

ผมทำหนังสือกับคุณอ้อมาหลายเล่ม คุยกันทางโทรศัพท์ ส่งงานกันทางเน็ต และไปรษณีย์ ไม่เคยเจอหน้ากันเลย แต่หนังสือก็เสร็จสมบูรณ์เหมือนกัน

ฉะนั้น..กรุณาอย่าตีค่าเงินที่คุณหว่านลงไปโดยไม่จำเป็นมาเกี่ยวข้องกับงานทำหนังสือเล่มนี้เลยครับ

13) มีคนบอกว่า ผลประโยชน์ตกอยู่กับคุณ*bonny เต็มๆ คุณแอบอ้างทำโครงการนี้ทำเพื่อตนเองหรือเปล่า?

ผลประโยชน์บ้าบออะไร ตั้งแต่มีงานนี้ขึ้นมา เจ็บตัวกันทุกคน เฉพาะเรื่องตัวเงิน คุณดอกฟ้าก็หมดไปเยอะ เม่ยก็หมดไปเยอะ ผมก็หมดไปเยอะ แต่ละคนควักกันเรือนหมื่นทั้งนั้น ผมจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 9,500 บาท ได้หนังสือมา 7 เล่ม
สุดท้าย เรามาทะเลาะกัน สาวไส้กันให้คนในบอร์ดตัดสินว่า ใครถูกใครผิด ได้ประโยชน์ตรงไหนไม่ทราบ

หนังสือเล่มนี้พิมพ์เป็นการเฉพาะกิจ แค่ 1000 เล่ม ขายภายในบอร์ดไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ขายภายนอก 50 เล่มนอกนั้น..แจกฟรี
ตั้งข้อสังเกตแบบนี้ เพราะมีนามแฝง*bonny ปรากฏเป็นเสนียดตาหลายคนมากกว่ามั้ง

หน้ามืดจนลืมกันไปว่า ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดคือ สังคมที่ด้อยโอกาสต่างหากล่ะ

นอกจากนี้ ตอนทำหนังสือเล่มนี้ คนทำงานอาร์ตให้เราและโรงพิมพ์ยังไม่ยอมรับพิมพ์บทความของ*bonny ด้วยเหตุผลที่ว่า..ค่อนข้างหมิ่นเหม่ต่อการถูกฟ้องร้อง จนผมต้องเอากลับมาแก้ไขถึงสองครั้งสองคราจึงพิมพ์ได้ เนื้อหาตอนแรก เล่นกันตั้งแต่คุณพ่อของคุณทักษิณออกหากินเลยนะครับ ผมเล่นแรงและเล่นหนักถึงไส้ถึงพุง อยากรู้นักว่า ผมได้ประโยชน์จากบทความหรือคนอ่านได้ประโยชน์กันแน่

ในหนังสือเล่มนี้ ลองอ่านดูนะครับ ผู้ที่เขียนบทความโจมตีระบอบทักษิณเต็มๆ มีแค่ผม กับคุณศิลาแลง คนละสองบทความ นอกนั้นเขียนเรื่องความรู้ทางการเมืองและสังคมทั่วๆ ไป
ถ้าถูกฟ้องร้อง ไม่ว่าจะเป็นบทความของ *bonny หรือ ของคุณศิลาแลง (คุณศิลาแลงใช้ชื่อตัวละครปลอมทั้งหมด ยังไงก็ต้องตีความหลายชั้นกว่าจะถึงตัว) คนที่ต้องรับผิดชอบ คือ บรรณาธิการของหนังสือเล่มนี้ ซึ่งก็เป็นผมวันยังค่ำ คงไม่ใช่ดอกฟ้า หรือเม่ยหรอก คนอื่นในเสรีไทยก็คงไม่อาจช่วยผมได้หรอกครับ

และเพราะใช้ชื่อ*bonny นี้นามเดียวมาตลอด ไม่เคยสวมหน้ากาก ทำให้สืบหาที่อยู่ และตัวตนได้ไม่ยาก

แม้แต่สมาชิกในนี้ยังมีการพยายามเอาชื่อ เอาที่อยู่ เอาบริษัทของผมมาแปะเพื่อประจานตัวผมได้ ( เลวสุดๆ ในบรรดาการใช้อวิชชาแล้ว) ในเมื่อพวกคุณหาได้ ตำรวจก็หาได้

ตอนหนังสือออกมา มีหนังสือคู่แข่งอีกเล่ม เรื่อง “ไม่เปรม” คนทำและคนเขียนต้องหลบๆ ซ่อนๆ หนังสือถูกเก็บกวาดไปเร็วมาก ทุกวันนี้ คนเขียนบางคนยังต้องคดีอยู่เลยครับ

แต่ผมรับรองว่า ถ้าไม่ใช่เพราะขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดล่ะก็ จ้างให้ผมไม่ยอมเขียนบทความสุ่มเสี่ยงอย่างนั้นอย่างเด็ดขาด

อย่าลืมนะว่า คมช.อยู่เดี๋ยวเดียวก็ไปนะครับ ตอนสมัครเป็นนายก เฉลิมเป็นมหาดไทย จักรภพดูแลสื่อ หากลิ่วล้อผู้จงรักภักดีอยากจะหาเรื่องปิดเว็บนี้ ส่งหนังสือไปให้ดู คนที่ถูกเชือดคือผมก่อนเพื่อน ริดกุนเป็นจำเลยที่สองนะครับ

ที่เขาไม่ทำเช่นนั้นเพราะมีข้าศึกตัวใหญ่กว่าที่ต้องเผชิญหน้าต่างหาก เสรีไทยเป็นบอร์ดเล็กๆ หนังสือเล่มนี้ก็ไม่แพร่หลายในวงกว้าง ส่วนใหญ่เผยแพร่ในกลุ่มพันธมิตรที่ต่อต้านทักษิณ แต่ถ้ายอดพิมพ์เป็นหมื่นเล่มแบบรู้ทันทักษิณ ป่านนี้โดนไปแล้ว
ไอ้กลัวติดคุกน่ะ ไม่กลัวหรอกครับ คดีถึงศาลก็ชนะ แต่ในระหว่างที่ศาลยังไม่ตัดสินนี่สิ ทำอะไรไม่ได้ไปหลายปี เพราะจะไม่มีใครรับผลงานของผมอีก ไม่ว่าจะใช้นามปากกาไหน สงสารเด็กๆ นะครับ

ผมถึงบอกตั้งแต่ต้นไงครับว่า ทีนี่ดีนะ กล่าวหากันง่ายๆ ไม่เสียตังค์ หมิ่นประมาทคนไม่ติดคุก แค่เสียล็อกอิน เปลี่ยนหน้ากากเดี๋ยวก็กลับมาใหม่

14) นั่นสิ ทำไมคุณไม่เปลี่ยนนามแฝงไปหลายๆ บทความอย่างนักเขียนอีกท่าน?

อย่างที่บอก คือ ชื่อ*bonny ใช้มานาน ไม่ใช่รู้จักกันแค่ในเสรีไทยนะครับ คุณลองไปเสิร์ชหาในกูเกิ้ลได้ มีบทความของผมอีกหลายร้อยเรื่องที่ผมไม่ได้เอาไปเผยแพร่เอง แต่อยู่ในเว็บบอร์ดของหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และรัฐวิสาหกิจ แม้แต่เว็บบอร์ดของรัฐสภาผมก็เคยเจอ
และผมก็นึกไม่ถึงหรอกว่า จะต้องปิดบังไปทำไมในเมื่อมันเป็นแค่นามแฝงที่คนรู้จักกันดีในหมู่นักท่องเว็บว่า เป็นนามแฝงที่เป็นสัญลักษณ์ของขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด และมีจุดยืนต่อต้านทักษิณชัดเจนมานานแล้ว

สำนวนการเขียนของผมก็เหมือนลายเซ็นต์ประจำตัว ใครก็อ่านออกแต่ลอกเลียนแบบกันไม่ได้ อีกอย่าง ผมไม่รู้จะหลอกสมาชิกที่นี่ไปทำไมกัน ที่นี่มันเว็บบอร์ดของเสรีไทยนะครับ ..ชอบไม่ชอบ ให้ผมรับเต็มๆ ดีกว่าครับ แต่ท่านอื่นเขาก็มีเหตุผลส่วนตัวของเขา ผมเคารพไม่ก้าวก่าย ในขณะที่คนอื่นๆ กลับนำมาสร้างเรื่องโจมตี หรือว่า..ชอบให้ผมโกหกว่า ไม่ได้เขียนในเรื่องที่ตัวเองเขียน ตรงนี้ถือว่า ไม่เข้าท่ามากๆ

15) ทำไมคุณพริกขี้หนูตามรังควานคุณตลอดมา?

คงเป็นเหตุผลส่วนตัวมั้งครับ คนไม่ชอบผมมีเยอะ แต่ละคนมีเหตุผลต่างกันไป
พริกขึ้หนูเป็นนามแฝงเฉพาะกิจเพื่อโจมตีผมโดยเฉพาะ จริงๆ เรื่องระหว่างผมกับเขาไม่มีหรอก แต่เป็นเรื่องที่คุณแบ่งฝัน...ปันรัก ไปก่อไว้ในสงครามแย่งชิงอำนาจเว็บนี้เมื่อสามปีก่อน

ขอย้อนไปกล่าวเรื่องสงครามทลายฝันสักนิดหนึ่ง..

ตอนผมยกขบวนสมาชิกจำนวนหนึ่งจากพันทิปมาที่นี่ เว็บไม่ได้ใช้ชื่อนี้ และก็มีคนที่ไม่ชอบทักษิณแต่ไม่ใช่สมาชิกขบวนการเสรีไทยอยู่อีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาที่นี่เช่นกัน
เมื่อผมย้ายมาที่นี่แล้ว ก็ขอให้ริดกุนเปลี่ยนชื่อเว็บบอร์ดเป็นขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดซะ เพราะมีคนรู้จักแล้ว คุณริดกุนโอเค ผมจึงไปประกาศในพันทิปให้สมาชิกของผมตามมาที่นี่
ชื่อห้องสนทนาตอนแรกก็ไม่ใช่อย่างที่เห็นอยู่ แต่เป็นชื่อที่ผมตั้งขึ้นโดยความเห็นขอบของริดกุน แต่ใช้ชื่อห้องสนทนานั้นได้ไม่นาน กลุ่มที่ไม่ใช่สมาชิกของขบวนการก็ขอให้ริดกุนแก้ไขใหม่หมด เป็นชื่อห้องสนทนาที่เป็นอยู่ในปัจจุนันนี้แหละ
แต่คนกลุ่มนั้นไม่ได้หยุดแค่นี้ ขอเปลี่ยนชื่อเว็บใหม่อีก โดยขอใช้ชื่ออื่นที่ไม่ใช่ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด นั่นทำให้คุณแบ่งฝันปันรัก ซึ่งตอนนั้นได้รับเลือกจากผมให้เป็นหนึ่งใน 9 อรหันต์ ดูแลบริหารจัดการเว็บนี้ไม่ยินยอมเพราะถือว่า คนที่ไม่ใช่สมาชิกขบวนการไม่มีสิทธิ์มายุบขบวนการทิ้ง
ซึ่งในบรรดา 9 อรหันต์ในขณะนั้น ที่ยังเล่นบอร์ดที่นี่อยู่ก็มีทั้ง คุณปุถุชน ลุงแคน และริดกุนด้วย แต่ไม่มีชื่อของคนในกลุ่มนั้นเนื่องจากผมไม่รู้จัก และไม่รู้ด้วยครับว่า มีการจับกลุ่มย่อยๆ ขึ้นมาในเว็บบอร์ดแห่งนี้

คุณแบ่งฝันไม่ได้ปรึกษากับใครในเรื่องนี้ แต่ก่อสงครามในเว็บนี้ขึ้นมาโดยปลอมตัวเป็นล็อกอินอื่น ใช้ชื่อว่า สาวแก่ ปฏิบัติการกามิกาเซ่ใส่เจ้าของความคิดนั้น จนบอร์ดลุกเป็นไฟ

สุดท้าย คนกลุ่มนั้นแยกตัวออกไปตั้งบอร์ดใหม่เป็นบอร์ดคู่ขนานกับเสรีไทยแห่งนี้พร้อมกับสมาชิกส่วนหนึ่ง

ผมเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องเพราะความเข้าใจว่า แบ่งฝันเป็นคนของผม อะไรที่แบ่งฝันทำลงไป สะเทือนถึงสถานะของผมทั้งสิ้น แม้ผมจะไม่รู้เรื่องสงครามเว็บที่เกิดขึ้น มารู้เอาตอนสงครามสงบแล้วพร้อมกับการจากไปของแบ่งฝันเนื่องจากถูกจับได้ว่า เป็นเจ้าของล็อกอิน “สาวแก่”


การที่มีสมาชิกบางคนเข้ามาจิกตีผมเป็นการส่วนตัวก็เพราะแบ่งฝันจากไปแล้ว แต่ความแค้นยังอยู่ จึงต้องปลอมชื่อเข้ามาเล่นแทนชื่อเดิมที่เคยใช้ที่นี่

ก็น่าคิดนะ จะกระชากหน้ากากของผมให้ได้ ทั้งๆ ที่ตัวเองสวมหน้ากากอยู่ (หลายใบ)

เรื่องที่โจมตีผม นอกจากเรื่องหนังสือยังไงก็ไม่ชินแล้ว ก็เป็นเรื่องเงินบริจาคที่คุณแบ่งฝันหอบติดตัวไปด้วยพร้อมกับการหายตัวไปจากบอร์ดนี้ และคุณพริกขี้หนูก็โผล่ออกมา และเจาะจงว่า ผมต้องรับผิดชอบแทนแบ่งฝันสำหรับเงินที่เธอเชิดหนีไป 3 หมื่นกว่าบาท

โถ..
ผมตั้งให้เป็นเลขาที่ประชุมเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวใน 9 อรหันต์ ไม่ได้ตั้งให้เป็นแคชเชียร์นะคุณ เลขาที่ประชุม มีหน้าที่รวบรวมเรื่องราวและจัดทำวาระการประชุมนำเสนอต่อสมาชิก ไม่ใช่เก็บเงิน
แต่แกก็ยังยืนยันกระต่ายขาเดียวว่า ผมต้องรับผิดชอบทั้ง 3 หมื่นบาทที่หายไปด้วย ไม่งั้นไม่ยอม

เอ..ผมก็งงๆ อยู่ เพราะตอนนั้น รับแจ้งทางเมล์ว่า มีการขอรับบริจาคเงิน ให้ชื่อจริงและเบอร์บัญชีมาให้ ใครบริจาคเท่าไรก็ได้ ผมก็ใส่ไป 10,000 บาท

การเปิดบัญชีรับบริจาคในครั้งนั้นเป็นมติที่ออกมาจาก 9 อรหันต์ ที่ไม่มีผมอยู่ร่วมด้วยแต่คุณพริกขี้หนูไม่เล่นงาน 9 อรหันต์หรอก เพราะไม่ใช่เป้าหมาย ต้อง *bonny ออกมารับผิดชอบคนเดียว

แกจะใช้วิธีการกล่าวหาเลื่อนลอยไปทีละสเต็ปๆ พอเราแก้ข้อนี้ ก็ไปเริ่มข้อใหม่ เช่น..
ตอนแรกสุด บอกว่า ผมกับแบ่งฝันสมรู้ร่วมคิดกัน เชิดเงินไปแบ่งกันแล้ว พอเราไปค้นใบโอนเงินเมื่อปีก่อนนู้นว่า ได้โอนเงินไปให้จริงๆ 10,000 บาท เอาหลักฐานมาแปะ เธอก็บอกว่า ไม่รู้ล่ะ ในเมื่อตั้งแบ่งฝันเป็นเลขาได้ก็ต้องรับผิดชอบเงินทั้งหมดด้วย
ผมก็เลยแก้ว่า..
ถ้างั้น เงินบริจาคของผมเองก็ปาไปแล้ว 1 หมื่นบาท ที่เหลือ หากสมาชิกท่านใดติดใจเรื่องความรับผิดชอบให้ส่งหลักฐานการบริจาคไปที่เมล์ของผม ผมจะจ่ายคืนให้
ร้อนถึงคุณปุถุชนต้องออกมาบอกว่า ยินดีแบ่งเบาภาระร่วมกับผมครึ่งหนึ่งหากผมต้องจ่ายจริง (คุณปุถุชนก็บริจาคให้แบ่งฝันด้วยเช่นกัน เป็นเงิน 5000 บาท เราสองคนรวมกันก็เป็นผู้เสียหายรายใหญ่แล้ว ฮา..)

แต่คุณพริกขี้หนูเนี่ยเธอก็ยังไม่พอใจครับ บอกว่า ต้องให้ดำเนินคดีกับแบ่งฝันด้วย

ฮ่า..ฮ่า ผมเลยเอะใจว่า อย่างนี้มันเล่นไม่เลิกนี่หว่า ตรรกะแบบนี้ ต้องเชิญให้ไปฟ้องศาลกันเองดีกว่าครับ ชื่อ- ที่อยู่ – เบอร์โทรฯ ของแบ่งฝัน น้องออฟหามาให้แล้ว ใครอยากฟ้องดำเนินคดีจัดการได้เลย
ส่วนของผมหนึ่งหมื่น ตอนนี้ไม่เสียดายแล้ว ถือเป็นค่าทำสงครามปกป้องขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดก็แล้วกัน

ตอนแรก คุณพริกขึ้หนูก็หาสมัครพรรคพวก ทำท่าจะฟ้องร้องเอาจริงเอาจัง แต่ทำไปทำมาก็เลิก จะฟ้องได้ยังไงล่ะครับ ในเมื่อ ในหมู่พวกเธอไม่มีใครเป็นผู้เสียหายโดยตรง เพราะไม่เคยบริจาคเลยซักบาทเดียว ก็คงเช่นเดียวกับหนังสือเล่มนี้ เธอไม่เคยซื้อหรอกครับ แต่เจ็บร้อนกว่าคนซื้อเสียอีก

16) แล้วผู้จัดทำหนังสือครบรอบ 3 ปีจะถูกโจมตีไหม?

ผมคิดว่า ทั้งสองท่านไม่ใช่เป้าหมายของพวกเขาหรอกครับ อย่ากังวล

คุณJerasak กับคุณMoon โปรดทราบ ถ้าไม่อยากมาทำ 20 คำถามแบบผม กรุณาอย่าเรียกใช้บริการของผม ฮา..

17) มีหลายคนสงสัยพฤติกรรมของคุณเพราะคุณไม่เปิดเผยตัวตนกับสาธารณะ?

ผมไม่ได้จงใจปิดบังสถานภาพของตัวเองหรอก แต่เมื่อใดที่ผมเห็นว่า ไม่มีความจำเป็น ใยผมต้องแสดงตัวตนในโลกแท้จริงออกมา กิจการที่ผมดูแลอยู่ มีลูกค้าเป็นทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง ไม่อยากสร้างผลกระทบให้กับคนอื่นๆ ครับ

แม้กระนั้น..ยังมีบางคนในนี้ไปสืบค้นตัวตนและที่อยู่จริงของผมมาแปะจนได้ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไปเพื่ออะไร??? ทราบหรือไม่ว่า หากเจ้าตัวไม่ยินยอมถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างผิดกฎหมายน่ะ
เพียงเพื่อเอาชนะผมให้ได้ ยอมทำทุกวิถีทาง โอ..นี่ถือเป็นความเลวร้ายอย่างที่สุดของการเล่นเว็บบอร์ดแล้วครับ

จริงๆ ก็มีสมาชิกของเสรีไทยท่านหนึ่งที่เคยพบหน้าค่าตาตัวเป็นๆ ของผมมาแล้ว เป็นผู้ใหญ่ในนี้ที่ทุกคนรู้จัก เราไปเดินขบวนต่อต้านดวงเฉลิมด้วยกันที่ลานพระรูป แต่อย่าเอ่ยนามเขาดีกว่าครับ เดี๋ยวไปมะรุมมะตุ้มเขาหมด และตั้งข้อหาว่า เป็นพวกผม

ส่วนเรื่องคุณปุถุชนที่พอผมแย้ม ก็หาว่า ผมขี้ตู่นั้น
ผมรู้จักคุณปุถุชนมา 10 ปีแล้วทางตัวอักษร ตอนนั้นยังเป็น เขายังเป็นมหาไล้อยู่ ฮ่า..
คุณลุงปุติดตามงานเขียนของผมมาตั้งแต่เรื่อง “ผมเหลือกระสุนนัดเดียวในลูกโม่ ผมจะใช้มันกับใครดี” หวังว่า ถ้าคุณปุเข้ามาอ่านคงจำได้

ผมเพิ่งมารู้ว่า คุณปุถุชน คือ คนที่ผมเคยไปพบที่บริษัทแถวบางลำภู ก็ตอนให้ส่งรายชื่อไปประท้วงรัฐบาลสมัครเรื่องเขาพระวิหารนั่นแหละครับ ก็เลยเข้าไปทักในเมล์ ยังหัวเราะกันอยู่ว่า โลกกลม

มีคนบอกว่า ผมอุปโลกเรื่องขึ้นเพื่อหวังเกาะลุงปุหากิน ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า ไม่รู้เอาสมองส่วนไหนมาคิด

18) มีคนบอกว่า คุณบอนนี่ก็มีหลายล็อกอินเหมือนกัน รวมทั้งล็อกอินชื่อแปลกๆ ที่เข้ามาในกระทู้นี้ด้วย จริงหรือเปล่า?

ไม่เป็นความจริงหรอกครับ ผมไม่ปลอมตัวมาด่าใครหรอก ไม่ใช่นิสัยผม พวกที่กล่าวหาคงคิดไม่ถึงว่า ในเว็บนี้มีคนที่รักความเป็นธรรม และรังเกียจพฤติกรรมของพวกเขาอยู่มากมาย กรุงศรีอยุธยา แตกเพราะบ่างช่างยุ แต่ก็กู้คืนได้เพราะ กรุงศรีอยุธยาไม่เคยสิ้นคนดี เสรีไทยก็เช่นกัน

19) ถ้าเรื่องนี้จบลงตรงนี้ คุณเข็ดไหมที่จะทำโครงการแบบนี้อีก?

ตอบได้ทันทีเลยครับว่า ไม่เข็ด
ก็ตัวผมเองลงทุนไปหมื่นเดียว แต่มีเงินส่งให้เด็กด้อยโอกาสตั้ง 5 หมื่น ถือว่า มีกำไรมากแล้ว
ถ้าได้ตัวเลขอย่างนี้อีก ก็จะยอมโดนด่าอีก

20) อะไรคือปาฏิหาริย์ที่ทำให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วง?

ผมถือศีล 5 เป็นนิจ และยึดมั่นในการปฏิบัติธรรมมาช้านาน สิ่งดีงามเกิดขึ้นกับผมสม่ำเสมอ ผมเชื่อมั่นในสิ่งที่ผมทำและเชื่อว่า ความดีจะคุ้มครองผม มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแน่นอน ที่ทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จลุล่วง สิ่งเหล่านั้น คือ..

1..น้องเม่ยกลับตัวได้ทัน ถ้าวันนั้น น้องเม่ยไปอยู่กับฝ่ายของคุณดอกฟ้า ผมคงทำโครงการให้จบลงไม่ได้อย่างเด็ดขาด สิ่งที่ดลใจน้องเม่ยก็คือ ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น

2..ตอนแรกเริ่ม ผมให้เม่ยกับดอกฟ้า เปิดบัญชีธนาคารร่วมกัน เบิกถอนต้องใช้ลายเซ็นต์ร่วม แต่คุณดอกฟ้าไม่สะดวก ทำให้เม่ยถือบัญชีรับจ่ายคนเดียว ทำให้คุณดอกฟ้าไม่อาจมายุ่มย่ามในการสะสางเรื่องเงินได้ ผมยังนึกไม่ออกว่า ถ้าตอนนั้น เป็นบัญชีร่วมสองคน วันนี้จะเป็นอย่างไร

3..ปาฏิหาริย์ที่ผมไว้วางใจคนทำบัญชีและถือเงินถูกคน ไม่คดไม่โกง บอกตามตรงว่า ไม่รู้จักน้องเม่ยมาก่อน ผมเสี่ยงมากที่ปล่อยมือให้ดูแลกล่องสมบัติทั้งหมดคนเดียว

4..ปาฏิหาริย์ที่คุณดอกฟ้าไปเปิดกระทู้แฉเบื้องหลังขึ้นมา ทำให้ผมมีโอกาสชี้แจงได้เช่นนี้ ทั้งๆ ที่ตอนตั้งกระทู้นี้ ผมยังไม่ได้เปิดดูกระทู้แฉเบื้องหลังของเธอ และไม่คิดว่า ตัวเองจำเป็นจะต้องอธิบายยืดยาวเช่นนี้ ถ้าไม่มีกระทู้ของเธอ สมาชิกจะไม่มีวันได้รู้ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากผมแน่ เพราะผมทำใจและสงบไปนานแล้ว ไม่เคยถือโทษโกรธเคืองเธอเลย แม้จนถึงเวลานี้ ก็ยังสงสารและเห็นใจครับ เธอไม่ผิดตราบใดที่เธอไม่รู้ว่า สิ่งที่ทำมันผิด

คนที่เหมาะที่จะเยียวยาเธอ มีสองประเภท คือ แพทย์ และพระ ไม่ใช่คนในบอร์ดหรอก

5..ปาฏิหาริย์ ที่คนที่ยกย่องเยินยอคุณดอกฟ้าเป็นคุณพริกขี้หนู เมื่อทั้งสองคนตกร่องปล่องชิ้นกันเช่นนี้ ก็ทำให้เห็นภาพที่ผมเคลียร์ตัวเองได้ชัดเจนขึ้น คุณพริกขี้หนูไม่มีภาพพจน์ที่จะมาช่วย แต่มาฉุดให้ภาพของคุณดอกฟ้ามัวหมองลงไปอีก เหมือนกรณี นายกสมชายลงไปช่ายนายประภัสร์ หาเสียงนั่นแหละ

6..ปาฏิหาริย์ ที่ผมมีเพื่อนสมาชิกที่ให้ความรักและชื่นชม ทำให้เรามียอดสั่งจองหนังสือในโครงการนี้และมีเงินจำนวนมากมายช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส ถ้าไม่มีพวกท่าน งานนี้ก็ไม่มีปาฏิหาริย์ครับ

ขอบคุณมากที่กรุณาอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้

.........................

หลักฐานใบโอนเงินเข้าบัญชีแบ่งฝันเมื่อ 3 ปีก่อน

//forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=4436&st=0&sk=t&sd=a&start=350#p91166

แถมให้อีกข้อนะครับ..

21) เรื่องบ้านทรงไทย ตกลงมีจริงไหม เป็นของคุณบอนนี่หรือเปล่า?

บ้านทรงไทยที่นำรูปมาลงนั้น เป็นสวนหลังบ้านของผมเองนะนั่น พูดละเลงกันจนจะเป็นบ้านพลาสติกไปแล้ว ถ้าเห็นบ้านหลังหน้าที่ผมอาศัยอยู่ สงสัยมีบางคนกระอักเลือด

ที่อยู่และเบอร์โทร.ของบ้านหลังนี้ ริดกุนก็มีครับ แกนนำและน้องๆ ที่ผมสนิทก็มีเช่นกัน

...................................

น้องเม่ย..

หน้าที่ของเราสองคนจบแล้วนะครับ ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามใดๆ ที่รบกวนจิตใจอีก เอาเวลาไปทำมาหากินอย่างอื่นๆ ดีกว่าครับ เชื่อผมเหอะ

ภาพทุกอย่างชัดเจนใตตัวของมันอยู่แล้ว คุณทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ไม่ต้องสนใจเสียงนกเสียงกาอีกต่อไป

แก้ไขนิดหน่อยครับ ไม่อยากให้บอร์ดรกคำด่า

//forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=4436&st=0&sk=t&sd=a&start=350#p91177




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2552    
Last Update : 30 มิถุนายน 2552 4:12:58 น.
Counter : 838 Pageviews.  

จากกระทู้ปิดบัญชี "ยังไงก็ไม่ชิน" โดย *bonny -- ตอนที่ ๒

สวัสดีครับ..

โอ้โฮ..
เอากันใหญ่ ละเลงกันจนเละเทะ พูดกันเป็นตุเป็นตะ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดกับคนอื่น
เป็นธรรมดาของเว็บบอร์ด กล่าวหาได้ง่ายๆ ไม่เสียตังค์ หมิ่นประมาทคนไม่ติดคุก อย่างมากตายคาล็อกอิน จบแล้วเปลี่ยนชื่อใหม่ไปเรื่อยๆ ได้ ไม่รู้จบ

ลืมจิตสำนึกอันดีงามของการทำความดีกันไปหมด มุ่งหมายที่จะเอาชนะคะคานกัน ล้างแค้นในเรื่องส่วนตัวกันอย่างเดียว

แทนที่ผมจะมากล่าวปิดกระทู้หลังจากทำงานเสร็จด้วยคำขอบคุณทุกท่าน กลายเป็นต้องมาแก้ข้อกล่าวหาไปเสียฉิบ!!

ธรรมสูงสุดในพุทธศาสนา คือ อริยมรรค มี 8 ข้อ ข้อแรกสำคัญที่สุด คือ สัมมาทิฎฐิ คือ คิดชอบ เข้าใจอย่างถูกต้อง
ข้อแรกนี้สำคัญที่สุด เพราะถ้าเริ่มต้นก็คิดไม่ชอบ เข้าใจผิดแต่แรกแล้ว จะดำริชอบ ปฏิบัติชอบ เจรจาชอบ ในข้อต่อๆ มา ......จนถึง..จิตตั้งมั่นอยู่ในสมาธิอันชอบได้อย่างไร

เท่าที่อ่านๆ ดู เหตุแห่งการไม่เกิดสัมมาทิฎฐิในคนเหล่านี้ เป็นเพราะจิตใจที่ฟุ้งซ่านมาก่อน โดนสังโยชน์เกาะกุมจนไม่อาจขจัดนิวรณ์อันเป็นบ่อเกิดแห่งกิเลสได้

เมื่อจิตใจมืดมัวแล้ว ตาก็ย่อมมองไม่เห็นคุณค่าของสิ่งดีงามที่โครงการจัดทำหนังสือครบรอบหนึ่งปีกระทำไป การพยายามทำลายสิ่งดีงามที่คนทั้งหลายทั้งปวงในที่นี้ร่วมกันสร้างขึ้นมาถือเป็นบาปเป็นกรรมที่จะต้องติดตามเขาเหล่านั้นไปตลอดอยู่แล้ว แต่นี่ยังพยายามสร้างเรื่องราวทำร้ายผู้ที่เคยเป็นมิตรสหาย เพื่อนร่วมงานให้วอดวายไปกับมิจฉาทิฎฐิด้วยเนี่ย ถือเป็นบาปมหันต์ที่จะส่งผลต่อชีวิตและความสุขของคนเหล่านี้ในภายภาคหน้า

ลองมองดูตัวเองและคนรอบข้างในครอบครัวที่ต้องสัมผัสกับพวกคุณอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันสิครับ แล้วลองหาเหตุผลทางพุทธศาสตร์อธิบายว่า คุณมีความสุข ความเจริญในชีวิตดีอยู่หรือ พวกเขามีความสุข ความเจริญในการประกอบกิจกรรมร่วมกับคุณดีอยู่หรือ?

การหลุดพ้นจากบ่วงกรรมที่ตนเองก่อขึ้น มีทางเดียว คือ กลับไปที่มรรคข้อแรก เริ่มต้นด้วยการทำให้เป็น สัมมาทิฎฐิ ให้ได้ก่อน ถ้าทำได้ดี เข้าใจได้อย่างถ่องแท้ก็จะมองเห็น (ในจิต ธรรมที่ผู้อื่นปฏิบัติสามารถมองได้ด้วยจิตตั้งมั่นของคุณเอง) สิ่งที่ผมได้ก่อร่างสร้างโครงการนี้ขึ้นมาจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของการเก็บเกี่ยว มันเป็นโครงการที่มิชอบ ล้มเหลว แสวงหาผลประโยชน์ จริงเช่นนั้นหรือ?

ฝากไปคิดและไตร่ตรองนะครับ ถ้าคิดว่า ไม่จำเป็น ไร้สาระก็ไม่เป็นไร

เอาล่ะครับ..
ถึงเวลาต้องชี้แจงทุกเรื่องราวแล้ว และให้ถือคำชี้แจงนี้ประกอบหลักฐานที่น้องเม่ยนำมาแปะด้วยนะครับ

20 คำถามกับ*bonny

1) ทำไมถึงไม่เข้ามาชี้แจงก่อนหน้านี้ ปล่อยให้กระทู้เละเป็นโจ๊กอย่างนี้ล่ะ?

ต้องถามกลับไปว่า ทำไมผมต้องมาไล่ชี้แจงทุกประเด็นที่พวกเขาสงสัยต่างหาก ปุจฉาที่เป็นมายาทิฎฐิ ไม่อาจวิสัชนาด้วยสัมมาวาจา ฉันใดก็ฉันนั้น..
กระทู้นี้ความจริงไม่ควรมีความยืดเยื้อเกิน 3 หน้าหรอก แต่ที่มันบานทะโร่เช่นนี้ ให้ท่านทั้งหลายคลิกกลับไปดูว่า เกิดจากการพยายามทำลายกระทู้ด้วยความเห็นที่โปรยมาครั้งละ 2 – 3 – 4 ความเห็น ทั้งๆ ที่สามารถรวมกันเป็นความเห็นเดียวได้ แต่ต้องการละเลงให้มันเปรอะ มันก็เลยกลายเป็น 8 หน้าโดยไม่จำเป็น

ผมมีกำหนดเวลาทำงานให้จบภายในเดือนกุมภาพันธ์ ต้องถามกลับไปว่า ถ้าพ้นกำหนดนัด ผมพลาดค่อยมาอัดกันดีกว่าไหม ระหว่างนั้น ผมได้เข้ามาตอบแล้วครั้งหนึ่ง แต่เห็นทีท่าของพวกที่ตั้งคำถามต้องการพาลเอาเรื่องมากกว่าถามอย่างสร้างสรรค์ ต่อให้ตอบจนปากฉีกถึงรูหู ก็คงไม่เป็นที่พอใจหรอกครับ เหมือนยืนพูดกับกำแพงเมืองจีนยังไงยังงั้น
เรามีหน้าที่สะสางงาน ต้องทำให้แล้วเสร็จ ใช้ผลของงานที่ทำแทนคำตอบน่าจะดีกว่า พยานหลักฐานที่นำมาแปะจะสามารถพูดแทนเราได้ดีที่สุดว่า เราทำอะไรไปแล้ว ได้ผลอย่างไร และผมก็ได้ห้ามน้องเม่ยไม่ให้เข้ามาชี้แจงใดๆ ในระหว่างที่งานยังไม่เสร็จด้วย ขอให้ใช้ขันติธรรมเข้าต่อสู้จะดีกว่า (แต่หลายครั้งที่น้องเขาขันแตกไปซะก่อน)

แล้วเมื่อผมและน้องเม่ยเอาหลักฐานต่างๆ มาแปะ ไอ้ที่กล่าวหากันเป็นตุเป็นตะ จะมีใครสำนึกไหมครับว่า ทำอะไรลงไป ความเห็นก่อนๆ หน้า (ถ้าหากไม่ลบหรือแก้ไข) ก็เท่ากับประจานตัวเองต่อสังคมที่นี่ไปแล้ว

2) คุณสร้างโครงการนี้มาเพื่ออะไร?

ประเด็นหลัก คือ ต้องการหาเงินทุนช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส รองลงมา คือ ให้สมาชิกของขบวนการฯ มีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน และเปิดตัวขบวนการต่อสาธารณชน

3) ทำไมกองบก.ต้องมี 8 คน แต่ละคนทำหน้าที่อะไรบ้าง?

ในการทำหนังสือ 1 เล่ม องค์ประกอบในการจัดการ มีดังนี้
1..นักเขียนบทความ
2..บรรณาธิการ
3..อาร์ตเวิร์ค
4..บัญชีและการเงืน
5. งานพิมพ์
ความจริงมีอีกส่วนคือ การตลาด แต่ผมขอตัดทิ้งไป เพราะหนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะกิจ เราจำหน่ายได้โดยไม่ต้องวางแผงหนังสืออยู่แล้ว

องค์ประกอบแรก คือส่วนของงานเขียน เราประกาศรับบทความของสมาชิกเสรีไทยผ่านหัวข้อต่างๆ ให้สมาชิกที่สนใจส่งบทความเข้ามาคัดเลือก

งานของคนในทีมบก. หน้าที่หลักและความรับผิดชอบเบื้องต้น คือ งานในองค์ประกอบที่สอง ใครไม่ถนัดทำอะไรเลยก็ไม่เป็นไร ขอให้เข้ามาแสดงความคิดเห็น เสนอแนะ หรือ คัดค้านก็ได้ เราต้องการมติของที่ประชุมเป็นสำคัญ

ส่วนงานเขียนบทความ งานอาร์ตเวิร์ค เป็นงานที่ต้องใช้ทักษะและความชำนาญ ถ้าคนในทีมงานจะทำ เราก็ไม่ห้าม พร้อมสนับสนุน แต่ผลงานจะต้องผ่านการพิจารณาของสมาชิกในทีมก่อนจึงจะผ่านไปสู่โรงพิมพ์ได้

ตอนหลังเราโยนงานอาร์ตเวิร์คให้บุคคลภายนอกไปทำโดยการว่าจ้าง ส่วนงานพิมพ์ เราต้องใช้โรงพิมพ์ภายนอกอยู่แล้ว

งานทำบัญชีและรับผิดชอบการเงิน เป็นงานเดียวที่ต้องมีคนดูแลเฉพาะ ต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น

ผมมอบหมายหน้าที่การทำบัญชีการเงินให้คุณดอกฟ้า และน้องเม่ยดูแลร่วมกันเพราะตอนนั้นพวกเธอสนิทกันมากคิดว่า น่าจะทำงานร่วมกันได้ดี โดยขอให้ทั้งคู่เปิดบัญชีร่วมขึ้นมาเพื่อกันข้อครหา แต่คุณดอกฟ้าไม่สะดวก จึงเหลือเม่ยคนเดียว ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้จักมักจี่เม่ยเป็นพิเศษอะไร แต่เธอเป็นคนหนึ่งที่เข้ามาตอบเมล์ผมประจำไม่เคยขาด ผมจึงต้องยอมรับให้เม่ยดูแลบัญชีคนเดียว คิดอยู่ในใจเหมือนกันว่า ถ้าเธอเกิดหนีไปพร้อมเงินในบัญชี ผมจะทำอย่างไร
แต่ตอนนั้น ผมไม่คิดอะไรมากนัก อยากให้งานสำเร็จลุล่วงก็ต้องไว้วางใจกัน ถ้าผมเอางานการเงินมาดูแลเอง แม้จะโปร่งใสอย่างไรก็ไม่พ้นข้อครหาหรอกครับ
ส่วนงานจัดระเบียบ วางแผน และกำหนดสเต็ปของการทำงานในองค์ประกอบที่สอง ผมเป็นคนออกแบบและให้ที่ประชุมลงความเห็น ใครจะค้านก็ได้ เราใช้เสียงข้างมากตัดสิน ผมเป็นหัวหน้าก็จริง แต่ก็มีเสียงเดียวในที่ประชุมเท่านั้น

การรับสมัครทีมงานเข้ามาทำงาน 8 คน ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะต้องมีงานในมือทำหมด แค่เข้ามาแสดงความเห็นและลงมติก็ถือว่า ทำงานแล้ว เหตุที่กำหนดไว้ 8 คน เป็นเพราะ..

1..ผมต้องการเสียงโหวตจำนวนหนึ่งในที่ประชุม กันข้อครหาว่างุบงิบทำกันแค่คน-สองคน พูดง่ายๆ ว่า ต้องการพยานรู้เห็นการกระทำของทีมงานนั่นเอง
2..ผมมีประสบการณ์ในการทำงานกลุ่มแบบอาสาสมัครมาหลายครั้งตั้งแต่เป็นนักศึกษาจนถึงปัจจุบั รู้ดีว่า งานอาสาสมัครที่มีผู้ขันอาสามาจากหลายแหล่ง โดยไม่มีการผูกมัดเป็นค่าจ้าง ยากจะผูกมัดการทำงานด้วย
ถ้าหัวหน้างานไม่มีบารมี ลูกน้องไม่อดทนพอ จะลาออกกันไปเองโดยธรรมชาติวิสัยของคน แต่ผมในฐานะเจ้าของโครงการนี้ลาออกไม่ได้ ลาออกงานโครงการนี้ก็ต้องจบ

4) พอจะบอกได้ไหมว่า ทำไมคนในบก.ถึงลาออกกันเยอะ คุณเป็นตัวปัญหาหรือเปล่า?

มีทั้งที่เป็นเหตุผลส่วนบุคคลที่ไม่พร้อมจะทำงานเป็นทีม และที่เกิดจากการกำกับดูแลของผม เพราะทุกอย่างต้องเริ่มที่ผมจะมาจบลงที่ผมไม่ว่าดีหรือไม่ดี เวลาลูกทีมขัดแย้งกัน เขาหวังให้เราเลือกข้างเขา แม้เราจะยืนตรงกลาง เขาก็ว่าลำเอียงอยู่ดี ผลจบลง คือ มีคนหนึ่งต้องเดินจากไปและอีกคนอยู่
คุณไปดูรายชื่อตั้งแต่เริ่มแรกสิหากคุณอยู่บอร์ดนี้มานานพอก็จะรู้ว่า มีเค้าลางของความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทันทีที่ประกาศชื่อ ก็มีคนส่งเมล์มาหาเตรียมลาออกแล้วเพราะเขม่นกันมาก่อนในเว็บ

ผมเป็นหัวหน้าทีม ไม่ใช่นายจ้าง พวกเขาเป็นเพื่อน ไม่ใช่เป็นลูกน้อง เราสั่งให้ใครเข้าใครออกไม่ได้ ทุกอย่างเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว
ทุกคนที่ลาออกไปมีเหตุผลส่วนตัวที่ผมไม่ขอพูดถึงดีกว่า คือ โครงการนี้ ผมริเริ่มและต้องรับผิดชอบผลสำเร็จ ถ้าคุณทำงานกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นไม่ได้ จะมีหนึ่งคนลาออกไป แต่ถ้าคุณทำงานกับผมไม่ได้ จะให้ผมเป็นฝ่ายลาออกได้อย่างไรครับ ถ้าผมลาออกก็ต้องปิดโครงการ ใครจะทำอะไรต่อต้องไปขึ้นโครงการใหม่ของตัวเอง

เพราะเราทำงานกับบนเน็ต ไม่ได้พบหน้ากันเหมือนในกองบก.ของสำนักพิมพ์ เวลาผมนัดประชุมและส่งข้อความไป กว่าจะตอบคืนมาหมด ใช้เวลาหลายวัน ที่สำคัญ คือ คนที่ไม่ตอบว่า จะเอายังไง จะทำหรือไม่ทำไม่ส่งข่าวให้เราทราบ ทำให้ต้องกำหนดว่า หากไม่ตอบกลับมาภายใน 3วัน 5วัน เราขอตัดออก ต้องทำเช่นนี้ งานจึงเดิน อย่างนี้ไม่เรียกว่า ไล่ออก แต่ออกตามสภาพ ในจำนวนทั้งหมด มีลักษณะนี้ถึง 3 คน

5) ทำไมบทความของคุณจึงมีมากกว่าคนอื่นๆ คุณใช้อำนาจหน้าที่กำหนดให้เป็นเช่นนั้นหรือเปล่า?

เราไม่มีนักเขียนส่งบทความมามากพอ เรามีบทความถึง 14 เรื่อง แต่นักเขียนไม่ถึง 5 คน จึงต้องมีคนเขียนมากกว่า 1 เรื่อง
แต่เดิมผมต้องการเขียนบทความดังนี้..
--บทนำเรื่องอนาคตของขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด ผมต้องเป็นคนเขียนอยู่แล้วให้คนอื่นเขียนแทนไม่ได้
--บทความทางการเมืองที่มีสาระหนักๆ แสดงจุดยืนของขบวนการในการต่อต้านระบอบทักษิณ 1 เรื่อง
--บทความทางการเมืองเรื่องสนุกๆ เพื่อลดความเครียด 1 เรื่อง
และสุดท้าย คือ บทความเพื่อสังคมของคนที่ด้อยโอกาส 1 เรื่อง โดยในที่นี้ผมเสนอเรื่องราวของการกดขี่ทารุณทางเพศของคนในครอบครัว ซึ่งผมต้องการแสดงจุดยืนตรงนี้ให้สังคมตะหนัก

แม้ผมจะไม่ใด้มีอาชีพนักเขียน แต่กลับเขียนหนังสือเป็นอาชีพ
ผมเป็นที่รู้จักแพร่หลายในสังคมเว็บบอร์ดการเมืองมานานนักสิบปี ก็จากงานเขียนบทความทางการเมืองภายใต้ชื่อ *bonny งานเขียนภายใต้ชื่อนี้เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านระบอบทักษิณและความไม่เป็นธรรมในสังคมที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว หากใครแย้งก็ลอง search ใน Google ดูสิครับ ขนาดตัดๆ ไปบ้างแล้ว ยังมีงานเขียนของผมนับ 1000 ชิ้น ปรากฏอยู่ในเว็บบอร์ดต่างๆ โดยมีผู้ที่หวังดีและไม่หวังดีนำไปเผยแพร่อย่างกว้างขวาง
ก่อนหน้านี้ นามปากกา*bonny ก็ปรากฏอยู่ในเรื่องสั้นหลายเรื่องในท้องตลาด ทุกเล่มมาขอให้ผมเขียนให้นะครับ ไม่ใช่ผมเสนอหน้าไปเขียน
ถ้าจะทำหนังสือที่ผมริเริ่มสักเล่มหนึ่ง ชื่อ*bonny ในงานเขียนคงไม่ใช่จุดอ่อนของหนังสือหรอกครับ
และถ้าจะมีชื่อ*bonny ในหนังสือเล่มนี้มากกว่าคนอื่นก็คงไม่แปลก แต่จะแปลกมากหากผมไม่ทำหนังสือแต่ไปทำถ้วยกาแฟ หรือ เสื้อคอกลมแทน

ทำหนังสือเล่มนี้ยากตรงหานักเขียนนี่แหละ ใครๆ ก็อยากให้สมาชิกชั้นนำที่ร่วมต่อสู้กันมาโชกโชนอย่าง คุณปุถุชน คุณแคนแคน คุณพระพาย คุณsoco เขียนบทความให้เรา เราเรียกร้องผ่านกระทู้ได้ แต่ความสมัครใจย่อมสำคัญกว่า

เมื่อใกล้กำหนดปิดรับเรื่อง ผมก็พอจะทราบจากกล่องเมล์ว่า มีผู้ร่วมส่งบทความน้อยมาก เรียกว่า ไม่ต้องคัดออกกันเลย คนส่งบทความน้อยกว่าโควต้าที่เรามี และบทความที่ส่งมาแล้ว ผมได้อ่านแล้ว ก็เห็นว่า มีบางบทความเนื้อหาค่อนข้างอ่อน ถ้าเราไม่สร้างงานเขียนขึ้นมาเปรียบเทียบ แต่ให้ทุกบทความตีพิมพ์ได้หมด หนังสือจะไม่ได้ให้อะไรกับผู้อ่านสมกับราคาที่ตั้ง ผมอยากได้งานเขียนที่มีสาระหนักๆ อย่างน้อย 1 เรื่องในแต่ละหมวด

จนถึงสัปดาห์สุดท้าย ในบางหมวดก็ยังไม่มีบทความปรากฏเลย เท่ากับเราต้องตัดหมวดนั้นทิ้งไปโดยปริยาย ผมก็เลยลงมือปั่นต้นฉบับเพิ่มเข้าไปอีก เป็นที่มาของเรื่อง อาหารชาวม็อบ ซึ่งมีอยู่เรื่องเดียวในหมวดนั้น และเรื่องกวีนครที่แต่งร่วมกับดอกฟ้าและเม่ย
ความจริงไม่ใช่ผมคนเดียวนะครับที่มีบทความในหนังสือหลายบทความ นักเขียนอีกคนก็มีจำนวนใกล้เคียงกับผมแต่เขาใช้นามแฝงต่างกันในทุกบทความ แต่ผมใช้ชื่อเดียวตลอด นั่นทำให้มีบทความของผมเยอะ

ผมไม่มีอำนาจอะไรในการกำหนดให้งานเขียนของผมผ่านหรือไม่ผ่านหรอกครับ ทุกอย่างต้องเป็นมติของที่ประชุม
ผมตระหนักเสมอว่า จะต้องมีข้อครหาแน่นอนหากให้โหวตงานเขียนกันแบบซึ่งหน้าเพราะทีมงานจะกลัวขัดใจผมได้หากให้คะแนนบทความของผมน้อยกว่าคนอื่น ผมจึงออกแบบให้ใช้วิธีการโหวตลับโดยใช้ชื่อปลอมในการลงคแนน
ผมได้ให้ทุกคน (เหลือ 4 คน) โหวตให้คะแนนบทความ มีระดับ..A..B..C..D โดยเอ ได้ 4 บีได้ 3 และ ซีได้ 2 และดี ได้ 1 ตามลำดับ

ในแบบฟอร์มการโหวตที่ผมออกแบบนั้น ทุกคนจะใช้ชื่อปลอมและรหัสของตนเองเข้ามาโหวตจึงไม่มีใครรู้คะแนนของแต่ละคน เพื่อป้องกันการ BIAS

ผมได้ให้คะแนนบทความตัวเองไม่เกิน B ทุกบทความ ซึ่งเป็นระดับเส้นคั่นของบทความที่เป็นมาตรฐานกลางๆ โดยคาดหวังว่า ถ้าบทความผ่านออกมา ก็ขอให้ออกมาจากแรงโหวตของคนอื่น ไม่ใช่ของตัวเอง บทความใดของผมที่ผมอยากให้ลงมากที่สุดผมให้ B บทความไหนผมชอบน้อยลงมา ผมให้ตัวเอง C (หลักฐานยังเก็บอยู่ในไฟล์ครับ แต่แปะไม่ได้เพราะจะทำให้สมาชิกที่ส่งบทความคนอื่นเสียหายเรื่องจำนวนคะแนน ผมเชื่อว่า ที่เม่ยก็คงมีสำเนาเก็บเอาไว้เช่นกัน)

ผลปรากฏออกมาว่า บทความของผมผ่านทุกบทความ แต่ผมขอสละเสิทธิ์บทความของผมที่มีคะแนนน้อยที่สุดออก 1 บทความ แล้วเลื่อนของสมาชิกที่คะแนนน้อยกว่าเข้ามาแทน (บทความเรื่องนั้น คือ กรรมของประเทศไทย ซึ่งผมเพิ่งนำไปตั้งเป็นกระทู้ไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหากยังจำกันได้)

ดังนั้น..ที่บอกว่า ผมใช้อำนาจยัดเอาบทความตัวเองลงเต็มไปหมด ก็ขอให้เข้าใจเสียใหม่นะครับ คนที่โหวตให้ผ่านเป็นกรรมการอีกสามท่านไม่ใช่ผมแน่นอน และก็ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกที่มีบทความมากกว่าหนึ่งบท สมาชิกท่านหนึ่งก็มีจำนวนพอๆ กับผม

ในฐานะที่เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการ ที่ผมแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตามความสามารถที่ผมถนัด แต่ถ้าบทความมันด้อยค่าและรกเกินไป ก็ขอได้รับการขอโทษจากผมด้วยก็แล้วกัน

ในส่วนของบทกวี..
คุณดอกฟ้าและเม่ยเป็นผู้ประสานงานกับนักกวีที่คุ้นเคยกันให้ส่งงานเขียนเข้ามาทั้งหมด ไม่มีการโหวต ส่วนใหญ่แล้วเราให้ผ่านหมดครับ นักประพันธ์บางท่านจึงมีผลงานหลายชิ้น แม้ว่า งานประพันธ์บางชิ้นจะไม่ใช่งานใหม่ที่แต่งขึ้นเพื่อหนังสือเล่มนี้ตามกฎที่เรากำหนด แต่เคยปรากฏอยู่ในเว็บบอร์ดอื่น หรือบล็อกส่วนตัวก็ตาม แต่ผมเห็นว่า ควรอนุโลมได้เพราะผู้ประพันธ์มีน้อย

มาถึงส่วนของภาพประกอบที่เป็นหน้าสี
จำนวนของหน้าสีมีผลต่อราคาหนังสือนะครับ เพราะมูลค่าของการพิมพ์แพงขึ้นเท่าตัวเลยทีเดียว
ตั้งแต่แรก ผมไม่ได้มอบหมายใครดูแลส่วนนี้ เราต้องได้งานเขียนก่อนจึงสามารถกำหนดภาพประกอบได้ เราเหลือกันอยู่แค่ 3 คน ผมให้ทุกคนช่วยกันหารูปที่เกี่ยวข้องกับบทความมาเสนอในที่ประชุม

ในส่วนของผม รูปภาพที่ผมนำมาจากในเว็บต่างประเทศโดนทีมงานตัดทิ้งหมดนะครับ เขากลัวเรื่องลิขสิทธิ์ แต่ภาพที่ไม่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ ก็ถูกตัดทิ้งเช่นกัน เรียกว่า เรื่องรูปภาพนี่ผมหามายังไงก็ไม่ถูกใจที่ประชุม
แต่ผมมีรูปที่ผมทำขึ้นเองอยู่ 3 รูป คือ รูปสองล้นเกล้าปกเกล้าชาวประชา ตั้งใจจะแปะบทกวีคุณอังศนา ..รูปรถถังย่ำประชาธิปไตยตัดหัวหน้าเหลี่ยม อันนี้วาดเอง และรูปเสรีไทยคนหนึ่งเหยียบจมูกหน้าเหลี่ยม ซึ่งวาดเองเช่นกัน

//forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=4436&st=0&sk=t&sd=a&start=350#p91153

//forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=4436&st=0&sk=t&sd=a&start=350#p91155

//forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=4436&st=0&sk=t&sd=a&start=350#p91157

//forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=4436&st=0&sk=t&sd=a&start=350#p91158

//forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=4436&st=0&sk=t&sd=a&start=350#p91159

ตอนแรกผมนำเสนอภาพหน้าเหลี่ยมขึ้นเป็นภาพปก เพราะผมเห็นว่า น่าจะสื่อสารกับคนอ่านได้ตรงจุดมากกว่า แต่สมาชิกนิยมชมชอบและโหวตของคุณSaopao ทางทีมงานบอกว่า ภาพของผมเหมาะกันประกอบเนื้อหาภายในมากกว่า ผมก็เลยขอทีมงานให้เอามาแปะในบทความทางการเมืองของผมก็แล้วกัน จะเป็นภาพขาวดำก็ได้ เพราะไม่ได้ทำให้ต้นทุนแพงขึ้น
ภาพสองล้นเกล้ากับประชาชน ตอนที่ส่งให้ดู คุณดอกฟ้าก็บอกว่า สวยดี เราก็คิดว่า จะได้ลงตีพิมพ์ สุดท้าย เธอไม่ได้ส่งให้คุณอ้อเลย ตัดทิ้งหมด

ส่วนคุณดอกฟ้าก็ส่งรูปที่ถ่ายขึ้นเองมานำเสนอเช่นกัน ก็มีสวยๆ หลายภาพที่ผมให้ผ่าน แต่ก็มีหลายภาพที่ผมให้ความเห็นว่า ยังไม่เหมาะสมกับบทความ ไม่ถึงกับปฏิเสธหรอกครับ คือ ถ้าไม่มีที่ดีกว่า ก็ให้เป็นดุลยพินิจของที่ประชุมก็แล้วกัน
โดยส่วนตัวแล้ว เห็นว่า ภาพถ่ายของเธอมีจุดอ่อนที่ถ่ายจากกล้องดิจิตอลที่ความคมชัดยังสู้มือกล้องอาชีพไม่ได้ ในเน็ตมีภาพสวยๆ ที่ถ่ายโดยมืออาชีพทางการข่าว และเราสามารถนำมาใช้ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เพราะเป็นภาพที่สื่อสารมวลชนเผยแพร่สู่สาธารณะแล้ว ถ้าเราไม่ยึดติดว่า “ภาพถ่ายของข้า ใครอย่าแตะ” เราจะมีภาพประกอบที่สวยงามและสอดคล้องกับบทความมากกว่านี้

สุดท้าย เธอไปโพนทะนาในกระทู้ว่า ผมไม่ได้ทำอะไร เธอทำคนเดียว โห..เธอเล่นตัดงานของคนอื่นทิ้งหมดโดยที่เขาไม่รู้ตัวเช่นนี้

ผมไม่โทษคุณอ้อที่จัดทำรูปเล่มนะครับ เป็นเพราะผมไว้วางใจทั้งคุณอ้อและคุณดอกฟ้าและเม่ยโดยให้ทั้งสองฝ่ายประสานงานกันเองได้เลย เพียงแต่สิ่งที่ผิดพลาดคือ คุณอ้อส่งงานให้คุณดอกฟ้า แล้วจบที่ดอกฟ้า โดยดอกฟ้าไม่ได้เอาเข้าที่ประชุมให้ผมพิจารณาด้วย แต่ส่งโรงพิมพ์เลย

มติที่ประชุมเราใช้เสียงข้างมากตัดสินปัญหา ลำพังผมเสียงเดียว แต่น้องเขามีกันสองคน ผมก็แพ้วันยังค่ำครับ แต่ถือว่า ผมต้องทำหน้าที่กำกับดูแลทุกส่วนเพราะเป็นหัวหน้าทีม
ในความเป็นจริง มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ที่ผมจะต้องชอบทุกรูปที่เธอถ่ายมาให้ดู จะมีชอบมาก กลางๆ และไม่ชอบเลยปะปนกันอยู่ แต่เชื่อไหมครับว่า แค่นี้ทำให้เกิดความไม่พอใจในตัวผมโดยที่ผมคิดไม่ถึง แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่ทำให้เกิดจุดระเบิดออกมา เป็นแค่ชนวนเหตุของความไม่พอใจที่ก่อตัวเท่านั้น

เรื่องภาพสีนี่ยังมีประเด็นที่ต้องพูดถึง คือถ้าใครมีหนังสือ และได้อ่านเรื่องม่านพรางตา ของ*bonny ซึ่งผมถือเป็นบทความธงนำของผมและเป็นบทความต่อต้านระบอบทักษิณในเชิงบทวิเคราะห์ทางวิชาการที่มีการนำเอาหลักฐานมาแสดงเพื่อหักล้างเพียงบทความเดียวในหนังสือ
ก็ลองเปิดดูนะครับ ในส่วนของรูปภาพกราฟแท่งและกราฟเส้น ที่แสดงให้เห็นว่า คุณทักษิณอำพรางความจริงเกี่ยวกับหนี้สาธารณะเอาไว้อย่างไร
น่าเสียดาย ภาพสองภาพนี้ควรจะเป็นภาพสี ตามต้นฉบับที่มีสามสี แดง เหลือง น้ำเงิน ทำให้เห็นแท่งกราฟในแต่ละช่วงเวลาแตกต่างกันชัดเจน แต่คุณอ้อบอกว่า ไม่มีโควต้าให้ ถ้าส่วนนี้เป็นภาพสีก็ต้องไปตัดในส่วนอื่นออก เพราะถูกจับจองไว้หมดแล้ว ทั้งๆ ที่ผมส่งบทความนี้และบอกกล่าวมาแต่ต้น แต่พอได้ฟังอย่างนั้น ผมก็ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า
ภาพกราฟของผมจึงกลายเป็น เทา เทากลาง เทาแก่ แต่ภาพสีไปกระจุกอยู่ในหมวดของบทกวีเสียส่วนใหญ่ นี่แสดงให้เห็นว่า เราทำหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเนื้อหาและความจำเป็น แต่การใส่ภาพสี ทำตามอำเภอใจ

และก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า ผมไม่มีอำนาจอะไรไปสั่งการใครให้ทำอะไรเพื่อตัวเองได้หรอกนะครับ ถ้าเป็นหนังสือของผมคนเดียวอย่างที่ใส่ร้ายมา ผมจะยอมให้ออกมาอย่างนี้หรือ

6) มีคนตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมต้องรีบเร่งเรื่องส่งบทความ ในเมื่อบทความไม่พร้อม ทำไมไม่ขยายเวลาออกไป?

จริงๆ เรายืดหยุ่นให้นะครับ
เดิมเราให้เวลาหนึ่งเดือน หรือ 1 ใน 3 ของระยะเวลาโครงการ ไม่ถือว่า เร่งรัดหรอก ถ้ามีสมาชิกเริ่มต้นเขียนแต่ยังเขียนไม่เสร็จ เรายินดีขยายเวลาให้ จะอีกกี่วันก็ว่ามา แต่ครบหนึ่งเดือนแล้ว หากยังไม่ได้เริ่มจดปากกาเขียน แสดงว่า ไม่สนใจส่งบทความแล้ว
เรามีการกระตุ้นให้เริ่มเขียนบทความส่งตลอดทั้งเดือนนะครับ โน้วน้าวแล้วโน้มน้าวอีก กระทู้เก่าเป็นพยานได้
พอครบกำหนด 1 เดือน เราก็ขยายเวลาออกไปอีก 10 กว่าวัน จนแน่ใจจริงๆ ว่า ไม่มีผู้สนใจส่งบทความแน่แล้วเราจึงเดินหน้าต่อ ระยะเวลาที่ขยายออกไปนี้ก็ทำให้หนังสือออกช้ากว่ากำหนด จาก 3 เดือน เป็น 4 และเป็น 5 เดือนในที่สุด

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ผมต้องให้เป็นไปเช่นนั้น..คือ
--หนังสือที่มีสาระเกี่ยวกับการเมืองและเศรษฐกิจ ต้องสะท้อนภาพการเมืองและเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่หนังสือออกได้ใกล้เคียงที่สุด เรามีกำหนดการ 3 – 4 เดือนในการทำให้จบ ระหว่างนั้น เป็นรัฐบาล นายกสุรยุทธ์ ผมได้แต่ภาวนาทุกคืนวันว่า อย่าเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงขึ้นในฉับพลัน เช่น..ปฏิวัติซ้อนที่มีข่าว หรือ ทักษิณกลับเมืองไทย หรือ มีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น เพราะจะทำให้บทความที่เรามีอยู่กลายเป็นเรื่องล้าสมัยในทันที เรียกว่า อาจต้องโละบทความบางบททิ้งก็ได้

--.ผมได้กำชับคุณดอกฟ้าและเม่ยอย่างเด็ดขาดว่า อย่าเพิ่งเปิดกระทู้รับจองหนังสือและเก็บเงินสมาชิกหากงานยังไปไม่ถึงบทสรุป 70-80% เพราะจะทำให้เราถูกบีบเรื่อง ราคาหนังสือ และกำหนดเวลาแล้วเสร็จ
แต่เธอทั้งสองก็ไปตั้งกันเองแล้ว และมีคนจองเข้ามาแล้ว ส่งเงินเข้าบัญชีกันแล้ว มีการคาดการณ์กำหนดวันที่หนังสือจะจัดส่งกันแล้ว
จะให้ผมทำยังไงครับ ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เกมมันไม่ได้กำหนดที่ผมนะครับ ผมแค่เดินตามให้ทันและอย่าสะดุดล้ม

7) คุณดอกฟ้ากล่าวหาว่า คุณพยายามยัดเยียดบทความเก่าของคุณลงในหนังสือเล่มนี้แบบฉวยโอกาสที่มีคนถอนเรื่องออก ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?

ในสัปดาห์สุดท้ายก่อนส่งบทความและรูปภาพเข้าสู่โรงพิมพ์ จู่ๆ สมาชิกเจ้าของบทความท่านหนึ่งก็เมล์มาขอให้ถอนบทความออก มิเช่นนั้นจะฟ้องหากนำไปลง

ตอนนั้น ทำให้เราขาดบทความไปหนึ่งเรื่อง ไม่สามารถปิดหนังสือได้ตามจำนวนหน้าที่กำหนด และผมเองก็คงไม่เขียนเพิ่มแล้ว มันกระชั้นชิดเกินไปที่จะทำผลงานให้ดี จึงปรึกษาน้องทั้งสองว่า ผมมีบทความอยู่ในบล็อกส่วนตัว 2 เรื่องที่อยากแนะนำให้ไปอ่านดู หากอ่านแล้วชอบใจก็ไปเก็บมาได้ แต่ผมก็บอกก่อนแล้วว่า..เคยลงที่พันทิปมาแล้วนะ นานหลายปีแล้ว สมาชิกหลายท่านคงยังไม่ได้อ่าน (น้องทั้งสองเคยอยู่พันทิปมาก่อนก็คงยังไม่เคยอ่านเช่นกัน)

แต่ดอกฟ้าแย้งว่า ในเมื่อเป็นบทความเก่า ไม่ได้เขียนขึ้นใหม่ตามกติกา ถือว่า ผมทำผิดกฏซะเอง ซึ่งผมก็ไม่ได้โต้แย้งว่ากระไรสักคำเดียวนะครับ ไม่เอาก็คือไม่เอา กรณียัดเยียดนี่คงเป็นไปไม่ได้
ผมจะไปยัดเยียดเพื่ออะไรกันครับ เพราะเรื่องสั้นทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องสั้นที่ยังไม่ได้ส่งให้สำนักพิมพ์ นอกนั้นในบล็อกผมถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือหมดแล้ว เรื่องสั้นทั้งสองเรื่องนี้ก็รอผมเติมให้ครบจำนวนหน้า ส่งให้โรงพิมพ์ขายรวมเล่ม ก็ได้เงินไปแจกเด็กๆ เหมือนกัน (เรื่องสั้นเรื่องหนึ่งได้เงินประมาณ 5000 บาท ส่วนนิยายได้ 30000 – 50000 บาทต่อเรื่อง ผมจึงไปเขียนนิยายก่อน ใช้เวลาผลิตเท่ากัน)

ผมแค่เสนอทางแก้ในสถานการณ์เข้าตาจนและยังบอกด้วยว่า ถ้าเอือมชื่อ*bonny จะใช้นามปากกา ปริณดา ก็ได้ ไม่ได้บังคับว่าต้องนำไปลง และไม่เคยเถียงหรือคะยั้นคะยอสักคำเดียว แต่ยังบอกให้ตระหนักกันแต่แรกว่า เคยเป็นกระทู้เก่าในพันทิปมาแล้วนะ

ในเมื่อไม่เอาบทความเก่า แทนที่พวกเราจะต้องประชุมหาวิธีอื่นแก้ปัญหา ยังมีอีกตั้งหลายวิธีที่หาทางออกได้ เช่น เลื่อนงานพิมพ์ ..ลดจำนวนหน้าพร้อมลดราคา หรือ เอาบทความที่ได้คะแนนน้อยมาพิจารณาใหม่

แต่ปรากฏว่า น้องทั้งสองได้ใช้โอกาสนี้ ตัดผมออกจากทีมงาน ยึดอำนาจในการพิจารณาร่วมกันของผมไปหมด ไม่ยอมพูดคุย ไม่ติดต่อผมอีกเลย

ผมมารู้เอาภายหลังจากหนังสือออกขายแล้วว่า พวกเธอแอบไปติดต่อนักเขียนที่มีบทความอยูในหนังสือจำนวนหลายเรื่องแต่ใช้ชื่อต่างกันให้เขียนเรื่องเพิ่มเติม แล้วนำส่งให้โรงพิมพ์ไปเลยโดยไม่ต้องให้ผมร่วมรับรู้

ผมมาได้อ่านเรื่องนี้พร้อมกับเพื่อนสมาชิกท่านอื่นๆ ตอนหนังสือออกแล้วนั่นแหละครับ
นอกจากนี้ ภาพเขียนของผมทั้งหมดก็ถูกตัดออกด้วย แต่ภาพที่คุณดอกฟ้านำเสนอทั้งหมด ได้ปรากฏอยู่ในหนังสือทุกภาพ แม้บางภาพรับปากกันว่า จะหามาใหม่ก็นำมาบรรจุหมด
คุณดอกฟ้าจัดการหมด สั่งการเองหมด ไม่งั้นคุณอ้อจะจัดเรียงภาพเหล่านั้นได้อย่างไรถ้าไม่มีคนส่งภาพให้
จริงๆ แล้ว คุณอ้อ ทำรูปเล่มแล้วจะต้องส่งดราฟท์งานให้ทีมงานกองบก.ตรวจถึงจะถูก แต่ผมไม่เคยได้ตรวจดราฟท์งาน มีแต่งานให้ตรวจบรูฟ
คงกลัวผมจะคัดค้านเรื่องภาพสีที่แอบสอดไส้มั้ง ?
การข้ามขั้นตอนที่ผมจำเป็นต้องมีส่วนร่วมนี่แหละครับ ที่เธอเอาไปคุยในกระทู้ว่า หนังสือเล่มนี้เธอทำเองคนเดียว คุณบอนนี่ไม่เกี่ยว

อย่างนี้ คุณคิดว่า ใครกันแน่ที่ยัดเยียด และใครกันแน่ที่ใช้อำนาจอันมิชอบ

8) ทำไมกระทู้ที่แฉเบื้องหลังของคุณดอกฟ้า กับถ้อยแถลงของคุณจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแล้วจะให้เชื่อใครดี?

ผมตกใจพอสประมาณที่เธอกล้าทำกระทู้แฉเบื้องหลัง ที่สุดท้ายลงเอยด้วยการยกหางตัวเอง แสดงว่า เธอไม่ปกติแล้ว คนจิตปกติไม่ทำเรื่องเช่นนี้หรอกครับ

คุณดอกฟ้ากล้าประกาศในกระทู้เบื้องหลังการทำหนังสือของเธอว่า นี่คือ วีรกรรมที่เธอได้ทำลงไปและสมควรได้รับการยกย่อง ก็แสดงว่า เธอคิดว่า เป็นสิ่งดีงามแล้ว

แต่ผมกลับคิดว่า นี่เป็นความเลวร้ายที่สุดเท่าที่คนทำงานคนหนึ่งจะได้รับจากเพื่อนร่วมงาน..

ถ้านี่เป็นการทำธุรกิจ ผมก็ถูกหักหลังโดยหุ้นส่วน เพราะความไว้วางใจคนที่ผมแทบไม่รู้จักมาดูแลเรื่องเงินให้ผม ก็คงยกให้เป็นความผิดของผมเองด้วยก็แล้วกัน

ความจริงตอนนั้น.. ถ้าพวกเธอมีนักเขียนอยู่ในใจและต้องการเสนอทางออกนี้ ถ้านำเสนอในที่ประชุม คงคิดว่าผมจะคัดค้านหรือไงครับ?
ผมจะตอบรับข้อเสนอด้วยความยินดีด้วยซ้ำไป หรือหากผมไม่เห็นด้วยขึ้นมา ก็เป็นเพียงเสียงเดียวที่แพ้โหวตในที่ประชุมอยู่วันยังค่ำ ใยต้องใช้วิธีต่ำทรามเช่นนี้ ทั้งๆ ที่อ้างกฎระเบียบกับผม แต่คุณทำลายกฏทุกข้อ ยกเว้น กฏแห่งกรรม

เข้าใจว่า เธอคงเกลียดผมและอยากทำอะไรแก้แค้นให้ผมเจ็บใจมากกว่า

ผมจะทำอะไรได้ ในเมื่อไม่ใช่คนถือเงินของสมาชิก คุณคิดว่า คุณอ้อและโรงพิมพ์จะฟังผมหรือคนที่จะจ่ายเงินเขาล่ะครับ จะร้องแรกแหกกระเฌอประนามในกระทู้อย่างที่เธอทำอยู่นี้ บอกตามตรงว่า ไม่เคยคิดเลยครับ มันเป็นวิธีการที่อุบาทว์ชนเท่านั้นคิดเรื่องเช่นนี้ได้

ในสังคมของคุณดอกฟ้าอาจเรียกว่า นั่นเป็นวีรกรรม แต่ในสังคมที่ผมสังกัด เราเรียกว่า การทรยศครับ

วิธีการของผมในการตอบโต้ คือ ใช้ขันติธรรม..อดทน อดกลั้น นิ่งเฉย ใครอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ผมไม่เคยปริปากบอกเรื่องนี้กับใครนะครับ ยังยึดมั่นในทีมสปิริต ยึดมั่นในความถูกต้องที่ผมกระทำ แม้หนังสือออกแล้ว ก็เข้าไปแจมกระทู้ตลอด ทำเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างกัน
จนกระทั่งวันนี้ หากเธอไม่ทำกระทู้แฉเบื้องหลัง ผมก็คงไม่พูดถึงมันอีก เพราะคิดเสมอว่า มันผ่านไปแล้วๆ ๆ ให้อภัยและลืมมันซะ
ผมใช้เมตตาพรหมวิหารที่ผมภาวนาอยู่เป็นประจำแผ่เมตตาให้เธอเสมอๆ นะครับ

สรรพเพสัตตา อพยาปัชโช โหตุ..ขอให้สัตว์โลกอย่าผูกพยาบาทต่อสัตว์โลกที่ทำไม่ดีต่อเรา
สรรพเพสัตตา อนีโฆ โหตุ..ขอให้สัตว์โลกทั้งหลายหลุดพ้นจากทุกข์ที่ถือโทษโกรธเคืองรุมเร้าจิตใจด้วยเถิด

ส่วนสมาชิกที่ได้อ่านทั้งสองฝ่ายแล้ว ควรจะเชื่อใครดีนั้น ผมคงตอบแทนสมาชิกไม่ได้หรอก
คนเรามีวินิจฉัยต่อเรื่องราวที่ตนเองกระทำลงไปแตกต่างกันไป คุณดอกฟ้าบอกว่า นี่เป็นวีรกรรมที่งดงาม ก็เพราะเธอเชื่อเช่นนั้นจริงๆ ตามวิสัย และวิถีชีวิตที่เธอได้รับการอบรมมา

ผมขอยกตัวอย่างกรณีหนึ่ง..
นักเรียนช่างกลปทุมวันยิงนักเรียนอุเทนถวายเสียชีวิต ถ้าหากคนยิงไม่ถูกตำรวจจับ เขาก็จะบอกกับเพื่อนๆ ของเขาว่า ที่เขาทำน่ะ เป็นวีรกรรมี่ดีเลิศ น่ายกย่องที่สุดแล้ว “มันเสือกมองหน้าทำไม ถ้าหลบสายตาป่านนี้ก็ไม่ตายหรอก” คือยังไง นักเรียนคนนี้ก็ไม่คิดว่า สิ่งที่ตัวเองทำนั้นผิด เพราะได้รับการบ่มเพาะความเชื่อมาตลอดว่านี่คือ การกอบกู้ศักดิ์ศรีของโรงเรียนและของลูกผู้ชาย

คนที่จะตัดสินว่า เด็กคนนี้ผิดหรือไม่ มีเพียงผู้พิพากษาเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อนฝูง พ่อ-แม่ หรือ ครูอาจารย์

ทุกท่านในที่นี้ก็ต้องตัดสินกันเอาเองโดยใช้วิจารณญาณที่ดี และสติปัญญาที่พวกท่านมีอยู่แล้ว

9) การออกมาเปิดโปงคนในทีมเช่นนี้ ไม่คิดหรือครับว่า จะเป็นคนทำลายทีมสปิริตเสียเอง?

การยึดมั่นในทีมสปิริตของผมคงทนตลอดไปไม่ได้นะครับ เพราะมีผู้เสียหาย ทั้งผม ..เม่ย และสมาชิกที่จ่ายเงินค่าหนังสือมา รวมทั้งขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดด้วย มีผมคนเดียวเท่านั้นที่จะเรียกคืนความเป็นธรรมให้กับคนเหล่านั้นได้

การพูดในครั้งนี้ จะเป็นบรรทัดฐานในการทำงานของคณะผู้จัดทำหนังสือชุดต่อไปด้วยว่า ต้องทำอย่างไร มีจุดอ่อนในการจัดการอย่างไร

10) ทำไมคุณดอกฟ้ากับเม่ยถึงแตกคอกันได้ล่ะ พวกเขาร่วมมือกันมาตลอดมิใช่หรือ?

หลังจากหนังสือออกแล้ว เธอกับเม่ยก็จัดงานเปิดตัวหนังสือ มีเลี้ยงสังสรรค์กัน โดยไม่มีการปรึกษากับผมใดๆ ทั้งสิ้น

การอดทนรอ และนิ่งเฉยของผมดำเนินไปตลอดไม่ได้นะครับ เพราะงานของโครงการยังไม่จบนี่ครับ

เงินที่รับจากสมาชิกต้องเคลียร์ที่มาที่ไป และส่งเงินบริจาคให้เด็กด้อยโอกาสเสียก่อน ผมจึงยังต้องเข้ามาสางงานต่อในส่วนนี้ ซึ่งพอจะตั้งลำเคลียร์ คุณดอกฟ้าก็เปิดหมวกลาออกในกระทู้ของผมทันที ไม่ลาออกเปล่าๆ ทราบภายหลังจากเม่ยว่า ชวนเม่ยให้สละเรือพร้อมกับเธอด้วย กะให้*bonny ตายซากอยู่คนเดียวพร้อมกับงานเก็บกวาดขยะที่ต้องทำให้จบ

อืมม์..สุดยอด

น้องเม่ยเอะใจ และเกิดภาวะ ตาสว่างขึ้นมาเมื่อไรไม่ทราบได้ ยินยอมทำงานร่วมกับผมต่อไปและระบายความในใจให้ผมฟังผ่านเมล์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และขอโทษที่ต้องทำเช่นนั้นลงไปเพราะเธอถูกครอบงำอย่างโงหัวไม่ขึ้น

และที่ผมกับเม่ยต้องทำงานกันสองคนตั้งแต่การส่งมอบหนังสือ การบริจาคเงินให้เด็กๆ จนถึงทุกวันนี้ ก็คือ งานเก็บกวาดที่เหลืออยู่ พูดง่ายๆ ก็คือ งานภารโรง ถ้าไม่ทำจะให้ใครทำล่ะครับ แต่ดอกฟ้ากลับบอกว่า ผมและเม่ยกำลังกอบโกยความดีใส่ตัวไปเสียฉิบ อ้าว..เวรกรรม

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในทุกกระทู้ของผมและเม่ยและมีคุณดอกฟ้ามาแจมด้วยการแขวะใส่และหยามน้ำหน้าเสมอมา แต่ก็ลองไปเปิดดูได้ทุกกระทู้นะครับว่า ผมไม่เคยตอบโต้ และไม่เคยนำเรื่องราวของเธอไปเปิดเผยในที่สาธารณะให้เสียหาย เพราะตอนนั้น ผมยังยึดมั่นในทีมสปิริตอยู่

(พักครึ่งนะครับ อีก 10 คำถามจะตามมา)

//forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=4436&st=0&sk=t&sd=a&start=350#p91161




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2552    
Last Update : 30 มิถุนายน 2552 4:06:18 น.
Counter : 433 Pageviews.  

จากกระทู้ปิดบัญชี "ยังไงก็ไม่ชิน" โดย *bonny -- ตอนที่ ๑

**อย่าทำลายสิ่งดีงามที่บอร์ดแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยความคับแค้นใจในเรื่องส่วนตัวเลย**

โครงการจัดทำหนังสือ “ยังไงก็ไม่ชิน” เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องการเมืองกับสังคมในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งทางความคิดที่รุนแรงที่สุด และนำเงินรายได้จากการจำหน่ายหนังสือและเงินบริจาคมอบให้กับองค์กรการกุศลเพื่อเด็กด้อยโอกาส เป็นความงดงามที่สุดที่บอร์ดแห่งนี้ได้มอบให้กับสังคมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

เราได้มอบเงินให้เด็กด้อยโอกาสไปแล้ว 39,996 บาท

เด็กด้อยโอกาสในสังคมจำนวนหนึ่งได้รับโอกาสที่พวกเรามอบให้ และอีกจำนวนหนึ่งกำลังรอคอยโอกาสนั้นให้ตกมาเป็นของตนเองบ้าง
เรื่องราวดีๆ เช่นนี้ ไม่ค่อยได้พบได้เห็นในเว็บบอร์ดสาธารณะหรอกนะครับ ส่วนใหญ่ขายเสื้อ ขายของที่ระลึกเพื่อสังคมของตนเองกันทั้งนั้น ไม่เชื่อก็ลองไปเสิร์ชหาดูได้ครับ

ดังนั้น..ได้โปรดอย่าให้ใครชักนำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องเสื่อมเสียเลยครับ

..ผมขอร้องล่ะ..

ผมในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มดำเนินการและรับผิดชอบโครงการนี้ก็รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความไม่สบายใจ และยิ่งกังวลใจเพิ่มเมื่อเห็นคณะทำงานชุดใหม่ที่มีผู้สนับสนุนล้นหลาม ยังไม่ได้ทันทำงานก็มีเสียงกระแนะกระแหน บั่นทอนความรู้สึกขึ้นมาเสียแล้ว

บอร์ดสาธารณะก็จริง แต่จะเว้นเรื่องดีงาม เรื่องงานบุญ งานกุศลไว้สักอย่างมิได้เชียวหรือ?

ความดีงามที่ควรเป็นกุศลบุญ สุดท้ายก็จะกลายเป็นบาปเป็นกรรมติดตัวกันไป อย่าทำเลยดีกว่านะครับ

การอาสาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคณะทำงาน แม้จะไปกันไม่ตลอดรอดฝั่ง แต่ผมถือว่า ความตั้งใจตั้งแต่ต้นในการอาสาสมัครทำงานโดยไม่หวังผลตอบแทนนั้น เป็นความงดงามของจิตใจของคนผู้นั้นอยู่แล้ว ผมจึงให้เกียรติผู้ร่วมงานเสมอ ไม่เคยนำเรื่องความขัดแย้งในระหว่างการทำงานมาเปิดประเด็น ผมถือว่า นี่เป็น..มารยาท

แค่ขอรับประกันได้เลยครับว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการทำหนังสือยังไงก็ไม่ชิน ไม่หนักหนาอะไร หากทำใจยอมรับมันและใช้ความอดทนอดกลั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของการทำงาน เป็นการขัดแย้งกันทางความคิดแต่ไม่มีเรื่อง แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ แอบแฝงแน่นอนครับ เว้นแต่จะมีคนคิดกันไปเอง ซึ่งก็คิดกันได้ทุกเรื่องทุกราว ทุกแง่ทุกมุมแหละครับ ถ้าอยากจะคิด มันก็จินตนาการไปได้หมด แม้แต่หนังสือเล่มใหม่ ยังไม่ทันไรก็คาดการณ์กันว่า มีใครอยู่เบื้องหลังคอยฉกฉวยประโยชน์เสียแล้ว

เรื่องผลประโยชน์แอบแฝง ในโครงการดีๆ อย่างนี้ แม้แต่แค่คิด ก็เป็นบาปเป็นกรรมแก่คนผู้นั้นไปตลอดชีวิตแล้วครับ

การตรวจสอบเป็นเรื่องดีครับ หากทำด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆ ผมก็ขอน้อมรับไว้พิจารณาทุกเรื่องราว แต่อย่าใช้คำพูดดูหมิ่น ดูแคลนกัน เพราะอาจทำให้ผู้ที่เข้ามาใหม่ เข้าใจผิด แต่ผมเชื่อว่า ผู้ที่อยู่ในบอร์ดมานานแล้ว เป็นวิญญูชน มีวิจารณญาณ และปัญญาทัศนะอันบุคคลปกติพึงมี จะเข้าใจ และรู้ถึงเจตนาของผู้ที่ต้องการสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น

ซึ่งผมยังมองไม่เห็นประโยชน์ใดๆ ที่พวกเขาจะได้รับในทางร่มเย็นเป็นสุขเลย นอกจากทำลายความน่าเชื่อถือของคณะทำงาน และบอร์ดแห่งนี้ (สุดท้ายก็..ความน่าเชื่อถือของตัวเอง)

ตอนนี้กองบรรณาธิการก็เหลือ ผมกับน้องเม่ย aiwen^mei แค่สองคนเท่านั้น ซึ่งผมก็เห็นใจน้องเขามาก ตอนนี้ต้องแบกรับภาระทั้งเรื่องงานที่ได้รับมอบหมาย และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับรจิตใจ ในเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง

อีกคนหนึ่งที่ถูกลากมาเกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้ และอยู่ในสภาวะน่าเห็นใจไม่แพ้กัน คือ คุณอ้อ ซึ่งเราจ้างเขาจัดทำรูปเล่มของหนังสือเล่มนี้และได้ชำระเงินไปให้เธอจนครบถ้วนแล้ว

คุณเธอก็ดีซะเหลือเกิน นำหนังสือไปฝากขายที่ศูนย์หนังสือจุฬา ในบัญชีของตนเอง เพราะทีมงานไม่มีบัญชีผู้ฝากขายเปิดอยู่ เธอรับหน้าที่เคลียร์บัญชีและเงินกับทางศูนย์หนังสือแทนเราแล้วโอนเงินให้ด้วย ส่วนนี้ ทำให้เราฟรีครับ ไม่ได้ตังค์สักบาทเดียว ตอนนี้ผมขอให้เธอเอาบัญชีมาแสดงด้วย เพราะมีผู้ข้องใจว่าไม่โปร่งใส

ได้คุยกับเธอก็เห็นใจครับ เพราะผมเป็นผู้ชักนำเธอให้มาร่วมงานกับเรา เพราะเธอเคยเป็นแฟนประจำกระทู้เก่าของผมที่พันทิป เคยช่วยผมทำหนังสือ ร้อยฝันพันทิปจนโด่งดัง เป็นมืออาชีพทางด้านนี้มายาวนาน

เธอเล่าให้ฟังว่า..
เมื่อได้รับคำขอจากผมและเม่ยให้ปิดบัญชีหนังสือที่ศูนย์หนังสือ เธอก็ได้ทำให้แล้วเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลานั้น เธอป่วยหนัก ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนานหลายเดือน ทำงานไม่ได้เลย หลังจากหายดีแล้ว ก็ต้องหางานใหม่ ก็ขายบ้าน ย้ายบ้านใหม่มาอยู่กับแม่ และเมื่อปลายปีที่ผ่านมาก็มาเสียคุณพ่อไปอีก เรียกว่า ทั้งปีที่ผ่านมา มีแต่มรสุมรุมเร้า แทบเอาตัวไม่รอด มาเจอพวกเราเร่งรัดงานซึ่งเธอลงทุนลงแรงทำให้โดยไม่หวังอะไร ก็เล่นเอาควันออกหูไปเหมือนกัน

ส่วนเรื่องหนังสือที่มีผู้ไปสืบค้นว่า ทางศูนย์หนังสือแจ้งว่า หนังสือหมด ไม่มีขายแล้วนั้น

ข้อเท็จจริง หาได้ขายหนังสือไปจนหมดไม่

เราฝากหนังสือไว้กับเขา 110 เล่ม คาดว่า จะขายไปได้ครึ่งเดียว ที่เหลือ เมื่อได้รับการแจ้งว่า “ขอปิดบัญชี” เขาจะสั่งถอนหนังสือกลับจากสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ มายังคลังส่วนกลางเพื่อเคลียร์สต็อกให้เรา ช่วงเวลาดังกล่าว จะไม่มีหนังสือเพื่อขายอีกต่อไป

แล้วจังหวะที่เราขอปิดบัญชีนั้น เป็นช่วงที่ทางศูนย์หนังสือย้ายที่ทำการใหม่อีก จากข้างสนามศุภชลาศัยมาอยู่ที่จามจุรีสแควร์ ก็ยิ่งทำให้เกิดความล่าช้าไปใหญ่
หลังจากเคลียร์บัญชีให้เราได้แล้ว (ซึ่งปกติกินเวลานานมาก ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป ทุกเอเย่นต์เหมือนกันหมดครับเพราะเขาจะต้องแน่ใจว่า ไม่มีหนังสือเหลือตกค้างจริงๆ จึงจะจ่ายคืนเรา) เขาจะนัดวันให้ไปรับหนังสือคืนและเคลียร์เงินส่วนต่างให้ หากเราไม่ไปรับหนังสือคืน ปกติที่นี่เขามีโครงการบริจาคประจำปีให้ห้องสมุดต่างๆ อยู่แล้วครับ ดังนั้น..สบายใจได้ว่า เราได้ทำบุญทำกุศลแน่ (ยังไงนโยบายนี้ ขอให้เช็คกับทางศูนย์อีกทีนะครับ เพราะผมเคยฝากขายนานมาแล้ว)

หนังสือที่ค้างและเงินที่ค้างอยู่ก็ไม่เยอะหรอกครับ แต่มันปิดบัญชีไม่ได้ซักทีเพราะอำนาจทั้งหลายในการจัดการมิได้ขึ้นอยู่ที่เราต่างหาก

แต่เอาล่ะ..เมื่อผมได้รับทราบข้อมูลทั้งหมดแล้ว และเห็นว่า การคั่งค้างต่อไปอาจสร้างความลำบากใจให้กับบางคนเป็นอย่างมาก ผมก็ขอประกาศแนวทางการปิดโครงการเอาไว้ เป็นดังนี้..

--เงินที่คงเหลือในสมุดบัญชีของเราทราบว่า มีจำนวนประมาณ 5,660 บาท (ยังไม่ได้หักค่าพาหนะ และค่าไปรษณีย์ที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า)

--หนังสือตกค้างกับศูนย์หนังสือจุฬา ไม่ทราบจำนวนแน่นอน แต่คะเนได้ครับว่า ประมาณ 50 เล่ม (ผมไม่แน่ใจว่า ทางศูนย์หนังสือมีการกันหนังสือไว้ 10% เป็นโปรโมชั่นหรือเปล่า )

--เงินคงค้างที่ทางศูนย์ยังไม่เคลีรย์ให้ คิดว่าไม่น่าจะเกินหนึ่งพันบาท เพราะเราเคลียร์ยอดใหญ่ในช่วงที่หนังสือพีคไปแล้วสองครั้ง ถ้ายอดหนังสือยังเดินอยู่ ทางเราคงไม่ขอปิดบัญชีหรอกครับ

เพื่อให้เรื่องนี้ไม่ติดขัดและสร้างความล่าช้า ผมจะขอให้น้องเม่ยบริจาคเงินคงเหลือในมือให้กับองค์กรการกุศลเพื่อเด็กด้อยโอกาสไปเลย 5,500 บาท ส่วนผมจะเติมเงินส่วนตัวให้เต็มจำนวน 9,999 บาท เท่ากับที่เราบริจาคทุกครั้ง ซึ่งน่าจะมากกว่าเงินที่รอคอยจากศูนย์หนังสือเสียอีก

หากมีเงินจากศูนย์หนังสือเข้ามาเมื่อใด ก็ให้น้องเม่ยแจ้งจำนวนแน่ชัดให้สมาชิกทราบผ่านการขุดกระทู้นี้ และอย่าลืมถ่ายหลักฐานการจ่ายเงินของทางศูนย์ให้สมาชิกที่นี่รับทราบด้วย (เช่นเดียวกับที่ผ่านๆ มา ขอร้องคุณอ้อให้ขอหลักฐานมาแสดงด้วย)

--หนังสือในมือของน้องเม่ยที่เหลืออยู่ในสต็อก (ประมาณ 300 เล่ม) มีเท่าไรให้จัดทำรายละเอียดออกมา ตั้งแต่ที่เรามอบให้กับสื่อมวลชนผ่านลุงแคนและมอบให้กับกลุ่มพันธมิตรผ่านตัวแทนแกนนำพันธมิตรด้วย

จำนวนที่เหลือสุทธิให้ดำเนินการส่งมอบให้กับทัณฑสถานเยาวชนทั่วประเทศ เพื่อให้เยาวชนที่หลงผิดมีจิตสำนึกต่อสังคมที่ดีขึ้นกว่าเดิม และทราบมาว่า ขาดแคลนหนังสือในห้องสมุดมากมายด้วย

การส่งมอบให้ทัณฑสถานเยาวชนทั่วประเทศ ซึ่งมีเกือบร้อยแห่ง ไม่จำเป็นต้องส่งไปรษณีย์นะครับ ให้นำหนังสือไปมอบให้กับผู้แทนของกรมราชทัณฑ์ที่ปากเกร็ด เขาจะดำเนินการทุกอย่างให้เราตามวัตถุประสงค์ และอย่าลืมขอใบตอบรับการรับมอบด้วย (ขออภัย ค้นหาชื่อเจ้าหน้าที่และเบอร์ไม่เจอ)

อีกแห่ง คือ ศูนย์ส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย ของกระทรวงศึกษาธิการนะครับ เขาจะส่งหนังสือเราไปยังห้องสมุดประชาชนทั่วประเทศ ลองโทร.ไปที่ 02 2829098 ถามหาอาจารย์รุ่งนภา หรือไม่ก็ที่ท่านผอ.คุณ กษมา ยุกตทัศน์ เบอร์โทร.02 6285593 ไม่ทราบว่า ท่านย้ายไปหรือยัง

อีกแห่ง..คือ ห้องสมุดของสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ ผ่านทางคุณพรเพ็ญ ยอดยิ่ง หน้าห้องของท่านปลัดกท.ศึกษาธิการ เบอร์โทร. 02 2816350

ถ้าท่านเหล่านั้นย้ายไปแล้ว ก็ใครก็ได้ครับที่ทำการแทน

ทั้งหมดนี้ ถ้าน้องเม่ยเข้ามารับทราบเมื่อใด ก็ดำเนินการได้เมื่อนั้น และคาดว่า น่าจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

หลักฐานและเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง น้องเม่ยจะนำมาแปะไว้ในกระทู้เพื่อรับทราบโดยทั่วกัน

น่าจะจบกันได้เสียทีนะครับสำหรับโครงการจัดทำหนังสือครบรอบหนึ่งปีของเสรีไทยเว็บบอร์ด

"ยังไงก็ไม่ชิน"

//forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=4436&start=0&st=0&sk=t&sd=a

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


1.สรุปเรื่องบัญชีรายรับ-รายจ่าย สิ้นสุด ณ วันนี้ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒

//forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=4436&st=0&sk=t&sd=a&start=350#p91141

2. สรุปบัญชีคงคลังหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน" สิ้นสุด ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒

//forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=4436&st=0&sk=t&sd=a&start=350#p91145


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ข้อมูลอ้างอิง

1. ภาพสแกนสมุดบัญชีสามหน้าคู่แรก

//forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=4436&st=0&sk=t&sd=a&start=350#p91147

2. รายละเอียดการบริจาคและส่งมอบหนังสือ

//forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=4436&st=0&sk=t&sd=a&start=350#p91151

3. ใบเสร็จรับเงินพร้อมจดหมายขอบคุณจากการบริจาคครั้งที่ 3

//forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=4436&st=0&sk=t&sd=a&start=350#p91150




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2552    
Last Update : 30 มิถุนายน 2552 3:52:55 น.
Counter : 518 Pageviews.  

"ยังไงก็ไม่ชิน" เพื่อเด็กด้อยโอกาส

วัตถุประสงค์สำคัญอีกประการหนึ่งในการจัดทำหนังสือครบรอบปีของกระดานข่าว "ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด" คือ การนำรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วบริจาคให้กับองค์กรการกุศลเพื่อเด็กด้อยโอกาส

ซึ่งเด็ก ๆ กลุ่มนี้ก็คืออนาคตของชาติเช่นเดียวกับเด็กอื่น ๆ ซึ่งสังคมและคนรอบข้างควรให้ความสนใจดูแล และเกื้อหนุนให้เยาวชนของชาติเหล่านี้ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีพลังสร้างสรรค์ในการทำดีเพื่อสังคมต่อไป

//forum.serithai.net/index.php?topic=16551.0

๑. มูลนิธิเพื่อเด็กไทยในชนบท

86/22 ถ.โพธิสาร 15 หมู่ 3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000

โทร. (043) 327-946 โทรสาร (043) 326-968

//forum.serithai.net/index.php?topic=16551.msg221711#msg221711

๒. มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ

546 ลาดพร้าว 47 วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310

โทร & โทรสาร 02-539-2916, 02-539-9706, 02-539-9958

//forum.serithai.net/index.php?topic=16551.msg222861#msg222861

๓. มูลนิธิช่วยเหลือเด็ก

88/135-138 ถ.โพธิสาร โพธิสาร 15 บ้านโนนทัน หมู่ 3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000

โทร. (043) 221-488, 228-913 โทรสาร (043) 221-488

//forum.serithai.net/index.php?topic=16551.msg222987#msg222987




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2550    
Last Update : 30 มิถุนายน 2552 3:51:24 น.
Counter : 506 Pageviews.  

หนังสือครบรอบปีของกระดานข่าว "ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด"

ในโอกาสที่กระดานข่าว "ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด" ก่อตั้งขึ้นครบรอบ 1 ปี เมื่อวันที่ 9 ก.พ. พ.ศ. 2550 ซึ่งมีคุณ RiDKuN ทำหน้าที่เป็นเว็บมาสเตอร์ ได้มาบุกเบิกสร้างบ้านหลังนี้ร่วมกับสมาชิกพันทิปอื่น ๆ อีกหลายท่านโดยมีท่านลุงแคน (Can ไทเมือง) เป็นที่ปรึกษาไว้ก่อนแล้ว

คุณ *bonny ผู้ก่อตั้งขบวนการฯ ได้ทำการเรียกรวมพลกันอยู่ที่ห้องราชดำเนิน ณ พันทิป ในเวลานั้น

//forum.serithai.net/index.php?topic=11538.msg160941#msg160941

จึงได้ค่อย ๆ เคลื่อนขบวนพลทำการอพยพย้ายถิ่นฐานมาที่บ้านใหม่หลังนี้ ได้ริเริ่มโครงการจัดทำหนังสือครบรอบปีขึ้น โดยมีสมาชิกจำนวนหนึ่งให้การสนับสนุนด้านต่าง ๆ ทั้งกำลังทรัพย์เพื่อให้มีเงินทุนสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดพิมพ์ กำลังสติปัญญาในการเขียนบทความและบทกวี และกำลังใจที่มีให้กันและกันอย่างไม่ขาดสาย

//forum.serithai.net/index.php?topic=11538.0

หลังจากมีอาสาสมัครเข้าทำงานในกองบรรณาธิการแล้ว เวลาผ่านไปชั่วลัดนิ้วมือประมาณ 4 เดือน หนังสือก็ได้รับการจัดทำเสร็จเป็นรูปเล่มสมบูรณ์ และได้จัดงานเปิดตัวหนังสือในกลุ่มสมาชิกเมื่อวันที่ 7 กรกฏาคมที่ผ่านมา

หนังสือครบรอบปีที่ได้รับการโหวตให้ชื่อว่า "ยังไงก็ไม่ชิน" จากการนำเสนอของสมาชิกที่ใช้นามแฝงว่า "saopao" ก็ได้ออกสู่สายตาสมาชิก และบุคคลทั่วไป ทั้งยังได้วางจำหน่ายที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ทั้ง 4 สาขาด้วย

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+


โคลงเฉลิมพระเกียรติ

~ * ~..๘๐ พรรษา มหาราชัน ๒๕๕๐..~ * ~




ความเป็นมาของขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด

-->ฝันของเสรีไทย

-->อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด


การเมืองประเทืองปัญญา

-->อัศวินแห่งคลื่นลูกที่สามตัวจริง

-->ความไม่รู้เรื่องประชาธิปไตย

-->ม่านพรางตา

-->ประชานิยมทุนสามานย์ธิปไตย

-->เราจะพัฒนาให้ได้ชื่อว่าพัฒนาแค่นั้นหรือ?

-->เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาการเมืองไทย


การเมืองเป็นเรื่องสนุก (ซะเมื่อไหร่)

-->เมื่อผมเปลี่ยนใจหันไปซบอกทักสิงค์

-->ฤทธิ์คิดสั้น

-->ตอบปัญหาชีวิตกับคุณป้าศิลาแลง


อักษรเสรี กวีของแผ่นดิน

~~ เสียงสันติ เสียงแผ่นดิน

~~ เบญจศีล-เบญจธรรม

~~ รัฐธรรมนูญ

~~ ความงามของเช้ายาม

~~ รักเธอ...เสรีไทยฯ

~~ ถิ่นนี้...เสรีไทยฯ

~~ กวีนคร


เปิดตู้ครัวเสรีไทย

-->อาหารชาวม็อบ


บันเทิง...จิปาถะ...สัพเพเหระ

-->จดหมายจากเดนคุก



~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~




 

Create Date : 30 กันยายน 2550    
Last Update : 20 ตุลาคม 2550 9:53:26 น.
Counter : 599 Pageviews.  


aiwen^mei
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add aiwen^mei's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.