bloggang.com mainmenu search



อย่างที่เล่าไปหลายบล็อคที่แล้ว
ว่าเราปวดสะโพกไปทางด้านหลัง จริง ๆ คือปวดก้นนั่นแหละ
ตรงนี้ (ช่วยดูที่ลูกศรชี้กันหน่อยนะจ๊ะ)
หารูปเรียกแขกให้อ่านต่อสุดฤทธิ์ อิอิ





ไปหาหมอมาหลายที่ ทั้ง รพ แพทย์แผนปัจจุบัน ทั้งหมอนวดจับเส้นเก่ง ๆ รวมถึงไปโยคะก็ไม่หาย
คือไปหาหมอที่ รพ หมอก็วินิจฉัยว่าเป็นออฟฟิศซินโดรมแหละ
เพราะปวดแล้วไม่ได้ร้าวลงขาที่เหมือนกับหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

ครั้งแรก
ไปหาหมอนวดจับเส้นเก่ง ๆ
เก่งจริงค่ะ
จับรีดเส้นปุ๊บ เจอเลย เส้นที่เจ็บนั่นแหละ
รีดจากขาอ่อนขึ้นมาถึงก้น เส้นนั้นเลย
แต่เจ็บมาก เค้าทำให้รอบเดียวก็ไม่ไหว
ถูกเส้น ถูกจุดแหละ แต่เจ็บเกินไป เลยให้นวดตรงอื่น
ส่วนเส้นที่เจ็บแล้วเราไม่ให้เค้านวด
เค้าก็กัวซาให้แทน
"กัวซา" คืออะไร อ่านได้ในบล็อคนี้
ซึ่งก็เจ็บน้อยกว่ากันเยอะ แต่ก็หายช้ากว่ากันเยอะเช่นกัน
เป็น 1 ชั่วโมงที่ทรมานมาก



หลังจากไม่สามารถทนมือหมอนวดได้
หมอก็แนะนำให้ลองไปโยคะดู
เพราะหมอนวดเท้าด้วย
เค้าบอกว่าอย่าเราไม่ควรออกกำลังกายประเภทใช้แรงเยอะ
ให้ออกเป็นยืดเส้นอย่างพวกโยคะดีกว่า
เพราะเส้นที่เท้าเรามันตึงมาก
ซึ่งเค้ากดลงไปแถว ๆ รองช้ำมันก็เจ็บจริง ๆ นั่นแหละ
ตอนวิ่งในฟิตเนส เราก็เจ็บตรงนี้เหมือนกัน

เราก็เลยไปลองโยคะดู
มันก็ไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่
เพราะเหมือนเล่นเพื่อคลายเส้นทั้งตัว
แต่ตอนนี้เราอยากจะเน้นไปที่จุดเจ็บจุดเดียวทั้ง 2 ข้างของเรา



เราก็เลยไปหาวิธีบริหารเองในเน็ท
เป็นพวกท่าโยคะที่เน้นไปที่เส้นสลักเพชรหรือตรงที่เราปวดนั่นแหละ
ซึ่งเราก็มีโพสรูปไปแล้วในบล็อคนี้
พอทำไปมันก็เจ็บโดนอยู่นะ
ก็ทำทุกท่า อย่างละนิดละหน่อยก่อนนอนทุกวัน
ก็ดีขึ้นจิ๊ดนึง
นั่งชั่วโมงนึงก็ปวดจี๊ดขึ้นมาตลอด
เลยต้องไปหาหมอที่ รพ จริง ๆ ซะแล้ว



ไปหาหมอที่แรก แผนกกระดูกและข้อของ รพ แห่งหนึ่ง
หมอก็ลองยกขาแล้วก็ให้ยาแก้ปวด arcoxia มาลองกินดู 1 อาทิตย์
แล้วก็ห้ามออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อหรือเส้นได้พัก
แล้วก็ลงทุนซื้อเก้าอี้หน้าคอมที่บ้านมาใหม่ให้มันเล็กลงพอดีกับตัว


เพราะตัวที่มีอยู่มันสบายก็จริงแต่มันไซด์ฝรั่ง ใหญ่กว่าตัว





เราก็ยังไม่ดีขึ้น


ลองเปลี่ยนไปอีก รพ นึง
หมอก็ให้ยืนแล้วลองกดหาจุดที่ปวดดู
พอโดนปุ๊บ สะดุ้งโหยง ร้องจ๊ากเลย
หมอก็บอกว่าปวดที่เส้นเอ็นซึ่งได้เล่ารายละเอียดไปแล้วในบล็อคนี้
อยากให้คลิ๊กไปอ่านกันนะ
เพราะหมออธิบายละเอียดมาก
หมอก็ให้ฉีดยา (สเตียรอยด์) เข้าเส้นแล้วก็ให้ยา Celebrex มากินอาทิตย์นึง
แล้วก็บอกเหมือนหมอคนแรกว่างดการออกกำลังกายไปก่อน
แล้วก็ปรับเก้าอี้ที่ทำงานมันเอนพิงหลังมาหน่อย
ให้เส้นมันไม่หักโหม
แล้วถ้านั่งนานแล้วปวดก็ให้ลุกไปเข้าห้องน้ำหรือลุกยืนบ่อย ๆ



ซึ่งหลังจากฉีดกับกินยา
ยังปวดจี๊ดทุกครั้งที่นั่งทำงานเกินชั่วโมง
แต่เราก็ได้ปรับพฤติกรรมแล้วนะ
คือกลับบ้านเราไม่นั่งหน้าคอมเลย แล้วก็ไม่ไปวิ่งออกกำลังกายที่ฟิตเนส
ซึ่งจริง ๆ มันก็ไม่ได้หนักหรอก
เพราะเราก็วิ่ง ๆ เดิน ๆ กิ๊กก๊อกของเรา 15-20 นาทีเอง
แล้วออกอาทิตย์ละ 2 ครั้งเอ๊ง
ให้สะโพกได้พักจริง ๆ
นอกจากนั่งทำงานนั่นแหละที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ก็พยายามลุกไปเข้าห้องน้ำทุกครั้งที่ปวดหรือใกล้จะปวด
แล้วก็ประคบร้อนให้เลือดไปเลี้ยงส่วนที่ปวดมากขึ้นเพราะยาที่กินมันไปตามเส้นเลือด
เส้นเอ็น เลือดมันไปเลี้ยงน้อยเลยให้ประคบหลังจากกลับมาทำงาน
แล้วเวลากลับบ้านก็อย่านั่งท่าที่เจ็บ
สรุปคือ
อาการไม่ได้ดีขึ้นเลย


ก็เลยกลับไปหาหมอคนเดิมใหม่เพื่อการรักษาที่ต่อเนื่อง
หมอก็ลองกดที่เดิม
ก็ยังเจ็บอยู่เหมือนเดิม

หมอก็ถามว่าได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเรื่องปรับเก้าอี้กับลุกเดินรึยัง
-ปรับแล้วค่ะ

ประคบร้อนมั่งมั้ย
-ประคบทุกวันก่อนนอนค่ะ นอนไปกับถุงน้ำร้อนไฟฟ้าเลยค่ะ

แล้วก็ไม่ได้ออกกำลังกายอะไรใช่มั้ย
- นอนอืดดูซีรี่ย์อย่างเดียวเลยค่ะ (คือถ้าเรานั่งเก้าอี้เหมือนนั่งทำงาน เราจะปวดนะ แต่ถ้ากึ่งนั่ง กึ่งนอนบนโซฟาเนี่ย เราไม่ปวดเลย)

แล้วยังลุกไปเข้าห้องน้ำหรือเดินทุกชั่วโมงหรือทุกครั้งที่รู้ตัวว่าจะปวดรึเปล่า
- ใช่ค่ะ




หมอก็แนะนำว่าตอนนี้ถ้านั่งชั่วโมงนึงแล้วปวด
ก็อย่ารอให้ปวดถึงลุกนะ
งั้นให้ลุกทุกครึ่งชั่วโมงเลย บอกคนในที่ทำงานว่าเราไม่ได้อู้ แต่เราเจ็บอยู่

แล้วหมอก็บอกว่า ฉีดยาอีกรอบดีกว่า
แต่เราไม่เอาแล้ว
เพราะพี่ ๆ หลายคนบอกว่าไม่ควรจะฉีดนะ
เพราะเพื่อนบอกว่าแม่เป็นอะไรเกี่ยวกับเส้นเอ็นเนี่ยแหละ
เจ็บปวดมาก ขอหมอฉีด หมอยังไม่ฉีดให้เลย
แล้วก็ไซโคกันใหญ่ว่า
สเตียรอยด์ที่ฉีดเข้าเส้นน่ะ
มันทำให้เส้นเอ็นบางมั่งล่ะ
ทำลายเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อที่อยู่รอบ ๆ บ้างล่ะ
เป็นสารที่ก่อมะเร็งมั่งล่ะ
ไม่เห็นมีใครพูดถึงมันในแง่ดีเลย

สเตียรอยด์ คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
ขอคัดลอกคำตอบของคุณหมูเหมียวที่เค้าตอบไว้ดังนี้

เอาสั้นๆก็คือ สเตียรอยด์ เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างมาจากต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal gland ) สำหรับทางการแพทย์ก็มีการสังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อใช้รักษาโรค

กลไกการออกฤทธิ์ที่สำคัญก็คือ การต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory effect ) ซึ่งผ่านกลไกหลายอย่าง เช่น ยับยั้งการสร้าง prostaglandin ซึ่งเป็นสารที่หลั่งออกมาเมื่อเกิดการอักเสบ ,ป้องกันการแตกตัวของไลโซโซมทำให้สารต่าง ๆ ในเซลหลั่งออกมาไม่ได้จึงช่วยลดปฏิกิริยาการอักเสบของเซล

จากผลการต้านการอักเสบของมันจึงนำมาใช้รักษาอาการมากมายที่เกิดจากจากขบวนการอักเสบและเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย บางคนเรียกเป็น "ยาผีบอก" ก็ว่าได้


ผลข้างเคียงเมื่อใช้ไปนานๆก็คือ ไปกดการทำงานของต่อหมวกไต ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเสียไป ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย ใบหน้ากลม (moon face) มีไขมันสะสมบริเวณฐานลำคอด้านหลัง ท้องป่อง หรืออ้วนบริเวณลำตัวมากกว่าแขนขา

มีรอยปริแตกสีม่วงแดงตามผิวหนังบริเวณแขนขาหรือลำตัว บวมน้ำ มีอาการทางจิต ขนดก เป็นต้น


ตามรูปๆ เรียกว่า Cushing's Syndrome




ตามไปอ่านได้ที่ลิงค์นี้


สเตียรอยด์ คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร แล้วทำไมถึงได้รักษาโรคได้ครอบจักรวาลขนาดนี้คะ

ฉีดสเตียรอยด์ดูเหมือนมันหายไว แต่มันก็แค่ไปกดอาการเท่านั้น
ของเราฉีดไปรอบนึงแล้วเข้าเส้นที่เจ็บจัง ๆ ยังไม่ดีขึ้นเลย


แต่หมอก็ให้เหตุผลว่า
ครั้งที่แล้วอาจจะฉีดไม่โดนเส้น
หรือโดนบางส่วนมันถึงไม่ดีขึ้น
เพราะมันต้องเจาะผ่านกล้ามเนื้อก้นซึ่งมีกล้ามเนื้อและไขมันเยอะลงไปก่อน
ก่อนจะถึงเส้นเอ็นที่อยู่ลึกลงไป
ฉีดอีกรอบแล้วกัน
แต่เรายืนยันว่าเราไม่ฉีดค่ะ

หมอก็เลยให้ยามากิน 3 อาทิตย์
คือ Mobic กินเช้า เย็น
กับ Biocalm กินเช้า กลางวัน เย็น
แล้วหมอก็ถามว่าเป็นคนกินข้าวตรงเวลาใช่มั้ย
ก็บอกว่าค่ะ
เพราะยาพวกนี้ต้องกินหลังอาหารทันที




กลับมากินยาตามหมอสั่ง กินข้าวก่อนทุกครั้งแล้วค่อยกินยา
แล้วตอนนี้ก็ปรับโต๊ะที่ทำงานเป็นแบบยืนทำ
เพราะไม่ไหวจริง ๆ ที่ต้องลุกเข้าห้องน้ำทุกชั่วโมงหรือครึ่งชั่วโมง
ทำงานไม่ต่อเนื่องเลย
ซึ่งคนในออฟฟิศก็เข้าใจ
แต่ก็มีแซวว่าเหมือน reception โรงแรมเลย
คนจะเดินมาหยุดยืนหน้าโต๊ะของจองห้องพักกันใหญ่
บางคนก็แซวว่าระวังปวดสะโพกจะหาย แต่ได้เส้นเลือดขอดมาแทนนะ
แต่เราก็ยืนชั่วโมง 2 ชั่วโมงก็สลับนั่งนะ
ดีนะที่จอคอมมันปรับขึ้นปรับลงได้
แต่ปวดคอ หลัง ข้อมือชะมัด
เพราะคอมันก็ต้องใช้ก้มดูจอนั่นแหละ
แล้วหลังก็ต้องใช้ตอนพิมพ์
แล้วข้อมือก็ต้องกระดกเวลาใช้เม้าส์
โอย
นั่งก็ปวด
ยืนก็เมื่อย
อยากลาออกไปเป็นแม่บ้าน ณ จุดนี้
แต่เสียดายยังหาสามีไม่ได้ 555


เวลาเปิดคอมอยู่บ้านก็พยายามเปิดให้น้อยที่สุด
แล้วก็ยืนอ่าน ยืนดู ยืนฟังเช่นกัน

หลังจากทำทุกอย่างตามหมอสั่งมาได้อาทิตย์ครึ่ง
ได้อีกโรคนึงมาเลย
นั่นคือโรคกระเพาะ
เพราะยามันคงกัดกระเพาะมากกกก
นี่ขนาดเรากินข้าว + กับข้าวทุกครั้งก่อนกินยา เช้า เย็นนะ
ซึ่งบางคนจะกินแค่กล้วยหรือนมให้มันอยู่ท้องแล้วกินยา
แต่ของเรากินข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวแบบจริงจังจริง ๆ นะก่อนตามด้วยยา
ยังไม่วายเป็นโรคกระเพาะเลย
เพราะหมดไม่ได้ให้ยาเคลือบกระเพาะมาน่ะ
เพราะคงเห็นว่าเรากินข้าวตรงเวลาอยู่แล้วจากที่ถาม



ซวยล่ะสิ
โรคเก่ายังไม่หาย
ได้โรคใหม่มาอีกรอบ
ได้ความทรมานเพิ่มขึ้น
จากตอนแรกคือนั่งแล้วปวด ยืนแล้วเมื่อย
คราวนี้เพิ่มปวดทั้งก่อนกินข้าวทั้ง 3 มื้อเพิ่มมาด้วย
ท่าทางปีหมาจะชงแรง 100% ตรง ๆ เต็ม ๆ อย่างที่เค้าบอก
มาเป็นแพ็คเก็จเลยนะ
แล้วตาเราก็ยังไม่หาย
เหมือนอยู่ในหมอกตลอดเวลา
ไปหาหมอ 3 รอบก็ยังไม่หายเหมือนกันซึ่งเดี๋ยวจะเล่าต่อในบล็อคหน้า

ตอนนี้เลยกินทั้งยาเคลือบกระเพาะ ยาแก้ปวดสะโพก แล้วก็ยาลดบวมที่ตา ตามด้วยยาหยอดตา 2 ชนิด
ตูจะบ้าตาย




หลังจากทนกับการปวดท้องโรคกระเพราะมา 2 วัน
เลยมา search หาในเน็ทว่าเราเป็นอะไรกันแน่
เรามาถูกทางรึเปล่า
แล้วมียาตัวไหนที่กัดกระเพาะน้อยกว่า Mobic มั้ยเนี่ย
ไม่อยากกินมันแล้ว

แล้วเราก็ได้พบทางสว่างเข้าจนได้
หลังจากคลำทางมืดมน ทนปวดมา 3-4 เดือน
เว็ปที่ว่านั้นก็คือ

www.thaispine.com

ก่อตั้งโดย นพ.ทายาท บูรณกาล ศัลยแพทย์
กระดูกสันหลังของกองออร์โธปิดิกส์โรงพยาบาล
ภูมิพลอดุลยเดช



แล้วลองคลิ๊กไปที่เวปบอร์ด

https://thaispine.com/webboard/index.php


ที่เค้ามีแยกประเภทของโรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลังทั้งหมด โดยแยกเป็นส่วน ๆ ตั้งแต่คอ เอว หลัง สะโพก ยันหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทร้าวลงถึงขาเลย
โดยคุณหมอจะเป็นผู้มาตอบ
หรือเราสามารถ search หากระทู้ของคนก่อน ๆ ที่เค้ามีอาการคล้ายกับเราว่าเป็นอะไร
ควรปฏิบัติตัวอย่างไร
มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
ยาจำพวกแก้โรคพวกนี้มีกี่ประเภทอะไรบ้าง

คือมันมีทุกอย่างที่เกี่ยวกับโรคพวกนี้ครบหมดทุกอย่างแล้ว
ขอแค่ให้เรา search หาและขยันอ่านเท่านั้นเอง



คือเราหาไปหามา
มีคนที่มีอาการเดียวกับเราด้วยแฮะ
แล้วเราก็เพิ่งรู้ตัวว่า
เราเป็นโรค Piriformis Syndrome (กล้ามเนื้อสะโพกอักเสบเรื้อรัง จนบีบเส้นประสาท )
ที่นั่งนาน ๆ แล้วมันเจ็บจี๊ดนั่นแหละ
คือกล้ามเนื้อ Piriformis มันมีการเกร็งจนไปบีบรัดเส้นประสาท
piriformis อยู่ตรงไหน
มันคือกล้ามเนื้อตรงนี้










สาเหตุหลักอย่างนึงเกิดจากการนั่งนาน
ซึ่งโดนเต็ม ๆ
เพราะอย่างที่บอกไปในบล็อคก่อน ๆ ว่าชีวิตเรา นั่งอยู่หน้าคอมตลอด
ทำงานก็นั่งอยู่หน้าคอม
กลับบ้านก็เปิดคอม นั่งเล่นเน็ทถึงเข้านอน
เสาร์ อาทิตย์ก็เล่นมันทั้งวัน นั่งมันทั้งวันตั้งแต่ตื่นนอนยันขึ้นนอนถ้าไม่ได้ออกไปไหน




วิธีรักษา
ให้ลองบริหารด้วยตัวเองก่อน (เหมือนกับการไปกายภาพบำบัดนั่นแหละ แต่ไม่ต้องเสียตังไปถ้าลองทำซักอาทิตย์นึงแล้วอาการดีขึ้น แสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว)
ท่าบริหารในเว็ปที่มีการพูดถึงบ่อย ๆ คือท่าไขว่ห้าง


ขออนุญาตคัดลอกเนื้อหาที่คุณหมอทายาท บูรณกาลตอบปัญหาผู้ที่มีอาการเดียวกับเรามาจากเว็ป www.thaispine.com นะคะ

วิธีบริหาร ลองใช้วิธียืดกล้ามเนื้อท่า"ไขว่ห้าง" โดยการ

1. นั่งตัวตรงบนเก้าอี้ ไขว่ห้างเอาขาที่ปวดวางบนขาข้างที่ไม่ปวด (ทำคล้ายรูปเลขสี่)





2. ค่อย ๆ ก้ม (แต่อย่างอหลังนะ ทำหลังให้ตรงเข้าไว้ ไม่งั้นมันไปโดนเส้นประสาทที่ขา (sciatic nerve) เดินก็เจ็บเลยคราวนี้ ซึ่งตอนนี้เราก็เป็นอยู่ ดังนั้นห้ามงอหลังตอนทำเด็ดขาด) เอนลงมาทั้งหลังตรง ๆ อย่างรูปด้านล่างเนี่ยแหละ ลงมาให้ต่ำจนเจ็บเพื่อที่จะยืดมันก็โอเค




3. ถ้ามีกล้ามเนื้อตึงตัวแบบ MFP คุณจะมีอาการปวดแก้มก้นมาก ให้ค่อยๆพยายามก้มให้ต่ำลงเรื่อยๆ
4. ในกรณีที่ก้มไม่ลงเพราะปวดตึงมาก ให้ผู้ช่วยค่อยๆดันหลังเราให้ต่ำลึกลงเรื่อยๆ ยิ่งต่ำ จะยิ่งปวดตึง ยิ่งดี
5. ค้างไว้ นับ 1-10 ทำซ้ำ อย่างน้อย 20 ครั้งครับ ทำแบบนี้ทุกวัน วันละสามเวลาแล้วสลับข้าง อาการปวดแบบ MFP จะค่อยๆหาย เนื่องจากกล้ามเนื้อถูกยึดขึ้นมากครับ




***การบริหารใดๆก็ตามเพื่อยืดกล้ามเนื้อ ต้องใช้ความอดทนสูง และ ต้องยอมเจ็บครับ เพราะกล้ามเนื้อจะถูกยืดได้ ต้องมีความรู้สึกเจ็บตอนบริหารครับ***

(หมายเหตุ ท่าไขว่ห้างบริหารนี้ ผมได้รับการแนะนำ โดยการค้นคิดของอาจารย์ทางด้านกระดูกสันหลัง ที่ผมนับถือมากที่สุดท่านหนึ่ง คือ รศ.นพ. สุรินทร์ ธนพิพัฒน์ศิริ แห่ง รพ. ศิริราช ซึ่งหลังจากผมนำมาใช้กับผู้ป่วยประเภทนี้แล้ว ได้ผลดีมากครับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ตั้งใจบริหาร จะหายปวดในสองสามสัปดาห์ครับ)

นพ. ทายาท บูรณกาล


ใครไม่อยากใช้อุปกรณ์ใด ๆ
ทำได้บนที่นอนก็จัดให้ค่ะ
เป็นท่ากบที่เด็กเล็ก ๆ ชอบนั่งกันนั่นแหละค่ะ แต่ผู้ใหญ่อย่างเรานั่งยากมาก คนปกตินั่งแล้วยังตึงไปหมดเลยค่ะ






เป็นท่าที่จี๊ดมาก ได้มาจากหมอนวดเจ้าประจำ
เราก็แค่นั่งพับขาไปด้านหลัง แล้วแบะขาออกด้านข้าง กางหัวเข่าและขาแยกจากกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แล้วก็โน้มตัวไปด้านหน้าค่ะ
ค่อย ๆ โน้ม ได้แค่ไหนแค่นั้น ค่อย ๆ ฝืนไปแต่ละวัน อย่าหักโหม
มันจะจี๊ดมากที่เส้นสลักเพชรที่เรามีปัญหากันค่ะ
แรก ๆ เรายังทำไม่ได้เยอะ ให้หาหมอนใหญ่ ๆ หรือผ้านวมม้วน ๆ มารองตัวเราก่อนค่ะ





ใครแบะได้ขนาดนี้นี่ ให้ 10 ดาวเลยสำหรับพวกมีปัญหาอย่างเรา ๆ แฮ่





จะก้นติดหรือก้นโด่งก็โน้มให้ได้แล้วกัน ตามสะดวก อันไหนเจ็บกว่าแสดงว่าอันนี้ตรงจุดกว่าอ่านะ








ถ้าไม่ไหวก็พอประมาณอย่างน้องข้างล่างนี่ก็พอไหว แต่ให้พยายามอ้าให้ได้มากที่สุดเพื่อยืดเส้นสลักเพชรค่ะ


1. นั่งระหว่างส้นเท้า กางเข่าแยกจากกันให้มากที่สุด มือวางไว้ข้ด้านหน้าลำตัวนิ้วมือทั้งสองชิดติดกัน
2. หายใจเข้าพร้อมทั้งยกมือทั้งสองขึ้นยื่นตรงไปข้างหน้า กางนิ้วมือแยกออกจากกันให้กว้างที่สุด โดยให้นิ้วโป้งซ้ายชนนิ้วโป้งขวา





3. หายใจออก ก้มตัวลง เหยียดแขนและยืดหลังไปทางด้านหน้าให้มากที่สุด ค่อยๆวางมือลงกับพื้น เคลื่อนมือไปทางด้านหน้า วางหน้าผากลงกับพื้น ก้นแนบส้นเท้า นิ้งมือยังคงกางออก






4. ค้างท่าไว้ นับ 1-10


หรือจะเป็นท่ากบ 3 แบบในคลิปก็ได้ค่ะ จากง่ายไปยาก






ถ้าใครไม่ถนัดท่านั่ง
มีแบบท่านอนให้ด้วย

1. นอนหงาย ชันเข่าซ้าย งอเข่าขวา เอาข้อเท้าตรงตาตุ่มขวาพาดบนหัวเข่าซ้าย มือ 2 ข้าง สอดใต้ ข้อพับเข่าซ้าย



Image Hosted by PicturePush


2. ค่อยๆ ออกแรง ดึงขา 2 ข้าง ชิดลำตัวค้างไว้ ขาด้านล่างที่ห้อยอยู่ เอาตั้งฉากกับพื้นจะได้ผลดีกว่าสำหรับเรานะ นับ 1-10 ทำซ้ำ อย่างน้อย 20 ครั้งครับ ทำแบบนี้ทุกวัน วันละสามเวลาแล้วสลับข้าง

นี่คือแบบที่ขาที่ห้อยตั้งฉาก (ซึ่งสำหรับเราได้ผลดีกว่า)



Image Hosted by PicturePush

นี่คือแบบที่ขาที่ห้อยไม่ตั้งฉาก (ซึ่งไม่ค่อยดี) เข้าใจนะ







เวลาทำก็อย่าลืมยกเท้าขึ้นให้มันตั้งฉากด้วย จะรู้สึกเลยว่าเส้นที่เราเจ็บตรงก้นมันเจ็บกว่า ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะเราจะงัดมันออก


หรืออีกท่าที่จี๊ดมากสำหรับเรา

ยืนตรง ขาขวาไขว้ ไปด้านหลัง เฉียงไปทางซ้าย มือ 2 ข้าง จับราวไว้ เอนลำตัวไป ทางด้านขวา ให้มากที่สุด ค้างไว้ นับ 1-10 ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง แล้วสลับข้าง

คือยิ่งเอนตัวหรือบิดตัวไปด้านข้างเยอะ ก็จะยิ่งเจ็บ ก็จะยิ่งดี ยิ่งคลายกล้ามเนื้อที่เราปวด อดทนไว้











หรือใครไม่ถนัดก็ทำอีกท่าในคลิปนี้ก็ได้





ใครนอนหงายท่านั้นไม่ถนัด
ลองท่านี้ก็ได้นะ

นอนบนพื้นด้วยขาของคุณยืดตรงออกและแขนของคุณผ่อนคลายโดยด้านข้างของคุณ
งอเข่าขวาของคุณลงเข้าหาหน้าอกของคุณ
ถือหน้าแข้งขวาด้วยมือของคุณ
แล้วดึงหัวเข่าใกล้หน้าอกที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่เจ็บมาก
แล้วทำซ้ำยืดท่านี้ที่ขาอีกข้าง




หรือถนัดนอนคว่ำ เค้าก็มีท่าให้นะ





หรืออยากจะยืนทำ ก็ยังได้

อ้อ ตอนนี้เรารู้สึกว่ายืนทำมันสะดวกกว่าและจี๊ดกว่าท่าอื่นเหมือนกัน
แต่ต้องหาโต๊ะที่สูงพอดีด้วยนะ

ความสูงของโต๊ะที่จี๊ดพอดีคือสูงเท่าสะโพกที่เราเจ็บนั่นแหละ
แอบกระซิบว่าส่วนใหญ่ก็โต๊ะทำงานเนี่ยแหละโอเคมากสำหรับความสูงของผู้หญิง
สำหรับผู้ชาย ถ้าหาไม่ได้ก็เอาโต๊ะเล่นคอมเนี่ยแหละแล้วก็ต่อหมอน ต่ออะไรที่แข็งแรงเพิ่มความสูงเข้าไปก็ใช้ได้เหมือนกันนะ

เอามือยกข้อเท้าพาดขึ้นไปบนโต๊ะหรือเคาร์เตอร์
มือข้างนึงจับข้อเท้าไว้ อีกข้างจับโต๊ะหรือกำแพงใกล้ ๆ
แล้วค่อย ๆ ลงน้ำหนักขาที่พาดให้ขาอีกข้างที่ยืนพื้นเข่าตึง
ถ้าความสูงพอเหมาะ และองศาพอเหมาะ โห จี๊ดมาก
แต่ควรจะหาอะไรเกาะด้วยนะ
เพราะความสูงขนาดนั้น เวลาลงน้ำหนักขาที่พาด อาจจะทำให้เราเซหรือเสียหลักได้
ทางที่ดีให้เอียงใกล้ ๆ กำแพง ให้มือข้างนึงจับกำแพงได้เวลาเราเซ
ท่านี้ดูง่าย แต่ถ้าเสียหลัก ก็อันตรายมากนะ





Image Hosted by PicturePush


Image Hosted by PicturePush


Image Hosted by PicturePush



เอารูปมาเป็นไอเดียว่าจะบนโต๊ะ บนตู้ บนเคาร์เตอร์ บนกล่องอะไรก็ได้ที่แข็งแรงแล้วสูงเท่าจุดที่เราเจ็บหรือสูงกว่านิดหน่อยก็จะดีมากนะ

จริง ๆ แล้วถ้าได้ความสูงพอเหมาะนะ
เอาข้อเท้าพาดขึ้นได้ เข่าจะตึงอัตโนมัติ แค่นี้ก็จี๊ดแล้ว
แบบว่ายังไม่ต้องโน้มก็โดนเส้นแล้วน่ะ แล้วโน้มอีกหน่อยก็เจ็บจี๊ด
นั่นแหละความสูงที่ดีที่สุด

สูงมากไปก็ไม่ได้ผลนะ พาลจะทำให้เราเสียหลักล้มง่าย ถ้าสูงจนขาอีกข้างต้องเขย่งอันนั้น สูงไปละ
เวลาโน้มก็ลองโน้มซ้าย โน้มขวาดูนะ

อย่างของเราเนี่ย
สมมุติยกขาขวาพาดขึ้นโต๊ะอย่างในการ์ตูนรูปแรกเนี่ย
เราพาดขึ้นไปแค่ข้อเท้าเองอย่างในรูปเองนะ
แล้วเราจับข้อเท้าไว้ เวลาโน้ม เราจะโน้มไปทางฝั่งตรงกันข้ามกับขาที่พาด
เราจะโน้มเอียงไปทางซ้าย ซึ่งมันจะโดนเส้นเจ็บจี๊ดมากกว่าโน้มตรง ๆ หรือเอาทั้งน่องและเข่าขึ้นไปพาดไว้ทั้งหมด
ไม่รู้เข้าใจกันรึเปล่านะ
ดูรูปแรกเนี่ยแล้วกัน
เราทำแบบนี้แหละ แบบว่ากาง ๆ ขาที่พาด






ไม่ได้เอาขาที่พาดแนบติดกันน่องบนกับน่องล่างเหมือนรูปด้านล่างนี้









ลองดูเป็นคลิปก็ได้






***การบริหารใดๆก็ตามเพื่อยืดกล้ามเนื้อ ต้องใช้ความอดทนสูง และ ต้องยอมเจ็บครับ เพราะกล้ามเนื้อจะถูกยืดได้ ต้องมีความรู้สึกเจ็บตอนบริหารครับ***


หรือท่ายืดกล้ามเนื้อต้นขาก็ช่วยให้เรื่องปวดก้นได้เหมือนกัน

ท่า “Leg lunge” ซึ่งมีสองสเต็ป
สเต็ปแรกก้าวเท้าข้างหนึ่งไปข้างหน้า สองมือเท้าสะเอว
จากนั้นสเต็ปที่สอง คือ ย่อตัวลงจนรู้สึกปวดตึงที่ต้นขา
ถ้าจะให้ดีก็กดสะโพกและก้นลงและโน้มไปข้างหน้าเยอะ ๆ จนรู้สึกตึงตรงก้นที่เราเจ็บ ค้างไว้ครู่หนึ่ง แล้วยืด
จากนั้นสลับข้างทำไปเรื่อยๆ ข้างละ 10 ครั้ง












จะบอกว่านอนทำ เหนื่อยกว่านั่งทำอีก
เพราะมันต้องเกร็งคอฝืนแรงโน้มถ่วงโดยไม่จำเป็นด้วย
ไม่เหมือนนั่ง ที่ก้มตัวลงไปขนานกับแรงโน้มถ่วง
ยืนทำก็สะดวกดีนะ แต่ต้องมั่นใจว่าโต๊ะที่เราวางเท้านั้นมั่นคงนะ
แต่ทั้งหมดทุกท่านะ
เราว่า
ท่านอนคว่ำน่ะ โดนจี๊ดถึงเส้นที่สุดเลย
ทำปุ๊บ โดนเส้นเลย
ไม่ต้องก้ม ไม่ต้องโน้มใด ๆ เลย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
ขึ้นอยู่กับอาการและร่างกายแต่ละคนนะว่าสะดวกหรือชอบท่าไหน
มีมาให้ทุกท่า
ช่วย ๆ ทำให้มันต่อเนื่องหลาย ๆ ครั้งและทุกวันกันหน่อยนะ
จะได้หายปวด
มีวินัยกันหน่อย พวกหัวอกเดียวกัน



จริง ๆ มันมีอีกหลายท่าซึ่งดูแบบภาพเคลื่อนไหวได้ที่ลิงค์นี้



https://www.thaispine.com/Piriformis_exercise.htm



การออกกำลังกายเพื่อเหยียดยืดกล้ามเนื้อสะโพกและเอว



แล้วเพิ่งรู้ตัวว่าเรารักษาผิดทางมาตลอด
แล้วก็กินยาเปล่าประโยชน์ให้ตับ ไต กระเพาะทะลุฟรี ๆ เลย
เพราะโรคนี้ไม่ต้องกินหรือฉีดยา
เพียงแต่ใช้ความอดทนในการบริหารหรือกายภาพ

แล้วก็ต้องออกกำลังกายด้วย ไม่ใช่กินยาแล้วอยู่เฉย ๆ
เพราะการรักษาจะกลับกันทันที


ดังที่คุณหมอได้ตอบคนไข้รายหนึ่งที่ถามว่ายังออกกำลังกายได้รึเปล่า

คำตอบคือ


- อาการปวดกล้ามเนื้อมัดใหญ่ขนาดนี้ ผมคิดว่าการฉีดยาเพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถทำให้หาย 100% ได้หรอกครับ

- อย่างเก่ง การฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ Piriformis อาจจะทำให้อาการปวดลดลงได้ประมาณ 50% ถ้าได้มากกว่านั้นถือว่าโชคดีแล้วครับ

- การฉีดยาที่กล้ามเนื้อ Piriformis ที่ทำให้นั้น ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ ประมาณ 30-50% ของที่เกร็งอยู่เดิมเท่านั้นครับ

- อาจจะต้องมีการฉีดซ้ำ หากการออกกำลัง และ กายภาพบำบัด ยังไม่ดีขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจครับ

- ในกรณีที่มีการเกร็งของกล้ามเนื้อมัดนี้มาก และ ไม่ตอบสนองต่อการรักษาโดยการฉีดยาในลักษณะดังกล่าว อาจจะจะเป็นต้องมีการผ่าตัดที่กล้ามเนื้อมัดนี้ เพื่อลดการเกร็งของกล้ามเนื้อที่หนีบเส้นประสาทอยู่ครับ

- การออกกำลังกายที่กล่าวมาทั้งหมด สามารถทำได้ครับ ไม่ต้องกังวลต่อโรคที่เป็นอยู่

- ตรงกันข้าม การออกกำลังกายที่เหมาะสม (ทั้งหมดที่กล่าวมา) ทำให้โรคนี้ดีขึ้นได้ครับ และ จำเป็นต้องทำด้วยครับ

- การทำบริหาร ดังที่กล่าวมานั้น จะทำให้อาการหายขาดได้ แต่ต้องใช้ความอดทน และ ต้องใช้เวลาหลายเดือนครับ

- อดทนไว้ แต่ดีกว่า ผ่าตัดไปแล้วไม่หาย จะยิ่งเจ็บใจกว่านี้อีกครับ

นพ. ทายาท บูรณกาล

อ่านเต็ม ๆ ได้ที่กระทู้นี้


ขอสอบถามปวดหลัง ชาลงขา อาการเป็นเหมือนหมอนรองกระดูก ทรมาณมาก, แต่ทำ MRI ออกมาแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติเลย




หลังจากที่เรากลั้นใจทำท่าเดียวคือท่านั่งไขว่ห้าง
ซึ่งกว่าจะทำครบ 20 ครั้ง ไม่ใช่เล่น ๆ เลย
เพราะทำครั้งแรกก็เจ็บปวดลึกลงไปถึงเส้นที่ก้นเลย
กลั้นใจทำให้ครบ 20 ครั้งเฉพาะก่อนนอน
เพราะตอนเช้าไม่มีเวลาได้ทำ กลางวันก็กินข้าว จะให้ทำที่ออฟฟิศก็เกรงใจเพื่อนร่วมงาน
เลยทำได้แค่ตอนเย็นหลังจากกลับมาบ้าน
ไม่ก็ก่อนนอน
ขนาดทำแค่ 20 ครั้งติดต่อกันแค่ 3 วัน
อาการปวดทุเลาลงไปเยอะเลย
สามารถนั่งได้นานกว่า 2 ชั่วโมงเลยทีเดียวถึงเริ่มมีอาการปวด
ตอนนี้เราไม่ได้กินยาเลยตั้งแต่ทำวันแรก


อันนี้เพิ่ง search เจอ เอามาเพิ่มให้นะ






นี่เรายังโชคดีนะที่รู้ตัวเร็วแค่หลงทางไป 3-4 เดือน
บางคนในเว็ปบอกว่าไปรักษาหลายที่ไม่หาย ต้องทรมานกับอาการของโรคร่วม 2 ปีเลยทีเดียว
บางคนก็บอกว่าผ่าตัดแล้วก็ไม่ดีขึ้นเท่าที่ควรด้วย
ผ่าตัดฟรีอีกต่างหาก

คือตอนแรกก่อนไปหาหมอก็เคยทำท่าพวกนี้นะ
แต่ทำ 3-5 วิ 3 ครั้งเองก็เปลี่ยนท่า กลัวจะมากไปเพราะหมอก็บอกว่าไม่ให้ทำอะไรกระทบกระเทือนเส้นที่เจ็บ
เป็นไงล่ะ รักษาผิดทาง กระเพาะทะลุฟรีเลยตู

เพิ่มเติมท่านะคะ





โอย
เป็นบล็อคที่เนื้อเรื่องยาวที่สุดที่เคยเขียนมาแล้วมั้ง
ลุก ๆ นั่ง ๆ พิมพ์ หารูป รวมถึงข้อมูลประกอบโรคของฝรั่งร่วมครึ่งร้อย แถมจัดรูปหน้า หาลายเส้นแต่ละอันคั่นให้อ่านง่าย
นั่ง ๆ ยืน ๆ กับบล็อคนี้ แค่ 5 ชั่วโมงเอ๊ง
นี่ยังดีนะที่เมื่อก่อนเป็นขาแชท พิมพ์เร็ว (แต่ผิดเยอะ)
ไม่งั้นคงต้องใช้ 8 ชั่วโมงอย่างน้อย
เมื่อยขาและเมื่อยก้นมาก
แต่ก็อยากให้บล็อคนี้มันเสร็จภายในคืนนี้
ไม่งั้นนอนไม่หลับ
เพราะคิดจะเขียนมาหลายวันแล้วแต่งานยุ่งตลอด
มันเป็นสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจว่าต้องเขียนในเสร็จทุกครั้งก่อนนอนแล้วทุกครั้งตอนตื่นนอน (ว่าไปนั่น)
หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับคนที่ทรมานกับโรคนี้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ


จริง ๆ มีเว็ปฝรั่งเกี่ยวกับโรคนี้เยอะมาก พร้อมทั้งข้อมูลการบริหาร
ลองเข้าไปหาข้อมูลและรูปท่าบริหารกันได้นะคะ



https://lazylavender.blogspot.com/2013/09/many-ways-to-stretch-piriformis.html


www.kiropraktorcentrum.com/index.php/en/stretch-help/stretch-exercises/back-legs-stretch


www.livestrong.com/piriformis-stretch


www.jaxmed.com/massage/pirformis_stretches.htm


https://www.mtbj.net/pdf/PiriformisSyndrome.pdf




หลังจากไม่ค่อยมีเวลาบริหาร และยังต้องนั่งหน้าคอมทำงานไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง
แล้วก็เริ่มปวดตั้งแต่ 2 ชั่วโมงแรกของทุกสายวันทำงาน แล้วต้องทนปวดต่อเนื่องไปอีก 6 ชั่วโมง
เราเลยลองไปฝังเข็มดู อ่านได้ที่บล็อคด้านล่างนี้นะคะ

ฝังเข็มครั้งแรกในชีวิตกับอาการปวดก้น ปวดสะโพก

รวมถึงวิธีใหม่ล่าสุดโดยใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า

ปวดก้น ปวดสะโพก ไอ้เครื่องนวดกระตุ้นก็ช่วยได้ระดับนึงเหมือนกันนะถ้ามันไม่ช็อตใส่ซะก่อน



อัพเดท ณ ตุลาคม 2560

เรายังเป็นอยู่ค่ะ
ก็อย่างที่บอก เรานั่งทำงานตั้ง 8 ชม. ต่อวัน
บริหารแค่ไม่ถึง 1 ชม. แก้ออกได้แค่เสี้ยวเดียวของที่เราสะสมในแต่ละวันเอง
แถมเรายังสะสมมาตั้งหลายปีเนอะ จะให้หายเลยคงเป็นไปได้ยาก
นอกจากเปลี่ยนอาชีพเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยได้นั่งอาจจะดีขึ้น แฮ่

แอบมาสารภาพว่า หลัง ๆ นี่เราไม่ค่อยได้บริหารเลย
แต่มันดีขึ้น แปลกมั้ย
ก็อย่างที่บอกว่า เราทำทั้งหมดแล้ว
ทั้งหาหมอแผนปัจจุับัน แผนโบราณ แผนจีน ระบบไฮเทค โลเทค กินสมุนไพรพวกเถาวัลย์เปรียงที่มันช่วยสลายพังผืด ทั้งกิน ทั้งฉีด ทั้งนวด ทั้งกายภาพ สารพัด
มันก็ไม่หาย เราก็เข้าใจว่ามันต้องใช้เวลา
แต่เราให้เวลามันมาปีกว่าตั้งแต่เราก่อนเราเขียนบล็อคนี้อีก
มันก็ดีขึ้นนิดหน่อย แล้วก็กลับมาเป็นอีกเรื้อรัง




แต่หลัง ๆ มานี้ ร่างกายเรากลับดีขึ้น
คือว่าเราไปปฏิบัติเตโชวิปัสสนากรรมฐานที่แก่งคอย สระบุรี 7 คืน 8 วันมาค่ะ
ดังที่เราเพิ่งอัพบล็อคไปด้านล่างนี้

8 วันสำหรับความเจ็บปวดอันคุ้มค่า กับการไปปฏิบัติเตโชวิปัสนาของคนหนักไม่เอา เบาไม่สู้และรักสบายอย่างเรา แฮ่

คือการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเนี่ย
เป็นบุญใหญ่มาก สูงกว่าการทำทาน การรักษาศีล การฟังและอ่านธรรมะ
เพราะเราต้องมานั่งเอง ปฏิบัติเอง มารับทุกขเวทนาให้จิตมันเกิดปัญญา
ผลบุญเลยสูงกว่ามากมายมหาศาล

แล้วหลังจากปฏิบัติธรรมกลับมา
เราก็กลับมาปฏิบัติเองที่บ้านวันละ 1 ชั่วโมงวันธรรมดา
และเพิ่มอีก 1-2 รอบวันหยุดถ้าเราไม่ได้ออกไปไหน
แล้วอุทิศบุญทั้งหมดในแต่ละรอบให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เราเจ็บปวดที่ก้นและสะโพก
แล้วก็อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ดวงตาเรามีปัญหา (เราเป็นท่อน้ำตาอุดตันเรื้อรังด้วยค่ะ)
พอทำไปเรื่อย ๆ บริเวณที่มีปัญหาก็ค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างอัศจรรย์




Image Hosted by PicturePush





ใครไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรนะคะ
แต่ถ้าัมันดีขึ้น
ลองรับเป็นอีก 1 ทางเลือกดูมั้ยคะ
อาการปวดจากการนั่งปฏิบัติธรรม 8 วันที่ไป
เทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดที่หลายคนเป็นกันเรื้อรังกันหลายเดือน หลายปีอยู่นี่
มันปวดน้อยกว่าสิ่งที่พวกเราเป็นอยู่แน่นอนค่ะ
แล้วจิตเราก็เป็นกุศล ได้เผากิเลสที่อยู่ในจิตของเราให้เบาบาง

เราไปนั่ง ไปชดใช้กรรมให้เค้าให้จบกันไปภายในชาตินี้
เราสร้างกุศล เราแบ่งบุญให้เค้า เค้าก็ได้บุญ เราก็ได้บุญและทุเลาจากโรคที่เป็น
win win ทั้งคู่
แล้วเราเชื่อเหลือเกินว่า
ถ้าคุณได้ไป
คุณได้อะไรมากกว่าจะไปรักษาโรคที่คุณเป็นแน่นอนค่ะ
8 วันหลังจากปฏิบัติ ชีวิตและวิธีคิดของคุณจะเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย
เราสามารถวางอุเบกขาได้ สิ่งต่าง ๆ ก็ล้วนแต่ไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดดับ ๆ ตลอดเวลา
เราจะสามารถจัดการกับความทุกข์ของร่างกายเราได้มากขึ้นเพราะวิธีคิดเราเปลี่ยนไป
เราสามารถวางใจให้ถูกที่ เราแค่เห็น แต่ไม่ได้เข้าไปเป็น รู้แล้ววาง
เพราะมนุษย์เราทุกข์อยู่ 2 อย่าง
อยากได้แล้วไม่ได้ก็เป็นทุกข์
ได้ในสิ่งที่ไม่อยากได้ก็เป็นทุกข์
แล้วเราจะจัดการกับความทุกข์ที่เป็นธรรมชาติแบบนี้ยังไง
คิดเสียว่าการรักษาโรคนี่เป็นผลพลอยได้แล้วกันนะคะ


การไปปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งที่ยาก เพราะมันเป็นทางที่ประเสริฐ
มารและเจ้ากรรมนายเวรจะขวางไม่ให้คุณไปในทุกวิถีทาง
แม้ว่าคุณจะคอนเฟิร์มไปแล้ว
คุณก็อาจจะไม่ได้ไป
เพราะอยู่ดี ๆ งานคุณเข้า ตัวคุณ คนในครอบครัวคุณอาจจะป่วยกระทันหัน
หรือเหตุอะไรก็ตามที่ทำให้คุณต้องยกเลิกการไป
แต่ถ้าคุณตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไปและได้ไป ได้ปฏิบัติจริง ๆ
คุณจะเข้าใจสิ่งที่เราบอกค่ะ





Image Hosted by PicturePush




Image Hosted by PicturePush




ของทุกอย่างมีเหตุและปัจจัยของมัน
ถ้าเราทำทุกอย่างแล้วมันไม่ดีขึ้น
เหตุนั้นคงเกินกว่าสิ่งที่มนุษย์อย่างเราจะล่วงรู้
เพราะมันคือกฎแห่งกรรม
เราอาจจะไปทำเค้าไว้ในชาติใด ชาติหนึ่ง
มันก็อาจจะสาสมแล้วที่เราได้รับทุกเวทนาอยู่ในทุกวันนี้

ลองคิดดูว่าเค้าเราไปทรมานเขาจนตาย
เขาจะให้อภัยมั้ย
ถ้าเราตักบาตรหรือทำสังฆทานแล้วบอกว่า
ฉันให้ข้าวเธอ 1 มื้อพร้อมข้าวของเครื่องใช้นี้
เธอให้อภัยฉันแล้วกันนะที่ฉันฆ่าเธอตายอย่างทรมาน เลิกแล้วต่อกันนะ
เป็นเรา ๆ จะยอมมั้ย
แต่ถ้า
เราได้ไปนั่งสร้างกุศลและแบ่งบุญให้เขาบ่อย ๆ และขออโหสิกรรมกันไป
การเจริญวิปัสนามีอานิสงค์สูง มันน่าจะสมน้ำสมเนื้อกว่า



รูปทั้งหมด เราไม่ได้ถ่ายเอง แล้วก็ไม่ใช่รูปรุ่นเรานะ
เราเอามาจาก facebook ข้ามห้วงมหรรณพกับเตโชวิปัสสนา

และ


นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ กับอ.อัจฉราวดี วงศ์สกล


ใครที่สนใจ ลองเข้าไปดูรูป ดูกิจกรรมและอ่านประสบการณ์ของท่านผู้ปฏิบัติอื่น ๆ กันได้นะคะ
บอกได้เลยว่า
ประสบการณ์อันกิ๊กก๊อกของเรา
เทียบไม่ได้เลยกับของท่านอื่นที่ปฏิบัติมานานกว่าหรือสูงกว่า
หรือแม้กระทั่งครั้งแรกเหมือนกัน แต่ได้สะสมบุญมามากกว่าเรา
แซบเว่อร์กันทุกคนค่า


หรือลองซื้อหนังสือของท่านอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล เล่มที่พี่งออกใหม่มาอ่านก่อนก็ได้ค่ะ


ฆราวาสบรรลุธรรม 2



Image Hosted by PicturePush






ใครสนใจไปปฏิบัติ
สามารถเข้าไปดูกฎระเบียบ ตารางการอบรม ใบสมัคร แผนที่ แฟ้มภาพ ได้ที่


ตารางคอร์สอบรมเตโชวิปัสสนากรรมฐาน



และสามารถเข้าไปอ่านบทความที่ท่านอาจารย์โพสได้ที่

https://www.techovipassana.org/masterwordsth

และประสบการณ์เหล่าศิษย์ทั้งหลาย ที่ทั้งน่าทึ่ง น่าตื่นเต้น มีความอัศจรรย์ หรือแม้แต่เศร้า เคล้าน้ำตาได้ที่

https://exp.techovipassana.org


เราชอบประโยคในหนังสือ 7 เดือนบรรลุธรรมของดังตฤณ ที่บอกไว้ว่า
ทางรอดจากวังวนวัฏสงสารนั้นแคบ เดินยาก และมีแสงสว่างฉายให้เห็นทางนั้นได้วูบเดียว
ชาตินี้เผอิญมาเห็นก็นับว่าโชคดีอย่างไม่อาจมีชาติไหนเทียบแล้ว
ฉันจะต้องตะเกียกตะกายเดินให้ทันทางก่อนแสงหายให้จงได้ เพราะถึงลำบากแค่ไหนก็คงดีกว่าการตะเกียกตะกายอยู่ในนรกแห่งความไม่รู้ไปอีก ชั่วกัปชั่วกัลป์แน่นอน


เพื่อนชาวพุทธคะ...เราไม่ได้เขียนสิ่งนี้ขึ้นมาให้ดูดี
แต่เราอยากชวนทุกคน มาเร่งชำระจิตใจให้บริสุทธิ์
มาเรียนรู้แก่นของพระพทธศาสนา ตามหลักสติปัฏฐานสี่

อย่าคิดว่าเราอายุยังน้อยหรือไว้ว่างค่อยไปก็ได้ เพราะยังมีเวลาอีกเยอะ
เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า "พรุ่งนี้" กับ "ชาติหน้า" อะไรจะมาถึงก่อนกัน

ขอให้ท่านทั้งหลายเจริญในธรรมค่ะ สาธุ








มาบอกบุญค่า
สำหรับใครที่ลงทะเบียนเข้าคอร์สเตโชวิปัสสนาที่สระบุรีไม่ได้หรือไม่ทัน
ยังมีอีก 1 สาขาของเตโชวิปัสสนาที่ สถานปฏิบัติธรรมลานหินป่าโมกข์
ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
ที่มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อสัญชัย จิตตภโล อริยสงฆ์รูปแรก แห่งสายวิชาเตโชวิปัสสนา
พระอริยสงฆ์ผู้ทำกิจจบสิ้นแล้วหลังจากเพียรและบวชจำพรรษาได้เพียง 3 ปี
จากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานด้วยทางสายเอกอุ
ดังที่ท่านสามารถอ่านประสบการณ์ของพระคุณเจ้าสัญชัย จิตตภโล




สามารถเข้าไปดูสถานที่และข้อมูลของสถานปฏิบัติธรรมลานหินป่าโมกข์ได้ที่ facebook
สถานปฏิบัติธรรมลานหินป่าโมกข์


ขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่านด้วยนะคะ


ปล. เราดีขึ้นจากการไปนวดกับคุณป้าหมอนวดประจำแถวอ่อนนุช 44 แต่ตอนนี้แกย้ายไปแถวโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า นนทบุรีแล้ว ซึ่งเราได้ลงรายละเอียดไว้ในลิงค์ด้านล่างนะคะ ป้าแกเด็ดมากจริง ๆ นวดโดนทุกจุด เจ็บแต่หาย แล้วไม่แพงด้วย ไปอ่านกันได้นะคะ แต่ถ้าคิวแกเต็มจากคนที่มาทางบล็อคเรา แล้วเราไม่ได้นวด เราจะลบลิงค์นี้ออก ก๊าก ๆ


แนะนำหมอนวดจับเส้น แก้อาการ แถวนนฯ เด็ดตรงเราไม่ต้องบอกเลยว่าปวดตรงไหน ป้าแกนวดโดนทุกจุด ไม่แพงด้วย

 
Create Date :16 มีนาคม 2555 Last Update :3 ธันวาคม 2563 10:26:22 น. Counter : Pageviews. Comments :235