bloggang.com mainmenu search
เจตภูต มาเยือน

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"วีรยุทธ์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในคืนส่งท้ายปีเก่า วันนี้ผมมีเรื่องน่ากลัวของเจตภูตมาเล่าสู่กันฟังครับ

เหตุเกิดขึ้นเมื่อราว 5-6 ปีมาแล้ว ขณะนั้นเป็นวันใกล้จะสิ้นปี มีงานรื่นเริงส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ ทั้งตามบริษัทห้างร้าน ทั้งในหมู่ญาติสนิทมิตรสหาย คนที่มีเพื่อนฝูงมากก็ไปสนุกสนานเฮฮากับเขาแทบไม่ได้พักผ่อน แต่ส่วนมากก็เต็มอกเต็มใจเพราะถือว่าเป็นโอกาสที่น่าเฉลิมฉลองกัน... หนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!

หลายๆ คนก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในปีใหม่ที่จะถึงนี้

คน ที่สนิทสนมรักใคร่กันก็เปิดอกเล่าสู่กันฟังว่า เมื่อขึ้นปีใหม่จะทำอะไรบ้างที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น จะเลิกละสิ่งใดที่ถือว่าไม่ดีงาม เช่น เลิกเล่นการพนัน เลิกดื่มสุรา แม้แต่การเที่ยวเตร่ก็ควรลดน้อยลง เพื่อถนอมสุขภาพตัวเองและประหยัดเงินทองที่หามาได้ด้วยความยากลำบาก

ถือคติว่า...ประหยัดเงิน 100 บาทก็เท่ากับมีเงินเพิ่มขึ้น 100 บาท เป็นต้น!

ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะทำไม่ได้ครบถ้วน แต่อย่างน้อยก็ถือว่ามีเจตนาดี ตั้งใจดีเมื่อถึงปีใหม่ปีต่อไปก็ตั้งความหวังดีๆ เอาไว้อีก อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้คาดหวังถึงสิ่งดีๆ สำหรับตัวเอง

ก่อนถึงปีใหม่วันเดียว ผมก็ได้ประสบกับเจตภูตน่าขนหัวลุกเข้าอย่างจังๆ

คืนนั้นผมไปงานเลี้ยงที่บ้านเพื่อนแถวเพลินจิต กลับมานอนคนเดียวราวสองยาม เพราะลูกเมียไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่ต่างจังหวัด...กำลังเคลิ้มๆ ก็พอดีมองเห็นภาพนั้นปรากฏขึ้นที่หน้าต่างมุ้งลวดข้างเตียง

ท่ามกลางความเย็นยะเยือกของฤดูหนาว ร่างของชายผู้หนึ่งเห็นเพียงครึ่งตัวเป็นรูปมืดสลัว แต่สัญชาตญาณบอกให้รู้ว่าเขากำลังมองมาที่ผม ลักษณะเป็นมิตรมากกว่าศัตรู...ได้ยินเสียงคล้ายลมพัดวู่หวิว ไม่แน่ว่าเขาพูดออกมาตามปกติ หรือผมได้ยินจากความรู้สึกแต่ก็จับใจความได้ชัดเจน

"ปีใหม่อีกแล้ว...คิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ?"

ตอนนั้นผมคิดว่าคงเป็น วิญญาณพเนจรที่ผ่านมาพอดี แต่มีเสียงหัวเราะดังแว่วขึ้นก่อน...ไม่ใช่ผีสางที่ไหนหรอก อย่ากลัวไปเลย!

อ๋อ...เจตภูตของใครที่มาเยี่ยมเยือนเพราะความคิดถึง? ญาติมิตรคนไหนกันแน่ เพราะสุ้มเสียงที่มากระทบโสตสัมผัสก็ช่างคุ้นหู เหมือนกับที่ได้ยินเพื่อนฝูงคุยกันสนุกเฮฮาเมื่อตอนหัวค่ำนี่เอง

"เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกินนะ เดี๋ยวปี...เดี๋ยวปี...ชีวิตคนเราก็หดสั้นลงทุกทีเหมือนฟ้าแลบแป๊บเดียว! เหมือนน้ำค้างที่โดนแดดเผา รังแต่จะระเหยหาย เหือดแห้งไปในพริบตา!"

ผมนิ่งอึ้ง ความรู้สึกคล้ายเคลิบเคลิ้ม ถูกดึงดูดไปตามถ้อยคำที่ฟังเหมือนจะปรารภหรือบอกเล่าสู่กัน มากกว่าจะเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบอย่างจริงๆ จังๆ

"ว่าไง...คนเราควรจะทำยังไงดีกับชีวิตที่เหลืออยู่? ไม่ช้าก็หมดลมหายใจอยากทำอะไรก็ทำไม่ได้แล้ว"

"หาความสุขให้ ชีวิตกระมัง?" ผมนึก "ชีวิตนี้สั้นนัก อย่ามัวไปวิตกกังวลกับปัญหาต่างๆ ให้เสียเวลาเลย...เขาว่าชีวิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์! เมื่อเรายังมีลมหายใจอยู่ก็ควรใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากับที่เกิดมาทั้งที"

สรรพสิ่งเงียบเชียบเยือกเย็น ร่างที่ปรากฏอยู่เหนือขอบหน้าต่างเพียงครึ่งเดียวผงกศีรษะช้าๆ ผมเริ่มจ้องดูอย่างเอาจริงเอาจัง นึกว่า...ใครนะ? มาจากไหนกัน?

ทันใดนั้น แสงสว่างเรืองก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้านั้นช้าๆ จนมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นทุกที...ผมนอนตัวแข็งทื่อ หัวใจคล้ายจะหยุดเต้นด้วยความหวาดกลัว เมื่อมองเห็นภาพนั้นได้เต็มตา

ถึงผมไม่บอก เชื่อว่าคุณผู้อ่านต้องเดาได้แล้วว่า ภาพนั้นเป็นใบหน้าของผมเอง! เจตภูตของผมแท้ๆ ที่มาเยือนตัวเองในคืนปีใหม่...ได้เห็นครั้งเดียวก็ขนหัวลุกเกินพอแล้วครับ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREE1TURjMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOeTB3T1E9PQ==
Create Date :11 กรกฎาคม 2553 Last Update :11 กรกฎาคม 2553 12:48:28 น. Counter : Pageviews. Comments :0