สบตากันหน่อย...ความตายที่รัก ความตายคือฉากสุดท้ายของชีวิตมนุษย์และสัตว์คนส่วนมากกลัวตาย เพราะไม่รู้ว่าเบื้องหลังความตายเป็นอย่างไรจะเจ็บปวด ทุกข์ทรมานแค่ไหน หรือจะต้องไปพบเจอกับอะไรบ้าง ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ทั้งสิ้น แต่สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ความตายเป็นเรื่องปกติธรรมดาเป็นการคืนสู่ธรรมชาติ ตามกฎของไตรลักษณ์ความตายที่ยังไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ จึงเป็นการแปรสภาพหรือการเกิดอีกครั้งหนึ่ง จากร่างเดิมไปสู่ร่างใหม่ ที่จะดีหรือเลวนั้น ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ตัวเองได้กระทำไว้และขึ้นอยู่กับผลบุญและบาปที่เป็นของใครของมันอยู่ดีๆ อาการของโรคหัวใจของฉันก็กำเริบขึ้นอีกเริ่มต้นด้วยความดันขึ้นสูงมาก จนปวดหัวไปหมดในหัวของฉัน เหมือนมีพัดลมมาหมุนอยู่ซักสี่ห้าเครื่อง อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยกับงานและเครียดมากเกินไปละมั้งทำให้ก่อนหน้านั้นนอนหลับไม่สนิท และตื่นมาแต่เช้ามืดวันรุ่งขึ้น อาการก็ดูเหมือนจะทรงๆ แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก ตอนดึกยังลุกลงไปเดินเล่นและคุยกับคนอื่นอยู่ แต่พอกลับขึ้นไปนอน ก็มีอาการวูบติดๆ กันหลายครั้งและเจ็บร้าวที่หน้าอกไปหมด เอาแล้วไง... มันมาอีกแล้วล้มตัวลงนอนได้ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่า ควบคุมตัวเองไม่ได้ลุกขึ้นไปหยิบยาไม่ไหวแล้ว จึงกดโทรศัพท์ฉุกเฉินเรียกคนอื่นให้หยิบยาอมใต้ลิ้นมาให้ และใส่อ๊อกซิเจนตอนนี้ยังพอรู้สึกตัวอยู่เป็นระยะๆ อาการวูบเกิดขึ้นติดๆกันอีก พยายามกำหนดสติจะดูร่างกายว่ามันเป็นยังไงตัวเหมือนลอยๆ ความรู้สึกไม่ปะติดปะต่อกันแล้วอาการเจ็บหน้าอกมีมากขึ้น เหมือนทุกครั้งที่เป็นไม่ได้เจ็บมาก แต่มีอาการเหมือนหัวใจโดนบีบแบบเค้นๆ จึงนึกถึงสมเด็จองค์ปฐม บอกตัวเองว่า ช่างมันยังไม่ทันคิดอะไรต่อ จิตก็ตัดทันทีมันเร็วมากๆ กำหนดรู้ไม่ทันด้วยซ้ำเหมือนเป็นไปโดยอัตโนมัติของจิตมากกว่าไม่รู้ว่าหมดสติไปนานแค่ไหนมารู้ทีหลังว่าเขาพยายามจะอุ้มไป รพ แต่น่าจะอุ้มลงบันไดไม่ไหว เพราะตัวอ่อนปวกเปียก และทุกคนตกใจมากที่เห็นฉันเป็นอย่างนั้นเขาจับให้ลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนเพื่อให้หายใจได้สะดวกแล้วก็เอายาอมใต้ลิ้นใส่ปากไว้ให้อีกเป็นเม็ดที่สอง พอรู้สึกตัวแขนและขาขยับไม่ได้ หนักอึ้งและชาไปหมดเด็กๆ มานวดเท้าและมือเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกแต่ในความรู้สึกตัวเอง ยังเหมือนลอยอยู่ในความสว่างนวลเห็นอะไรเคลื่อนไหวขาวไกลๆ แว๊บไปแว๊บมา เหมือนฝัน เห็นตัวเองด้วย อารมณ์โปร่งเบาสบายและไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรอีก ซักพักจึงรู้สึกตัวว่ากำลังไม่สบายปรากฎว่า หมดสติไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ร่างกายอ่อนเพลียแต่ไม่เจ็บหน้าอกมากเหมือนเดิมคงมีแต่อาการร้าวๆอยู่บ้าง ไปถึงคอ กราม และหัวไหล่แต่ขยับตัวไม่ได้ ตัวหนักเหมือนก้อนหิน ไม่มีอาการวูบเหมือนที่ผ่านมา แป๊บเดียวก็หลับไปง่ายๆแบบหมดสภาพคงเหลือแต่อาการปวดหัวที่ยังมีอยู่มาก อาจจะเพราะความดันยังไม่ลดลงเป็นปกติและมารู้ตัวอีกครั้ง หลังจากเวลาที่เป็นผ่านไปราวๆ 3 ชั่วโมง หลายต่อหลายครั้งที่ฉันเป็นแบบนี้ร่างกายหยุดชะงักไปเพราะโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ แล้วก็ออกไปเดินเล่นอยู่ข้างนอก เหมือนอยู่บนท้องฟ้า บนเมฆ หรือที่ไหนซักแห่ง มีแสงสว่าง นุ่มนวล สบายตาบางครั้งได้ยินเสียงสวดอิติปิโสฯ แว่วมาไกลๆ ให้ฉันสวดตามบางครั้งเห็นพระพุทธรูปเปล่งฉัพพัณรังสีเจิดจ้ามันทำให้ฉันไม่รู้สึกกลัวความตายจะอยู่ก็ได้ หรือจะตายก็เฉยๆ ไม่ได้มีความห่วงกังวลกับใคร หรืออะไร ที่ผูกพันอยู่ เพราะได้ทำหน้าที่ของตัวเองสมบูรณ์แล้วอะไรจะเกิดก็เกิด ไม่เป็นไร ...ฉันก็เป็นแค่ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งดังนั้น ในชีวิตที่ผ่านมาของฉันก็เหมือนคนอื่นๆทั่วไปมีทั้งสิ่งที่ดีๆ และความผิดพลาดเกิดขึ้นเหมือนกันแต่ด้วยความคิดที่จะให้ มีอยู่เสมอในจิตใจของฉันและฉัน...ก็ทำสิ่งนั้นตลอดมา กับทุกๆคนที่อยู่รอบตัวและทุกๆคนที่ฉันสามารถจะให้ได้ มากหรือน้อย ตามแต่โอกาส และความเหมาะสมที่จะทำได้หากวาระสุดท้ายที่ฉันจะต้องเดินผ่านมาถึง มันก็เป็นแค่กระบวนการของชีวิตก็ถ้าเรา...ได้สร้างเหตุที่ดีไว้แล้ว ผลที่จะเกิดขึ้น...ก็สุดแต่จะเป็นไปก็แล้วกัน การเปลี่ยนผ่านของชีวิตจึงไม่ทำให้ฉันหวาดหวั่น เพราะมันเป็นธรรมชาติของทุกสรรพสิ่งที่จะต้องเป็นอย่างนั้น....บางทีฉันอาจจะแค่สลบไปหรืออาจจะได้ไปแอบสบตากับความตายมาหมาดๆนี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรตายหรือไม่...ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่า...... เราจะพิจารณามองเห็นสิ่งเหล่านี้ยังไงให้สิ่งที่เราได้สัมผัสนี้... มีความหมายกับชีวิตที่ยังเหลืออยู่ต่างหาก..... Create Date :10 พฤศจิกายน 2555 Last Update :10 พฤศจิกายน 2555 15:49:12 น. Counter : 3480 Pageviews. Comments :2 twitter google Comment * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก ไปหาหมอตรวจร่างกายดีกว่านะ...... โดย: wildbirds 10 พฤศจิกายน 2555 18:15:45 น.ขอบคุณค่ะ สำหรับความห่วงใยไปหาหมอและทานยาเป็นประจำน่ะค่ะ หมอบอกว่า ไม่ตายง่ายหรอก ดิ้นสามตลบยังไม่ตายเลย อิอิคงจะอยู่ไปได้ถึง 120 นู่นแน่ะ เอิ๊กกกกก แต่คนเราเตรียมพร้อมไว้ก่อนดีกว่า เพื่อความไ่ม่ประมาทในชีวิต เวลาที่คนเราจะตาย บางทีมันอาจจะไม่มีอาการอะไรก็ได้นะคะ วูบหนึ่งก็ถึงแล้ว อะไรจะรวดเร็วปานนั้น โดย: vistapa 10 พฤศจิกายน 2555 20:57:39 น.
โดย: wildbirds 10 พฤศจิกายน 2555 18:15:45 น.
ไปหาหมอและทานยาเป็นประจำน่ะค่ะ
หมอบอกว่า ไม่ตายง่ายหรอก ดิ้นสามตลบยังไม่ตายเลย อิอิ
คงจะอยู่ไปได้ถึง 120 นู่นแน่ะ เอิ๊กกกกก
แต่คนเราเตรียมพร้อมไว้ก่อนดีกว่า เพื่อความไ่ม่ประมาทในชีวิต
เวลาที่คนเราจะตาย บางทีมันอาจจะไม่มีอาการอะไรก็ได้นะคะ
วูบหนึ่งก็ถึงแล้ว อะไรจะรวดเร็วปานนั้น
โดย: vistapa 10 พฤศจิกายน 2555 20:57:39 น.