bloggang.com mainmenu search





กรอบที่ไม่มีเส้น




ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติหลายปีมานี้ เราได้เจอกับ "หนุ่มเมืองจันท์" ทุกปี บางครั้งแม้ไม่ได้พบตัวจริง แต่เขาก็ไม่ลืมส่งหนังสือชุด "ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ" มาให้พบ

ล่าสุด ในงานซึ่งจะมีระหว่างวันที่ 29 มีนาคมถึง 8 เมษายนนี้ เขาก็จัด "กรอบที่ไม่มีเส้น" มาทักทาย เราจึงถือโอกาสขอจับเข่านุ่มๆ ของคนหนุ่มสนทนา

ถ้าหนังสือคือชีวิต

ถ้าเปรียบอย่างนั้น เล่มที่ 20 ก็คงกำลังหนุ่มเต็มที่ อย่างนี้ในความรู้สึกของคนเขียนมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเล่มแรกๆ บ้าง?

"คงมีทั้งมุมที่′เหมือน′และ′ไม่เหมือน′" เขาบอกมาเป็นลำดับแรก

"′เหมือน′ตรงที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่านมาก ไม่เคยเกิด′อารมณ์อยาก′มากขนาดนี้มาก่อน หมายถึง อารมณ์อยากเขียน เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่ามีอะไรอยากเขียนเยอะมาก

ตอนนี้ก็มี′อารมณ์อยาก′เหมือนกัน อยากขอบคุณอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้ผมยังรักษาต่อมความตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็น และสนุกกับชีวิตเอาไว้ได้ ยังไม่เสื่อม...

คุยกับใครก็รู้สึกว่าเรื่องเล่าของเขาน่าสนใจ อ่านหนังสือก็ขีดเส้นเต็มไปหมด เปิดยูทูบดูคลิปการสัมภาษณ์ หรือรายการต่างๆ ก็น่าสนใจ ไปเที่ยวก็ตื่นตาตื่นใจ รู้สึกว่ามีอะไรน่าเขียนเยอะมากเลย

โชคดีที่ยังมีเฟซบุ๊ก boycitychanFC ไว้ระบายความอยากได้บ้าง

นอกจากนั้นยังอยากเขียนประวัติชีวิตนักธุรกิจ ซึ่งเรื่องแบบนี้ต้องมีเวลาว่างมากพอเพื่อจะได้โฟกัสงานเต็มที่ได้

นั่นคือ ′ความเหมือน′กับหนุ่มสาวที่อายุ 20

แต่ที่′แตกต่าง′คือ ประสบการณ์ คนอายุ 20 ปี ถือว่าประสบการณ์น้อย แต่การเขียนหนังสือจนถึงเล่มที่ 20 ต้องถือว่ามีประสบการณ์มากพอสมควร

คงคล้ายๆ ′โน้ส′อุดม แต้พานิช ที่รู้จังหวะการพูด ชนิดที่ทิ้งประโยคนี้แล้วคนจะต้องหัวเราะ

ཐ เล่ม′ทำให้เรามี′ความเก๋า′พอสมควร พอรู้เรื่องกลวิธีการใช้ภาษา การเลือกเรื่อง การเล่าเรื่อง และการทิ้งมุข

ถ้าเป็นนักมวยก็ไม่ได้ชกเก่ง แต่พิงเชือกเก่ง

หมดมุขเมื่อไร ก็พิงเชือกสู้ได้สบาย โดนน็อกยากครับ"


ชีวิตในวัย 20 เล่ม

แล้วถ้าต้องพูดถึง "หนุ่มเมืองจันท์" ในวันนี้

"วัย 20 เล่ม" เป็นศัพท์บอกอายุนักเขียนที่ดีมาก

ผมคิดว่า ′ประสบการณ์′ ทำให้เราเติบโตขึ้น ยิ่งเป็นนักข่าว นักเขียน ได้รู้จักคนทั้งแบบทางตรง คือได้เจอได้คุย และทางอ้อม คือ การอ่านเรื่องราว บังเอิญผมเป็นคนชอบอ่านบทสัมภาษณ์และหนังสือประวัติบุคคลทำให้ผมมีกรณีศึกษาเกี่ยวกับชีวิตเยอะมาก

ผมชอบคำพูดของ ′ไอน์สไตน์′ ที่บอกว่า′ชีวิต′ก็เหมือนกับ′จักรยาน′ ต้องรักษาสมดุลระหว่างล้อ 2 ล้อ และต้องเคลื่อนไปข้างหน้า

เราต้องหาความสมดุลระหว่าง′งาน′กับ′ครอบครัว′ ความสมดุลระหว่าง′ความสุข′กับ′ความสำเร็จ′ ระหว่างที่เราเดินไปข้างหน้า

′ความสมดุล′แต่ละช่วงอายุก็แตกต่างกัน

ในวัย 10 เล่ม ผมอาจปั่นจักรยานชีวิตด้วยความสนุกสนาน ไปถึงเป้าหมายให้เร็วที่สุด แต่วัย 20 เล่ม ผมอยากปั่นจักรยานชีวิตช้าๆ สนใจเป้าหมายที่อยู่ข้างหน้าน้อยลง แต่สนใจคนที่ขี่จักรยานอยู่ข้างๆ มากกว่า

ยังอยาก′ใช้ชีวิต′และยังสนุกกับชีวิตอยู่ แต่อยากใช้ชีวิตให้ช้าลง

ตอนนี้ก็วัย 20 เล่มแล้ว สายตาเริ่มยาว แต่วิสัยทัศน์เริ่มสั้นลง เริ่มใช้ชีวิตแบบ′ฝันใกล้ใกล้ ไปช้าช้า′อย่างจริงจัง คิดถึงวันนี้มากกว่าพรุ่งนี้"


ทำไม "กรอบ" ถึง "ไม่มีเส้น"

"ตอนจะทำหนังสือเล่มใหม่ ผมก็เหมือนกับ′พ่อครัว′ตอนปรุงอาหาร จะทำเมนูอะไร แบบไหน ใครกิน กินเผ็ดได้หรือเปล่า

ผมจะนึกถึงกลุ่มคนอ่านว่าตอนนี้มีความต้องการอะไร ตอนบรรยากาศบ้านเมืองไม่ดี คนต้องการ′ความหวัง′ก็จะใส่เรื่องราวที่ให้กำลังใจคนมากหน่อย แต่ตอนนี้เศรษฐกิจดี คนเริ่มมองหาโอกาสมากขึ้น ผมก็อยากทำหนังสือที่ให้′มุมคิด′ใหม่ๆ ทั้งเรื่องธุรกิจและชีวิต

เมื่อคิดแนวเรื่องออก ผมก็นึกถึงคำหนึ่งที่ผมใช้เป็นประจำในหนังสือ คือ คำว่า′กรอบที่ไม่มีเส้น′

ในคำโปรยปกหลัง ผมเขียนว่า′ถ้าชีวิตมีเพื่อนชื่อปัญหา ความคิดก็มีเพื่อนชื่อข้อจำกัด ไม่เคยมีการแก้ปัญหาหรือความคิดสร้างสรรค์ใดที่ไม่มีกรอบ

เพียงแต่′กรอบ′ของแต่ละคนจะแตกต่างกัน บางคนเป็นเส้นหนาทึบเหมือนกำแพง บางคนเป็นเส้นบางๆ

แต่′กรอบ′ที่ดีที่ทำให้ชีวิตมีความสุข และความคิดสร้างสรรค์เติบโต คือ′กรอบ′ที่ไม่มี′เส้น′

เป็นอาณาจักรแบบประมาณการ เพื่อให้จินตนาการได้วิ่งเล่น แล้วตบท้ายว่า′เมื่อกระบี่อยู่ที่ใจ กรอบก็ไร้เส้น′

พอพูดถึง′กรอบ′ คนจะนึกถึงภาพกรอบที่มีเส้น 4 เส้นทันที
แต่ในโลกนี้ไม่เคยมีใครบอกว่ากรอบต้องมีเส้น
เราคิดเอง เราเชื่อเอง และสร้างกรอบที่เป็นเส้น 4 เส้นขึ้นมาในใจเอง

′กรอบ′ที่ดีต้องไม่มีเส้น เป็นแบบเงาๆ พอรู้ว่าอยู่ตรงไหน แบบนี้ชีวิตจะสนุกขึ้น

ฟังดูลุ่มลึกมาก แต่เนื้อหาในเล่มยังเหมือนเดิมครับ ยังหัวเราะได้ ยิ้มได้ อ่านแล้วมีความสุขเหมือนเดิม

อ้อ เล่มนี้มีการ์ตูนท้ายเล่มด้วย เล่มก่อนหายไป คนอ่านบ่นกันน่าดูเลย


เมื่อคนคิดบวก "คิดลบ"

ถามเพราะอยากรู้จริงๆ ว่าในฐานะของ "คนคิดบวก" เป็นไอดอลของคนมองโลกในแง่ดี ชีวิตนี้เคยคิดลบกับอะไรบ้างไหม

"ไม่ได้′คิดบวก′อย่างเดียว ′คิดคูณ′ด้วย เวลาหนังสือออกจะคิดคูณเลยครับ 10% ของราคาปก คูณจำนวนพิมพ์ เท่ากับค่าเรื่อง

จริงๆ เป็นแค่คนที่มีความหวังในชีวิต เชื่อว่าปัญหาแก้ไม่ได้วันนี้ พรุ่งนี้ก็ต้องแก้ไขได้ หรือปีหน้าก็แก้ได้ ไม่ค่อยทุกข์ ยิ้มง่าย และหัวเราะเก่งเท่านั้นเอง

แต่จริงๆ ยังโกรธคนเป็น โวยวายเป็นบางครั้ง หวาดระแวงเป็นบางหน มองคนในแง่ร้ายบ้าง

′คิดลบ′บ่อยมากตอนซื้อของ ช่วยลบตัวเลขจากราคาในป้ายหน่อยได้ไหม

ที่ถูกมองว่าเป็นคนคิดบวก อาจเป็นเพราะข้อเขียนของผมได้ใช้อภิสิทธิ์ของความเป็นนักเขียนอย่างเต็มที่ คือเขียนในสิ่งที่เรารู้ และคิดว่าเป็นเรื่องดี เรื่องไม่ดีไม่ได้เขียนเท่านั้นเอง

มุมมองต่อโลกส่วนใหญ่ของผมอาจจะเป็นในทางบวก ซึ่งคิดบ่อยๆ ก็จะทำให้เรามี′สติ′เตือนตัวเอง และพลิกมุมคิดกลับมาได้เร็วเท่านั้นเอง

ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีเรื่องหนึ่งของชีวิต"
บอกส่งท้ายมาอย่างนั้น

หน้า 24,มติชนรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2556



ขอบคุณ
มติชนออนไลน์
มติชนรายวัน

สิริสวัสดิ์ศุกรวารค่ะ
Create Date :29 มีนาคม 2556 Last Update :29 มีนาคม 2556 12:12:47 น. Counter : 2009 Pageviews. Comments :0