bloggang.com mainmenu search
     

มาถึงวันสุดท้ายของทริปนี้กันแล้วครับ มีเวลาทั้งวันกว่าเรื่องจะออกก็ร่วมสี่ทุ่มแน่ะ โปรแกรมวันนี้จึงหลวมๆ ผ่อนคลายนิดนึงครับ เพราะเหนื่อยมาหลายวันแล้ว ช่วงเช้าก็จะไปเดินเล่นชมนกที่ สวนนกจูร่ง ก่อนที่ช่วงบ่าย-เย็นจะแวะ shopping ที่ถนนออร์ชาร์ด ค่ำก็เตรียมตัวกลับสนามบินกันครับ

   

   

   

เดี๋ยวนี้คนมาเที่ยวสิงคโปร์ มักจะไม่ค่อยสนใจการท่องเที่ยวดูสัตว์กันซักเท่าไหร่แล้วนะครับ ในขณะที่เมื่อก่อนนี่ สวนนกจูร่งกับ Night Safari จะเป็นโปรแกรมหนึ่งที่บริษัททัวร์จะต้องบรรจุเอาไว้ในโปรแกรมเลย

   

   

สำหรับกลุ่มสวนสัตว์ในสิงคโปร์ หรือ Wildlife Reserves Singapore จะรวมสิ่งที่น่าสนใจเอาไว้ 4 อย่างครับ ก็คือ Jurong Bird Park, Night Safari, Singapore Zoo และน้องใหม่อย่าง River Safari

   

   

สำหรับ Night Safari สวนสัตว์สิงคโปร์ และการล่องเรือชมสัตว์จะอยู่ใกล้ๆกันครับ เรียกว่าจัดโปรแกรมต่อกันไปเลยยังได้ เช่น บ่ายอาจจะเดินสวนสัตว์ หัวค่ำล่องเรือ River safari แล้วค่ำๆก็ต่อด้วย Night Safari

   

   

แต่สวนนนกจูร่งจะแยกออกไปอีกทางครับ วิธีเดินทางก็ไม่ยาก เราต้องไปยังสถานี Boon Lay ครับ

   

   

   

ผมตั้งต้นจากสถานี Chinatown ก็มาเปลี่ยนสถานีที่ Outram Park เพื่อไปใช้สายสีเขียว นั่งยาวไปอีก 11 สถานีเลยล่ะครับ (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ค่าโดยสาร 2.1 S$/ezlink 1.68S$) เพื่อลงที่สถานี Boon Lay เมื่อออกมาจากสถานีจะเจอห้าง (ชื่อเดียวกับสถานีเลย) เราจะต้องมาต่อรถเมล์ โดยใช้ Bus Interchange ซึ่งก็หาไม่ยาก เดินตามป้ายบอกทางมาได้เลยครับ สามารถใช้รถเมล์ได้ 2 สายนั่นคือ 194 หรือ 251 ใช้เวลาสิบกว่านาที ค่ารถก็เพียง 0.83 S$ ครับ

   

   

   

   

สวนนกจูร่ง เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.30-18.00 ครับ ค่าเข้าชม 25 S$ (ผมซื้อมาจาก Sea Wheel อยู่ที่ 18 S$)

   

   

   

   

สำหรับคนที่อยากเที่ยวสวนสัตว์มากกว่าหนึ่งแห่ง สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าโดยตรงจากหน้าเวปได้นะครับ แถมยังมีส่วนลดราคาพิเศษให้อีกด้วย (ที่สำคัญจ่ายด้วยบัตรเครดิตได้ ไม่ต้องถือเงินสดไปจ่ายที่ Sea Wheel Travel)

   

   

   

ตัวสวนนกสามารถเดินชมเองได้ โดยรวมแล้วจะใช้เวลาประมาณครึ่งวันก็ครบแล้ว แต่เราสามารถทุ่นแรงได้ด้วยรถที่จะพาเราชมรอบๆสวนนก (ในอดีตจะเป็นรถไฟโมโนเรลแต่ปัจจุบันงดให้บริการ)

   

   

   

โหลดแผนที่แบบละเอียดได้ที่นี่เลยครับ //www.birdpark.com.sg/assets/pdf/parkmap.pdf

   

   

   

เมื่อเข้ามาจะพบกับเรือลำใหญ่ที่ขนเพนกวินน่ารักๆเอาไว้จัดแสดงภายในครับ

   

   

   

   

   

   

   

สระของนกฟลามิงโก้ สีชมพู

   

   

   

ด้านในสามารถเดินชมแบบใกล้ชิดกับนกได้เลยครับ แต่ก็มีสิ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือ ขี้นก ครับ ขนาดผมเดินอยู่ดีๆ ยังเกือบโดนนกขี้ใส่ซะแล้ว (โชคดีที่นกมันไม่แม่น)

   

   

   

   

นก Shoebill แบบว่ามาให้เห็นใกล้มากๆ

   

   

สวนนกจูร่งก็พยายามเอาใจเด็กๆ ด้วยการสร้างสนามเด็กเล่นพร้อมกับเป็นสวนให้เล่นน้ำแบบเล็กด้วยครับ ชื่อว่า Birdz of Play

   

   

   

   

   

สำหรับโชว์ของสวนนกจูร่ง จะมีทั้งหมด 2 ชุดครับ (ไม่นับรวม Lunch with Parrots ที่ค่อนข้างจำกัดคนและต้องซื้อตั๋ว/อาหารอีก)

   

   

- King of the Skies Show เป็นโชว์ในกลุ่มนกอินทรีย์และเหยี่ยว เวลา 10.00 และ 16.00 โชว์ประมาณ 20 นาที

   

   

- High Flyers Show โชว์น่ารักๆและการบินของนกหลากหลายสายพันธุ์ เวลา 11.00 และ 15.00 โชว์ประมาณ 30 นาที

   

   

จะเห็นว่าโชว์จะมีในช่วงเช้าและบ่ายนั่นเอง เวลาเหลื่อมกันประมาณ 1 ชม. เรียกว่าเดิยชมนกฆ่าเวลาไปพลางๆก็มาชมอีกโชว์ได้ทันครับ

   

   

อย่างผมเข้ามาสวนนกก็ก่อน 9.00 เดินชมทางปีกขวา ซักหนึ่ง ชม. ก็มาชม King of the Skies Show รอบ 10 โมงเช้าได้ทัน จบการแสดง ก็เดินดูนกในปีกซ้ายต่ออีกซัก ครึ่ง ชม. ก็มาชม High Flyers Show ต่อได้ทันครับ

   

   

   

   

King of the Skies Show เป็นโชว์ในกลุ่มนกอินทรีย์และเหยี่ยว จะอยู่ที่โรงละคร Hawk Walk ใกล้ๆกับสนามเด็กเล่น Birdz of Play นั่นเอง

   

   

   

   

จะเป็นการโชว์นกจำพวกเหยี่ยวหลายๆสายพันธุ์ครับ รวมไปถึงนกอินทรีย์และอีแร้ง (ที่มารุมทึ้งซากควายปูน)

   

   

   

   

   

ยี่สิบนาทีก็จบการแสดงครับ มีเวลาเดินเล่น เพื่อรอการแสดงอีกรอบเวลา 11.00 ครับ

   

   

   

   

   

   

ทางฝั่งปีกซ้าย จะเป็นนกที่จัดแสดงอยู่ในกรงซะเป็นส่วนใหญ่ครับ บางส่วนสามารถให้เราเดินเข้าไปภายใน เพื่อเข้าไปใกล้ชิดกับนกได้ด้วย

   

   

   

   

   

ถึงแม้ว่า นก และสวนสัตว์ที่สิงคโปร์ จะไม่ได้มีพันธุ์นกหรือสัตว์ที่มากมายอะไรนัก (เมื่อเทียบกับบ้านเรา) แต่จุดเด่นของเขาจะเป็นในด้านการจัดการ การดูแลสัตว์เนี่ยแหละครับ อย่างที่เห็นง่ายๆก็เรื่องการดูแลสุขลักษณะนี่แหละครับ ก่อน-หลัง เข้าไปชม จะมีอ่างล้างมือ ทางเดินแช่น้ำยาฆ่าเชื้อให้เราเดินผ่าน ถ้าเป็นบ้านเราหรือครับ อ่างน้ำก็มักจะน้ำไม่ไหล ยาฆ่าเชื้อก็แห้งไม่เคยเติม

   

   

   

   

มาถึงโรงละคร Pool Amphitheatre กันแล้ว มารอชม High Flyers Show กันครับ ซึ่งจะเป็นการแสดงความน่ารักของนกต่างๆ

   

   

   

   

   

   

โชว์ลักษณะนี้บ้านเราก็มีนะครับ จะเป็นการเอานกสองตัวมาแข่งบอลกันบ้าง โชว์นกเงือกคู่รัก โชว์ทักษะการบินของนก ที่ให้นกบินไปหาผู้ชม เล่นเกมส์กัน หรือบินผาดโผนลอดห่วงอะไรยังงี้

   

   

   

   

   

   

จบการแสดงประมาณ 11.30 ผมก็กลับแล้วล่ะครับ อากาศชักร้อนขึ้นเรื่อยๆ อากาศร้อนและฝนเนี่ยเป็นอุปสรรคตัวสำคัญของการเที่ยวสิงคโปร์ซะจริงๆครับ

   

   

   

ขากลับก็ย้อนกลับไปที่ป้ายรถเมล์เดิม นั่งรถเมล์สาย 194 หรือ 251 กลับไปเหมือนเคยได้เลยครับ ค่าโดยสาร 0.83 s$ เท่ากัน

   

   

   

กลับมาถึง Jurong Point ก็ถึงเวลาหาอะไรทานครับ เล็งร้าน Wendy's เอาไว้แล้วตั้งแต่ตอนออกมาจากสถานีรถไฟฟ้า นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง fastfood ที่เคยมาเปิดที่เมืองไทยแล้วล้มหายไป จำได้ว่าเมื่อก่อนเคยไปทานถึงซีคอนสแคว์โน้น (นานขนาดไหน)

   

   

   

   

   

มื้อนี้เป็นเบอร์เกอร์เนื้อ ชุ่มเนื้อมาทาน (อยากสั่งแบบ double เนื้อสองก้อนอยู่นะครับ แต่กลัวอิ่มจุก) กับซีซาร์สลัด ชุดนนี้ 10.55 S$ ก็แปลกดีนะครับที่ในต่างประเทศแทบจะทุกร้านที่เป็น fastfood มักจะมีเมนูผักหรือสลัดหาทานได้ง่ายๆนะครับ ในขณะที่เมืองไทยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชผัก กลับหาทานผีกยากซะอย่างนั้น

   

   

   

   

เดินเล่นในห้าง Jurong Point เนี่ยน่ะแหละ ก็จัดว่าเป็นห้างในแถบชานเมืองอยู่นะครับ แต่ก็ไม่ได้เบียดเสียดคนมากอะไร เดินได้สบายๆ ยิ่งถ้าใครรักอาหารญี่ปุ่น ตรงชั้นใต้ดินเป็นโซนอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะเลย

   

   

   

   

ไปๆมาๆ ไปเจอสัตว์ในตำนานอย่างเฟอร์บี้ ที่ชั้นใต้ดินไปซะได้ครับ ราคาก็ 119.90 S$ (ก็เกือบ3000บาท) พนักงานก็ใจดีทำส่วนลดให้อีก 5 S$ จากที่ร้านเลย และเรายังสามารถขอทำ Vat Refund สำหรับสินค้าที่มูลค่าเกิน 100 s$ ได้อีกครับ (Vat ของสิงคโปร์คือ 6%)

   

   

   

ไปกันต่อที่ Orchard road กันดีกว่าครับ คราวนี้นั่งรถไฟฟ้ากันยาวเลย จากสถานี Boon Lay บนรถไฟฟ้าสายสีเขียว เราจะนั่งรถไฟเข้าเมืองไป 13 สถานี เพื่อเปลี่ยนเป็นสายสีแดงที่สถานี Raffles Places (ใครจะแวะชึ้นไปสั่งลาเจ้า Merlion ก่อนก้ได้นะครับ) แล้วนั่งรถ 4 สถานีก็จะถึง Orchard ครับ นั่งรถนาน 40 นาทียังงี้ ค่ารถก็แค่ 2.2 S$ เอง (ezlink 1.77 S$)

   

     

   

   

   

     

   

ห้างเด่นบนถนนออร์ชาร์ตก็คงจะเป็น ION นี่แหละครับ ที่มีแบรนด์ดังๆไว้เกือบครบเลย ถัดไปก็จะเป็นห้าง Wisma Atria และ Ngee Ann City ที่อยู่ถัดกันไป ฝั่งจรงกันข้ามก็จะเป็น Paragon, Lucky Plaza และ Tangs

   

   

   

     

   

แต่ที่น่าสนใจก็จะเป็นคุณลุง (ซึ่งก็มีหลายคน) ทีตั้งรถขายไอศครีมแบบสิงคโปร์ ในราคา 1 เหรียญเท่านั้นเอง เหมาะกับอากาศร้อนๆอย่างนี้มากครับ

   

   

   

   

   

ขนาดแค่วันเสาร์เอง คนนี้แน่นเต็มห้างกันไปหมดครับ ผมเลยหนีไปสนามบินตั้งแต่หกโมงเย็นเลยครับ เพราะยังไงไปซื้อของที่สนามบินก็ปลอดภาษี ไม่ต้องวุ่นวายทำเรื่องคืนภาษีอีก ที่สำคัญสนามบินชางฮี ยังมีโรงหนังให้ชมฟรีด้วย ในฐานะคอหนังต้องขอไปพิสูจน์ซะหน่อยครับ

   

   

       

   

จาก Orchard ผมเลือกที่จะไปเปลี่ยนรถไฟฟ้าที่สถานี City Hall เพื่อที่จะเปลี่ยนไปใช้รถไฟสายสีเขียวเพื่อตรงไปยังสนามบิน โดยเราจะต้องไปเลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานี Tanah Merah ก่อนเพื่อเปลี่ยนขบวนรถเข้าสนามบินครับ ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 41 นาที ค่าโดยสาร 2.1 S$ (ezlink 1.69 S$)

   

   

สัญลักษณ์ของ Terminal 1 ก็คงจะเป็น Kinetic Rain บริเวณ Lobby Check In นั่นเองครับ ซึ่งเป็นหยดฝนทำมาจากทองแดง 1.216 หยด ที่จะเคลื่อนตัวไปตลอดทั้งวัน

   

   

       

   

สำหรับใครที่จะขอ Vat Refund สามารถให้เจ้าหน้าที่ประทับตราก่อนผ่าน ตม.ได้ที่ด้านนอกนี้เลยครับ (แต่ถ้าใครลืม หลัง ตม.ก็ยังมีจุดประทับแบบนี้นะครับ ก่อนที่จะไปถึงเคาเตอร์คืนเงิน)

   

   

     

   

หลังผ่าน ตม.แล้ว ผมขอตัวไป Terminal 2 ก่อนเลยครับ เพราะโรงหนังจะอยู่ที่ T2 การเดินทางมาก็ง่ายครับ ภายในสนามบินก็มีรถไฟฟ้าให้บริการ

   

   

   

         

ก็เป็นโรงหนังขนาดเล็ก ประมาณ 40-50 ที่นั่งได้ เหมือนโรงหนังทั่วไป วนฉายอยู่ทั้งวันทั้งคืนครับ บางเรื่องก็ยังไม่ได้ฉายในบ้านเรานะครับ

   

   

ช่วงนี้ใครที่ซื้อของภายใน Dutyfree ของสนามบินชางฮี ยังมีสิทธิลุ้นรางวัลกับเกมส์อีกด้วยครับ รางวัลใหญ่ถึง 1,000,000 เหรียญสิงคโปร์เลย (25 ล้านบาทไทยเลยเชียว) แค่ซื้อของ แล้วมาลงทะเบียนที่ตู้นี้ รูด passport ผ่านเครื่อง ก็ได้ลุ้นรางวัลกันแล้วครับ

   

     

   

   

   

   

     

   

ภายใน Termainal 1 ยังมี The Social Tree เข้ากับยุตสมัยนี้จริงๆ

   

   

     

   

เที่ยวสิงคโปร์มาตั้ง 4 วัน แต่ลืมครับ ลืมกินข้าวมันไก่สิงคโปร์ O_o พลาดอย่างแรง พอจะหาทานที่ food court ในสนามบิน ก็ดันหมดเสียนี่ เลยได้ทานเป็นข้าวมันกับไก่อบแทน พร้อมเครื่องดื่ม ชุดนี้อยู่ที่ 7.5 S$ เป็นการใช้เศษเหรียญที่เหลืออยู่ให้หมดไปครับ

   

   

   

   

มาสรุปค่าใช้จ่ายสำหรับทริปล้างตา/เก็บตก สิงคโปร์ 4 วัน 3 คืนกันครับ

   

   

ค่าตั๋วเครื่องบิน Air Asia 4080 บาท

   

ค่าโฮลเทล 3 คืน 2122.50 บาท

   

   

บัตร Ez-link (12S$) และเติมเงินลงบัตรอีก 40 S$ รวม 1300 บาท

   

ซิมโทรศัพท์ 300 บาท

   

   

บัตรค่าเข้าสถานที่ต่างๆ

   

Sands Skypark (20S$) 500 บาท

   

Gardens by the Bay+Skywalk (28+5 S$) 825 บาท

   

Singapore River Cruise (ปกติ 18S$/ 8S$ Sea Wheel) 200 บาท

   

Night Safari (ปกติ 35S$/ 26S$ Sea Wheel) 650 บาท

   

Jurong Bird Park (ปกติ 25S$/ 18S$ Sea Wheel) 450 บาท

   

Legoland Malaysia (ปกติ 140 RM) ซื้อล่วงหน้าจากเวป 1120 บาท

   

รถทัวร์ไป-กลับ Legoland (20S$) 500 บาท

   

Universal Studios Singapore (ปกติ 74S$)

   

S.E.A. aquarium (ปกติ ปกติ 33s$)  USS+S.E.A.ซื้อล่วงหน้าจากเวป 2300 บาท

   

   

รวม 14,347.50 บาทครับ เรียกว่าจัดหนักจริงๆ

   

   

สำหรับอาหารและของกินทั้งหลาย 4 วัน ผมทานไปรวม 3,800 บาทครับ หาร 12 มื้อ ก็มื้อละประมาณ 300 กว่าๆ สำหรับค่าครองชีพสิงคโปร์ก็ไม่ถูกไม่แพงจนเกินไปครับ

   

   

รวมแล้วก็ทั้งทริปก็ประมาณ 18,000 ถือว่าเยอะนะครับ แต่พอดีว่าจัดหนักหลายสถานที่ท่องเที่ยวด้วยล่ะ

   

   

                             

   

สำหรับค่ารถไฟฟ้าในสิงคโปร์ เมื่อใช้บัตร Ez-link ก็ถือว่าทั้งทริปนี้ถูกกว่าประมาณ 6 เหรียญ ก็คุ้มกับค่าบัตรในราคาห้าเหรียญแล้วล่ะครับ ที่สำคัญยังได้บัตรกลับมาเป็นของที่ระลึกอีก ยังไงภายใน 5 ปีนี้ เดี๋ยวก็ต้องได้แวะกลับไปอีกจนได้ล่ะครับ ผมเชื่อว่าอย่างนั้นนะ

 
Create Date :07 สิงหาคม 2556 Last Update :7 สิงหาคม 2556 17:34:10 น. Counter : 3219 Pageviews. Comments :1